ตอนที่ 66 : ความฝันของเจ้าในการเป็นฮองเฮา
พระชายาหยุนถามคำถาม 3 ข้อ และเฟิงหยูเฮงตอบคำตอบ 3 ข้อ ซึ่งนางแยกตัวเองออกจากตระกูลเฟิง บ้านของนางคือเรือนตงเซิง พี่น้องก็มีคนเดียวซึ่งคือเฟิงจื่อหรู ครอบครัวของนางก็คือตระกูลเหยาที่อยู่หวงโจว
นี่เป็นบุตรสาวของตระกูลเหยา!
ซวนเทียนฮั่วไม่ได้คิดว่าน้องสะไภ้ของเขาจะมีความคิดเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม คนที่องค์ชายเก้าชื่นชอบ จะเป็นเด็กสาวธรรมดาไปได้เช่นไร แต่เขาก็ชอบเฟิงหยูเฮง
พระชายาหยุนเดินตรงไปกลางห้องโถงเพียงไม่กี่ก้าว เฟิงหยูเฮงรีบเดินตามและพระชายาหยุนไปยังเฉินซื่อซึ่งคุกเข่าตรงหน้า และพระชายาหยุนเอ่ยถามขึ้นมาว่า "คนผู้นั้น เจ้ารู้จักนางหรือไม่?"
เฟิงหยูเฮงเหลือบไปในทิศทางนั้น และเฉินซื่อไม่เพียงคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ใต้เข่าของนางเป็นก้อนกรวดหินกรวด หินถูกทุบเป็นชิ้น ๆ แต่ละชิ้นมีความแหลมคม เฉินซื่ออ้วนและมีไขมัน ทำให้หินแทงผิวของนาง บนหินมีเลือดอยู่บนพื้น เฉินซื่อไม่กล้าขยับตัว
"ลูกสะใภ้รู้จักนาง นี่คือฮูหยินใหญ่ของตระกูลเฟิง, เฉินซื่อ" นางหยุดมอง และตอบคำถามของพระชายาหยุน
เมื่อได้ยินคำตอบ พระชายาหยุนยิ้มเยาะ "ดีมาก" จากนั้นนางเดินกลับไปที่บนแท่น ขึ้นบันได นางหันศีรษะไปรอบ ๆ ใบหน้าของนางแสดงออกด้วยความดุดัน "ในโลกนี้ไม่มีใครกล้าหลอกลวงคนในตำหนักนี้ แม้แต่ฮ่องเต้ก็ไม่กล้าทำเช่นนั้น เฉินซื่อ เจ้ากล้าที่จะทำ!"
เฉินซื่อรู้สึกกลัว จากบรรยากาศอันวุ่นวายในพระราชวัง ยิ่งไปกว่านั้น ตำหนักศศิเหมันต์เป็นตำหนักที่โอ่อ่าที่สุดของฮ่องเต้ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ซึ่งมีน้อยคนมากที่จะได้เข้ามา พระชายาหยุนซึ่งนางเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ว่าเป็นพระชายาที่ได้รับความโปรดปราน แต่ใครจะได้รู้ว่าเมื่อพบนาง ความสมบูรณ์แบบของตำหนักศศิเหมันต์และการปรากฏตัวของพระชายาหยุน เหนือกว่าคำร่ำลือซึ่งบอกว่าเป็นที่โปรดปราน !
เฉินซื่อคุกเข่าตัวสั่นเทา นางอยากจะพูด แม้กระนั้นฟันของนางสั่นกระทบกันกึก ๆ ด้วยความกลัว ดังนั้นนางจึงไม่สามารถเปล่งเสียงได้
นางรู้ว่าที่เลวร้ายที่สุดซึ่งนางได้ประสบคือ องค์ชายเก้าใช้แส้ฟาดนาง 1 ครั้ง ตอนนี้เฟิงจินหยวนไม่สามารถทุบตีนางจนนางตายได้ขณะที่นางคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าพระชายาหยุน อย่างไรก็ตาม การฆ่านางจะเหมือนกับการฆ่ามด ไม่จำเป็นต้องมีใครเป็นพยาน
"เฉินซื่อ" เสียงเย็นเยือกของพระชายาหยุน "ข้าเห็นแก่เจ้าซึ่งเป็นฮูหยินใหญ่ของเสนาบดีฝ่ายซ้ายคนปัจจุบัน ดังนั้นข้าจะไม่โต้เถียงกับเจ้ามากเกินไปในวันนี้ นำ "ภาพวาดฉิงชาน" ของจริงมาให้ข้าภายใน 3 วัน ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามีบุตรสาวคนหนึ่งที่ปรารถนาจะเป็นฮองเฮาหรือ?"
