ตอนที่ 25 : ดอกบัวขาวและต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง
ฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ที่เรือนซูหยาซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเรือนขจี
ม่านซีเป็นคนนำทางขณะที่เล่าให้เฟิงหยูเฮงฟังว่า "ฮูหยินผู้เฒ่าเคยอาศัยอยู่ที่หมิงฮั่ว แต่เมื่อฮูหยินรองและคุณหนูกับคุณชายน้อยจากไป ฮูหยินผู้เฒ่าก็ได้ปรับปรุงเรือนซูหยาให้ใหญ่ขึ้นและสวยงามมากขึ้น ส่วนเรือนหมิงฮั่วถูกมอบให้กับฮูหยินสามในตอนนั้น"
เฟิงหยูเฮงพยักหน้าขณะที่เดินเร็วขึ้น
"คุณหนูรองไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเลย ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ฮูหยินผู้เฒ่ายังไม่ตื่นเลยเจ้าค่ะ" ม่านซีกล่าว
เฟิงหยูเฮงยิ้มมุมปากเล็กน้อย "ข้าไม่ได้รีบ แต่ข้าต้องการให้เจ้าเดินเร็วขึ้นเล็กน้อย ถ้าเดินเร็ว ๆ จะมีเหงื่อออก เสื้อผ้าจะได้มีสีสันมากขึ้น"
ม่านซีสูงเท่าเหยาซื่อ ถ้าเนื้อผ้าของเสื้อผ้าชุดนี้ดี ชุดนี้จะเหมาะกับนางมาก ๆ
"เมื่อถึงแล้ว เจ้าต้องทำตามปกติ พูดคุยตามปกติแล้ว ทำตัวตามปกติ อย่าให้ใครคิดว่ามีอะไรผิดแปลกไป" เฟิงหยูเฮงเตือนม่านซี "ปัญหาที่เกิดจากเสื้อผ้าเหล่านี้จะทำให้เราพบผู้ที่ก่อเหตุ ถ้าเจ้าแสดงอะไรออกไป พวกเขาจะรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ"
ม่านซีพยักหน้า "ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ คุณหนูรอง สาวใช้คนนี้เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ"ความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางไม่สามารถช่วยได้ ได้แต่ต้องเป็นห่วง "ฮูหยินใหญ่อาจกล่าวตำหนิสาวใช้อย่างหนัก แต่ท่านใส่ใจเรื่องของพวกเราสี่คน ยิ่งไปกว่านั้นท่านให้ความสนใจแม่นมลี ตอนที่เราออกมา แม่นมลีคงไปรายงานฮูหยินใหญ่แล้วเจ้าค่ะ คุณหนูรองวางแผนจะทำอะไรให้ฮูหยินใหญ่ขายหน้าหรือเจ้าคะ ? "
เฟิงหยูเฮงหัวเราะ "ตั้งแต่เมื่อไรกันที่ข้าปล่อยให้นางมีความสุข? หลังจากที่ข้ากลับมาเมื่อวาน นางชี้หน้าและด่าทอข้า ถ้าไม่ใช่เพราะเฟิงเฉินหยูกอดนางไว้ ผลที่ออกมาจะน่ากลัวมากแค่ไหน ในเมื่อข้ากลับมาที่ตระกูลเฟิง ก็ไม่มีอะไรอีกแล้วที่ข้ากลัว แต่มันอาจเป็นไปได้ว่านางคิดแผนการอะไรขึ้นมาหลังจากผ่านมาคืนหนึ่ง?"
ม่านซีไม่เคยได้ยินใครที่พูดเหมือนเฟิงหยูเฮง บางอย่างนางคิดว่ามันแปลก แต่บางอย่างนางคิดว่ามันน่าขบขัน
ไม่มีสาวใช้คนใดที่กล้าตำหนิเจ้านายของตน ภายใต้ฮูหยินใหญ่ แม่นมลี, จินหยู, ม่านซี, เปาถัง และม่านถัง ได้รับการปฏิบัติที่ดีขึ้นกว่าคนอื่น ๆ แต่ก็ไม่ค่อยได้รับรางวัลใด ๆ เลย เมื่อเฟิงหยูเฮงกล่าวเช่นนั้น ม่านซีรู้สึกสบายใจมากขึ้น
"สิ่งที่คุณหนูรองกล่าว ถูกต้องเจ้าค่ะ" ม่านซีกล่าว "อย่างไรก็ตาม คุณหนูใหญ่ดูเหมือนจะชาญฉลาดไม่น้อย ไม่เหมือนกับเฟิงเฟินได" นางคิดย้อนกลับไปเมื่อวานที่พบกับเฟิงเฉินหยูในห้องโถงใหญ่ นางนึกถึงภาพลักษณ์ของเฟินเฉินหยูขณะที่ช่วยพูดออกหน้าแทนเฉินซื่อให้พ้นจากสถานการณ์ที่เลวร้าย ดูเหมือนว่าพี่สาวของนางได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากบิดาของนาง การต่อสู้ระหว่างทั้งสองอาจใช้ความพยายามอย่างมาก
อย่างที่สุภาษิตกล่าว ผู้ที่เดินเท้าเปล่าไม่กลัวผู้ที่ใส่รองเท้า! เฟิงหยูเฮงไม่มีอะไรเลยและไม่สนใจเฟิงเฉินหยูที่แตกต่างจากมารดา นางเป็นเด็กสาวที่งดงามที่สุดของเมืองหลวงเป็นที่รู้จักกันดีเรื่องความงามและบริสุทธิ์ นอกจากนี้นางยังรับผิดชอบชื่อเสียงของตระกูลเฟิง ยิ่งกว่านั้นนางถือตัว นางจะทำอะไรออกนอกหน้ามากไม่ได้
คนที่มีเหตุผลมากเกินไปจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการใช้กำปั้นและเท้าของพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นเฟิงหยูเฮงเป็นผู้ซึ่งไม่กลัวปัญหา นางกังวลเฉพาะเมื่อไม่มีปัญหา แต่อย่าใช้คนประหลาดผู้นี้เป็นตัวอย่างของมนุษยชาติ
ทั้งสองคนใช้เวลาในการเดินนานด้วยพาเดินอ้อมของม่านซี เสื้อผ้าที่ม่านซีสวมใส่ในที่สุดก็เริ่มมีเลือดออกซิบ ๆ ที่คอของนาง หลังจากประสบความสำเร็จ พวกนางค่อย ๆ เดินไปที่เรือนซูหยา
ทันทีที่พวกนางเข้าไปในลาน พวกนางเข้าไปหาเฟิงเฉินหยู ซึ่งได้มาคารวะด้วย เฟิงเฉินหยูสวมชุดสีม่วง ชุดปักลายดอกกล้วยไม้ (หลันฮวา) ที่สง่างาม ที่พันอยู่กับแขนของนางเป็นผ้าแพรสีเขียวอ่อน พร้อมเข็มขัดสีเดียวกัน สิ่งเหล่านี้ทำให้นางดูดีมีชาติตระกูล
เมื่อเห็นเฟิงหยูเฮง เฟิงเฉินหยูไม่ได้มีท่าทีเป็นปฏิปักษ์กับนางหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ นางจับมือของเฟิงหยูเฮงพลางกล่าวว่า "น้องรอง เมื่อคืนเจ้านอนหลับสบายหรือไม่? แม้ว่าเรือนขจีจะอยู่ไกล แต่ก็ยังเป็นสถานที่เงียบสงบที่สุดในตระกูล ก่อนหน้านี้ข้าชอบเรือนขจีมาก และข้าได้ขอเรือนขจีจากท่านพ่อมาสองสามครั้งแล้ว แต่ท่านก็ไม่ยอมยกให้ข้า ดูเหมือนว่าท่านพ่อยังรักเจ้าอยู่มาก"
ขณะที่นางพูด แววตาของนางดูจริงใจ ทุกคนที่มองจะคิดถึงนางในฐานะพี่สาวที่ดูแลน้องสาวตัวน้อยของนาง เมื่อเห็นคุณหนูใหญ่คิดเช่นนี้ บรรดาสาวใช้ของเรือนซูหยารู้สึกภูมิใจที่มีเจ้านายแบบนี้ ทำให้สาวใช้อยู่ง่ายขึ้นนิดหน่อย
ภายใต้หน้ากากนี้มีปีศาจร้ายซ่อนตัวอยู่ ดอกบัวขาวในสายตาของเฟิงหยูเฮง มันด้อยกว่าต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงเสียอีก
เฟิงหยูเฮงเอ่ยตอบมาว่า "พี่ใหญ่ ท่านพูดเรื่องอะไร? ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาข้าอยู่ที่ภูเขา ต้องขอบคุณพี่ใหญ่ที่ช่วยปูทางให้ข้ากับท่านพ่อ ข้าไม่กล้าแข่งขันกับพี่ใหญ่ในเรื่องความโปรดปรานของท่านพ่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อท่านพ่อเป็นผู้ที่กตัญญูเช่นนี้ โดยไม่คำนึงถึงความรักของบิดาที่มีต่อบุตรี หรือความช่วยเหลือทางการเงินจากแม่รองเฉินหรือไม่ก็ตาม พี่ใหญ่ก็เป็นแก้วตาดวงใจของท่านพ่อ"
ในขณะที่นางกำลังพูดสิ่งเหล่านี้ ใบหน้าของนางดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสามากกว่าที่เฟิงเฉินหยูแสดง เฟิงเฉินหยูไม่รู้ว่าควรตอบโต้อย่างไรดี แต่ตอนนี้นางพยายามระงับอารมณ์ของนาง ดูเหมือนว่าเฟิงเฉินหยูได้ตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างที่เฟิงหยูเฮงกล่าว
"โอ้ ไม่นะ ข้าสมควรตายจริง ๆ !" เฟิงหยูเฮงอุทานด้วยความตกใจ "ทำไมเมื่อข้าเปิดปากของข้า มันก็กลายเป็น ‘แม่รองเฉิน’ ดูเหมือนว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนแปลงคำพูดที่ติดปากในช่วงเวลาสั้น ๆ การเรียกท่านแม่ถูกต้อง เป็นเรื่องที่ดีที่ท่านพ่อไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่เช่นนั้นอาเฮงคงจะถูกลงโทษ พี่ใหญ่จะไม่ฟ้องท่านพ่อใช่ไหม?"
"น้องรองนี้ตลกจริง ๆ " เสียงของเฟิงเฉินหยูไม่มีความสุขเหมือนก่อนหน้านี้ แต่สายตาของนางก็อ่อนลงด้วย "กฎที่เจ้าไม่เข้าใจ ข้าจะค่อย ๆ สอนเจ้า เข้าไปกันเถอะ ท่านย่าไม่ชอบการรอคอย"
"ขอบคุณมากพี่ใหญ่" เฟิงหยูเฮงยิ้มเล็ก ๆ รอยยิ้มนี้สดใสมากขึ้นกว่าเดิม
หญิงสาวที่มากับเฟิงเฉินหยูมีชื่อว่าหวงหลิง นางเป็นสาวใช้ประจำตัวของเฟิงเฉินหยู นางคงจะสนิทกับสาวใช้ประจำตัวของฮูหยินใหญ่ เมื่อเห็นม่านซีตามเฟิงหยูเฮง หวงหลิงก็เข้าใจแผนการของฮูหยินใหญ่ ยกเว้นเมื่อนางสังเกตเห็นคอของม่านซีแดง ๆ นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็น
หวงหลิงชี้ไปทางม่านซีและถามนางว่า "ม่านซี ทำไมคอเจ้าเป็นสีแดง?"
ม่านซีแกล้งทำหน้าตกใจและยกมือลูบคอของนาง "แดงมากหรือไม่? ข้ารู้สึกคัน ๆ มันเป็นเช่นนี้หลังจากที่ข้าสวมเสื้อผ้าพวกนี้เมื่อเช้า"
หวงหลิงจ้องที่เสื้อผ้าของม่านซี ในขณะที่นางคาดเดา แต่นางไม่แน่ใจ ทั้งสองเดินตามเจ้านายไปที่ห้อง
เมื่อมาถึงแล้ว เฟิงเซียงหรูและเฟิงเฟินไดนั่งรออยู่ เฟิงเฟินไดนั่งอยู่ข้างหน้า และใช้มือเล็ก ๆ ของนางถูขา ใบหน้าของนางแสดงให้เห็นว่านางกำลังมีความสุข ในทางตรงกันข้ามเฟิงเซียงหรูนั่งทำหน้าบึ้งอยู่บนเก้าอี้ไม่พูดสักคำ
เฟิงเฉินหยูเดินขั้นบันไดไปสองก้าว แล้วค่อย ๆ โค้งคำนับ เสียงของนางนุ่มนวลและชัดเจน "เฉินหยูมาคารวะท่านย่าช้า แต่ข้าหวังว่าท่านย่าจะไม่โกรธ ที่ข้ามาช้าเพราะข้ามัวแต่ทำเบาะนุ่มให้ท่านย่าเพื่อรักษาอาการปวดหลังของท่านย่า"
ในขณะที่พูด นางรับเบาะนุ่มจากหวงหลิง เมื่อมองไปที่หมอน นางก็เห็นว่ามันปกติมาก แต่เมื่อได้รับการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดนางเห็นความแตกต่างบางอย่าง เดิมพื้นผิวถูกปกคลุมด้วยชั้นแรกเป็นผ้าที่ถูกเย็บปักได้งดงามที่สุด และใช้ดอกทิวลิป (ยวี่จินเซียง) ดอกไม้ที่ฮูหยินผู้เฒ่าชอบมากที่สุด
เฟิงเฉินหยูนำมันไปข้างหน้าและช่วยวางไว้ด้านหลังเอวของฮูหยินผู้เฒ่า หลังจากที่นางเห็นฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า นางก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามใบหน้าของนางยังคงแสดงความกังวลอยู่บ้าง นางเอ่ยปากถามว่า "ท่านย่ามักจะปวดบริเวณเอวในช่วงเริ่มฤดูหนาว? หรือมันเริ่มปวดในช่วงปลายฤดูร้อน?"
"อ่า" ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจและโบกมือให้นางให้เฟิงเฟินไดถอยออกไป "ข้าอายุมากแล้ว ในแต่ละปีจะเลวร้ายยิ่งกว่าเมื่อก่อน "
"เฉินหยูเป็นลูกหลานของตระกูลเฟิง ทุกอย่างที่ข้าได้รับมาจากตระกูลเฟิง ตราบเท่าที่ท่านย่าชอบมัน เฉินหยูก็เต็มใจที่จะทำให้เจ้าค่ะ" คำพูดของเฟิงเฉินหยูยังคงสวยงาม
ทั้งสองพูดกันราวกับไม่มีใครอยู่ด้วย การทำเช่นนี้ทำให้คนที่มากับเฉินหยู, เฟิงหยูเฮงถูกลืม แต่นางไม่รีบเร่ง นางยืนอยู่ตรงกลางห้องรอฮูหยินผู้เฒ่าและหลานคุยกันเสร็จ นี่เป็นรูปแบบอย่างที่แท้จริงเช่นเดียวกับตัวอย่างของเฉินหยู นางโค้งคำนับไปยังมุมขวา "อาเฮงคารวะท่านย่าเจ้าค่ะ"
เฟิงเฉินหยูมองเป็นเชิงขอโทษ "อา, มันเป็นความผิดของข้า ข้ามากับน้องรอง ข้ามัวแต่ยุ่งกับการจัดหมอนให้ท่านย่าจนลืมน้องสาวตัวน้อยของข้าไปเลยเจ้าค่ะ"
หลังจากเสร็จสิ้นการพูดแล้ว เฟิงเฟินไดก็กลอกตาของนางและกำหมัดขึ้น
นางไม่ชอบทั้งเฟิงหยูเฮงและเฟิงเฉินหยู นางเกลียดบุตรีทุกคนของฮูหยินใหญ่ เหตุผลก็คือทุกคนให้ความสำคัญกับบุตรีของฮูหยินใหญ่ พวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับนาง นางกลัวว่านางจะถูกลืม
ก่อนหน้านี้นางนวดขาให้ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นเวลานานจนข้อมือของนางเจ็บ แต่ไม่มีคำชมเชยแม้แต่คำเดียว ช่วงเวลาที่เฟิงเฉินหยูมาถึงพร้อมกับหมอน นางก็ได้รับความสนใจทั้งหมด
เฟิงเฟินไดเกลียดพวกนาง ไม่ว่าจะเป็นเฟิงหยูเฮงหรือบุตรีคนปัจจุบันของฮูหยินใหญ่ เฟิงเฉินหยู
ฮูหยินผู้เฒ่ามองไปที่เฟิงหยูเฮงและนางก็ขมวดคิ้วพลางถามว่า "เจ้าสวมชุดนี้ได้อย่างไร?"
เมื่อเห็นเฟิงหยูเฮงสวมเสื้อผ้าเก่า เห็นได้ชัดว่ามันทั้งสั้นและตัวเล็ก ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ชอบมันอย่างแท้จริง
เฟิงหยูเฮงไม่กลัว นี่เป็นผลตามนางคาดหวังไว้ ดังนั้นนางจึงเริ่มอธิบายอย่างรวดเร็ว "ท่านย่าว่าเสื้อผ้าที่ข้าใส่ไม่ดีหรือเจ้าคะ? น้องสี่บอกว่านางเก็บเสื้อผ้าของข้าไว้ หลังจากที่ข้าจากตระกูลเฟิงไป หลังจากที่ข้ากลับมา นางก็รีบเอาเสื้อผ้าพวกนี้มาให้ข้า ข้าไม่ต้องการที่จะขัดแย้งกับน้องสี่ จึงทำตามที่นางบอก น้องสี่บอกว่าข้าต้องใส่เสื้อผ้าพวกนี้เจ้าค่ะ"
ขณะที่เฟิงหยูเฮงพูด เฟิงเฟินไดก็รู้สึกโกรธขึ้นมา คนที่นั่งข้างนางคือเฟิงเซียงหรู นางเอียงศีรษะเล็กน้อย นางคิดกับตัวเองว่า "พี่รอง ข้าอยากรู้ว่าท่านพี่จะกล่าวเช่นใด"
เฟิงหยูเฮงไม่ทำให้นางผิดหวัง ขณะที่นางหันกลับไปและเดินไปยังม่านซี นางหยิบชุดและเดินไปที่เฟิงเฟินได "น้องสี่ ในเมื่อเจ้าชอบเสื้อผ้าของข้ามาก เมื่อข้าจากไป มันก็เป็นเพียงแค่เสื้อผ้าที่เคยใส่แล้ว แต่เจ้าไม่ชอบแต่ก็สวมใส่ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ข้าต้องขอโทษอย่างแท้จริง นี่ ชุดนี้ข้าได้รับที่ห้องโถงใหญ่เมื่อวานนี้ ข้าจะให้เป็นของขวัญแก่น้องสี่ ข้าหวังว่าเจ้าจะชอบมัน"
เฟิงหยูเฮงยัดเสื้อผ้าใส่มือของเฟิงเฟินไดโดยตรง เฟิงเฟินไดพยายามที่จะถอยออกห่าง แต่เมื่อมือของนางสัมผัสเนื้อผ้า นางส่งเสียง "ว้าย" ออกมาและเอ่ยถามว่า "มันคืออะไร!"
เสียงกรีดร้องที่ดัง ดึงดูดความสนใจของทุกคนไปที่เสื้อผ้า