ตอนที่ 30 : ของหมั้นจากองค์ชายเก้า
"เจ้าพูดว่าอะไรนะ?" ฮูหยินผู้เฒ่า เฟิงจินหยวน และเฉินซื่อตะโกนออกมาพร้อมกัน แม้แต่คนที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอย่างอันชิก็ยังตกใจ
เฟิงหยูเฮงกระพริบตา ราชสำนักทำอะไร?
อันชิมองไปที่เฟิงหยูเฮงซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่านางไม่เข้าใจ อันชิกระซิบบอกนางว่า "เมื่อสองปีก่อนองค์ชายเก้าเดินทางออกไป ในเวลานั้นฮ่องเต้ได้ทรงแต่งตั้งองค์ชายเป็นแม่ทัพใหญ่และว่าที่องค์รัชทายาทอีกด้วย"
นางไม่ได้ปิดบังถ้อยคำที่นางได้ยินมาจากเฉินซื่อ
เฉินซื่อพูดอย่างขุ่นเคืองว่า "ถึงแม้องค์ชายเก้าจะได้เป็นรัชทายาท แต่ตอนนี้องค์ชายเก้าไม่อาจมีทายาทได้ เช่นนี้แล้วต่อไปภายหน้าจะเป็นเช่นไร"
อันชิขมวดคิ้ว นางไม่มีเจตนาที่จะต่อปากต่อคำกับเฉินซื่อ นางหยุดพูดทันที
ในที่สุดเฟิงหยูเฮงก็เข้าใจว่า คนผู้นั้นเป็นถึงว่าที่องค์รัชทายาท ! นางหันกลับมาเผชิญหน้ากับเฉินซื่อและยิ้ม "ท่านแม่ปกป้องข้าจากถูกเอาเปรียบใช่หรือไม่? ข้าขอบคุณท่านแม่ที่ห่วงใยข้า"
เฉินซื่อกลอกตาและอยากจะบอกนางว่าไม่มีใครรักใคร่ห่วงใยนาง แต่นางก็ถูกหยุดโดยเฟิงเฉินหยู
"ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ เราควรออกไปที่ลานเพื่อดู" เฟิงเฉินหยูเตือนทุกคน ดังนั้นทุกคนในห้องเดินไปที่ลานด้านหน้า
ระหว่างทางเฟิงหยูเฮงดึงอันชิมาใกล้และกระซิบถาม "องค์ชายเก้ามีชื่อเต็มว่ากระไรหรือเจ้าคะ?"
อันชิคิดสักพักและตอบว่า "ซวนเทียนหมิง"
"ซวนเทียนหมิง" เฟิงหยูเฮงทวนชื่อ นางจะจำไว้ "เป็นชื่อที่ดี"
ขณะที่กลุ่มคนมาถึงลานหน้าบ้าน พวกเขาเห็นพ่อบ้านเฮ่อจงกำลังพูดคุยอย่างสุภาพกับหญิงชรา
หญิงชราสวมชุดสีน้ำตาลเข้มซึ่งเครื่องแต่งกายของราชสำนัก นางเป็นคนสูงและดูเป็นคนไม่ธรรมดา เมื่อนางยืนคู่กับพ่อบ้าน ทำให้พ่อบ้านดูด้อยกว่าอย่างชัดเจน
เฮ่อจงดูมีความสุขเวลาพูดคุย หญิงชราสังเกตดูสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านาง มุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อย นางไม่ใส่ใจถ้อยคำที่เขาพูดสักนิด
