ตอนที่ 110 งานศพ
การตายของเฉินซื่อไม่ได้เป็นเรื่องแปลกสำหรับทุกคนในตระกูลเฟิง ทุกคนได้เห็นวิธีการตายของนาง ทัศนคติของเฟิงจินหยวนก็ชัดเจน แต่หลังจากเรื่องนี้ได้รับการแก้ไขเขาก็ถอนหายใจ ตอนแรกเขาคิดว่านางจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเมื่อกลับจากวัด อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดว่ามันเป็นเพียงจุดประกายครั้งสุดท้ายก่อนที่เสียชีวิต
คำพูดของม่านซีทำให้เฟิงเฉินหยูซึ่งกำลังดื่มชาและสนทนากับฮูหยินผู้เฒ่าผุดลุกขึ้นยืนทันที ไม่สนใจแม้ว่าชาจะหกบนชุดของนาง นางรีบวิ่งออกไป
ด้วยกลัวว่าเฟิงเฉินหยูจะเสียใจอย่างสุดซึ้งและพบกับความโชคร้ายบางอย่าง นางรีบตะโกนบอกทุกคน "ทำไมเจ้าถึงไม่ตามนางไป? อย่าปล่อยให้เฟิงเฉินหยูวิ่งไปแบบนี้!"
ทุกคนตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและรีบวิ่งตามไปที่เรือนจินหยู
เฟิงเฉินหยูวิ่งเร็วจริง ๆ นางมาถึงตรงหน้าเฉินซื่อก่อนคนอื่น นางเห็นทันทีว่ามารดาของนางซึ่งก่อนหน้านี้อ้วนท้วนสมบูรณ์ แต่ตอนนี้ดูซูบผอมไปราวกับว่ามีใครบางคนตัดเนื้อของนางออกไปสักสองสามชั้น แม้ว่าร่างกายของนางไม่ได้ปรากฏเป็นรอยเหี่ยวย่น แต่ก็ไม่อ้วนเหมือนเมื่อก่อน ใบหน้าเห็นได้ชัดเจน โครงสร้างใบหน้าทั้งหมดของนางยุบลง สันจมูกของนางดูเหมือนจะแตกหัก ขณะที่แก้มของนางซูลตอบ ดวงตายังลืมอยู่ ขณะที่ดวงตาของนางแทบจะถลนออกจากเบ้าตา
รูปลักษณ์การตายของเฉินซื่อน่ากลัวมาก ใบหน้าของนางแสดงให้เห็นว่านางยังไม่อยากตาย
แต่มันคืออะไร?
เฟิงเฉินหยูมองไปข้างหน้า และทรุดตัวลงที่หัวเตียงของเฉินชิ
นางรู้สึกเสียใจ ทำไมนางถึงเย็นชาเมื่อมารดาของนางถูกขังอยู่ที่เรือนจินหยูนี้ นางไม่ได้มาเยี่ยมมารดาของนางเลย นี่คือมารดาของนาง มารดาผู้ให้กำเนิดนางและเลี้ยงดูนาง ที่ผ่านมาทำไมนางถึงทำแบบนี้กับมารดาของนาง ?
