ตอนที่ 33 : เกินเยียวยาแล้ว
น่าเสียดายที่เฉินซื่อและเฟิงเฉินหยูไม่ทราบว่าแม้แต่มารดาของแผ่นดิน ฮองเฮาก็ไม่เคยได้รับผ้าเหล่านี้มาก่อนหน้านี้ มิฉะนั้นแล้วผ้าเหล่านี้จะตกมาถึงมือขององค์ชายเก้าได้อย่างไร
เฟิงหยูเฮงพบข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับมูลค่าของผ้าเหล่านี้จากความทรงจำที่เป็นของเจ้าของร่างเดิม นางถอนหายใจออกมา เนื่องจากพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินอย่างมือเติบขององค์ชายเก้านั้นทำให้นางเกือบจะกัดลิ้นของนาง
แต่เนื่องจากอีกฝ่ายปรารถนาให้เป็นของขวัญแก่นาง นางจึงไม่ปฏิเสธพวกมัน นางเพียงแต่เผชิญหน้ากับโจวชิและยิ้มบาง ๆ "ฝากท่านโจวชิขอบคุณองค์ชายเก้าด้วยเจ้าค่ะ ของขวัญพวกนี้ ข้าชอบพวกมันมากเจ้าค่ะ"
สมาชิกในตระกูลเฟิงกลอกตาของพวกเขา ชอบพวกมันมากงั้นรึ? เฟิงหยูเฮงเข้าใจอย่างแท้จริงหรือไม่ว่าของขวัญเหล่านี้มีค่าเช่นไร ? นั่นหมายความว่านางเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก!
เฟิงเฟินไดร้องไห้ สาวน้อยที่เพิ่งอายุ 10 ปีจะรับมือกับความตกใจเช่นนี้ได้อย่างไร น้ำหูน้ำตาไหลออกมา นั่นคือใบหน้าของคนที่สำนึกผิด
ฮันชิไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด นางทำเรื่องเสื่อมเสียในครั้งแรกยังไม่พอ ตอนนี้นางยังร้องไห้อีก ?
นางโกรธมากจนบีบมือเฟิงเฟินไดอย่างแรง ส่งผลให้เฟิงเฟินไดร้องไห้หนักยิ่งขึ้น
เฟิงเซียงหรูที่อยู่ข้างเฟิงเฟินได เมื่อเห็นนางเป็นแบบนี้แล้ว มันช่างน่าอายเสียจริง นางพยายามกล่าวปลอบโยน "น้องสี่หยุดร้องไห้ได้แล้ว ทุกคนกำลังมองมาที่เจ้า"
เฟิงเฟินไดไม่ฟังที่นางพูด นางไม่หยุดร้องแล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอู้อี้ว่า "ข้าต้องการผ้าไหมตำหนักจันทรา, ผ้าแพรไหมสีฟ้า ข้าต้องการพวกมันทั้งหมด!"
เฟิงจินหยวนตะโกนออกมา "บังอาจมาก!"
