ตอนที่ 22 : สำรวจเรือนไผ่หยกตอนกลางคืน
"คุณหนูรอง ข้าขอร้องเจ้าค่ะ ได้โปรดอย่าบอกเรื่องนี้แก่ฮูหยินใหญ่เลยเจ้าค่ะ!" ม่านซีกลัวและคลานไปเพื่อจะกอดขาเฟิงหยูเฮง ขณะที่นางยกมือสองข้างขึ้นเพื่อที่จะกอดขา นางก็นึกได้ว่านิ้วของนางเป็นเชื้อรา มือของนางจึงชะงักค้างอยู่กลางอากาศ
เฟิงหยูเฮงจับมือทั้งสองข้างของม่านซีมาดู
"คุณหนูรอง" ม่านซีพยายามจะดึงมือของนางกลับ แต่นางพบว่านางไม่สามารถทำได้
"อย่าขยับ ขอข้าดูหน่อย" เฟิงหยูเฮงกล่าว
ม่านซีรู้สึกอายและกลัว เล็บของนางเป็นแบบนี้มานานกว่าครึ่งปีแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นสังเกตเห็น นางตื่นขึ้นมาตอนกลางดึกเพื่อทาเล็บ แม้ในระหว่างวันนางจะเลือกทำงานที่หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้น้ำ นางทำทุกอย่างเพื่อซ่อนมันไว้
"ม่านซี" เฟิงหยูเฮงศึกษาเล็บมือของนาง "เจ้ารู้ว่าท่านตาของข้าทำงานอะไร ใช่ไหม?"
ม่านซีรู้สึกประหลาดใจแล้วพยักหน้า "ข้าเคยได้ยินเจ้าค่ะ"
เฟิงหยูเฮงกล่าวต่อไปว่า "ตอนข้ายังเล็ก ข้าคลุกคลีอยู่กับท่านตา ข้าได้อ่านตำราทางการแพทย์จำนวนมากและเรียนรู้วิธีการรักษาพยาบาลผู้ป่วยมาเยอะ ในเวลานั้นข้ายังเด็กและอยากรู้อยากเห็นมาก ข้าเรียนรู้สูตรยาจากใบสั่งยาเป็นจำนวนมาก ถ้าข้าบอกว่าข้าสามารถรักษาโรคเชื้อราได้ เจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่"
ม่านซีตัวแข็งทื่อทันที บางครั้งความสุขที่จู่โจมเข้ามาอย่างฉับพลันก็ส่งผลให้ไม่สามารถต้านทานได้ นางอ้าปากแล้วเหมือนจะเอ่ยอะไรออกมา แต่แล้วก็ปิดปากเงียบเช่นเดิม เฟิงหยูเฮงตบไหล่ของนางเพื่อดึงสตินางกลับมา
"จริงหรือเจ้าคะ ?" ม่านซีถามซ้ำเพื่อความแน่ใจ
"ไม่จริงหรอก" เฟิงหยูเองปล่อยมือทั้งสองข้างของม่านซีและเอนตัวลงกับเก้าอี้ "ก่อนหน้านี้ เรากำลังพูดถึงอะไรกัน? โอ้ ใช่ ข้าจะต้องไปแจ้งท่านแม่และฮูหยินผู้เฒ่า"
"คุณหนูรอง อย่าเจ้าค่ะ!" หัวใจของม่านซีเต้นไม่เป็นจังหวะ ใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม "คุณหนูรอง ได้โปรดเมตตาสาวใช้ผู้ต่ำต้อยคนนี้ด้วยเจ้าค่ะ! "
เฟิงหยูเฮงส่ายหัว "เจ้าเป็นสาวใช้ของฮูหยินใหญ่ หากเจ้าต้องการให้ใครบางคนช่วยเจ้า เจ้าควรขอความช่วยเหลือจากฮูหยินใหญ่ ข้าเป็นบุตรีของฮูหยินรอง ข้าจะช่วยเจ้าได้อย่างไร?"
ม่านซียังมีความฉลาดและเข้าใจว่าเฟิงหยูเฮงกำลังพูดถึงอะไรอยู่ เพื่อปกป้องครอบครัว, สถานะและชีวิต พวกเขาต้องมีความชัดเจนในเรื่องตรงหน้าของพวกเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฮูหยินใหญ่เป็นเจ้านายของนาง แต่นางไม่ได้เป็นคนที่เชื่อถือได้ นางเคยเป็นสาวใช้ประจำตัวแต่บางครั้งนางก็ถูกลงโทษด้วยการถูกหักค่าจ้าง ภายใต้กฎระเบียบที่เข้มงวด นางอาจถูกทุบตีด้วยไม้เท้า ถ้านางมีทางเลือกนางจะไม่เลือกที่จะรับใช้เจ้านายจำพวกนี้ ยิ่งไปกว่านั้นกรณีที่นางถูกเฟิงหยูเฮงจับได้ ถ้านางไม่ได้แสดงความจริงใจของนางออกมา นางอาจถูกไล่ออกจากตระกูลเฟิงในคืนนี้เลย
เมื่อคิดได้ดังนั้น ม่านซีไม่ลังเลอีกต่อไป นางถอยกลับไปสองก้าวและคุกเข่าลง "ข้าจดจำได้ว่าผู้ใดเป็นเจ้านายเจ้าค่ะ เหตุผลประการแรกคือการได้รับมอบหมายจากตระกูลเฟิง ข้าไม่มีทางเลือกอื่น เหตุผลประการที่สองคือเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของข้าเอง นี่คือหนทางที่ข้าเลือก ตราบใดที่คุณหนูรองสามารถรักษาโรคเชื้อราของข้าได้ สาวใช้คนนี้จะเชื่อฟังท่านตลอดไป"
เฟิงหยูเฮงพยักหน้า นางจ้องไปที่ตาของม่านซีขณะที่พวกเขาสบตากัน
ม่านซีรู้สึกว่าดวงตาของเฟิงหยูเฮงนั้นแหลมคมราวกับว่านางต้องการที่จะมองทะลุไปถึงจิตใจของนางแม้แต่ความคิดที่เล็กที่สุดก็ไม่สามารถหนีไปได้
หลังจากนั้นเฟิงหยูเฮงถามนางว่า "เจ้ามีคำร้องขออย่างอื่นหรือไม่?"
ม่านซียังคงมีคำร้องขอ นางมีสัญชาตญาณที่ดีเยี่ยมในการจับการเท็จ เป็นความสามารถและความรู้ที่นางได้เรียนรู้มาจากนาวิกโยธินซึ่งมันไม่ได้สูญเปล่า
ม่านซีดูมีความสุขมาก นางตอบว่า "ช่วยท่านแม่ของข้าด้วยเจ้าค่ะ"
"แม่ของเจ้า?" เฟิงหยูเฮงเอ่ยถาม ก่อนนิ่งไปชั่วขณะเพื่อทำความเข้าใจ "แม่ของเจ้าก็เป็นโรคเชื้อราเช่นกัน ?"
"เจ้าค่ะ" ม่านซีตอบพร้อมร่ำไห้ออกมาว่า "ความเจ็บป่วยของท่านแม่รุนแรงกว่าข้ามาก นางป่วยเมื่อสามปีก่อน มันไม่ใช่แค่ส่งผลกระทบต่อมือของท่านแม่ แต่ส่งผลกระทบถึงเท้าด้วยเช่นกัน นางเป็นสาวใช้ที่นี่เหมือนกัน แต่หลังจากที่สาวใช้คนหนึ่งจับได้ นางถูกขับไล่ออกไป ข้าขอร้อง คุณหนูรองได้โปรดช่วยท่านแม่ของข้าด้วยเจ้าค่ะ"
"ข้าสามารถช่วยรักษาโรคติดเชื้อราของพวกเจ้าสองคนได้ แต่ความเจ็บป่วยนี้ไม่ใช่สิ่งที่สามารถรักษาได้ภายในหนึ่งหรือสองวัน" เฟิงหยูเฮงตอบรับ
"ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ" ม่านซีเช็ดน้ำตา "ในอนาคต หากคุณหนูรองสั่งให้ข้าทำอะไร สาวใช้คนนี้จะทำตามทุกอย่าง ข้าจะรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นในเรือนของฮูหยินใหญ่ให้คุณหนูรองทราบด้วย"
มันคงจะดูตลกมากหากคุณหนูรองไม่รักษานาง นางรู้ถึงอาการป่วยของนางดี นางจะไม่เชื่อฟังได้อย่างไร?
"ดีมาก" นางให้ม่านซียืนขึ้น มองไปที่เล็บอีกครั้ง นางเอื้อมมือเข้าไปในแขนเสื้อของนางและหยิบขวดยาทาเล็บออกมาจากลิ้นชักในร้านขายยาของนาง "มา ข้าจะช่วยเจ้าปกปิดเรื่องนี้สักสองสามวัน รอให้สถานะของข้าในตระกูลเฟิงมั่นคงก่อน ข้าค่อยทำการรักษาเจ้า"
การรักษาเป็นขั้นตอนต่อไป ม่านซีรู้สึกว่ายาทาเล็บที่เฟิงหยูเฮงใช้ทาเล็บนางดีกว่ายาทาเล็บของนางมาก นอกจากนี้เฟิงหยูเฮงกล่าวว่ามันสามารถกันน้ำได้เจ็ดวันหลังจากที่ทา และมันสวยกว่ายาทาเล็บของนาง! ด้วยเหตุนี้นางจึงไม่จำเป็นต้องตื่นกลางคืนมาแอบใช้มัน ด้วยเหตุนี้จึงไม่จำเป็นต้องใช้เงินเพื่อซื้อใจใคร การได้ใจของคนสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรู้ว่าพวกเขาต้องการอะไร
หลังจากมอบยาทาเล็บแล้ว เฟิงหยูเฮงเรียกแม่นมซันมาเปลี่ยนน้ำแทนม่านซี ม่านซีตระหนักได้ว่านางได้ใช้มือของนางเพื่อตรวจสอบอุณหภูมิของน้ำ คุณหนูรองใส่ใจอย่างแท้จริง อาการป่วยเป็นโรคติดต่อ ม่านซียิ่งคิดนางก็ยิ่งกังวลมากขึ้น นางหวังว่านางจะได้รับการรักษาให้หายป่วยเร็ว ๆ นี้
เฟิงหยูเฮงไม่ให้ม่านซีช่วยนาง นางทิ้งให้ม่านซียืนอยู่ข้างหลัง เฉินซื่อหวังสิ่งใดในการในการส่งทั้งสามคนมาที่นี่ นางต้องการรู้ความลับของตระกูลเฟิง
ไม่ผิดจากที่นางได้คาดการร์ไว้ ตระกูลเฟิงต้องการจะปิดกั้นเส้นทางของนาง และให้เฟิงเฉินหยูแต่งงานกับองค์ชายเก้า เช้านี้เฟิงจินหยวนเปลี่ยนความคิดและสิ่งนี้ทำให้เฉินซื่อรู้สึกหงุดหงิด อย่างไรก็ตามเฟิงจินหยวนมีความเฉลียวฉลาดในเรื่องนี้ ดังนั้นเฉินซื่อจึงมั่นใจได้ว่าเรือนขจีนั้นอยู่ในกำมือของนางเพื่อรักษาผลประโยชน์ของบุตรี