น้ำตาของเฟิงเฉินหยูไหลออกมา ขณะที่นางรู้สึกไม่พอใจเฟิงจินหยวน นางจับมือเฉินซื่อไว้ เฟิงเฉินหยูเริ่มร้องไห้ออกมาด้วยกิริยาซึ่งไม่เคยทำตั้งแต่ยังเด็ก นางไม่สนใจว่านางจะเป็นอย่างไร และเริ่มร้องไห้กับศพของเฉินซื่อเหมือนเด็กเล็ก ๆ
คนที่ตามหลังนางมา ไม่สามารถทำอะไรได้ พวกเขาเห็นแบบนี้ได้แต่ร้องไห้ตาม อันชิยกมือขึ้นซับน้ำตา ขณะที่เหยาซื่อก็สะอื้นด้วยเช่นกัน ทั้งสองรู้สึกเห็นใจเฟิงเฉินหยู
ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนสุดท้ายที่เข้ามาในห้อง นางเหลือบไปรอบ ๆ แล้วหันมากล่าวว่า "ส่งคนไปที่ประตูราชสำนัก เมื่อราชสำนักประชุมเสร็จแล้ว ให้เฟิงจินหยวนกลับมา ติดต่อพ่อบ้านให้เตรียมงานศพ"
ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งคำสั่งเหล่านี้ บ่าวรับใช้แยกย้ายกันไปทำตามคำสั่งทันที
นอกจากนั้น ไม่มีใครชื่นชอบเฉินซื่อ นอกจากเฟิงเฉินหยูแล้วไม่มีใครรู้สึกโศกเศร้าต่อการจากไปของนาง เป็นผลมาจากการกระทำที่ผ่านมา ในความเป็นจริงทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดเฉินซื่อก็ตาย ในที่สุดทุกคนก็จะพบกับความสงบสุขมากขึ้น
เหยาซื่อไม่ได้มองโลกในแง่ดี นางเป็นคนที่มาจากตระกูลใหญ่ ดังนั้นนางจึงเข้าใจได้ง่ายว่าในตระกูล ไม่สามารถปล่อยให้ตำแหน่งฮูหยินใหญ่ว่างได้ตลอดไป หลังจากที่เฉินซื่อตายหมายถึงต้องมีคนใหม่มาแทนที่เฉินซื่อ ไม่ว่าจะเป็นคนไกลหรือคนที่คุ้นเคยนี้ก็ยังไม่ทราบ
ทันทีที่เฟิงจินหยวนเดินเข้าไปในประตู เฟิงเฉินหยูรีบวิ่งไปต่อหน้าเขาและคุกเข่าลงบนพื้น "ท่านพ่อ!" ตาของเฉินยูเริ่มบวมจากการร้องไห้อย่างมาก และนางก็ไม่สนใจว่านางจะสวยหรือน่าเกลียด ตอนนี้นางร้องไห้และดูน่าสงสารที่สุด "ท่านพ่อ ท่านแม่ตายแล้ว ข้าขอให้ท่านพ่อพาพี่ใหญ่กลับมาส่งศพท่านแม่นะเจ้าคะ!"
เฟิงจินหยวนเดิมไม่ต้องการให้เฟิงจื่อเฮามาส่งศพเฉินซื่อ ในความเป็นจริงเขาเลือกที่จะส่งเฟิงจื่อเฮาไปเมื่อเฉินซื่อกลับเข้าคฤหาสน์ แต่ตอนนี้เฟิงเฉินหยูขอร้องเขาเช่นนี้ ดูเหมือนจะได้กระตุ้นบางสิ่งบางอย่างในตัวเขา เขาจำได้ว่าเฉินซื่อปฏิบัติกับเขาดีขนาดไหนในบ้านหลังเก่า นางดูแลมารดาของเขาอย่างไร และวิธีการที่นางช่วยเหลือเขาในขณะที่เขาเตรียมตัวสอบจอหงวน เฟิงจินหยวนถอนหายใจยาว ดึงเฟิงเฉินหยูลุกขึ้น เขากล่าวว่า "เอาล่ะ ข้าจะส่งคนไปพาจื่อเฮากลับมา เจ้าอย่าร้องไห้อีกเลย"
เนื่องจากการเสียชีวิตของเฉินซื่อทำให้บรรดาอนุและคนในตระกูลเฟิงต้องใส่ชุดไว้ทุกข์ แม้กระทั่งจินเฉินที่ยังคงพักฟื้นตัวเองหลังแท้งบุตรก็ต้องใส่ ร่างของฮันชิไม่เคยฟื้นตัวเต็มที่ ดังนั้นเมื่อนางสวมชุดเสื้อผ้าสีขาวไว้ทุกข์ ใบหน้าของนางก็ดูซีดมาก เฟิงจินหยวนต้องการถามฮันชิหลายครั้งเกี่ยวกับอาการป่วยของนาง แต่เขารู้สึกว่าเฉินซื่อเพิ่งเสียชีวิตไม่นาน ดังนั้นเขาควรหลีกเลี่ยงข้อห้ามบางอย่าง คิดถึงเจ็ดวันแรกหลังจากการเสียชีวิตของเฉินซื่อ เขาจะไปที่เรือนอนุหลังสิ้นสุดระยะเวลานั้นเท่านั้น
ห้องที่เฉินซื่อตายอยู่ในเรือนจินหยู พ่อบ้านเฮ่อจงทำงานเสร็จสิ้นอย่างเป็นระเบียบ กลุ่มคนที่จัดการงานศพโดยเฉพาะสำหรับคฤหาสน์ถูกเรียก หลังจากยุ่งกับการจัดเตรียมงานศพเป็นเวลา 1-2 ชั่วยามแล้ว พวกเขาก็สร้างห้องโถงสำหรับเคารพศพที่เหมาะสม
เฟิงจินหยวนเชิญหมอทางการมาเพื่อตรวจสอบว่าเฉินซื่อตายจริง จากนั้นเขาก็ประกาศให้ทุกคนทราบ
