บทที่ 35 นิ่งเข้าไว้ 2 (1) [อ่านฟรี]
บทที่ 35 นิ่งเข้าไว้ 2 (1)
โรสลินค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมา
“ข้าได้ยินว่าเจ้าเป็นเพียงขยะไร้ค่าแต่ข้าคิดว่านั่นคงเป็นเพียงเรื่องโกหก”
เป็นไปตามที่คาร์ลได้คาดไว้โรสลินหยุดใช้โทนเสียงที่นอบน้อมต่อเขาลงทันที แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าองค์หญิงแห่งอาณาจักรอื่นมีลักษณะอย่างไรแต่สำหรับขุนนางหรือคนชั้นสูงมันต่างออกไป
ขุนนางหรือชนชั้นสูงระดับล่างๆอาจจะพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะหาข้อมูลเหล่านี้มาไว้ได้แต่ในระดับเช่นตระกูลเฮนิตัสการมีข้อมูลเกี่ยวกับขุนนางและราชวงศ์ของอาณาจักรที่ใกล้เคียงมันย่อมเป็นเพียงแค่ข้อมูลขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต้องรู้ มันไม่ใช่เป็นเพียงแค่เรื่องสนุกและการได้เล่นเกมตลกๆหากต้องเป็นคนที่มาจากชนชั้นสูงหรือขุนนางจริงๆ
คาร์ลเอ่ยตอบคำถามของโรสลิน
“มันเป็นความจริงที่หม่อมฉันมีชื่อเสียงในการเป็นเพียงขยะไร้ค่าแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น...นักเวทย์ก็ควรใช้วิจารณญาณของพวกเขาผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้าของตัวพวกเอง”
“เจ้าพูดถูกนายน้อยคาร์ล....พวกเราเชื่อเพียงสิ่งที่เกิดจากประสบการณ์ของพวกเราเท่านั้น”
คาร์ลคิดว่าการพูดของโรสลินเป็นสิ่งที่ค่อนข้างแปลก เธอพูดอย่างไม่เป็นทางการกับเขาในฐานะที่ตนเป็นองค์หญิงแต่เมื่อเธอพูดถึงตัวเองว่าเป็นส่วนหนึ่งของเหล่านักเวทย์เธอกลับเลือกใช้คำว่า ‘พวกเรา’ แทนที่จะเป็น ‘พวกข้า’มันดูเป็นทางการและให้เกียรติ เห็นได้ชัดว่าตัวตนของเธอในฐานะนักเวทย์คงจะมีความสำคัญต่อเธอเป็นอย่างมาก
“แต่องค์หญิง......”
“โรสลิน.....เรียกข้าว่าโรสลิน”
ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ค่อยชอบการถูกปฏิบัติตัวว่าเป็นองค์หญิง
“ตกลง...ถ้าเช่นนั้นโรสลิน..ท่านถามคำถามจบแล้วใช่หรือไม่?”
“ใช่...ข้าถามครบเรียบร้อยแล้ว”
เธอยกยิ้มอ่อนโยนมากกว่าเดิมเมื่อตอบคำถามนั้น
“นายน้อยคาร์ล....ดูเหมือนว่าเจ้าไม่ต้องการข้องเกี่ยวกับข้าสินะ?”
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเธอเป็นองค์หญิงแต่เขาก็บอกให้เธอพักอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจและค่อยจากไปในเวลาต่อมาไม่ใช่ว่าเธอคิดว่ามันไม่สุภาพหรืออะไรแบบนั้นแต่ในทางกลับกันเธอยิ่งชื่นชอบมันหากเธอต้องการต้อนรับและการดูแลเป็นพิเศษจากเขาจริงๆเธอคงเปิดเผยชื่อเต็มและตัวตนที่แท้จริงของเธอออกไปแล้ว
เธอไม่ต้องการที่จะได้รับการปฏิบัติเช่นนั้น นอกจากนี้เธอยังรู้สึกขอบคุณคาร์ลที่บอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับล็อกให้ฟังอีกด้วย
“เป็นเช่นนั้นรึ? ข้าเพียงแค่ทำมันลงไปแบบนั้น..ตั้งแต่ที่เห็นว่าองค์หญิงชื่นชอบวิธีเช่นนี้ต่างหากล่ะขอรับ”
‘....โกหก...’
โรสลินถือว่าคำพูดของคาร์ลเป็นคำแก้ตัวที่ดี
มนุษย์ที่เดินทางร่วมกับมังกรเขาเป็นที่รู้จักจากสังคมในฐานะขยะไร้ค่าแต่มันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาสามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเธอได้อย่างง่ายดายหากว่าเขาอยากจะทำมัน
เธอรู้สึกขอบคุณคาร์ลผู้ที่มักมีรอยยิ้มราวกับว่าเขาไม่รู้สิ่งใดๆเลย
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังไม่ได้แจ้งข่าวเรื่องนี้ไปยังพระราชวังโรมันสินะ...ขอบคุณเจ้ามากจริงๆ”
“ไม่เป็นไร...เรื่องพวกนี้ควรขึ้นอยู่กับความต้องการของคนที่เกี่ยวข้องโดยตรงมากกว่าขอรับ”
คาร์ลคิดว่าองค์ชายรัชทายาทจะต้องเสด็จมาพำนักที่บ้านของเขาทันทีหากเขาแจ้งเรื่องนี้ไปยังวังหลวง
“เจ้าพูดถูกนายน้อยคาร์ล...ข้าไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตัวเอง...และถ้าสิ่งนี้จะทำให้เจ้าเป็นปัญหาในอนาคตโปรดแจ้งให้พวกเขาทราบว่านี่คือความต้องการของข้าที่ไม่ให้เจ้าบอกเรื่องนี้เองแล้วข้าจะส่งสาส์นไปเล่าเรื่องราวของเจ้าให้พวกเขาทราบอีกด้วย”
“ข้าเข้าใจแล้ว...”
“ขอบคุณที่ให้ข้าพักอยู่ที่นี่...ข้าจะจัดการธุระของข้าและไม่ทำให้เจ้าลำบากเลย”
‘ไม่ทำให้ฉันลำบากเลย’
คาร์ลรู้สึกขอบคุณโรสลินที่กล่าวประโยคที่เขาต้องการได้ยินมากที่สุดออกมา
“ขอบคุณมากขอรับ”
“ไม่เป็นไร...เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าด้วยซ้ำ”
โรสลินเอ่ยปฏิเสธคำขอบคุณจากคาร์ลทันทีก่อนจะลงมือทานอาหารต่อ ในตอนนี้คาร์ลและโรสลินไม่ต้องการที่จะพูดอะไรออกมาอีก โรสลินเพียงแค่ลอบมองไปที่มังกรอยู่บ่อยครั้งในฐานะนักเวทย์เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองไว้ได้เลย เธอยังคงมุ่งมั่นที่จะจ้องไปที่มังกรอย่างต่อเนื่อง
มังกรหยุดกินไส้กรอกที่แต่เดิมเป็นของคาร์ลก่อนจะหันมามองโรสลินหลังจากที่แกล้งทำเป็นไม่สนใจกับสายตาของเธอที่แอบมองมาที่มันอยู่บ่อยครั้งจนในที่สุดมันก็เริ่มพูด
“กินอาหารของเจ้าไปสิ นี่มันของข้านะ”
มังกรดำดึงจานไส้กรอกไปใกล้ตัวมันมากขึ้น คาร์ลได้เลือกวางอาหารลงบนจานของมังกรเป็นจำนวนมากและหลากหลาย มังกรดำติดใจกับรสชาติของสเต็กที่ต่างจากการกินเนื้อดิบเช่นเดียวกับที่ติดใจกับรสชาติของอาหารต่างๆที่อยู่บนโต๊ะ
โรสลินเงยหน้ามองคาร์ลและเห็นว่าคาร์ลลอบวางนิ้วมือสี่นิ้วโดยที่มังกรไม่ทันได้สังเกตเห็น ‘อายุ4ขวบ’โรสลินยิ้มเมื่อเข้าใจในความหมายที่คาร์ลพยายามสื่อก่อนจะเอ่ยตอบมังกร
“ใช่แล้วท่านมังกร...ข้าไม่กล้าที่จะกินอาหารของท่านหรอก”
มังกรเริ่มกินอาหารของมันอีกครั้งและโรสลินกับคาร์ลก็ยังคงรับประทานอาหารของพวกเขาต่อไปเช่นกันมันเป็นการทานอาหารที่มีแต่ความผ่อนคลายและเงียบสงบ
หลังจากจบเรื่องแล้ว คาร์ลก็ขึ้นรถม้าเพื่อไปพบปะกับขุนนางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยทันที ขุนนางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือประกอบด้วยตระกูลขุนนางเพียง 10 ตระกูลเท่านั้น มันอาจจะมีมากกว่านี้หากนับรวมขุนนางระดับบารอนและระดับที่ต่ำกว่าบารอนลงไปอีกแต่ขุนนางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือกลับยึดเพียงแค่ 10 ตระกูลนี้เป็นหลักเท่านั้นและ 3 ใน 10 จากตระกูลของขุนนางเหล่านี้คือกลุ่มคนที่คาร์ลต้องเดินทางมาพบในวันนี้แล้วซึ่งทั้ง 3 ตระกูลนับว่าเป็นพันธมิตรกับตระกูลเฮนิตัสมาเป็นเวลานาน
“นี่มันอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกซินะ?” [1]
นั่นคือเหตุผลที่ทำให้คาร์ลรู้สึกกังวล
เชวฮันที่ได้ติดตามคาร์ลมาในฐานะองครักษ์เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่คาร์ลได้เอ่ยถามขึ้นอย่างรอบคอบมากกว่าเดิม
“มีอะไรหรือขอรับ?....ถ้าหากกระผมสามารถทำอะไรเพื่อช่วยท่านคาร์ลได้โปรดแจ้งให้กระผมทราบทันที”
“ไม่มีอะไร...เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้”
คาร์ลเอ่ยตอบห้วนๆก่อนที่จะเริ่มคิดอย่างเคร่งเครียดอีกครั้ง เชวฮันสังเกตเห็นท่าทางเช่นนั้นของคาร์ลก็เริ่มรู้สึกเป็นกังวลเช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคาร์ลมีอาการกังวลเช่นนี้
คาร์ลไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี? เขาจะต้องทำตัวไร้มารยาทและสร้างความวุ่นวายเหมือนกับขยะไร้ค่าเช่นนั้นจริงๆหรือ?
คาร์ลได้เข้าใจอย่างแท้จริงหลังจากที่ต้องมีชีวิตที่ผูกติดอยู่กับภาระขนาดใหญ่เช่นเชวฮันและมังกรดำว่าเขากำลังตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับการที่จะเลือกใช้ชีวิตเป็นขยะไร้ค่าแบบไหนดี
ขุนนางภาคตะวันออกเฉียงเหนือคงได้เห็นพฤติกรรมของขยะไร้ค่าเช่นคาร์ลเมื่อครั้งในอดีตกันมาบ้างแล้วอีกทั้งพวกเขายังได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำที่แสนโง่เขลาและไร้ค่าของคาร์ลจากดินแดนเฮนิตัสเช่นกันนั่นเป็นเหตุผลที่เขาต้องระมัดระวังให้มากขึ้น...ไม่สิ...เขาต้องไร้มารยาทและสร้างความวุ่นวายให้มากขึ้นต่างหาก
“อืม...”
คาร์ลก้มลงมองมือทั้งสองข้างของตนช้าๆ ต้องแกล้งทำตัวเป็นไอ้ลูกนอกคอกเข้าไว้? นั่นอาจเป็นวิธีที่ดูเหมือนจะสกปรกไร้ค่ายิ่งกว่าขยะทั้งหมดรวมกันเสียอีก ขณะที่คาร์ลกำลังคิดถึงสิ่งที่สามารถแสดงให้มันดูเลวร้ายได้อย่างสมจริงอยู่นั้น รถม้าก็หยุดลงที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เนื่องจากเหล่าขุนนางทั้งหมดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีบ้านพักอาศัยในพื้นที่เดียวกันในเขตเมืองหลวงทำให้มีระยะทางไม่ไกลกันมากนัก
“ยินดีต้อนรับนายน้อยคาร์ลขอรับ”
คาร์ลสังเกตเห็นพ่อบ้านวัยชราที่ยืนทักทายเขาอยู่หน้ารั้วก่อนจะมองไปยังตัวบ้านที่อยู่ด้านหลังของพ่อบ้านชราคนนี้
นี่คือบ้านพักของท่านเคานต์วิลส์แมน โดยอาณาเขตการปกครองของท่านเคานต์วิลส์แมนตั้งอยู่ปากทางเข้าสู่เขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและเขาก็ไม่ได้มีอำนาจที่แข็งแกร่งและร่ำรวยมากนัก เนื่องจากเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีขุนนางในตำแหน่งดยุคหรือมาร์คควิสปกครองนั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับท่านเคานต์เฮนิตัสในเขตพื้นที่นี้ได้ ท่านเคาน์เฮนิตัสชอบในมิตรภาพเช่นนี้เขาชื่นชอบคนที่เหมือนตัวเองคนที่มีเขตการปกครองที่อยู่ไกลออกไปเป็นเพียงพื้นที่ที่เป็นปากทางเข้าสู่พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและเป็นคนที่รู้ว่าใครที่ใกล้ชิดกับเมืองหลวงแล้วเป็นประโยชน์ต่อตนเองได้
คาร์ลนึกถึงทายาทผู้สืบทอดตระกูลของท่านเคานต์วิลส์แมน
‘อีริค วิลส์แมน’
รองหัวหน้าพ่อบ้านฮันส์ได้ให้คำแนะนำแก่คาร์ลอย่างรอบคอบก่อนที่เขาจะเดินทางมาประชุมพบปะกับพวกเขาในครั้งนี้
‘นายน้อย..มันเป็นเรื่องที่ดีที่นายน้อยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนายน้อยอีริค..แต่สิ่งที่กระผมอยากเรียนถามก็คือนายน้อยคิดว่ามันจะเป็นเรื่องที่ฉลาดกว่าไหมหากจะไม่ทำตัวที่สนิทสนมกับนายน้อยอีริคต่อหน้าขุนนางคนอื่นๆในที่ประชุม’
นั่นทำให้คาร์ลรู้ว่าอีริคและเจ้าของร่างเดิมนี้สนิทสนมกันพอควร อย่างไรก็ตามข้อมูลส่วนตัวของอีริคจากที่เขาได้รับรายงานมาบอกว่าเขาเป็นคนที่ดีที่มีความเคร่งขรึมเล็กน้อย
“นายน้อยคาร์ล..กระผมขอเชิญท่านเข้าไปด้านในได้หรือไม่ขอรับ?”
“ได้สิ”
[1] กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หมายถึง การตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้ลำบากใจ ตัดสินใจลำบาก ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไรก็มีผลเสีย ผลกระทบทั้งคู่