SGS บทที่ 81 – ทางเดินหิน! กำแพงหิน! เฮ้ย!ปีศาจอีกแล้วรึ!
เมื่อพวกวู่หยานลืมตาขึ้นมา ก็พบว่าตนเองกำลังยืนอยู่บนหิน และไม่มีใครอยู่รอบๆแม้แต่คนเดียว
“ทำไมที่นี่มันถึงไม่เหมือนที่ที่จะมีสมบัติซ่อนไว้อยู่เลยนะ.....” มิโคโตะกวาดสายตามองรอบตัวที่มีแต่หินและก็หิน เธอย่นจมูกน้อยๆแล้วเอ่ยขึ้นมา
วู่หยานมองดูรอบๆด้วยความใจเย็น ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ฉันว่ามันคงไม่ง่ายอย่างที่เห็นแน่”
ฮินางิคุเดินวนไปมา ดวงตาสีเหลืองเขียวก็มองตรงนู่นทีตรงนี้ที ซึ่งเธอก็ไม่พบว่าจะมีตรงไหนน่าสนใจเลย บนล่างซ้ายขวามีแต่หินล้วนๆ หลังจากเดินวนได้รอบหนึ่งฮินางิคุก็พูดว่า “แล้วคนอื่นๆล่ะ? หายไปไหนกันหมดแล้ว?”
ได้ยินเธอพูด วู่หยานกับมิโคโตะก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าสงสัย“จริงด้วย ทำไมที่นี่ถึงมีแค่พวกเราล่ะ?”
“หรือว่าถ้าถูกศิลาหินส่งมาคนล่ะเวลากัน ก็จะไปอยู่กันคนล่ะที่ด้วย?” วู่หยานจับคางครุ่นคิด มองไปรอบๆไม่ว่าเขาจะดูยังไงมันก็เป็นไปไม่ได้โพรงหินนี่จะจุคนนับหมื่นลงหมด
“ที่นี่มันไม่มีทางเดินเลย แล้วเราจะไปกันยังไง?” ฮินางิคุเริ่มขมวดคิ้ว
“หรือว่าเราจะโดนพวกโรงประมูลเล่นงานเข้าให้แล้ว?” มิโคโตะปรี๊ดแตกทันที ตรงหน้าผากแผ่กระแสไฟฟ้าออกมา เดิมทีพี่สาวเรลกันก็ไม่ใช่คนที่อดทนเก่งอยู่แล้วด้วย
แต่กับข้อสันนิษฐานของมิโคโตะ วู่หยานก็โบกมือปฏิเสธทันที
“ไม่ใช่หรอก เป็นไปไม่ได้แน่ ถ้าคนแค่ไม่กี่กลุ่มมาบางทีอาจจะโดนเล่นเข้าจริงๆ แต่เธอต้องรู้ด้วยนะว่าครั้งนี้มีคนมาเป็นหมื่นคน และในหมู่คนเหล่านั้นก็มีคนที่มีเบื้องหลังยิ่งใหญ่อยู่ด้วย.....”
“แล้วจะเอาไงต่อดี มันไม่มีทางให้เดินเลยนะ หรือว่าพวกเราจะต้องขุดทางกันเอง?”
มิโคโตะหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนที่จะระเบิดกระแสไฟฟ้าออกมารอบๆตัว “หรือจะให้ฉัน...ถล่มมันให้เละไปเลย!”
มุมปากวู่หยานบิดเบี้ยว ฟังพี่สาวเรลกันพ่นคำพูดอันตรายออกมา เขาหันไปเพ็งพินิจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ดูท่าจะไม่มีทางเลือกแล้วแฮะ เอาสิฝากด้วยนะ!”