โดยไม่คำนึงถึงว่าเฉินซื่ออยู่ในคฤหาสน์อย่างไร นางยังคงเป็นฮูหยินใหญ่ของตระกูลเฟิง ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวออกมาว่า "จัดงานศพให้ยิ่งใหญ่ !" นี่ไม่ใช่เพื่อให้เกียรติเฉินซื่อ นี่เป็นการให้เกียรติเฟิงเฉินหยู
เขาได้นำคนมาสร้างโลงศพ และหลังจากได้รับคำปรึกษาจากเฟิงจินหยวนแล้ว พวกเขาก็สร้างโลงศพไม้จันทน์ที่มีราคาแพงที่สุดเพื่อเก็บเฉินซื่อไว้
คืนนั้นหนุ่มสาวทุกคนก็เฝ้าโลงศพ
หลังจากไว้ทุกข์ครบวัน มีเพียงบ่าวรับใช้บางคนยังคงอยู่กับคุณหนูและคุณชายที่ยังคงเฝ้าโลงศพ ในที่สุดก็กลายเป็นสงบสุขเล็กน้อย
เฟิงเฉินหยูคุกเข่าข้างเตาเผาและยังคงเผากระดาษเงินกระดาษทอง นางไม่ได้เสียใจมากเท่ากับเมื่อวานนี้ ยิ่งไปกว่านั้นนางก็แต่งแต้มใบหน้าของนางให้กลับมางดงามอีกครั้ง
"ท่านแม่" เฟิงเฉินหยูใส่กระดาษเงินกระดาษทองชิ้นหนึ่งลงไปในเตา นางดูเหมือนจะพูดพึมพำกับตัวเอง แต่นางก็ดูเหมือนจะพูดให้คนที่อยู่ข้าง ๆ นางฟังว่า "ท่านพ่อบอกว่าเฟิงเฉินหยูจะยังเป็นบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ของตระกูลเฟิงไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น โดยไม่สนใจว่าใครจะเป็นฮูหยินใหญ่ นางจะได้รับเพียงตำแหน่งเท่านั้น เด็กที่พวกนางให้กำเนิดไม่ว่าจะเป็นบุตรสาวหรือบุตรชาย พวกเขาไม่สามารถเทียบกับเฟิงเฉินหยูได้" นางเงียบไปชั่วขณะหนึ่งก่อนที่จะพูดต่อ "ท่านแม่ ท่านแม่จากไปอย่างสงบสุข ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเฟิงเฉินหยูหรือพี่ใหญ่ คนที่ทำร้ายเราจะไม่พบกับจุดจบที่ดีเจ้าค่ะ"
ห้องโถงไว้ทุกข์มืดมนมาก แต่คำพูดที่ไม่พอใจของเฟิงเฉินหยูทำให้ทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้หวาดกลัว
เฟิงเฟินไดที่แขนหักและมีอาการปวดอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเฟิงเฉินหยูพูดนางรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น นางต้องการที่จะลุกออกไปแต่ถูกข่มขู่โดยสาวใช้ของเฟิงเฉินหยู "คุณหนูสี่จะไปไหนเจ้าคะ? คืนนี้คุณหนูต้องเฝ้าโลงศพ นี่คือคำสั่งของท่านฮูหยินผู้เฒ่า"
เฟินไดจ้องมองนาง "ข้าจะไปห้องน้ำ"
ยี่หยูลุกขึ้นเพื่อจะไปด้วย "คุณหนูสี่ ข้าจะไปกับคุณหนูด้วยเจ้าค่ะ"
เฟินไดโกรธมากและอยากจะตบสาวใช้คนนี้ นางอยากจะสาปแช่ง แต่นางจะเป็นคนที่รังแกคนอื่นโดยที่มีคนหนุนหลัง และเฟิงเฉินหยูก็ยังอยู่ ไม่ว่านางจะรู้สึกโกรธมากแค่ไหน นางก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
นางกลับไปที่โลงศพ และไม่ไปเข้าห้องน้ำอีก
หลังจากที่เฟิงเฉินหยูเสร็จสิ้นการเผากระดาษเงินกระดาษทองแผ่นสุดท้ายแล้ว นางก็ออกจากเตาและก็คุกเข่าลงด้านข้าง อย่างไรก็ตามเฟิงหยูเฮงยืนขึ้นและก้าวมาข้างหน้า นางถือกระดาษเงินกระดาษทองไว้ในมือ ยืนแทนในตำแหน่งของเฟิงเฉินหยู
"คิดถึงเรื่องนี้ ชีวิตไม่อาจคาดเดาได้หรอกเจ้าค่ะ" นางพูดอย่างเงียบ ๆ พูดถึงเรื่องของครอบครัวเหยาในปีนั้นว่า "ใครจะคิดว่าตระกูลที่รุ่งเรืองจะเกิดเรื่องเช่นนี้ จะว่าไป วันนี้อย่าพูดเรื่องที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ เมื่อเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นแสดงว่ามีชีวิตอยู่ต่ออีกวัน เหมือนกันท่าน ท่านแม่ เมื่ออาเฮงกลับมา อากาศบริสุทธิ์ที่ท่านแม่หายใจ ทุกคนคงไม่คิดว่าท่านแม่จะป่วยและตายไป พูดไป ชีวิตไม่อาจคาดเดาได้ ชีวิตไม่สามารถคาดเดาได้เจ้าค่ะ!"
