บทที่ 35 นิ่งเข้าไว้ 2 (2) [อ่านฟรี]
บทที่ 35 นิ่งเข้าไว้ 2 (2)
คาร์ลเดินตามพ่อบ้านวัยชราคนนี้เข้าไปในที่พักของตระกูลวิลส์แมนทันที
อีริค วิลส์แมน กิลเบิร์ต เชตเตอร์และอาร์มู อัลบา ทั้งสามคนคือคนที่รอการมาถึงของคาร์ลภายในบ้านหลังนี้ คาร์ลยังคงคิดถึงวิธีที่เขาควรจะทำต่อหน้าพวกเขาแม้แต่ในขณะที่เขากำลังเดินเข้าไปข้างใน
และท้ายที่สุดเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องดังกล่าวเลย
“คาร์ล...อย่างน้อยเจ้าก็ยังเชื่อฟังพี่ชายคนนี้อยู่ใช่หรือไม่?”
คาร์ลมองไปที่อีริคด้วยใบหน้าที่มีความสับสนมึนงง อีริค วิลส์แมนดันแว่นตาของเขาขึ้นหลังจากเห็นสีหน้าเช่นนั้นของคาร์ล ตอนนี้คาร์ลนั่งอยู่ที่โต๊ะโดยมีขุนนางทั้งสามล้อมรอบเขาเอาไว้เหมือนกับว่าเขากำลังจะถูกสัมภาษณ์
‘นี่มันแปลกมาก’
แต่บรรยากาศที่ปรากฏโดยรอบกลับทำให้เขารู้สึกว่า..พวกเขาทั้งสามกำลังปลอบโยนตัวเขามากกว่าที่จะดำเนินการสัมภาษณ์อะไรเขาออกมา ก่อนที่อีริค วิลส์แมนจะเริ่มพูดต่อ
“มันจะไม่น่ารำคาญสำหรับเจ้าด้วยใช่หรือไม่?”
ก่อนที่บุตรสาวของนายอำเภอ ‘อามูร์ อัลบา’ และบุตรชายของบารอน ‘กิลเบิร์ต เชตเตอร์’จะโผล่เข้าร่วมวงสนทนาด้วยเช่นกัน
“เขาพูดถูก..นายน้อยคาร์ล...ข้าได้ยินมาว่าท่านไม่ชอบพิธีการที่น่ารำคาญ”
“นายน้อยคาร์ล..มันไม่ใช่เรื่องผิดที่เห็นว่าบางสิ่งบางอย่างมันน่ารำคาญ”
มันเป็นความรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาพยายามปลอบโยนเด็กเล็กๆอยู่ก่อนที่คาร์ลจะได้เอ่ยออกมาเป็นครั้งแรก
“ใช่มันน่ารำคาญมาก!”
“ข้ารู้!นั่นแหละคือเหตุผล!”
ก๊อก! ก๊อก!