เฉินซื่อตกใจ สิ่งที่นางคาดหวังมากที่สุดในใจนางกำลังจะแตกสลายไป
"พระราชวังแห่งนี้จะออกพระราชโองการให้แก่ตระกูลเฟิง บุตรสาวฮูหยินใหญ่ของตระกูลเฟิง เฟิงเฉินหยูไม่สามารถเข้าวังได้เป็นเวลา 5 ปี!"
เมื่อได้ยินเช่นนี้เฉินซื่อก็ถอนหายใจ 5 ปีไม่เลวเกินไป เฟิงเฉินหยูต้องรอการตัดสินใจของเฟิงจินหยวนเท่านั้น หากเฟิงจินหยวนตัดสินใจสนับสนุนใคร เฟิงเฉินหยูก็จะกลายเป็นพระชายาขององค์ชายองค์นั้น ตอนนี้สุขภาพของเฟิงเฉินหยูยังแข็งแรงทุกอย่าง ระยะเวลา 5 ปีนางคงไม่เสียชีวิต
พระชายาหยุนไม่รุ้ว่าเฉินซื่อคิดอะไรอยู่ แต่นางไม่ได้โต้แย้ง นางเพียงแค่ยกมุมปากขวาขึ้นเยาะเย้ย นางอ้าปากของนาง ครานี้นางพูดกับขันทีว่า "จงเขียนพระราชโองการแล้วส่งให้ฮ่องเต้เพื่อประทับตราหงส์เพลิง แล้วส่งกลับไปที่ตระกูลเฟิงพร้อมกับนาง"
ขันทีได้รับคำสั่งและออกไป
เมื่อเขากลับมา ซวนเทียนหมิงก็กลับมาพร้อมกับเขา
ด้านหลังเขา เป่ยจื่อเข็นรถเข็นไปด้านหน้าห้อง หลังจากที่คารวะพระชายาหยุน, เป่ยจื่อได้ถอยออกไป ซวนหมิงซวนเผชิญหน้ากับพระชายาหยุน ซวนเทียนหมิงอยู่ที่ทางขึ้นบันได เขาโบกมือให้ "ท่านแม่"
พระชายาหยุนยิ้ม ในพริบตานางก็แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงกับตอนที่นางพูดกับเฉินซื่อ "หมิงเอ๋อ เรื่องข้างนอก เจ้าจัดการเรียบร้อยแล้วหรือ ?"
ซวนเทียนหมิงพยักหน้าแล้วยื่นมือไปหาเฟิงหยูเฮง
นางถูกจับมือโดยไม่ทันรู้ตัว
"ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าคนโง่ที่ได้แพร่กระจายข่าวลือในเมืองหลวง พระชายาขององค์ชายองค์นี้เพิ่งมาถึงตำหนัก และอยู่ในตำหนักทั้งวัน แต่คนในเมืองหลวงบอกว่านางถูกโจรลักพาตัวไป !" ซวนเทียนหมิงเอ่ย
ใบหน้าของพระชายาหยุนเย็นชาอีกครั้ง "คนเหล่านี้ควรจะตายทั้งหมด"
"ขอรับ" ซวนเทียนหมิงพยักหน้าอย่างจริงจังว่า "ข้าฆ่าไปแล้ว 5 คน"
ที่ด้านข้าง ซวนเทียนฮั่วถอนหายใจ "ท่านแม่ เดี่ยวข้าจะไปส่งน้องสะใภ้กลับขอรับ"
พระชายาหยุนยิ้มและพยักหน้า "ดี" นางโบกมือให้นางกำนัลในตำหนัก พลางเอ่ยว่า "นำของขวัญในการพบกันครั้งแรกของข้ากับลูกสะใภ้ไปด้วย ขอให้ทุกคนดูแลคุณหนูรองของตระกูลเฟิงในการเดินทางกลับบ้าน"
เฟิงหยูเฮงรีบขอบคุณนาง และได้เริ่มดันรถเข็นของซวนเทียนหมิงให้ออกไปกับทุกคน แม้แต่เฉินซื่อก็ถูกจากขันทีสองคนโยนเข้าไปในลาน