ชีวิตที่นางบอกว่าไม่สามารถคาดเดาได้หลายครั้งติดต่อกัน ทำให้หัวของเฟิงเฉินหยูมึนงง นี่คือการเตือนให้นางรู้ว่าชีวิตไม่อาจคาดเดาได้ เฟิงหยูเฮงคนก่อน มองดูคฤหาสน์ที่เคยเลี้ยงดูนางเมื่อก่อน เหยาซื่อคนก่อน ใครจะกล้าล่วงเกินนาง? ตระกูลเหยาก่อนหน้านี้ก็เป็นตระกูลที่ฮ่องเต้ยังต้องไว้หน้า แล้วตอนนี้ล่ะ?
แล้วใครจะมั่นใจได้ว่าเฟิงเฉินหยูจะเป็นบุตรสาวฮูหยินใหญ่ของตระกูลเฟิงตลอดไป ? จะเกิดอะไรขึ้น ถ้ามีผู้ทำนายชี้ไปที่เฟิงเฟินไดและบอกว่านางเป็นหงส์เพลิง แล้วจะเกิดอะไรขึ้น?
เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว เฟิงเฉินหยูตกใจอย่างแท้จริง
แต่คิดไกลออกไป ตอนนี้นางอายุ 14 ปีแล้ว เมื่อปีใหม่มาถึง นางก็ถึงวัยออกเรือนแล้ว เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ครอบครัวก็เริ่มที่จะพิจารณาอนาคตของนางด้วย ดังนั้นนางจึงต้องอดทนต่อไปอีกนิดเดียว
คำพูดของเฟิงหยูเฮงไม่เพียงแต่เตือนสติเฟิงเฉินหยู แต่มันยังเตือนสติเฟิงเฟินไดอีกด้วย
ถูกต้อง บุตรสาวของฮูหยินใหญ่เช่นเฟิงหยูเฮงยังกลายเป็นบุตรสาวของอนุเพราะเหตุที่เกิดขึ้นกับตระกูลเหยา ถ้ามีบางอย่างเกิดขึ้นในตระกูลเฉิน เฟิงเฉินหยูจะกลายเป็นบุตรสาวของอนุด้วยหรือไม่ ? เมื่อถึงเวลาแล้วถ้าฮันชิใช้ความพยายามบางอย่าง ก็เป็นไปได้ว่านางจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นฮูหยินใหญ่ได้ ความฝันของนางที่จะเป็นบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อม
ทุกคนที่เฝ้าโลงศพอยู่ที่นั่นจนถึง 6 โมงเช้า ก่อนจะกลับไปพัก เฟิงจื่อหรูเหนื่อยกับการเฝ้ามาก เฟิงเซียงหรูกังวลเกี่ยวกับเขาและยอมให้เฟิงจื่อหรูพิงตัวนางในตอนดึก ๆ เมื่อลุกขึ้นขาของเขาก็เหน็บกิน ในขณะที่เขาเกือบร่วงลงมาที่พื้น
เฟิงหยูเฮงได้เข้ามาช่วยรับตัวเขาไว้อย่างรวดเร็วและหยิบช็อกโกแลตออกมาจากแขนเสื้อของนาง 2 ชิ้นให้กับเฟิงเซียงหรูและเฟิงจื่อหรู เฟิงจื่อหรูเคยกินมาก่อนเขาเลยไม่แปลกใจ แต่สำหรับเฟิงเซียงหรู นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้กิน นางมองไปที่แท่งดำ ๆ และไม่รู้ว่ามันคืออะไร นางคิดว่ามันเป็นยา
นางเห็นเฟิงจื่อหรูใส่มันลงในปากของเขาด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย และความพึงพอใจปรากฏบนใบหน้าของเขา อาการง่วงนอนหายไปอย่างสมบูรณ์ นางเกิดความอยากรู้อยากเห็น นางทำตามเฟิงจื่อหรู นางหยิบช็อคโกแลตใส่เข้าไปในปากของนางและรู้สึกประหลาดใจทันที
พี่รองของนางคือหีบสมบัติ ! เซียงหรูรู้สึกศรัทธาในตัวเฟิงหยูเฮงมากขึ้นกว่าเดิม !