เมื่อมองเห็นหญิงชราคนนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าและเฟิงจินหยวนจะไม่รู้จักฐานะของนางได้อย่างไร ที่อยู่เคียงข้างองค์ชายเก้ามีเพียงโจวชิคนเดียว นางเป็นตัวแทนจากราชสำนัก โจวชิไม่ได้แต่งงาน แต่นางคอยดูแลองค์ชายเก้าเท่านั้น นอกจากนั้นนางยังเคยเป็นนางกำนัลส่วนตัวของพระชายาหยุนตั้งแต่ยังสาว ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อองค์ชายเก้าอายุประมาณ 2 ขวบ นางเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยองค์ชายเก้าจากเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในห้องพระชายาหยุน การกระทำเช่นนี้ของนางได้ช่วยชีวิตของเชื้อพระวงศ์
นางไม่ได้มาที่นี่เพื่อหารือเกี่ยวกับความเป็นอยู่ขององค์ชายเก้า โจวชิเป็นคนที่ฮ่องเต้ไว้ใจ บ่อยครั้งที่จะมีพระราชโองการของฮ่องเต้เรียกตัวนางไปเข้าเฝ้าที่ราชสำนัก
โจวชิมาที่นี่เพื่อส่งมอบของหมั้น ทุกคนมองไปที่เฟิงหยูเฮง แต่ละคนก็จมอยู่กับความคิดของตัวเอง
เฟิงจินหยวนเดินเข้าไปหาโจวชิและคารวะ "ข้าไม่ทราบว่าท่านจะเดินทางมาเยือนคฤหาสน์ของข้าด้วยตนเอง ต้องขออภัยที่ข้าไม่ได้ออกมาต้อนรับท่าน ข้าหวังว่าท่านจะไม่ถือสา"
ฮูหยินผู้เฒ่ากับสาวใช้ที่ช่วยพยุงก็มาถึง นางอยากจะคารวะโจวชิ แต่อาการปวดเอวของนางทำให้นางไม่สามารถทำได้ นางพยายามเป็นเวลานาน แต่ก็ยังไม่สามารถทำได้
เมื่อโจวชิเห็นเช่นนั้น นางเดินเข้าไปหาฮูหยินผู้เฒ่าพร้อมกล่าวว่า "สุขภาพของท่านฮูหยินผู้เฒ่าไม่ดี ไม่จำเป็นต้องมากพิธี"
มารดาอาจสุภาพน้อยได้ แต่คนอื่นไม่สามารถทำได้
ด้านหลังนาง เฉินซื่อเดินไปข้างหน้าและคารวะ เฟิงหยูเฮงก็คารวะนางไปพร้อมกับพวกเขา แต่ไม่ได้ยินเสียงอนุญาตให้พวกเขาลุกขึ้นยืน
ฮูหยินผู้เฒ่าทราบถึงการกระทำของโจวชิ นางมองเข้าไปที่กลุ่มคนที่คารวะราวกับว่านางกำลังมองหาใครสักคน ในที่สุดสายตาของนางก็หยุดลงที่ร่างเล็กและอ่อนแอ
หลังจากนั้นไม่นาน คนที่ค้างอยู่ในท่าคารวะก็ได้ยินเสียงบอกให้ลุกขึ้นได้ในที่สุด "ลุกขึ้นเถิด ไม่จำเป็นต้องสุภาพมาก" ก่อนที่นางจะได้ยินเสียงบอกให้ลุกขึ้นได้ คนใกล้ ๆ ช่วยนางลุกขึ้นก่อนแล้ว
"คนนี้ที่จะสมรสกับองค์ชายเก้าใช่หรือไม่ คุณหนูรองของตระกูลเฟิงเป็นบุตรีของฮูหยินใหญ่ใช่มั้ย?" โจวชิมองไปยังรูปลักษณ์สง่างามของนางและเสื้อที่สวมอย่างสุภาพ
เฟิงหยูเฮงเงยหน้าขึ้นและพบว่าตัวเองพบกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดี แต่การกล่าวถึงบุตรีของฮูหยินใหญ่ตระกูลเฟิง...
"ท่านกำลังเข้าใจผิด" เฟิงจินหยวนตอบ "นางเป็นคุณหนูรองแต่นางไม่ใช่บุตรีของฮูหยินใหญ่"
เฉินซื่อรีบเอ่ยแทรกขึ้นมา "ใช่เจ้าค่ะ บุตรีฮูหยินใหญ่ของตระกูลเฟิงคือเฉินหยู" ขณะที่นางพูด นางก็พาเฉินหยูไปข้างหน้า "เฉินหยู มาทักทายท่านโจวชิ"
เฟิงเฉินหยูกล่าวทักทายอย่างระมัดระวังเพื่อสร้างความประทับใจแก่นาง "เฉินหยู ขอคารวะท่านโจวชิเจ้าค่ะ"
โจวชิไม่ได้มองคนที่อยู่ตรงหน้า นางยังคงมองไปที่เฟิงหยูเฮง "ข้าจำได้ว่าคนที่ตกลงหมั้นหมายกับองค์ชายเก้าไม่ใช่คนนี้ คุณหนูรองเป็นบุตรีของฮูหยินใหญ่"
เฟิงจินหยวนรู้สึกอับอายมาก "ท่านโจวชิอาจไม่ทราบ แต่มีการเปลี่ยนแปลง บางอย่างในตระกูลเฮงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อาเฮงไม่ใช่บุตรีของฮูหยินใหญ่อีกต่อไป"
ทันทีที่คำพูดเหล่านั้นออกจากปากของเขา เฟิงเฉินหยูกล่าวเพิ่มเติมว่า "แม้ว่านางจะไม่ใช่บุตรีของฮูหยินใหญ่ในตอนนี้ แต่น้องรองยังคงเป็นบุตรีของฮูหยินใหญ่ตระกูลเฟิงไม่เคยเปลี่ยนแปลง"
ขณะที่นางพูด เฟิงจินหยวนแสดงปฏิกิริยาได้ทันที ด้วยเรื่องนี้ถ้าข้อตกลงในการแต่งงานต้องการให้เป็นบุตรีของฮูหยินใหญ่ตระกูลเฟิง เฟินเฉินหยูจะถูกบังคับให้แต่งงาน แม้ว่าจะมีคำร่ำลือกันว่าองค์ชายเก้าพิการ แต่อำนาจและอิทธิพลของเขาก็ยังคงมีอยู่ ความโปรดปรานของฮ่องเต้ก็ไม่ได้ลดลง แม้ว่าเขาจะเป็นเสนาบดีฝ่ายซ้าย แต่การเงินของเขาค่อนข้างแย่มากเมื่อเทียบกับคนที่มีรากฐานที่ดีกว่า ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางที่จะแข่งขันกับองค์ชายได้ !
อย่างไรก็ตามเฉินหยูไม่อาจแต่งงานกับคนพิการได้ !
เมื่อคิดเช่นนั้น เฟิงจินหยวนรีบกล่าวขึ้นทันทีว่า "เฉินหยูกล่าวถูกต้องแล้ว อาเฮงยังคงเป็นบุตรีของฮูหยินใหญ่...ท่านรู้เรื่องของตระกูลเหยา ... หวังว่าเรื่องนี้จะไม่สร้างปัญหาให้กับข้า" เขาอ้างถึงตัวเองและพูดอย่างสนิทสนมกับโจวชิมากขึ้น
โจวชิไม่สนใจจินหยวนและเฟิงเฉินหยู นางดึงมือของเฟิงหยูเฮงและถามว่า "ที่บิดาและพี่สาวของเจ้าพูด เป็นความจริงหรือไม่? "
เฟิงหยูเฮงมองตาโจวชิเพื่อค้นหาว่านางหมายความตามที่พูดหรือไม่ และค้นพบว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะฟังคำตอบจากปากนาง
นางจึงตอบกลับมาว่า "บุตรีของฮูหยินใหญ่หรือบุตรีของฮูหยินรอง เหล่านี้ล้วนเป็นเพียงแค่ตำแหน่งเท่านั้น สองสามปีที่ผ่านมาข้าอาศัยอยู่ที่ภูเขา และเมื่อนานมาแล้วพบว่าสิ่งเหล่านี้ไม่น่าสนใจ" เพียงไม่กี่คำที่นางกล่าวออกมา บอกได้ชัดว่านางไม่เคยอาศัยอยู่ในตระกูลเฟิง
โจวชิรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าตระกูลเฟิงนั้นตีตนไปก่อนไข้ ยิ่งไปกว่านั้นการสลับตำแหน่งฮูหยินใหญ่กับฮูหยินรองคือสิ่งที่น่ารังเกียจ นางมองไปที่เฟิงจินหยวนและเหลือบมองไปที่ฮูหยินผู้เฒ่าและเฉินซื่อ จากนั้นนางก็ส่ายหน้า ก่อนที่จะหันไปหาเฟิงหยูเฮงและปลอบขวัญนาง "ปีนี้เจ้าอายุ 12 ปีใช่มั้ย? เจ้าอดทนรออีก 3 ปีเท่านั้น"
เฟิงหยูเฮงไม่สามารถระงับเสียงหัวเราะของนางไว้ได้ "ท่านกล่าวจริงจังเกินไปแล้ว"
ใบหน้าของเฉินซื่อกลายเป็นน่าเกลียดแต่ก็ไม่กล้าพูด นางเริ่มรู้สึกอึดอัดใจกับสถานการณ์แบบนี้
ใบหน้าของเฟิงจินหยวนก็ไม่ได้ดีไปกว่านางเลย บางครั้งเขาทำท่าอยากจะเอ่ยปากพูดอะไรออกมา แต่เขาก็ไม่กล้า
โจวชิไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้ต่อไป นางมาคฤหาสน์ตระกูลเฟิงเพื่อทำงาน
โจวชิหัวเราะเบา ๆ ตบหลังมือเฟิงหยูเฮงเบา ๆ และบอกกับนางว่า "รอข้าทำงานที่ได้รับมอบหมายของข้าก่อน และเราค่อยมาคุยกันภายหลัง" จากนั้นนางก็ปล่อยมือเฟิงหยูเฮงและหันไปมองทางเฟิงจินหยวน "ใต้เท้าเฟิง เรื่องการแต่งงานระหว่างองค์ชายเก้ากับคุณหนูรองของตระกูลเฟิงซึ่งได้หมั้นหมายกันเมื่อพวกเขายังเด็ก ในปีนั้นได้มีการส่งมอบเวลาตกฟากของว่าที่เจ้าสาวให้แก่ว่าที่เจ้าบ่าวและผูกดวงแล้ว วันนี้ นางกำนัลอาวุโสผู้นี้ได้รับคำสั่งจากองค์ชายให้นำของหมั้นมามอบให้"
โจวชิพูดและหญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ นางก็นำของหมั้นมาให้ นางเองก็ส่งต่อให้จินหยวน "ใต้เท้าเฟิงตรวจดูก่อน ว่าของหมั้นเป็นไปตามกฎที่กำหนดไว้สำหรับชายของราชวงศ์ต้าชุนหรือไม่"
เฟิงจินหยวนรับมาและเปิดออกดู เฉินซื่อและฮูหยินผู้เฒ่าเดินมาข้างหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ทั้งสามมองเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนที่ใบหน้าของพวกเขาจะมืดครึ้มลง
ของหมั้นอะไรแบบนี้? นี่คือของหมั้นที่ถูกส่งมาจากองค์ชายเก้าซึ่งเป็นถึงว่าที่องค์รัชทายาทเช่นนั้นหรือ ?
เฟิงเฉินหยูเห็นว่าสีหน้าของพวกเขาย่ำแย่ นางจึงก้าวไปข้างหน้า นางเห็นตัวหนังสือบนซองจดหมาย
เงิน 3,000 ตำลึง แทนคำขอบคุณตระกูลเฟิงที่เลี้ยงดูนาง
เซาปิง 1 แผ่น, อาหารทะเลแห้ง 8 อย่าง, ไก่ 2 คู่, , หมู 5 จิน, ปลาหลี่ฮื้อ 2 ตัว, สุรา 4 ไห, ผลไม้ 4 อย่าง, ชา 2 กระป๋อง, ข้าวสาร 12 จิน และน้ำตาล 2/10 จิน สุดท้ายมีกำไลทองคำ
ของหมั้นแบบนี้ทำให้แม้แต่เฟิงเฉินหยูก็ยังงุนงง พวกเขาจ้องมองกันและกัน พวกเขาไม่มีการตอบสนองใดใดหรือถ้อยคำใดใดที่จะพูด
โจวชิมองไปที่พวกเขาและยิ้มมุมปาก นางถามว่า "ใต้เท้าเฟิงมีคำถามเช่นนั้นหรือ?"