ใบหน้าของซวนเทียนหมิงเต็มไปด้วยความไม่ชอบ และสั่งบ่าวรับใช้ว่า "หารถเข็นและโยนนางขึ้นไป นางจะไม่คู่ควรกับรถม้าขององค์ชายเก้า"
เทียนหมิงใช้รถม้าของราชสำนัก และเดินทางจากตำหนักไปยังตระกูลเฟิงโดยตรง นอกจากนี้ยังมีนางกำนัล และขันที และของขวัญที่พบกันเป็นครั้งแรก ด้วยขบวนคนจำนวนมากที่เดินทางจึงทำให้เกิดเสียงดังมาก
ผู้คนในเมืองหลวงนอนดึก ในเวลานี้ยังมีคนจำนวนมากอยู่ตามถนน ทุกคนเฝ้าดู ขณะที่องค์ชายเก้าและองค์ชายเจ็ดมาส่งคุณหนูรองของตระกูลเฟิง นอกจากนี้ซวนเทียนหมิงยังปล่อยข่าวลืออีกว่าพระชายาหยุนเชิญคุณหนูรองของตระกูลเฟิงเข้าเฝ้าที่ตำหนักตอนเที่ยง
ตอนนี้ทุกคนเข้าในว่าเฟิงหยูเฮงไม่ได้ถูกลักพาตัว แต่นางเข้าไปในวังเพื่อไปพบว่าที่แม่สามีของนาง
ด้วยความวุ่นวายดังกล่าว เป็นไปไม่ได้ที่ข่าวจะไม่ถึงตระกูลเฟิง พ่อบ้านเฮ่อจงได้รายงานเรื่องนี้แก่ทุกคนในห้องโถงใหญ่ คนส่วนใหญ่รู้สึกโล่งใจ แต่ก็มีบางคนที่รู้สึก เสียใจอย่าง เช่น เฟิงเฉินหยู เฟิงเฟินได และเฟิงจื่อเฮา
เมื่อเห็นกลุ่มคนภายนอก เฟิงหยูเฮงอดไม่ได้ที่จะรำพึงออกมาว่า "เมื่อคิดถึงข่าวที่ว่าข้าถูกลักพาตัวก็ถูกพูดกันปากต่อปาก ในท้ายที่สุด กลับไม่อาจหาต้นตอของข่าวลือได้"
ซวนเทียนหมินขมวดคิ้ว "ใครบอกว่าไม่พบ ข้าบอกไปแล้วว่าข้าฆ่าไป 5 คน แต่เรายังไม่ทราบว่าแน่ชัดว่าใครกันที่อยู่เบื้องหลังข่าวลือทั้งหมดนี้?"
ด้านในของรถม้าค่อย ๆ เงียบลง เป็นซวนเทียนฮั่วที่เอ่ยขึ้นมาว่า "มองจากวิทยายุทธของพวกเขาที่ใช้ เป็นคนจากวังยามะ"
เฟิงหยูเฮงไม่เข้าใจ และรอคำอธิบาย
ซวนเทียนฮั่วเอ่ยต่อไปว่า "วังยามะเป็นองค์กรนักฆ่าในมณฑลเจียงหู โจรลักพาตัว และฆาตกรรมเป็นธุรกิจของพวกเขา แต่ค่าตัวของพวกเขาสูงมาก ผู้ที่สามารถจ่ายได้ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มั่งคั่ง"
"ไม่น่าจะใช่บิดาของเจ้า ท่านไม่ใช่คนโง่ที่ต้องการจะฆ่าเจ้า สำหรับฮูหยินใหญ่ซึ่งนางไม่ใช่คนฉลาด คนของวังยามะก็ดูหมิ่นการทำธุรกิจกับคนประเภทนั้น พี่ชาย และน้องสาวของเจ้าเองก็ไม่มีเงินมากพอ ดังนั้นด้วยเหตุนี้เองจึงมีกลุ่มคนอื่นที่เจ้าต้องระวัง"
เฟิงหยูเฮงครุ่นคิดว่า "พระองค์กำลังบอกว่าเป็นตระกูลเฉินหรือเพคะ?"
ซวนเทียนหมิงพยักหน้า "แม้ว่าเฉินซื่อจะไม่รู้เห็นเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตระกูลเฉินทั้งหมดจะไม่รู้เห็นเรื่องนี้ มิฉะนั้นพวกเขาจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างมากในด้านการค้า ถ้าตระกูลเฉินประสงค์จะปกป้องทรัพย์สินของพวกเขา พวกเขาก็ต้องปกป้องตำแหน่งของเฉินซื่อในตระกูลเฟิง ดังนั้นบางสิ่งบางอย่างเฉินซื่อไม่จำเป็นต้องลงมือทำเอง พวกเขาจะดูแลเรื่องต่าง ๆ แทนนาง"
เฟิงหยูเฮงขมวดคิ้วของนาง ตระกูลเฉิน ถ้าพวกเขาแทรกแซงมันจะเป็นการยากที่จะเฝ้าระวัง
"บันซู" ทันใดนั้นเทียนหมิงก็ตะโกนขึ้นไปในอากาศ
เฟิงหยูเฮงก็รู้สึกว่ามันมืดไปวูบหนึ่งเบื้องหน้านาง เมื่อนางมองเห็นอย่างชัดเจน นางเห็นชายสวมชุดสีดำยืนอยู่ตรงหน้า
"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะต้องติดตามพระชายา นางจะเป็นนายของเจ้า" ซวนเทียนหมิงออกคำสั่งด้วยเสียงต่ำ
ชายที่ชื่อว่าบันซู คุกเข่าลงตรงหน้าหยูเฮง "คารวะพระชายาขอรับ"
เฟิงหยูเฮงตัวแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่ง และมองไปที่ซวนเทียนหมิง
เขาบอกกับนางว่า "บันซูเป็นองครักษ์เงาที่ดีที่สุด เขาจะอยู่เคียงข้างเจ้า ดังนั้นข้าจึงสามารถวางใจได้ "
เฟิงหยูเฮงย่อมไม่ปฏิเสธ และพยักหน้า "ตกลง" ในพริบตาบันซูหายตัวไป
นางยกย่องจุดสูงสุดของศิลปะการต่อสู้แบบโบราณได้ บานซูสามารถเข้าถึงอาณาจักรแห่งนี้ได้โดยไม่ต้องสงสัย หมิงเทียนถือว่าเขาเป็นผู้ติดตามที่ดีที่สุด
"ถ้าพระองค์ให้เขาดูแลข้า และพระองค์จะทำอย่างไรเพคะ?" นางยังกังวลอยู่บ้าง
ซวนเทียนหมิงหัวเราะ "องค์ชายเก้าอยู่ยงคงกระพัน ข้าคนเดียวก็พอแล้ว แม้ว่าขาของข้าจะพิการ แต่ก็ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้ข้าได้ อย่ากังวลกับเรื่องแบบนั้น"
"แล้วพระองค์จะไม่ตำหนิหวงซวนใช่ไหมเพคะ" นางเริ่มอธิบายให้เขาฟังว่า "วิทยายุทธของวังซวนเป็นสิ่งที่ดี ในสถานการณ์คล้าย ๆ กัน นางก็จะช่วยข้าให้หลบหนีได้สำเร็จเช่นกัน แต่วังซวนถูกข้าส่งไปปฏิบัติภารกิจข้างนอก ดังนั้นท่านไม่สามารถตำหนิหวงซวนได้เพคะ"
ซวนหมิงเทียนกอดอก แต่ไม่พูดอะไร
รถม้าขององค์ชายเก้ามาถึงตระกูลเฟิงอย่างรวดเร็ว คราวนี้ไม่ใช่แค่องค์ชายเก้าที่มา องค์ชายเจ็ดก็มาด้วยเช่นกัน เฟิงจินหยวนพร้อมกับทุกคนหนุ่มสาว และคนแก่นั่งคุกเข่าอยู่ที่ประตูเพื่อต้อนรับพวกเขา
ซวนเทียนฮั่วเป็นคนแรกที่ลงจากรถม้า สมาชิกของตระกูลเฟิงพร้อมใจกันกล่าวว่า "คารวะองค์ชายเจ็ด ! "
ต่อจากนั้นรถเข็นคนหนึ่งออกจากรถม้า มีชายคนหนึ่งในเสื้อคลุมสีม่วงนั่งอยู่ โดยมีเด็กผู้หญิงอยู่บนตักของเขา
คนของตระกูลเฟิงรู้ว่ามันต้องเป็นซวนเทียนหมิง และกล่าวทักทายเช่นกัน
จนกระทั่งเมื่อรถเข็นใกล้เข้ามา จึงเห็นได้ชัดว่าคนที่นั่งอยู่บนตักของเขาคือเฟิงหยูเฮง ซึ่งเป็นคุณหนูรองของตระกูลเฟิง
ซวนเทียนหมิงปล่อยนางลงจากตัก และเฟิงหยูเฮงได้เริ่มเข็นรถเข็น คนที่อยู่ข้างหลังพวกเขาก็คือซวนเทียนฮั่ว พวกเขาเดินเข้าไปในตระกูลเฟิงภายใต้การเชิญของเฟิงจินหยวน
ด้านหลังพวกเขาเป็นพวกขันทีและนางกำนัลในพระราชวังที่ถือของมากมายอยู่มือ
เฟิงจินหยวนมองด้วยสายตาที่งงงวย และถามว่า "ข้าอยากถามพระองค์ว่านี่คืออะไร..." พวกเขาคงไม่บอกว่าเป็นของขวัญให้กับตระกูลเฟิงใช่มั้ย?
"เป็นของขวัญจากพระชายาหยุนที่มอบให้กับเฟิงหยูเฮง นี้เป็นของขวัญสำหรับการพบกันครั้งแรก" ซวนเทียนหมิงตอบอย่างไม่สุภาพ
ซวนเทียนฮั่วกล่าวต่อว่า "พระชายาหยุนรู้ว่าข้าจะกลับมาเมืองหลวงวันนี้ เลยให้น้องสะใภ้เข้าไปที่พระราชวัง โดยที่ไม่ได้แจ้งใต้เท้าเฟิงล่วงหน้า ข้าต้องขออภัยท่านใต้เท้าด้วย"
เฟิงเจินหยวนส่ายหน้า "ข้ามิกล้าพะยะค่ะ บุตรสาวของข้าสามารถเข้าไปในวังเพื่อคารวะพระชายาหยุน ถือเป็นความโชคดีของนางเหลือเกินพะยะค่ะ"
"เมื่อเจ้าคิดเห็นเช่นนั้นก็เป็นสิ่งที่ดี" เทียนหมิงพูดด้วยน้ำเสียงลึกลับอย่างจงใจ
องค์ชายทั้งสองพระองค์ได้ปรากฏตัวต่อหน้าตระกูลเฟิง เวลานี้เฟิงเฟินได เฟิงเซียงหรู และเฟิงเฉินหยูต่างก็ตกใจ
อารมณ์ของซวนเทียนหมิงที่พวกเขาได้รับรู้ทั้งหมด นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นองค์ชายเจ็ด ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ยินว่าองค์ชายเจ็ดสุภาพเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาได้รู้ซึ้งถึงคำกล่าวที่ว่า ‘สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น’
เฟิงเฉินหยูกระพริบตา นางส่งสายตาเชิญชวนไปยังซวนเทียนฮั่วโดยไม่พยายามปกปิดมัน
ถึงแม้เฟิงเฟินไดจะถูกล่อลวงโดยซวนเทียนฮั่ว แต่นางก็ยังชอบคนที่นั่งรถเข็นที่สวมหน้ากากทองคำมากกว่า เมื่อเห็นเฟิงหยูเฮงยืนอยู่ข้างหลังเขา เปลวไฟแห่งความหึงหวงเริ่มแผดเผาอีกครั้ง
ในขณะที่คนอื่น ๆ ไม่ให้ความสนใจ เฟิงเฟินไดก็วิ่งกลับไปที่ห้องโถงใหญ่ และหยิบรองเท้า เมื่อนางกลับมาที่ลานหน้าบ้าน นางไม่สนใจว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร นางรีบวิ่งไปหาซวนเทียนหมิงและวางรองเท้าตรงหน้าเขา "องค์ชาย มีใครบางคนพบรองเท้าของพี่รองอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำนอกเมืองเพคะ"