ตอนที่ 45 : เฉินซื่อ, ใครทำให้นางโลภได้ขนาดนี้
"เมื่อเอ่ยถึงความคู่ควร" จินหยวนโบกมือ "เฉินซื่อ ข้าจะให้เจ้าดำรงตำแหน่งนี้ต่อไปอีกสักสองสามปี แต่ตระกูลเฟิงจะไม่ให้อาหารชั้นดีอีกต่อไป อาหารที่ให้จะถูกจัดการโดยฮูหยินผู้เฒ่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าจะต้องอยู่ที่เรือนจินหยูเพื่อสำนึกผิด เจ้าไม่สามารถออกไปไหนได้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากข้า"
ใบหน้าของเฉินซื่อแสดงความไม่เต็มใจ ขณะที่นางส่ายหน้าอย่างแรง
การไม่ให้อาหารชั้นดีกับนางนั้น ไม่เหมือนกับการฆ่านางทั้งเป็นหรอกหรือ ?
เฟิงเฉินหยูพูดอย่างรวดเร็วเพื่อเตือนนาง "ท่านแม่ ไม่อยากอยู่กับข้าอีกแล้วหรือเจ้าคะ"
ด้วยคำพูดเช่นนี้ ทำให้เฉินซื่อหักห้ามความไม่เต็มใจของนาง
บุตรีคนนี้เป็นอนาคตของนางและเป็นเดิมพันที่ใหญ่ที่สุดของนาง นางยอมสูญเสียอาหารชั้นดี แต่นางไม่สามารถสูญเสียบุตรีคนนี้ได้
"นอกจากนี้แล้ว" เฟิงจินหยวนพูดอีกครั้งว่า "จินเฉินได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าเรือนนี้แล้ว นางจะกลายเป็นอนุ และได้รับเรือนหรูยี่"
เรือนหรูยี่เป็นเรือนเล็ก ๆ ในตระกูลเฟิง อันชิได้อาศัยอยู่ในนั้นมาสักระยะหนึ่งก่อนหน้านี้ หลังจากที่คลอดเซียงหรู นางย้ายไปที่เรือนขนาดใหญ่ เรือนหรูยี่นั้นได้รับการพิจารณาให้สอดคล้องกับบรรทัดฐานทางสังคม ได้รับการตกแต่งอย่างดีและมีบ่อหินพร้อมกับทิวทัศน์ที่สวยงามบางส่วน
เมื่อได้ฟังเฟิงจินหยวนพูดขึ้นเช่นนี้ หัวใจของจินเฉินก็เต้นไม่เป็นจังหวะ นางรีบคุกเข่าและคำนับขอบคุณเฟิงจินหยวน
ฮูหยินผู้เฒ่าสังเกตเห็นว่ามีคราบเลือดอยู่ที่ด้านหลังของชุดของนาง จิตใจที่โกรธของนางก็ลดลงไปเล็กน้อย บุตรชายของนางเป็นเสนาบดีฝ่ายซ้าย มีเพียงฮูหยินใหญ่ 1 คน และอนุ 3 คนที่ตระกูลซึ่งไม่มากนัก นอกจากนี้เหยาซื่อก็เพิ่งกลับมา ยิ่งไปกว่านั้นมีบุตรชายเพียง 2 คนเท่านั้น นี่เป็นจำนวนที่น้อยเกินไป ถ้าจินเฉินตั้งครรภ์ และอาจจะเกิดเด็กชายตัวอ้วนขึ้นมาอีกคน เหตุการณ์วันนี้จะไม่ไร้ผล
จินเฉินสังเกตเห็นฮูหยินผู้เฒ่าจ้องมองนาง และนางรู้สึกว่านางสามารถผ่อนคลายได้อีกนิด โชคดีที่ตอนนั้นเฟิงจินหยวนอยู่ในสถานะที่ถูกฤทธิ์ยา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สังเกตว่านางไม่ใช่หญิงพรหมจารี ด้วยความฉลาดของนาง นางแทงปลายนิ้วของนางและป้ายเลือดบนชุดของนาง ส่วนเรื่องอาการบาดเจ็บ นางสามารถรอดพ้นอาการบาดเจ็บจากการถูกเฉินซื่อทุบตีมาได้
แต่ละคนมีการจัดเตรียมของตัวเอง ทั้งหมอซูและสาวใช้ยังคงคุกเข่าอยู่ตรงกลางห้อง เฟิงจินหยวนยังคงมีความโกรธเหลือเกิน เมื่อเห็นทั้งสองคน เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้บ้าง
"ยามลับ!" เสียงเขาดังขึ้น "ฆ่า!"
ด้วยคำพูดเพียงคำเดียวของเขา มีคนโผล่ขึ้นในห้องพร้อมกับเสียงกระหึ่ม ด้วยความเร็ว เขาหายตัวไปอีกครั้ง
มองอีกครั้งที่คนสองคนอยู่กลางในห้อง พวกเขาถูกตัดหัวจริง ๆ
ผู้หญิงในห้องทั้งหมดเริ่มกรีดร้อง แม้กระทั่งเฟิงหยูเฮงก็กรีดร้องตามและแสร้งทำเป็นว่าจะกรีดร้องอีก แต่ฮันชิก็จ้องมองตรงไปที่ศพของหมอซู หัวใจของนางรู้สึกเบื่อหน่าย
เฟิงจินหยวนโบกมือ และบ่าวรับใช้สองคนเข้ามาห้อง และนำศพออก มีบ่าวรับใช้ที่ทำความสะอาดพื้นในเวลาเพียงไม่กี่นาที ก็ไม่มีร่องรอยของเลือดที่เคยเกิดขึ้นในห้อง แม้กระนั้นก็ไม่มีทางที่จะปกปิดกลิ่นคาวเลือดในอากาศได้
เฟิงเฉินหยูรู้สึกว่าปากของนางสั่น เฉินซื่อมองจ้องที่จุดที่ไม่มีใครอยากก้าวเดินหัวใจของนางเต็มไปด้วยความกลัว
นี่เป็นครั้งแรกที่สมาชิกในตระกูลเฟิงเห็นฉากนี้ เฟิงจินหยวนไม่อนุญาตให้ยามลับของเขาปรากฏตัวต่อหน้าคนอื่น เขายิ่งไม่เคยให้สมาชิกในตระกูลเห็นฉากนองเลือดมาก่อน แต่วันนี้เขาได้รับมือกับเรื่องนี้มากเกินไป เขาเพียงต้องการระบายอารมณ์ และไม่สามารถพิจารณาสิ่งต่าง ๆ มากมายได้ หลังจากคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง เขาคิดว่าเรื่องนี้เป็นไปด้วยดี ไม่ว่าจะเป็นเฉินซื่อหรือเฟิงหยูเฮง สิ่งนี้ถือเป็นการตัดไม้ข่มนาม ฮูหยินใหญ่ของเขายากที่จะควบคุม และบุตรีคนรองนั้นอาจจะควบคุมได้ยากยิ่งกว่า
"อาเฮง" เรื่องที่สมควรจัดกากรก็ถูกจัดการไปแล้ว เฟิงจินหยวนรู้สึกว่าถ้าเขายังคงเพิกเฉยต่อบุตรชายคนรองที่เจ็บป่วยอยู่ก็คงจะดูไม่ดี เขาเอ่ยว่า "พ่อจะรีบส่งบ่าวรับใช้ไปหาหมอเพื่อไปตรวจดูอาการป่วยของตื่อหรู เจ้าและแม่องเจ้าไม่ต้องวิตกกังวล"
เฟิงหยูเฮงเยาะเย้ยในใจ เห็นได้ชัดว่าความปรารถนาอันแรงกล้าของบิดาขึ้นอยู่กับว่าเขาจัดการเรื่องของเฉินหยูอย่างไร มันมีจุดเริ่มต้นแต่ไม่มีจุดจบ แน่นอนตระกูลเฟิงไม่ได้มีเมตตา และนางก็ไม่ยุติธรรม นี่เป็นสิ่งที่ดี
นางส่ายหัว "ไม่จำเป็นเจ้าค่ะท่านพ่อ อาการป่วยของจื่อหรูดีขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ข้ายังเป็นกึ่งหมอ อาการป่วยเล็กน้อยเช่นนี้เป็นสิ่งที่ข้าสามารถรับมือได้ เมื่อเห็นสิ่งนั้น ข้ากลัวมาก ข้าไม่กล้าปล่อยให้คนนอกรักษาน้องชายของข้าเช่นนั้นได้ ข้าหวังว่าท่านพ่อจะให้ข้ารักษาน้องชาย ข้าจะไปที่ห้องโถงสมุนไพรเพื่อหาสมุนไพรที่จำเป็นมารักษาเจ้าค่ะ"
เมื่อกล่าวถึงห้องโถงสมุนไพร เฉินซื่อผู้ซึ่งนั่งอยู่บนพื้นรีบถามขึ้น "เจ้าจะไปทำอะไรที่ห้องโถงสมุนไพร?"
เฟิงหยูเฮงตกใจเล็กน้อยแล้วตอบว่า "ข้าจะไปเอาสมุนไพรเจ้าค่ะ"
"ห้องโถงสมุนไพรไม่มีสมุนไพรสำหรับเจ้า!" เฉินซื่อตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
เฟิงหยูเฮงเอียงศีรษะและขบคิดพลางถามเฟิงจินหยวนว่า "ห้องโถงสมุนไพรเป็นสมบัติของแม่รองเหยา? ทำไมจะไม่มีสมุนไพรสำหรับข้าเจ้าคะ? แม่รองเหยาบอกว่าร้านห้องโถงสมุนไพรจะเป็นสินเดิมของข้า เมื่อพวกเราอยู่บนภูเขา เราไม่สามารถจัดการเรื่องต่าง ๆ ในเมืองหลวงได้ แต่ตอนนี้เรากลับมาแล้ว เราต้องดูแลการค้านี้ให้ดี"
เฉินซื่อร้องตะโกนดังขึ้น "เจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าเป็นความคิดที่ดี! สินเดิมอะไรกัน? นั่นคือการค้าของตระกูลเฟิง มันจะกลายเป็นสินเดิมของเจ้าได้อย่างไร?" นางเป็นผู้ดูแลตระกูลมาหลายปี นับตั้งแต่ที่ยึดกรรมสิทธิ์ในร้านซึ่งฮูหยินผู้เฒ่าได้รับมาจากเหยาซื่อ ตอนนี้พวกเขาต้องการให้นางวางมือจากร้านก็ราวกับว่าพวกเขาต้องการชีวิตของนาง
แต่เฟิงหยูเฮงไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ "ท่านแม่อาจจำผิด ร้านห้องโถงสมุนไพรเป็นสินเดิมของแม่รองเหยาจากตระกูลเหยา และแม่รองเหยากำลังเตรียมที่จะเพิ่มร้านนี้ให้เป็นสินเดิมของข้า ไม่เป็นไรถ้าท่านแม่จำไม่ได้ ทางการสามารถตรวจสอบได้ และจะเปิดเผยว่าเป็นร้านค้าของตระกูลเฟิงหรือไม่" ขณะที่นางพูด ใบหน้าของนางเย็นชา จากนั้นนางก็หันไปหาฮูหยินผู้เฒ่าซึ่งเคยดำรงตำแหน่งมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว "ปีนั้นท่านย่าบอกแม่รองเหยาว่าจะดูแลจัดการร้านให้ อาจเป็นได้ว่าท่านทำโฉนดหาย ซึ่งทำให้ท่านแม่เชื่อว่าร้านค้าจะเป็นธุรกิจของตระกูลเฟิง วังซวน!" นางหันหน้าไปถามวังซวน "ถ้าทำโฉนดหายไป เราต้องทำอย่างไร? "
วังซวนกล่าวว่า "ถ้าโฉนดหาย เราสามารถไปที่ทางการเพื่อหาโฉนดได้ หลังจากที่พบแล้วจะมีการทำสำเนาใหม่"
เฟิงหยูเฮงพยักหน้า "เราจะไปในวันพรุ่งนี้ ไม่กี่ปีที่ผ่านมาข้าไม่ได้อยู่ที่ตระกูลเฟิง และข้าไม่มีเวลาสะสางร้านค้าเหล่านั้น ท่านย่าประสบปัญหาอย่างแท้จริง" ในเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ นางได้เจรจากับฮูหยินผู้เฒ่า นางไม่ได้ใส่ใจกับเฉินซื่อ "ท่านย่าพยายามดูแลร้านห้องโถงสมุนไพรมาหลายปี ข้าจะจำสิ่งที่ดีไว้เจ้าค่ะ"
ฮูหยินผู้เฒ่าอ้าปากของนาง แต่ไม่รู้จะพูดอะไร ปีนั้นที่นางได้รับสินเดิมของเหยาซื่อ และร้านเหล่านี้ทำให้ตระกูลเฟิงเป็นที่น่าอิจฉาอย่างแท้จริง! ตอนนี้ตระกูลเฟิงมีรากฐานบางอย่างแม้ว่าส่วนใหญ่จะอาศัยตระกูลเฉินเพื่อสนับสนุน แต่สิ่งที่มาจากตระกูลเหยาไม่อาจสูญหายได้ ปัจจุบันเฟิงหยูเฮงต้องการร้านค้า แม้ว่านางรู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง แต่นางไม่สามารถบอกได้ว่านางจะไม่ยอมให้ นอกจากนี้เฟิงหยูเฮงและวังซวนหมายหมั้นปั้นมือที่จะทำเช่นนั้น หากพวกเขาไปที่ทางการเพื่อค้นหาโฉนด ตระกูลเฟิงจะต้องเผชิญกับสิ่งใด
"โฉนดจะหายไปได้อย่างไร? เฉินซื่อไปหามันอีกครั้ง" ฮูหยินผู้เฒ่าพูดขึ้นอีกครั้ง
เฉินซื่อรู้สึกไม่พอใจจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเรียกนางว่าเฉินซื่อ ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ
"ข้าเป็นลูกสะใภ้ของท่านแม่ ทำไมท่านแม่พูดจากับข้าเยี่ยงนี้เจ้าคะ" นางอดกลั้นความโกรธและถาม
"แล้วเจ้าต้องการให้ข้าเรียกเจ้าเช่นใด?" ฮูหยินผู้เฒ่าถาม "ถ้าเจ้าต้องการให้ข้าเรียกเจ้าว่าลูกสะใภ้ เจ้าก็เปลี่ยนแปลงตัวเองให้คุ้มค่าแก่การเป็นฮูหยินใหญ่ของตระกูล! มองตัวเอง เจ้าคู่ควรกับตำแหน่งฮูหยินใหญ่ของตระกูลเฟิงหรือไม่ ?"
"อย่างน้อยข้าก็ให้กำเนิดเฉินหยู!" ในประเด็นนี้เฉินซื่อรู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่ง "ไม่สำคัญว่าวันนี้จะเป็นเช่นไร อย่างไรข้าก็เป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของเฉินหยู"
หลังจากเฉินซื่อใช้คำพูดเหล่านี้เพื่อสกัดกั้น ฮูหยินผู้เฒ่าไม่มีอะไรจะพูด นางได้แต่เตือนเฉินซื่อว่า "จงมองการกระทำในวันพรุ่งนี้ ข้าจะให้เวลาเจ้าสองวัน เมื่อเจ้าพบมัน แล้วมอบให้อาเฮงทันที "
"ท่านแม่ ท่านลืมไปแล้วหรือ? หลังจากที่เจ้าสาวได้แต่งเข้าตระกูลของเจ้าบ่าวแล้ว ร้านค้าสินเดิมจะถูกยกให้ตระกูลของเจ้าบ่าว อะไรคือตรรกะที่ทำให้บางสิ่งที่มีอยู่สำหรับตระกูลแล้วต้องสูญเสียมันกลับไป?" เฉินซื่อมองอย่างดุเดือดที่เฟิงหยูเฮง "ไม่มีกฎเกณฑ์อะไรเลย! "
ใบหน้าเฟิงหยูเฮงมืดครึ้ม ขณะที่นางขมวดคิ้วของนางและถาม "ความหมายของท่านแม่คือว่าหลังจากที่แต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งในครอบครัวของสามี ร้านค้าต่าง ๆ จะต้องถูกยกให้ทั้งหมดหรือเจ้าคะ? "
"ถูกต้อง!" เฉินซื่อตอบกลับมาทันที
"ไม่เป็นไร วังซวน!" นางเรียกวังซวนอีกครั้ง "ไปเชิญเจ้าหน้าที่ทางการมาที่ตระกูล ถ้าชื่อตระกูลเฟิงไม่อาจเชิญเจ้าหน้าที่ทางการมาได้ ให้บอกว่าท่านโจวชิ นางกำนัลอาวุโสเชิญมาที่ตระกูลเฟิง เพียงแค่บอกว่าฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินใหญ่และอนุของตระกูลเฟิงต้องการจะส่งมอบร้านค้าให้กับตระกูลเฟิง จากนั้น ร้านค้าทั้งหมดจะไม่ใช่ร้านค้าส่วนตัวของใครอีกต่อไป เชิญเจ้าหน้าที่ทางการมาเพื่อทำหน้าที่เป็นพยานในการโอนโฉนด"
วังซวนโค้งคำนับ "ข้าจะรีบไปทันที" พูดเสร็จแล้วนางก็หันออกไป
"ช้าก่อน !" ฮูหยินผู้เฒ่าเปิดปากของนาง นางไม่กล้าแสดงอารมณ์ของนางต่อวังซวน ยิ่งกว่านั้นนางก็ไม่กล้าที่จะเริ่มด่าสาวใช้ ผู้เป็นแขกของตระกูลเฟิงคนนี้ นางต้องรักษาความสุภาพเมื่อพูด "วังซวน รอสักครู่"
ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกหงุดหงิด แต่เฉินซื่อหน้าซีดลง นางไม่คิดว่านางจะจบลงด้วยการยกหินทุ่มใส่เท้าของตนเอง
อันชิซึ่งอยู่ด้านข้างของเฟิงจินหยวนได้เอ่ยขึ้นมาว่า "เมื่ออนุคนนี้เดินเข้าไปในตระกูลเฟิง ครอบครัวของข้าตกลงกับท่านพี่ว่าร้านค้าซึ่งเป็นสินเดิมของครอบครัวจะไม่ถูกยกให้กับตระกูลเฟิง ร้านค้าเหล่านั้นจะได้รับการดูแลจากข้า และพวกมันก็เป็นสมบัติแก่บุตรของข้า ท่านพี่ ทุกสิ่งทุกอย่างท่านพี่เห็นด้วย เหตุใดฮูหยินใหญ่ต้องตะแบงเรื่องดังกล่าว?" คำพูดของอันชิได้โยนความผิดทั้งหมดใส่เฉินซื่อ "นอกจากนี้ตามกฏของราชวงศ์ต้าชุน เมื่อผู้หญิงแต่งเข้าตระกูล ร้านค้าสินเดิมที่พวกนางได้รับ จะได้รับการจัดการโดยผู้หญิงคนนี้เอง ผลกำไรใด ๆ ก็จะยกแก่เจ้าของโฉนด ตระกูลของสามีไม่อาจยุ่งเกี่ยวกับร้านค้าได้ กฎนี้ถูกกำหนดโดยฮ่องเต้"
เมื่อเอ่ยถึงฮ่องเต้ อันชิมองไปที่เฟิงหยูเฮง เพื่อบอกให้นางรู้ว่านี่เป็นการต่อสู้ที่นางสามารถเอาชนะได้
เฟิงหยูเฮงพยักหน้าแสดงความขอบคุณต่ออันชิ
เฉินซื่อร้องไห้อีกครั้งว่า "ข้าไม่ได้บอกว่าจะยึดครอง ข้ายังไม่ได้พูดถึงการเปลี่ยนชื่อในโฉนด "
ดวงตาของเฟิงหยูเฮงส่องประกายออกมา นางจ้องมองที่เฉินซื่อ ในทันใดนั้นเฉินซื่อก็ถอยห่างออกไปไม่กี่ก้าวด้วยความกลัว "เจ้ากำลังจะทำอะไร?"
เฟิงหยูเฮงรู้สึกว่านางควรไว้หน้าหมูอ้วนตัวนี้ แต่เมื่อนางต้องการไว้หน้าหมูอ้วนตัวนี้ แต่นางกลับก็ไม่ต้องการมัน (TL หมูอ้วนตัวนี้ เฟิงหยูเฮงหมายถึงเฉินซื่อ)
ดีมาก
"ความหมายของท่านคือแม่รองเหยาต้องการที่จะมอบให้ท่าน? แต่ส่วนที่เหลือไม่ต้องการ?" นางมองไปรอบ ๆ ริมฝีปากของนางกลายเป็นบิดเบี้ยว "ตรรกะแบบไหนกัน? วังซวน! ไปเชิญเจ้าหน้าที่ทางการมา ร้านค้าที่เป็นของผู้หญิงในตระกูลเฟิงทั้งหมดจะถูกส่งมอบให้นาง ไม่มีใครสามารถซ่อนร้านค้าใด ๆ ได้ !" มองอีกครั้งที่ฮูหยินผู้เฒ่าที่แสดงออกบนใบหน้าของนางผ่อนคลายเล็กน้อย "ท่านย่า ในเมื่อท่านแม่ต้องการพวกมันแล้ว ท่านย่าควรจะมอบให้ด้วยเช่นกัน "
คำพูดของเฟิงหยูเฮงได้ยั่วยุให้ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธ นางจ้องที่เฉินซื่อ พลางยกไม้เท้ากระแทกพื้นอย่างรุนแรง "เจ้าต้องการร้านค้าของข้า? เจ้าบอกว่าเจ้าต้องการร้านค้าของข้าหรือ?"
วังซวนเล่นตามน้ำได้สมบทบาทและได้ถามคำถามต่อไปว่า "คุณหนูรอง แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับร้านค้าที่ได้มาใหม่ล่ะเจ้าค่ะ?"
เฟิงหยูเฮงกล่าวว่า "พวกมันมาจากองค์ชายเก้า เนื่องจากท่านแม่ต้องการพวกมัน แม้ว่าข้าจะต้องการเก็บไว้ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ คราวนี้ข้าจะทำตามคำสั่ง มอบพวกมันเพื่อสนับสนุนตระกูลเฟิงคงจะดี" นางจ้องเฉินซื่ออีกครั้ง "มันควรจะถูกส่งไปให้ตระกูลเฉินสิ เพราะท่านย่าและท่านพ่อไม่ได้พูดอะไร เป็นท่านแม่ที่ต้องการร้านค้าเหล่านี้ บรรดาสตรีของตระกูลเฟิงควรส่งมอบให้กับตระกูลเฉิน"