“จัดให้!” สิ้นเสียงวู่หยาน มิโคโตะก็ปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมารุนแรงกว่าเดิม
มิโคโตะฉีกยิ้ม ยกมือขึ้นมากระแสไฟฟ้าก็ไหลไปรวมตัวอยู่ที่ฝ่ามือเธอก่อเกิดเป็นกลุ่มก้อนไฟฟ้าสีน้ำเงินอมขาว เส้นไฟฟ้าแผ่กระจายไปทั่วทิศโดยมีจุดศูนย์กลางที่ฝ่ามือเธอ มิโคโตะเหวี่ยงฝ่ามือไปปลดปล่อยคลื่นกระแสไฟฟ้า
“ตู้ม!”
คลื่นไฟฟ้าอัดกระแทกใส่กำแพงหิน ก่อนจะเกิดเสียงระบิดดังสนั่นขึ้น ครู่ต่อมามันก็ถูกปกคลุมด้วยฝุ่นควัน
ตรงที่โดนเธอโจมตียังคงมีกระแสไฟฟ้าสถิตแล่นไปมาอยู่เล็กน้อย มิโคโตะมองดูกำแพงที่ตนโจมตีซึ่งกำลังเต็มไปด้วยควัน เธอยกมือลูบหน้าผากก่อนที่กระแสไฟฟ้ารอบตัวจะหายไป
วู่หยานมองดูมิโคโตะ ในใจรู้สึกไร้คำจะเอ่ย เขาสามารถดูออกได้เลยว่าหลังจากโจมตีไป มิโคโตะก็อารมณ์ดีขึ้นมาก
สมแล้วจริงๆที่เป็นพี่สาวเรลกันสุดอันตราย ถ้าไม่ใช้ความรุนแรงก็คงไม่ใช่ตัวเธออ่ะนะ......
หนึ่งนาทีต่อมา ฝุ่นก็กระจายหายไปหมด เผยให้เห็นถึงหลุมสีดำ
“อืม อืม....” มิโคโตะพยักหน้าขึ้นลงด้วยความพอใจกับผลงานตนเอง “เห็นยัง? เราต้องสร้างเส้นทางของตัวเองแทนที่จะไปเดินตามคนอื่นนะ”
คราวนี้ไม่ใช่แค่วู่หยาน แม้แต่ฮินางิคุกับลิลินก็ยังต้องหันมามองหน้าด้วยกันอย่างพูดไม่ออก
“เอ๊ะ..”
ฮินางิคุส่งเสียงอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อมองไปที่กำแพงหินที่มิโคโตะเพิ่งถล่มไป “ดูนั่นเร็ว!”
ได้ยินคำพูดเธอ วู่หยานกับมิโคโตะก็หันไปมอง สิ่งที่เห็นทำเอาพวกเขาสองคนนิ่งอึ้งไป
จากกำแพงที่มีหลุมสีดำสนิทกลับเริ่มฟื้นสภาพดุจมีชีวิต และก้อนหินรอบๆก็สั่นสะเทือนก่อนจะไปรวมตัวที่หลุม ด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าหลุมก็หายไป
“นี่มัน.....” มิโคโตะมองกำแพงหินที่ฟื้นตัวเองได้ด้วยสีหน้าประหลาดใจ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงอึ้งๆ “หรือว่าจะเป็นปีศาจกำแพง?”
“ถ้าใช่จริงก็ดีสิ.....” วู่หยานมองดูกำแพงที่ฟื้นกลับเป็นเหมือนเดิม ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มฝืนๆ
“ถ้าเป็นปีศาจกำแพงจริง ก็แค่อันมันให้ยับก็จบ แต่เจ้ากำแพงนี่มันไม่ขึ้นเลเวลเลย พูดอีกอย่างก็คือมันเป็นแค่กำแพงธรรมดา”
“ธรรมดา? กำแพงบ้านนายเรียกแบบนี้ว่าธรรมดา?”
ดูเหมือนว่าเธอยังอารมณ์ดีอยู่แฮะ หลังจากเห็นการโจมตีตนเองไม่มีผล ยังสามารถพูดตบมุขกับเขาได้อีกเนี่ยฮ่าๆ
แต่ทว่าวินาทีต่อมา มิโคโตะก็ระเบิดกระแสไฟออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“เปรี๊ยะๆ!” ไฟฟ้ามารวมกันเป็นลูกทรงกลมเหมือนเดิม มิโคโตะจับก้อนกระแสไฟฟ้าในมือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ฉันไม่เชื่อ.....”