เฟิงเฟินไดกลัวมาก นางแทบหยุดหายใจ
เฟิงหยูเฮงรู้สึกยินดีมาก เมื่อมองไปทางเฟิงเฉินหยูที่กำลังกัดริมฝีปากเบา ๆ นางตัดสินใจที่จะลดความบาดหมางลง "น้องสี่ หยุดร้องไห้เถิด" ในขณะที่พูด นางอธิบายกับโจวชิ "ท่านโจวชิ กรุณาอย่าโทษน้องสี่ของข้าด้วย นางยังเล็กนัก"
โจวชิไม่ถือสาเด็กอายุ 10 ปี นางเพียงแค่ยิ้มและส่ายหัวเพื่อบอกว่ามันไม่เป็นไร
เฟิงหยูเฮงพูดอีกครั้งว่า "น้องสี่มั่นใจได้เลย เมื่อถึงเวลาแล้ว หากผ้าเหลือจากที่ทำเสื้อผ้าแล้ว อย่างน้อยข้าจะทำผ้าเช็ดหน้าให้น้องสี่"
แม้ว่าผ้าเช็ดหน้ามีขนาดเล็ก ถ้าทำด้วยหนึ่งในห้าสมบัติแล้วก็จะถือว่าเป็นหนึ่งในสิ่งที่น่าทึ่งที่สุดในโลก
หลังจากที่นางกล่าวออกไปเช่นนี้ เฟิงเฟินไดก็หยุดร้องไห้ แม้แต่ฮันชิก็ยังเผยรอยยิ้มอันน่าหลงใหลบนใบหน้าของนาง
"พี่รองพูดจริงหรือเจ้าคะ?" เฟิงเฟินไดถามอย่างรวดเร็ว
เฟิงหยูเฮงพยักหน้า "จริงสิ เจ้าและเซียงหรูเป็นน้องสาวตัวน้อยของข้า ในฐานะพี่สาวของเจ้า เมื่อข้าได้รับสิ่งที่ดี ข้าจะต้องแบ่งปันให้กับน้องสาวตัวน้อยของข้าเป็นเรื่องธรรมดา พี่ใหญ่เองก็เหมือนกัน ข้าจะแบ่งให้ด้วยเจ้าค่ะ"
นางเปลี่ยนหัวข้อและลากเฟิงเฉินหยูเข้ามาในการสนทนา
เฟิงเฉินหยูเพิ่งจะควบคุมตัวเองได้จากความเชื่อมั่นของนางในการเป็นมารดาของแผ่นดิน แต่ตอนนี้นางก็เกือบจะเดือดดาลขึ้นมาอีกครั้ง โชคดีว่าในช่วงปีที่ผ่านมา นางใช้เวลาในการฝึกฝนความอดทนนั้นไม่ได้เปล่าประโยชน์ แต่นางก็ใช้เวลานานในการปรับตัว แล้วนางก็ตอบด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป "ขอบใจน้องรอง"
ดวงตาของเฟิงเซียงหรูสว่างขึ้น และนางก็ถามคำถามเช่นเดียวกับเฟิงเฟินได "พี่รองจะให้ข้าด้วยหรือเจ้าคะ?"
เมื่อเฟิงหยูเฮงมองไปที่เฟิงเซียงหรู การจ้องมองของนางก็กลายเป็นความจริงใจ "ข้าจะแบ่งให้พี่ใหญ่และน้องสาวทั้งสองคนเลย ดีหรือไม่ ?"
"เซียงหรูขอบคุณพี่รองมากเจ้าค่ะ!" เฟิงเซียงหรูโค้งคำนับ หัวใจของนางเต็มไปด้วยความสุข
เฟิงเฟินไดโค้งคำนับขอบคุณ แม้แต่อันชิและฮันชิก็ขอบคุณเฟิงหยูเฮง
เมื่อการสนทนาระหว่างสมาชิกในตระกูลเฟิงจบลง โจวชิได้มอบของขวัญชิ้นสุดท้ายที่จะมอบให้กับเฟิงหยูเฮง
คราวนี้มีหญิงสาว 2 คนเข้ามา และทั้งสองคนอายุราว ๆ 17 หรือ 18 ปี ใบหน้าของพวกนางปราศจากเครื่องสำอางค์ ความงามตามธรรมชาติของพวกนางทำให้ทุกคนรู้สึกสบายใจ
โจวชิกล่าว "สาว ๆ เหล่านี้ถูกคัดเลือกโดยองค์ชายเก้า พวกนางอยู่ที่นี่เพื่อรับใช้คุณหนูรองเจ้าค่ะ" ขณะที่นางพูดนางได้รับสัญญาจากสาวใช้ "นี่เป็นสัญญาทาสของพวกนาง โปรดจำไว้ว่านี่เป็นสาวใช้ของคุณหนูรองในอนาคต โปรดเก็บสัญญาทาสไว้"
นี่เป็นการพิจารณาคำเตือนของโจวชิต่อเฟิงหยูเฮง นี่เป็นบทเรียนในวิถีชีวิตในสมัยโบราณ เท่านั้นแล้วเฟิงหยูเฮงตระหนักถึงความสำคัญของสัญญาทาสในยุคนี้ และการจัดการของสัญญาทาสกลายเป็นความต้องการครั้งแรกของนางสำหรับการจ้างงาน เฟิงหยูเฮงรับสัญญาไว้ หลังจากเสร็จภารกิจแล้ว เฟิงจินหยวนชวนเชิญนางไปที่ห้องโถง ขณะที่โจวชิกำลังจะเดินตามไป นางดึงมือเฟิงหยูเฮงและกระซิบบอก "ถ้าเกิดอะไรขึ้นโปรดไปที่ตึกประดิษฐ์เทียมบนถนนซี สถานที่แห่งนี้เป็นขององค์ชายเก้า"
เฟิงหยูเฮงพยักหน้าแล้วก็ขอบคุณอีกครั้ง
เมื่อคนขององค์ชายเก้ากลับไป ผู้คนในตระกูลเฟิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา
วันนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น!