ทุกคนกลับไปที่เรือนของตัวเองเพื่อพักผ่อน และพวกเขาทั้งหมดนอนจนถึงเที่ยงวันเมื่อพวกเขาทานอาหารกลางวันเสร็จ หลังจากรับประทานอาหาร พวกเขาต้องวิ่งไปที่เรือนจินหยูเพื่อกลับไปทำงาน
เฟิงจินหยวนยังคงเป็นเสนาบดีฝ่ายซ้ายของราชสำนักในปัจจุบันและฮูหยินใหญ่ของเขาเสียชีวิตไปแล้ว จำนวนผู้คนที่มาเคารพศพจะมากน้อยแค่ไหน?
ผู้คนเริ่มเข้ามาในคฤหาสน์ตอนเช้าตรู่ เมื่อเด็ก ๆ ตื่นขึ้นมา และเดินกลับไปที่เรือนจินหรู แถวของคนที่มารอเคารพศพยาวออกจากประตูของคฤหาสน์
พ่อบ้านเฮ่อจงยุ่งมาก เขาเคลื่อนไหวไม่หยุด
เฟิงจินหยวนแสดงความเศร้าโศก และขอบคุณผู้คนที่มาไว้อาลัย
เมื่อถึงเวลานี้เสียงตะโกนดังมาจากด้านนอกประตูของคฤหาสน์ "ท่านแม่!" จากนั้นเด็กหนุ่มคนหนึ่งวิ่งเข้ามา เขากรีดร้องว่า "ท่านแม่! ท่านแม่ตายแบบนี้ได้อย่างไร! เหลือเพียงไม่กี่วันที่ข้าจะกลับมา เฟิงหยูเฮงเป็นต้นเหตุทำให้ท่านแม่ตาย ! "
คนที่มาก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเฟิงจื่อเฮา
แต่คำพูดที่เขากรีดร้องออกมาตลอดทาง เป็นไปไม่ได้จริง ๆ เฟิงหยูเฮงยืนอยู่ไม่ไกลเกินไปจากเฟิงจินหยวน และไม่สามารถช่วยได้ เหลือบมองไปด้านข้าง "ท่านพ่อ ใครสอนพี่ชายใหญ่ให้พูดคำเหล่านี้เจ้าค่ะ?"
เฟิงจินหยวนรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของเขาลดลงจากสิ่งที่บุตรชายทำ เขาโกรธ เขากำกำปั้นขึ้นและตะโกนด้วยความโกรธ "เจ้าบ้า! เลิกพูดเรื่องไร้สาระ!"
แต่เฟิงจื่อเฮาเป็นคนที่ไม่มีเหตุผล! เขาจะสนใจอะไร ในสายตาของเขา เฉินซื่อถูกเฟิงหยูเฮงฆ่าหลังจากกลับมาที่คฤหาสน์ การกลั่นแกล้งเฉินซื่อและเฟิงเฉินหยูเป็นสิ่งที่เขาได้รับคำบอกเล่ามา เขาเองก็มีประสบการณ์ความรุนแรงของเฟิงหยูเฮง นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาไม่ได้มีโอกาสได้แก้แค้น ตอนนี้เขารวบรวมความกล้าหาญเล็กน้อยและใช้ประโยชน์จากความเศร้าโศกเสียใจในเรื่องมารดาของเขา
เฟิงจื่อเฮาวิ่งตรงไปที่ห้องโถงไว้ทุกข์ เขาได้ดึงดาบออกมา และค่อย ๆ เล็งไปที่เฟิงหยูเฮง!