อีริคเคาะนิ้วของเขาลงบนโต๊ะเบาๆมันไม่ได้ดูเหมือนว่าเขากำลังโกรธแต่เหมือนเป็นการเคลื่อนไหวโดยอัตโนมัติของร่างกายมากกว่า
เขาหันมองไปยังคาร์ลผู้ที่เคยเป็นเพียงเด็กน้อยน่ารักก่อนที่จะโตขึ้นมาเป็นเพียงขยะไร้ค่าของตระกูลและเริ่มพูดต่อจากเมื่อครู่โดยทันที
“นั่นแหละคือเหตุผล..ที่เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดหรือทำอะไรออกมา..เพียงแค่นิ่ง! อยู่นิ่งๆเข้าไว้และเราจะจัดการดูแลทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเจ้าเอง...ต่อให้เจ้าเจ้าจะเกลียดสิ่งที่มันน่ารำคาญและพิธีการพวกนั้นก็ตาม...แต่เจ้าก็ต้องนิ่งเข้าไว้”
คาร์ลตอบกลับด้วยท่าทางที่อึ้งไปเล็กน้อย
“ข้าเก่งเรื่องการทำตัวนิ่งๆอยู่แล้ว”
“ห๊ะ? เจ้านี่รึ? อ่า.....ใช่...ใช่แล้วเจ้าเก่ง....เจ้าเก่งในเรื่องนั้น”
อีริครับรู้ได้ถึงความเครียดและกังวลของตัวเองแต่เขาเป็นคนประเภทที่ขี้กังวลในทุกๆเรื่องแต่นั่นเป็นเพราะเขาชอบที่จะคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างก่อนที่มันจะเกิดขึ้นจริง เขาเริ่มคิดที่จะพูดคุยกับคาร์ลคนที่ทำให้เขาเกิดความกังวลที่ถือได้ว่ามากที่สุดในชีวิตของเขาเมื่อแน่ใจว่าคนที่เดินทางมาถึงเมืองหลวงเมื่อวานนี้คือคาร์ล จริงๆและในตอนนี้ยังมีอีกสองคนที่มองไปยังอีริคราวกับกำลังส่งแรงใจไปให้เขาอยู่
“ขุนนางคนอื่นๆในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออาจจะพยายามเข้ามารบกวนเจ้า อาจจะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับมาร์คควิสสแตนหรือคนของดยุคคนอื่นๆก็อาจจะพยายามทำเช่นนั้นเหมือนกัน...แต่สิ่งที่เจ้าต้องทำก็คืออยู่นิ่งๆและเราจะดูแลทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเจ้าเอง เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
นี่คือสิ่งที่อีริคเป็นห่วงที่สุด จากตระกูลขุนนางที่เป็นเสาหลักของภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้ง 10 ตระกูลมีเพียง 4 ตระกูลเท่านั้นที่ไม่ขึ้นตรงกับใคร ขุนนางคนอื่นๆที่ขึ้นตรงต่อขุนนางชั้นสูงที่อยู่นอกพื้นที่ต้องการให้กลุ่มขุนนางทั่วทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือขึ้นตรงกับขุนนางชั้นสูงที่อยู่ในสายเดียวกับพวกเขา นั่นทำให้พวกเขาต้องระมัดระวังและรอบคอบมากขึ้น ทั้ง4ตระกูลเป็นกลุ่มขุนนางที่วางตัวเป็นกลางซึ่งนั่นคือวิธีที่พวกเขาได้กลายเป็นกลุ่มขุนนางที่แข่งแกร่งที่สุดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและเพื่อที่จะเป็นเช่นนั้นได้ต่อไป...ตระกูลเฮนิตัสที่มั่งคั่งเช่นนี้จึงไม่สมควรที่จะก่อเรื่องร้ายแรงให้เกิดขึ้นในเมืองหลวงได้
อีริคและอีกสองคนยังคงเงียบเพื่อรอฟังคำตอบจากคาร์ล
“นั่นมัน..เป็นเรื่องที่ดีมาก”
คาร์ลมีรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าของเขาเพื่อยืนยันในสิ่งที่เขาพูดออกไป อีริคคิดว่าคาร์ลยังคงเป็นเด็กที่ดีเช่นเดียวกับในอดีตตราบใดที่เขายังไม่ได้ดื่มเหล้า ก่อนที่จะเริ่มพูดต่อ
“พวกเรามีแผนที่จะไปถวายความเคารพต่อองค์ชายรัชทายาทด้วยกัน....ข้าแน่ใจว่ามันจะสร้างความรำคาญให้แก่เจ้าจนอยากใช้สิทธิ์ในการดื่มเหล้าขึ้นมาแต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก...ตราบเท่าที่เจ้าสามารถถวายความเคารพเพียงแค่ช่วงเริ่มต้นได้เท่านั้น....ที่เหลือพวกเราจะจัดการเอง!”
‘โอ้...’
คาร์ลเริ่มยิ้มเยาะในใจ เขาพบว่าบรรยากาศในตอนนี้ค่อนข้างน่าสนใจ คาร์ลหยิบแก้วไวน์ที่อยู่ตรงหน้าเขามาถือไว้ก่อนที่จะทันเห็นว่ากิลเบิร์ตสะดุ้งเมื่อเห็นว่าเขาทำอะไร
คาร์ลคิดว่านี่เป็นเรื่องที่แปลกดีก่อนหน้านี้เขายังคิดที่จะทำตัวเป็นเพียงขยะไร้ค่าเจ้าปัญหาอยู่เลยแต่พอพวกเขาอยู่ข้างเดียวกับตนเองก็เริ่มเปลี่ยนใจเพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการที่จะทำมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือการปกป้องตัวคาร์ลนั่นเอง ริมฝีปากของคาร์ลเปียกชื้นด้วยไวน์และพูดออกมา
“มันยอดเยี่ยมมาก”
“ใช่มั้ยล่ะ!”
อีริคมีรอยยิ้มที่สดใสประดับบนใบหน้าพร้อมๆกับแว่นตาที่สะท้อนเข้ากับแสงไฟจากคบเพลิงที่ติดตั้งอยู่บนโคมไฟระย้า
คาร์ลตัดสินใจที่จะรับข้อเสนอจากทั้งสามขุนนางจากการที่ไม่ต้องลงมือทำอะไรมากนักก็ได้รับการคุ้มครองเช่นนี้ เขาชอบแผนนี้เป็นอย่างมาก
“สิ่งที่เจ้าต้องทำก็คือปรากฏตัว นั่งลงและผ่อนคลาย”
“เยี่ยม...มันฟังดูสมบูรณ์แบบมาก”
มันเป็นข้อเสนอที่ยอดเยี่ยมเป็นประเภทที่เขาชอบยิ่งนัก เขาเริ่มกินอาหารที่อยู่ต่อหน้าเขาด้วยความผ่อนคลายและคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เขาได้มาในวันนี้ อย่างไรก็ตามอีริค กิลเบิร์ตและอามูร์ไม่ยอมลดการระวังภัยของพวกเขาลง คาร์ล เฮนิตัสเป็นคนที่มีชื่อเสียงในเรื่องการเขวี้ยงปาขวดเหล้ากลางที่ประชุมของขุนนางภาคตะวันออกเฉียงเหนือเมื่อบรรยากาศในที่ประชุมกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี
พวกเขาจะต้องรอบคอบเป็นพิเศษเพราะพวกเขามาอยู่ที่นี่เพื่อโน้มน้าวให้องค์ชายรัชทายาทได้ลงทุนในเขตชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งตระกูลของกิลเบิร์ตและอามูร์คือผู้รับผิดชอบพื้นที่ในเขตนั้น
“ไวน์จากดินแดนเฮนิตัสช่างยอดเยี่ยมจริงๆ”
แน่นอนว่าคาร์ลรู้เกี่ยวกับความต้องการของทั้ง 2 ตระกูลกับการลงทุนขององค์ชายรัชทายาทจากข้อมูลที่ฮันส์ได้มอบให้เขา ทั้ง 4 ตระกูลแบ่งปันข้อมูลให้แก่กันโดยไม่มีความลับใดๆอย่างไรก็ตามคาร์ลรู้ว่าการลงทุนจากองค์ชายรัชทายาทจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้
‘เขาจะสามารถลงทุนได้อย่างไรเมื่อสงครามกำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้และมันจะเริ่มต้นจากทางตอนใต้ของทวีปตะวันตก มันมีโอกาสที่จะเกิดความขัดแย้งได้แม้ว่ามันจะเป็นกองทัพทางเรือก็ตาม’
พวกเขาทั้งสี่คนเริ่มสนทนากันเป็นระยะๆในขณะที่พวกเขายังคงทานอาหารกันอยู่ สามขุนนางเริ่มมีอาการที่ผ่อนคลายลงเมื่อเห็นว่าคาร์ลสามารถทานอาหารได้เรื่อยๆโดยไม่มีทีท่าว่าจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุใดๆขึ้นเลย
พวกเขาทั้งหมดต่างพึงพอใจกับการประชุมพบปะในครั้งนี้
************************************************************************************
คาร์ลพักผ่อนได้สักพักเมื่อกลับมาถึงบ้านของตน ก่อนที่จะได้ยินว่าเชวฮันกลับมาถึงแล้วทำให้คาร์ลเรียกเชวฮันขึ้นมาพบเขาที่ห้องทันที
“ท่านคาร์ล...เรียกพบกระผมหรือขอรับ?”
“ที่โรงแรมเป็นอย่างไร?”
“เรียบร้อยดีขอรับ...ต้องขอบคุณที่เด็กๆมีพละกำลังที่แข็งแกร่งมาก”
คาร์ลรู้สึกว่าตนหน้าซีดลงเมื่อนึกถึงเด็กๆจากเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินที่มีพละกำลังที่แข็งแกร่งเช่นนั้นแต่ในทางกลับกันเชวฮันเหมือนจะดูผ่อนคลายและมีความสุขมากขึ้น
“มีเรื่องที่จะให้กระผมทำใช่หรือไม่ขอรับ?”
“ใช่!”
คาร์ลพยักศีรษะลงก่อนที่จะลุกขึ้นยืน ทำให้เชวฮันได้เห็นว่าในตอนนี้คาร์ลไม่ได้ใส่ชุดนอนหรือชุดปกติที่เขาชอบใส่แต่เขากำลังใส่ชุดลำลองที่มันดูสบายมากๆ
คาร์ลเดินกลับไปที่เตียงนอนของเขาก่อนจะเริ่มพูด
“ข้าจะนอนลงบนเตียงนี้แล้ว..ดังนั้นเจ้าไปบอกฮันส์ว่าให้หยุดยืนหน้าประตูห้องของข้าเสียทีและจงกลับไปนอนได้แล้ว..ที่สำคัญเขาจะต้องเดินจากไปโดยไม่หันกลับมาบอกข้างหลังอีก”
เชวฮันมองออกไปนอกหน้าต่างที่เปิดโล่งมันเป็นค่ำคืนที่ฟ้ากระจ่างใสก่อนที่จะเอ่ยถามคาร์ลขึ้นมา
“ท่านจะออกไปข้างนอกหรือ?”
“ใช่”
คาร์ลยิ้มเมื่อตอบคำถามนั้น
“ข้าจะออกไปทางระเบียงห้องเหมือนเดิม..ดังนั้นเจ้าจงมาที่ห้องของข้า”
“กระผมเข้าใจแล้ว”
แววตาของเชวฮันเริ่มเปลี่ยนไปเขาจำได้ว่าคาร์ลจะเล่าให้เขาฟังในวันหลัง คาร์ลได้เอ่ยว่าจะบอกกับตนถึงวิธีที่จะสามารถหานักเวทย์ที่ดื่มเลือดคนนั้นเจอได้อย่างไร
“จะมีแค่เราสองคนโดยไม่มีออนกับฮงไปด้วยหรือขอรับ?”
เชวฮันเอ่ยถามด้วยท่าทางที่เคร่งเครียดขึ้นแต่กลับได้ยินคำตอบที่ดังมาจากที่อื่น
“ข้าจะไปด้วย”
มังกรดำคลายเวทย์ล่องหนออกและเดินผ่านระเบียงเข้ามาในห้อง เชวฮันมองไปที่มังกรดำและหันกลับมามองคาร์ลอีกครั้ง ก่อนที่คาร์ลจะเอ่ยตอบด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายมากขึ้นกว่าที่เคย
“มีพวกเราทั้งสามที่จะได้ไปกัน”