ฮูหยินผู้เฒ่าของตระกูลเฟิงรู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นเพียงแค่เอวของนางที่ไม่ดี หัวใจของนางดูไม่ค่อยดีนัก หัวใจเต้นแรงจนรู้สึกว่ามันจะกระเด็นออกมา
นางมองไปที่หยูเฮงและอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่นางก็ไม่รู้ว่านางควรจะพูดคุยกับนางเช่นไร
ลานที่เต็มไปด้วยหีบที่ปกคลุมไปด้วยผ้าไหมสีแดงและหญิงสาว 2 คนที่ยืนอยู่ข้างหลังเฟิงหยูเฮง เตือนนางว่าหลานสาวคนนี้ไม่สามารถูกการปฏิบัติเหมือนเดิมได้อีกต่อไป ไม่ใช่แค่หลานสาวของนางเท่านั้นแต่รวมถึงเหยาซื่อด้วยเช่นกัน นางไม่สามารถได้รับการปฏิบัติเหมือนฮูหยินรองที่ถูกขับไล่ออกไป
เมื่อทำความเข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าก็ได้ตระหนักว่าพวกเขาด่วนตัดสินใจเร็วเกินไป และไม่ถูกต้องในเรื่องของเหยาซื่อเพราะกลัวว่าจะติดร่างแห ตอนนี้กรรมได้ย้อนกลับมาและบุตรีของนางก็ควรค่าแก่การสรรเสริญ ในฐานะฮูหยินผู้เฒ่า นางจะรักษาหน้าตัวเองไว้ได้อย่างไร?
เมื่อคิดเช่นนั้น เฉินซื่อซึ่งยืนอยู่ตรงหน้านางกลายเป็นคนที่น่าเกลียดในสายตาของนางมากยิ่งขึ้น ถึงแม้นางจะถือสร้อยหยกที่เฉินซื่อให้นางแล้ว แต่ทว่าสร้อยหยกในมือไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับของขวัญที่องค์ชายเก้ามอบให้ได้
น่าเสียดายที่เฉินซื่อไม่ได้สังเกตเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่าและสามีของนางเองรู้สึกหงุดหงิดกับตัวเอง นางก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวและมองไปที่หีบบนพื้นดิน ในที่สุดนางก็พบคนที่ได้รับมาก่อน มันถูกทำเครื่องหมายไว้อย่างชัดเจนสำหรับตระกูลเฟิงและของหมั้นสำหรับเฟิงหยูเฮง นางเปิดปากของนางที่จะพูด "ไม่มีอะไรที่ดีไปเท่ากับเจ้าได้แต่งงานกับคนพิการ"
เฟิงจินหยวนพูดออกมาด้วยความโกรธ "หุบปาก !"
ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธมาก ลืมตาแล้วพูดว่า "เจ้ามันเกินเยียวยาแล้ว ! เจ้ามันเกินเยียวยาแล้ว ! "
เฉินซื่อตัวสั่นด้วยความโกรธและตัวพองเหมือนอึ่งอ่าง รู้ว่าสามีและแม่สามีของนางไม่เข้าข้างนางเหมือนเมื่อก่อน นางมองไปที่เฟิงหยูเฮงด้วยความโกรธ
โชคร้ายสำหรับคนที่ความจำสั้นเช่นนาง นางจำได้เพียงว่าตั้งแต่เฟิงหยูเฮงกลับมาที่ตระกูลเฟิง นางก็หมดผลประโยชน์
เวลานี้ก็เหมือนกัน!
เฉินซื่อหันหน้าไปจ้องมองเฟิงหยูเฟิงอย่างเชือดเฉือน เฟิงหยูเฮงไม่รู้สึกหงุดหงิดหรือโกรธแต่อย่างใด นางลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับ กล่าวด้วยความจริงจังมาก "คำสั่งสอนของท่านแม่นั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก ข้าหวังว่าท่านแม่คงจะไม่ต้องห่วงการตัดสินขององค์ชายเก้า ข้าจะผ่านมันไปได้" หลังจากพูด นางหันไปหาสาวใช้ใหม่ทั้งสองคน และกล่าวว่า "พวกเจ้าจำต้องเตือนข้าว่าอย่าลืมเรื่องนี้ ”
เด็กสาวสองคนพูดด้วยเสียงใส "ขอให้คุณหนูรองมั่นใจได้ว่า บ่าวจะจดจำไว้"
"อาเฮง!" เฟิงจินหยวนมองไปที่หยูเฮงด้วยความหงุดหงิด มีบางอย่างที่ไม่แน่นอนเป็นสิ่งที่น้ำเสียงที่เขาควรจะมี
เฟิงหยูเฮงไม่ได้ให้โอกาสเขาคิดและพูดถึงประเด็นเรื่องนี้โดยตรงว่า "ท่านพ่อโปรดดูว่าบ่าวรับใช้จะนำสิ่งของเหล่านี้กลับไปที่เรือนขจีได้หรือไม่" ขณะที่นางพูด นางแสดงความอับอาย "ข้าไม่คิดว่ามันจะเหมาะกับเรือนขจี"
ในที่สุดเฟิงจินหยวนก็รู้สึกว่ามีโอกาสได้แสดงความคิดเห็น "อาเฮง ลองดูเรือนที่เจ้าชอบในตระกูลเฟิง ข้าจะจัดให้เจ้า"
ในเวลานี้หนึ่งในสองสาวใช้ที่มีพรสวรรค์ขององค์ชายเก้าได้กล่าวขึ้นมาว่า "คุณหนูรอง น่าจะลองไปดูเรือนที่เป็นของขวัญจากองค์ชายเก้า ข้าได้ยินมาว่ามันอยู่ตรงหน้าคฤหาสน์ตระกูลเฟิงเจ้าค่ะ"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฟิงจินหยวนก็เข้าใจทันทีพลางพูดว่า "เรือนหลังนั้นว่างอยู่ อยู่ทางทิศเหนือ"
เรือนนั้นอยู่ติดกับกำแพงทางตอนเหนือของตระกูลเฟิง เป็นเรือนที่ว่างเปล่ามาเป็นเวลาหลายปี ซึ่งเดิมถูกมอบให้แก่แม่ทัพ โดยเรือนนั้นได้รับการตกแต่งอย่างดีในสมัยนั้นโดยฮ่องเต้ น่าเสียดายที่ใต้เท้าท่านนั้นไม่มีบุตรหรือธิดา หลังจากที่ผ่านไปแล้วเรือนนั้นว่างเปล่า นอกเหนือจากนั้น มันได้ตกเป็นขององค์ชายเก้าแล้ว
เฟิงจินหยวนยิ้มอย่างขมขื่น "เรือนแห่งนี้แยกออกจากตระกูลเฟิงโดยมีกำแพงกั้นเพียงด้านเดียว ยิ่งไปกว่านั้นกำแพงนั้นอยู่ติดกับเรือนขจี ถ้าเรือนนั้นเป็นของขวัญจากองค์ชายเก้า อาเฮง ข้าสามารถเอากำแพงออกเพื่อเชื่อมต่อที่อยู่อาศัยกับเรือนขจีได้"
บ่าวรับใช้คำนับให้จินหยวนและตอบด้วยน้ำเสียงที่เป็นกลาง: "มันเป็นเช่นท่านเสนาบดีกล่าว มันเป็นเรือนนั้น"
เฟิงจินหยวนถอนหายใจ ในเวลานั้นแม่ทัพผู้นี้เป็นคนที่มีชีวิตที่ต่ำต้อย เพราะเขาไม่มีบุตรหรือคู่สมรส และเขาชอบคฤหาสน์ไม่ใหญ่นัก ในความเป็นจริงมันมีขนาดประมาณเท่ากับเรือนซูหยาของฮูหยินผู้เฒ่า แต่มันก็เป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร มีสะพานเล็ก ๆ ที่มีน้ำไหลผ่านสระบัว สร้างภาพทิวทัศน์ที่สวยงามของมณฑลเจียงในลานสวนด้านทิศเหนือ
เขาเคยพิจารณาซื้อเรือนนั้นเพราะเขารู้สึกบุตรสาวที่ภาคภูมิใจที่สุดของเขา เฟิงเฉินหยูสามารถจับคู่กับเรือนนั้นได้ แต่หลังจากถามแล้วก็ยังคงไม่ชัดเจนว่าเรือนนั้นเป็นของใคร เขาเคยได้ยินจากข้าราชสำนักคนอื่นว่ามีโอกาสที่แม่ทัพได้ส่งคืนเรือนกลับไปให้ฮ่องเต้ ไม่มีความเป็นไปได้ที่เขาจะถามฮ่องเต้เรื่องเรือนหลังนั้น เขาเลือกที่จะยอมแพ้
ไม่คาดคิดว่าเรือนยังคงตกอยู่ในมือของตระกูลเฟิง แต่คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นไม่ได้เป็นเฉินหยู แต่เป็นหยูเฮง
เขามองไปทางเฟิงหยูเฮง นางดูอ่อนแอและตัวเล็ก ถ้ามีลมพัดมาแรง ๆ ก็อาจพัดนางปลิวได้ อย่างไรก็ตามใบหน้าของนางแสดงออกอย่างหนักเพื่ออธิบาย ดวงตาคู่นั้นฉลาดเกินกว่าคำบรรยาย ทำให้เขากลัวที่จะมองนางด้วยสายตาเพราะกลัวว่าจะได้เห็น เฟิงจินหยวนจำได้อย่างแม่นยำว่าเขารักบุตรีคนนี้มาโดยตลอด แต่ความรักครั้งนี้มีความหมายน้อยกว่าความสนใจของตระกูล
"ท่านพ่อไม่ต้องเสียเงินเยอะหรอกเจ้าค่ะ" เฟิงหยูเฮงพูดเบา ๆ "สร้างประตูขึ้นที่กำแพงตรงเรือนขจีก็เพียงพอแล้วเจ้าค่ะ"
ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ นางแสดงให้เห็นชัดเจนว่านางไม่มีความปรารถนาที่จะเชื่อมต่อกับตระกูลเฟิง เปิดประตูเล็ก ๆ แล้วออกจากคฤหาสน์ นางจะปิดประตูอย่างช้า ๆ
เฟิงจินหยวนรู้สึกเหนื่อยจนแทบทนไม่ไหว เขาโบกมือไปอย่างไม่ใส่ใจและบอกว่า "อย่างนี้เราจะทำตามที่เจ้าพูดแล้วกัน "
"พ่อบ้านเฮ่อ ! ไปช่วยคุณหนูรองยกหีบของหมั้นกลับไปที่เรือนขจี และส่งช่างฝีมือไปที่ผนังด้านเหนือ และสร้างประตูจันทราขึ้น สิ่งเหล่านี้ต้องเสร็จก่อนคืนนี้"
เขาสั่งการและเดินจากไป