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ม่านซีได้นำเสื้อผ้าชุดใหม่เข้ามาให้
"นี่มาจากสาวใช้ที่บ้านใหญ่ ฮูหยินรองกับคุณหนูรองและคุณชายน้อยได้เสื้อผ้าคนละชุด นอกจากนี้ยังมีเสื้อผ้าชั้นใน คุณหนูรองควรเปลี่ยนเสื้อผ้าชั้นใน" ม่านซีกล่าวขณะที่นำเสื้อผ้ามาใส่ให้เฟิงหยูเฮง
หลังจากใส่ชุดชั้นในแล้ว เฟิงหยูเฮงมองดูชุด ชุดนี้เป็นสีชมพูสดใส เมื่อนางสัมผัสเนื้อผ้า นางรู้สึกว่าเนื้อผ้ามันหยาบเหมือนใบมีดและให้ความรู้สึกเหมือนกระดาษทราย การสวมใส่ผ้าที่มีเนื้อผ้าเช่นนี้คงแปลกถ้ามันไม่ได้ขีดข่วนผิวของนาง
"ใครนำเสื้อผ้าเหล่านี้มา?" เฟิงหยูเฮงถาม
ม่านซีตอบว่า "แม่นมลีเจ้าค่ะ ข้าและเปาถังถูกส่งตัวมารอรับคุณหนูรองเท่านั้น ทุกอย่างแม่นมลีจะเป็นคนจัดการเจ้าค่ะ" ขณะที่นางพูด นางแตะที่เสื้อผ้าก็ขมวดคิ้ว "ทำไมเนื้อผ้ามันหยาบจังเจ้าคะ?"
"แม่นมลีเป็นแม่นมของเฉินซื่อ นางไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเอง เห็นได้ชัดว่าเฉินซือเป็นคนจัดการ"
ม่านซีถามว่า" เราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ? ถ้าข้าจะไปที่บ้านใหญ่เพื่อขอเสื้อผ้า ก็กลัวว่าฮูหยินใหญ่จะจับได้"
นางโบกมือนาง "ไม่เป็นไร เรื่องนี้ข้าจัดการเอง"
ม่านซีพยักหน้า
หลังจากที่นางอาบเสร็จแล้ว เฟิงหยูเฮงมีเวลาอยู่ตามลำพัง แม้ว่านางจะมีประสบการณ์ชีวิตในศตวรรษที่ 21 แต่นางต้องยอมรับว่าจำนวนข้อมูลที่นางได้รับตั้งแต่กลับมาที่ตระกูลเฟิงมีจำนวนมาก
ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในตระกูลเฟิงนั้นซับซ้อนอย่างมาก และความสัมพันธ์ในครอบครัวที่เกิดขึ้นมากมาย ถึงแม้ม่านซีจะรับใช้นางด้วยความซื่อสัตย์ แต่ความปลอดภัยก็ยังคงอยู่ไกลเกินเอื้อม ในสถานที่ดังกล่าวไม่มีหลักฐานอะไรที่ชัดเจน นอกจากคนไร้สมองอย่างเฟิงเฟินไดแล้ว ทุกคนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แฝงตัวอยู่ในเงามืด
โดยส่วนตัวแล้วนางไม่เคยกลัวการเผชิญหน้าแบบเปิดเผย แต่การลอบกัดเป็นสิ่งที่นางไม่เคยจัดการได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ดูเหมือนว่านางจะต้องหัดควบคุมอารมณ์ตัวเอง อย่างไรก็ตามมีเรื่องที่นางไม่สามารถละเลยได้ ทำไมเฟิงจินหยวนถึงเปลี่ยนแปลงความคิดของเขา?
ตาของนางมองออกไปนอกหน้าต่าง ดูเหมือนว่าราตรีนี้นางต้องเดินสำรวจรอบคฤหาสน์ตระกูลเฟิง
การเดินสำรวจคฤหาสน์ของตระกูลเฟิงอาจเป็นไปได้ ต้องขอบคุณเสื้อผ้าเก่าที่เฟิงเฟินไดนำมาด้วยเมื่อเช้า
เมื่อก่อนเสื้อผ้านางยังใส่ได้ แต่ตอนนี้มันสั้นเกินไป พวกเขาใช้ชีวิตที่หมู่บ้านซีปิง ร่างกายของพวกนางขาดสารอาหาร ทำให้ร่างกายของนางเล็ก นางสามารถสวมใส่เสื้อผ้าเหล่านี้ได้ อย่างน้อยก็ดีกว่าชุดที่หยาบเหมือนกระดาษทราย นางเพิ่งอาบน้ำเสร็จ นางไม่ต้องการที่จะสวมเสื้อผ้าที่สกปรกในระหว่างวัน
เฟิงหยูเฮงตัดสินใจว่าจะสวมชุดเก่าและเดินสำรวจรอบ ๆ คฤหาสน์ตระกูลเฟิง นางไม่สามารถให้คนอื่นมากักขังนางไว้ในเรือนของนางได้ นางต้องรุกมากขึ้น
อีก 1 เค่อจะเที่ยงคืน มีเงาเล็ก ๆ ผอมบางออกจากเรือนขจี ตามความทรงจำของนางจากเช้าวันนี้ นางเดินตามทางเดินกลับไปที่ห้องโถงใหญ่ที่เรือนไผ่หยก
ในตอนกลางคืนก็ไม่มีเสียงรบกวนเหมือนตอนกลางวัน นอกจากสายลมปลายฤดูร้อนพัดกระหน่ำกิ่ง และใบไม้ส่งเสียงเบา ๆ
เป้าหมายของนางคือห้องศึกษาของเฟิงจินหยวน อย่างไรก็ตามนางไม่คุ้นเคยกับตระกูลเฟิง นอกจากนี้ขาของนางสั้น เมื่อถึงเวลาที่นางไปถึงห้องศึกษานางก็หมดแรง เฟิงหยูเฮงตัดสินใจที่จะพัฒนาพลังกายของนางในกิจวัตรประจำวันของนาง
ห้องศึกษาของเฟิงจินหยวนตั้งอยู่ที่เรือนไผ่หยก ชื่อนี้ตรงกับรูปลักษณ์ของเรือนไผ่หยก มีต้นสนอยู่กระจัดกระจายไปทั่วลาน สิ่งนี้ช่วยให้นางเข้าใจพฤติกรรมของเฟิงจินหยวน แต่รู้สึกว่าต้นสนไม่เหมาะกับเขา ลานปลูกต้นสน แต่ไม่ได้ปรับปรุงท่าทางของเขา
เมื่อเข้าไปในลาน นางก็เห็นแสงไฟจากเรือนยังคงสว่างอยู่ นางรู้อยู่แล้วว่าคืนนี้เฟิงจินหยวนคงจะไม่นอนหลับตั้งแต่หัวค่ำ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้กะทันหันเกินไป ความจริงเบื้องหลังเสียงที่กระซิบต้องได้รับการเปิดเผย ยิ่งนางทราบข่าวได้เร็วขึ้นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น
นางไม่กล้าก้าวต่อไปในลาน ไม่มีทางที่ห้องศึกษาของตระกูลจะไม่มีคน
สภาพอากาศในช่วงปลายฤดูร้อนมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงมาก จู่ ๆ ดวงจันทร์ก็ถูกปกคลุมด้วยเมฆสีดำ เฟิงหยูเฮงใช้โอกาสซ่อนตัวอยู่หลังหิน
ตรวจสอบสภาพแวดล้อม นางไม่สนใจต้นสนขนาดเล็ก และมองไปที่ต้นไซเปรสที่สูง ๆ
นางคำนึงถึงสภาพร่างกายของนาง และสิ่งที่ต้องการจากชีวิตก่อนหน้าของนางที่จะช่วยให้นางปีนขึ้นไป ยิ่งกว่านั้นเฟิงหยูเฮงต้องระวัง นางเห็นได้ไม่ชัดเจนจากระหว่างต้นไซเปรส