พูดเสร็จ เธอก็ปาบอลสายฟ้าในมือใส่กำแพงอย่างแรง เห็นได้ชัดเลยว่าการโจมตีครั้งนี้แรงกว่าครั้งที่แล้ว!
เกิดเสียงระเบิดแล้วก็ตามด้วยฝุ่นควันอีกครั้ง และเมื่อควันหายไป ภาพที่พวกเขาเห็นมันไม่ใช่หลุมหรือรอยร้าวอะไร แต่กลับเป็นกำแพงสภาพสมบูรณ์ทุกอย่างราวกับว่าเมื่อกี้ไม่เกิดอะไรขึ้น
เห็นภาพนี้ มิโคโตะก็ไม่พูดพล่ามทําเพลง ล้วงมือเข้าไปหยิบเหรียญออกมาเตรียมตัวยิงเรลกัน เห็นดังนี้วู่หยานก็รีบเข้าไปห้ามทันที
“พอแล้วมิโคโตะ ถึงเธอจะโจมตีอีกครั้ง เดียวมันก็ฟื้นกลับมาเป็นเหมือนเดิมอยู่ดีน่ะแหละ ตอนนี้เรามาคิดกันให้ดีๆก่อนดีกว่า แล้วค่อยเคลื่อนไหวก็ยังไม่สาย!”
ได้ยินวู่หยาน มิโคโตะก็เก็ยกระแสไฟฟ้าเข้าไป เธอมองกำแพงด้วยท่าทางยังกับกำลังมองศัตรูคู่อาฆาตอยู่ก็ยังไงยังงั้น ก่อนจะกัดฟันพูดว่า “ฉันเกลียดไอ้กำแพงบ้านี้ที่สุดเลย!!”
ฮินางอคุถอนหายใจแล้วยกมือจับหน้าผากตนเอง “โจมตีไปก็ไม่ได้ผล ทางให้เดินก็ไม่มี แล้วนี่ควรจะทำอะไรดีล่ะเนี่ย.....”
ได้ยินเธอพูด วู่หยานก็รู้สึกอับจนหนทางเหมือนกัน
ทว่าตอนนี้เอง อิคารอสที่ตั้งแต่เริ่มต้นมาก็ยืนคำนวณอะไรบ้างอย่างอยู่ไม่หยุด จู่ๆสูตรตัวเลขที่วิ่งวนในดวงตาเธอก็หายไป ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงชายเสื้อวู่หยานเบาๆ แล้วชี้ไปทิศทางหนึ่ง พูดว่า “มาสเตอร์ ตรงนั้นมีข้อความเขียนไว้อยู่ด้วยค่ะ......”
“ข้อความ?”
โดยไม่รอวู่หยานตอบสนอง มิโคโตะทนไม่ไหวจนต้องวิ่งไปด้วย ฮินางิคุเองก็รีบนำลิลินตามไป วู่ยหานตะโกนเรียกก็ไร้ผล ส่ายหน้าไปมาด้วยความเหนื่อยใจ ก่อนจะดึงตัวอิคารอสตามสาวๆไป
แต่สิ่งที่วู่หยานไม่เห็นก็คือ ขณะที่เขาจับมืออิคารอส นัยน์ตาเธอก็เปล่งแสงออกมามองดูมือที่โดนกุมของตน มืออีกข้างที่ว่างเปล่าก็ยกมือแตะหน้าอกแล้วพูดพึมพำว่า
“ความรู้สึกแปลกๆล่ะ......”
..........................
“จงทำลายที่นี่ในชั่วพริบตา แล้วทางออกจักบังเกิด!”
มองข้อความบนกำแพง พวกเขาแลกสายตากันและกัน
“ในชั่วพริบตา....” ฮินางิคุกางแขนทั้งสองออกราวกับจะโอบอุ้มโพรงหินทั้งหมดนี่ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ทำลายให้หมดนี่เลยงั้นสินะ?”
ไม่แปลกเลยที่เธอจะทำท่าแบบนั้น ถึงแม้โพรงหินที่นี่จะไม่ใหญ่มากเท่าไหร่ แต่ถ้าจะให้ทำลายทั้งหมดนี่ในการโจมตีเดียว เธอยอมรับว่าตัวเองทำไม่ได้แน่นอน
ไม่เพียงแค่เธอคนเดียวที่คิดแบบนี้ วู่หยานก็คิดเหมือนกัน ถ้าแค่ทำลายกำแพงมันก็เรื่องง่ายๆ แต่ถ้าจะทำลายทั้งหมดนี่ในชั่วพริบตาเขายอมรับว่าตนเองในตอนนี้ยังไม่เก่งถึงขนาดนั้น และเขาก็มีท่าโจมตีวงกว้างแค่ท่าเดียวซึ่งมันก็แรงไม่พอด้วย.....
ทั้งวู่หยานและฮินางิคุต่างก็คิดว่าตนทำไม่ได้ ดังนั้นจึงหันหน้าไปมองมิโคโตะ
รู้สึกได้ถึงสายตาของทั้งสองคน มิโคโตะก็ฝืนยิ้มออกมา “ถ้าแค่จะให้ทำลายจุดๆเดียวฉันทำได้สบายมาก แต่จะให้ทำลายทั้งหมดนี่.....”
สังเกตไปรอบๆโพรงหิน มิโคโตะทำได้แค่ยิ้มอย่างขมขื่น “เรลกันของฉันมีจุดเด่นที่การทะลวง และระยะโจมตีก็ไม่มากพอด้วย แถมที่นี่มันที่ไหนก็ไม่รู้ ฉันก็เลยไม่สามารถเรียกสายฟ้าลงมาได้.....”
ได้ยินคำตอบเขาก็ไม่ได้ผิดหวังอะไร เพราะเขารู้ถึงความสามารถของเธอดี
ถึงพี่สาวเรลกันจะแข็งแกร่งมากๆ แต่ในสถานการณ์แบบนี่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเธอไม่มีท่าโจมตีระยะกว้างเลย ส่วนท่าสายฟ้าฟาด ใครมันจะไปรู้ว่าที่นี่มันลึกลงมาแค่ไหนจากบนดินแล้วจะไปเรียกสายฟ้าได้ยังไงล่ะ
ถ้าไม่อยู่ภายใต้ผืนฟ้าเธอก็ไม่สามารถเรียกสายฟ้าได้ และก็อย่างที่ว่าที่นี่มันลึกแค่ไหรก็ไม่รู้ ความหวังที่เธอจะสัมผัมถึงแรงแม่เหล็กไฟฟ้าบนก้อนเมฆนั้บเรียกได้ว่าแทบไม่มี
ด้วยเหตุนี้ วู่หยานจึงหันไปมองอิคารอส
นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงไม่กังวลเลย ถ้าแม้แต่อิคารอสก็ยังไม่มีท่าโจมตีระยะกว้าง เธอก็ไม่ใช่อิคารอสแล้ว!
ก็เธอเป็นถึงราชินีแห่งสงครามเลยนี่นะ.......
“อิคารอส เธอสามารถทำได้มั้ย?”
อิคารอสเงยหน้าขึ้นเผยให้เห็นนัยน์ตาอันไร้ความรู้สึก ณ ตอนนี้พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปของอิคารอส และยังรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากตัวเธอด้วย
ถึงแม้อิคารอสจะไม่ตอบคำถามเขา แต่วู่หยานก็รู้คำตอบเธอดี
“ต้องรบกวนเธอแล้ว อิคารอส!”
“ค่ะ! มาสเตอร์!”
ติดตามข่าวสารได้ที่นี้ - ห้องสมุดคนรักนิยายแปล VIPถึงตอน400