เฟิงจินหยวนถาม "นี่เป็นของหมั้นจากองค์ชายเก้าจริง ๆ หรือ? "
โจวชิพยักหน้า "ดูเหมือนใต้เท้าเฟิงไม่พอใจ ?"
เฟิงจินหยวนรู้สึกว่าถ้าเขาไม่ได้พูดอะไรแล้ว มันไม่ใช่แค่เรื่องชื่อเสียงของเฟิงหยูเฮง แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับชื่อเสียงของตระกูลเฟิง เขาจึงกล่าวว่า "ข้าเกรงว่าของหมั้นนี้อาจไม่เหมาะสม?"
โจวชิยิ้มและถามว่า "นี่มันไม่ถูกต้องตามประเพณีของต้าชุนอย่างนั้นหรือ ?"
เฟิงจินหยวนกล่าว "มันไม่เป็นไรหากเป็นของหมั้นของสามัญชนทั่วไป แต่ทว่ามันมาจากเชื้อพระวงศ์ ข้าเกรงว่ามันจะไม่เหมาะสมอย่างแท้จริง?"
โจวชิยิ้มอีกครั้ง "ดีที่ใต้เท้าเฟิงรู้ว่านี่เป็นของหมั้นตามประเพณีของสามัญชน ฝ่าบาททรงตรัสว่าแม้พระองค์จะเป็นองค์ชายผู้มีเกียรติ แต่พระองค์ก็เป็นพลเมืองของต้าชุน ไม่มีความแตกต่างระหว่างพระองค์กับสามัญชนทั่วไป"
ด้วยการเอ่ยถึงพระดำริของฮ่องเต้แห่งต้าชุน ก็เพียงพอที่จะทำให้เฟิงจินหยวนพูดอะไรไม่ออก ? เขาได้แต่เหลือบมองของหมั้นเหล่านั้น ก่อนที่เขาหันไปหาโจวชิและรับของหมั้น "ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ตระกูลเฟิงขอรับมอบของหมั้นเหล่านี้"
โจวชิพยักหน้ารับ "ใต้เท้าเฟิงมีความชัดเจนในเรื่องหลักการ และไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อราชวงศ์ต้าชุน" นางหยุดพูดและตบมือ หลังจากนั้นสาวใช้เริ่มนำของหมั้นเข้ามาในตระกูลเฟิง
ส่วนที่เลวร้ายที่สุดคือถ้าพวกเขานำของหมั้นมาเพียงอย่างเดียวก็ดี แต่นี่มีขันทียืนอยู่ข้างทางเข้าคอยอ่านรายการของหมั้นที่ยกมา เฟิงจินหยวนอยากให้คนของเขาฉีกปากของขันทีออก แต่เขาก็ไม่กล้า ขันทีเหล่านี้มีอำนาจในราชสำนัก พวกเขาจะถูกลงโทษและถอดถอนตำแหน่ง นอกราชสำนักไม่มีใครกล้าที่จะล่วงเกินพวกเขาได้อย่างแท้จริง
ในส่วนของของหมั้นที่มานั้น ไม่เพียงแต่ทำให้ทุกคนในตระกูลเฟิงตกใจเท่านั้น แม้แต่เฟิงหยูเฮงเองก็ตกใจมาก นางเริ่มสงสัยว่านางมองโจวชิผิดไป
และฮูหยินผู้เฒ่าเริ่มมีทัศนคติที่ติดลบต่อเฟิงหยูเฮง
คนอื่น ๆ ในตระกูลเฟิงก็เหมือนกัน เมื่อพวกเขาเห็นโจวชิมาเรื่องงานแต่งงานขององค์ชายเก้า พวกเขาคิดว่าองค์ชายเก้าจริงจังกับงานแต่งงานครั้งนี้ ทำให้พวกเขากังวลถึงความสัมพันธ์นี้ ตระกูลเฟิงจะต้องดูแลเหยาซื่อและบุตรทั้งสองคนของนางต่อไป
ตอนนี้สิ่งต่าง ๆ กลับแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง!