บทที่ 26 เทพเจ้าแห่งสายน้ำ!
*** หมายเหตุ : ขออธิบายคำว่าศิษย์ลานบนหน่อยนะคะเผื่อเพื่อนๆจะงง จากที่ซ่งหยูเป็นแค่
ศิษย์นอกแต่ได้ผ่านการประเมินจนเลื่อนชั้นมาเป็นศิษย์ขั้นสูงและย้ายขึ้นมาอยู่ที่ลานฝึกด้านบนยอดของหุบเขาของนิกายฯซึ่งเป็นที่ตั้งของลานฝึก จึงเรียกว่าศิษย์ลานบนค่ะ***
บทที่ 26 เทพเจ้าแห่งสายน้ำ!
เรื่องนี้ถือเป็นความอัปยศอดสูอย่างมากสำหรับตระกูลชุ่ยถู!....
เหล่าศิษย์จำนวนมากที่เข้ามามุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในห้องฝึกของตระกูลชุ่ยถู และพวกเขาต่างหากที่เป็นผู้ที่โหดเหี้ยมและป่าเถื่อน กลุ่มศิษย์ที่มุงดูต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานาว่า
"คราวนี้ตระกูลชุ่ยถูพบความฝ่ายตรงข้ามที่แข็งแกร่งกว่า พวกมันชอบโอ้อวดและหาเรื่องเหล่าศิษย์ลานบนของอาจารย์ปู่ นับว่าดีเหมือนกันที่พวกมันเจอคนที่เก่งกว่าเสียบ้าง!"
"ตระกูลซ่งแม้จะเป็นตระกูลที่ต่ำต้อย แต่วิธีการบ่มเพาะของเขานับว่ายอดเยี่ยมยิ่งกว่าตระกูลชุ่ยถูเสียอีก"
ศิษย์ของตระกูลหลิงชานส่ายหัวเพื่อปกป้องซ่งหยู
หนึ่งในศิษย์ตระกูลหลิงชานกล่าวต่อว่า"เขาสามารถใช้เพียงระยะเวลาเพียงสั้นๆในการฝึกฝนร่างกายให้แข็งแกร่ง และเขายังสามารถผสมผสานทักษะของดาบอัสนีเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าร้องจนสามารถเอาชนะศิษย์ตระกูลชุ่ยถูได้อย่างสมบูรณ์แบบ!"
เมื่อทุกคนได้ยินคำกล่าวนั้นพวกเขาต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วย!
เหล่าศิษย์หลักของตระกูลหลิงชานนั้นล้วนแต่ได้รับการปลูกฝังโดยตรงจากผู้สำเร็จการบ่มเพาะเท่านั้น
ดังนั้นขอบเขตในการเข้าถึงแก่นแท้ของการบ่มเพาะนั้นจะมีมากกว่าศิษย์ธรรมดาทั่วไป ดังนั้นส่วนใหญ่ของศิษย์ลานบนอย่างเช่นซ่งหยูนั้นคงจะได้รับชัยชนะจากการที่เขาสำเร็จการบ่มเพาะนั่นเอง! และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถผสมผสานการบ่มเพาะให้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณได้!
สาเหตุที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถทำได้ดั่งเช่นซ่งหยู เพราะอุปสรรคในการฝึกบ่มเพาะร่างกายนั้น
มีอยู่ด้วยกันสองประการคือ ประการแรก ถ้าผู้ฝึกใช้เวลาในการฝึกบ่มเพาะนานเกินไปก็ยิ่งจะทำให้การฝึกนั้นถอยหลังกลับ ประการที่สอง หากร่างกายผู้ฝึกไม่มีความแข็งแกร่งพอและหากใส่พลังไปทั้งหมดในเวลาเดียวกันก็เท่ากับฝืนร่างกายเมื่อพยายามที่จะปลูกฝังทั้งสองประการในเวลาเดียวกัน ในที่สุดมันก็ไม่ได้ทำให้เพิ่มความคืบหน้าแต่อย่างใด แต่จะทำให้ความแข็งแกร่งของผู้ฝึกนั้นลดลงเป็นอย่างมาก!
แต่ซ่งหยูนั้นเขาสามารถหลอมรวมการบ่มเพาะความแข็งแกร่งและการบ่มเพาะทางจิตวิญญาณให้หลอมรวมเป็นหนึ่งได้นับว่าเขาเป็นอัจริยะแห่งนิกายฯเลยทีเดียว!
-----------------------------------------------------
แท้จริงแล้วมีเหล่าศิษย์อีกจำนวนมากที่อยู่ในตระกูลชุ่ยถู! แต่ทว่า.....เหตุใดจะต้องเป็นชุ่ยชิงหยานที่ถูกเรียกตัวขึ้นไปบนหุบเขา และถูกครอบงำโดยนางปีศาจราชินีช้างสวรรค์ แม้ตระกูลของพวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับปีศาจ! แต่ทว่า....บรรพบุรุษของตระกูลชุ่ยถูนั้นเคยได้รับการช่วยเหลือจากเผ่าปีศาจนั่นเอง!
ซ่งหยูไม่เสียใจแม้แต่น้อยแม้ว่าจะโดนคนอื่นประณามว่าเขาโหดร้ายป่าเถื่อนสักเพียงใด!
พวกศิษย์ตระกูลชุ่ยถูนั้นอ่อนแอมากแต่ทะนงตัวว่าเก่งกาจเกินไป แม้ว่าพวกเขาจะได้รับการสืบทอดมรดกในการใช้อาวุธจิตวิญญาณและเสาสัญลักษณ์แห่งสวรรค์ แต่พวกเขาก็ยังคงอ่อนแออยู่ดี!
จากความสามารถของเหล่าศิิษย์ที่ได้รับการฝึกฝนโดยตรงจากผู้สำเร็จการบ่มเพาะ จึงเทียบเท่าได้กับศิษย์ขั้นสูงของลานบน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่แม้แต่หลานหยูและเฉิงฉานก็ต้องพ่ายแพ้ต่อพวกเขา!
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าผู้สำเร็จการบ่มเพาะของตระกูลชุ่ยถูจะมีความสามารถสักเพียงใดแต่ก็หาเทียบได้กับ
วิธีการฝึกของซินหวงไม่!
จากคำแนะนำของซินหวงที่ผ่านมาหลายสิบวันของการฝึกจุดสุดขีดของชีวิตระหว่างความเป็นและความตายซ่งหยูได้บรรลุจุดสุงสุดของการฝึกในหมู่ศิษย์ลานบนในการควบคุมร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณของเขาที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก!
แต่การบรรลุถึงความสำเร็จของเขาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วยังไม่น่ากลัวเท่ากับอานุภาพแรงระเบิดของเขาที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัว.....
บางทีการบ่มเพาะของซ่งหยูนั้นยังไม่สามารถนับไม่ว่าถึงระดับขั้นสูงสุดในบรรดาเหล่าศิษย์ลานบน เพราะระยะเวลาในการฝึกฝนของเขานั้นสั้นเกินไป แต่ทว่าด้วยอานุภาพของแรงระเบิดของเขานั้นมันร้ายแรงกว่าผู้สำเร็จการบ่มเพาะเสียอีก!
ซินหวงกล่าวว่ายังไม่ถึงระดับที่เขาพอใจ! แล้วความคาดหวังของเขาคือเท่าใดกัน?
สำหรับมาตรฐานของการระเบิดพลังของซ่งหยูสำหรับซินหวงนั้นเขาแทบยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของที่เขาตั้งไว้เสียด้วยซ้ำ
ความหยิ่งยโของตระกุลชุ่ยถูนั้นพวกเขาเปรียบดั่งพญาเสือโคร่ง...ในขณะที่มองเหล่าศิษย์คนอื่นๆเป็นเพียงแค่ลูกแกะตัวเล็กๆเท่านั้น ฉนั้นเมื่อพญาเสือโครงหิวโหยก็พร้อมที่จะขย้ำเหยื่อได้ทุกเวลาโดยไร้ซึ่งทางสู้!
------------------------------------------------
ชั้นบนของวิหารการเรียนรู้มีเหล่าอาจารย์ผู้ฝึกสอนกำลังนั่งจิบน้ำชากันอย่างเพลิดเพลินเพื่อสังเกตการณ์ประลองกันระหว่างศิษย์ด้านล่าง จากนั้นเมื่อซ่งหยูเดินออกจากห้องฝึกของตระกูลชุ่ยถู ก็มีผู้พิทักษ์วัยกลางคนของตระกูลชุ่ยถู นามว่าชุ่ยเอี้ยนเฉียงก็ยืนขึ้นพร้อมกับใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น!
เมื่อเขากำลังจะเดินลงไปชั้นล่างขณะนั้นก็มีร่างของเงาสีดำปรากฏขึ้นซึ่งเป็นชายชราที่ศรีษะเต็มไปด้วยผมสีขาวมาขวางทางเขาเอาไว้ ชุ่ยเอี้ยนเฉียงจ้องมองเขาและยิ้มอย่างเยาะเย้ยว่า"หึ! ท่านคงจะปกป้องศิษย์ชั่วของท่านสินะ! ศิษย์ของท่านทำร้ายศิษย์ของข้าปางตายเช่นนี้มันสมควรได้รับการลงโทษ!"
อาจารย์ปู่หัวเราะและกล่าวว่า "ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!" ผิดแล้วท่าน! ชายตระกูลซ่งผู้นั้นหาใช่ศิษย์ของข้าไม่! เขาเป็นศัตรูกับตระกูลเทียนเฟิง ไม่มีใครที่จะกล้ารับเขาเป็นศิษย์หรอก เขาเพียงแค่ฟังที่ข้าสอนแล้วสามารถเข้าถึงแก่นแท้ของทักษะดาบอัสนีเท่านั้นหาได้มีความสัมพันธ์อื่นใดไม่!"
ชุ่ยเอี้ยนเฉียงหัวเราะและกล่าวว่า"ในเมื่อเขาไม่ได้เป็นศิษย์ของท่าน! ถ้าเช่นนั้นท่านก็ไม่มีเหตุผลที่จะขัดขวางข้าหากข้าจะสั่งสอนบทเรียนให้กับเขาบ้าง!"
อาจารย์ปู่ส่ายศีรษะและกล่าวว่า "มันเป็นเพียงการต่อสู้กันเองของเหล่าศิษย์เท่านั้นนับเป็นเรื่องเล็กๆ เราเป็นผู้ใหญ่ไม่สมควรจะไปแทรกแซงเรื่องนี้ มันจะเป็นที่ครหาจะมีแต่ผลเสีย ข้าว่าท่านคงจะคิดเช่นเดียวกับข้าใช่หรือไม่?"
ชุ่ยเอี้ยนเฉียงมองไปรอบๆภายในห้องจิบชา ที่ทุกคนต่างพากันสนทนากันถึงเรื่องนี้แล้วทุกคนก็
พยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกับดวงตาที่จ้องมองมาทางชุ่ยเอี้ยนเฉียงด้วยความความไม่พอใจ เมื่อต้องเผชิญกับสายตาของเหล่าผู้ฝึกสอนทำให้เขาต้องฝืนใจกลบเกลื่อนเป็นหัวเราะและกล่าวว่า"ท่านกล่าวได้ถูกต้อง ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!"
แม้เขาจะกล่าวออกไปเช่นนั้นแต่แท้จริงแล้วภายในใจเขานั้นรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก"หึ! อาจารย์ปู่ปากบอกว่าไม่ได้ปกป้องชายตระกูลซ่งแต่การแสดงออกมันชัดเจนมาก....น่าเสียดายไม่เช่นนั้นข้าคงได้กอบ
กู้เกียรติยศศักดิ์ศรีของตะกูลชุ่ยถูได้แล้ว!
ซ่งหยูเดินไปหาเฉิงฉาน และหลานหยู แต่เขาได้ยินเสียงหัวเราะที่ดังมาจากด้านหลังว่า
"เจ้าได้กระทำต่อศิษย์ของตระกูลชุ่ยถูถึงขนาดนี้เจ้าคิดว่ายังจะออกไปได้โดยง่ายเช่นนั้นหรือ?"
ซ่งหยูหยุดเดินและหันกลับไปจากนั้นก็เกิดกระแสน้ำไหลลงมาจากหุบเขา และมีชายผู้หนึ่งยืนกอดอกอยู่บนผิวน้ำซึ่งเขากำลังเดินตรงมาที่ซ่งหยู
กระแสคลื่นที่รุนแรงนั้นล้วนเกิดจากจิตวิญญาณที่เขาสร้างขึ้นภายใต้ฝ่าเท้าของเขา ซึ่งเท้าของเขานั้นไม่ได้สัมผัสกับพื้นแม้แต่น้อย ดูลักษณะแล้วเขามีความสง่าและโดดเด่นยิ่งนัก!
นับตั้งแต่เขาได้ปรากฏตัวขึ้นนั้นเขาก็สามารถดึงดูดสายตาของเหล่าศิษย์หลายร้อยคนที่มายืนมุงดูเป็นอย่างมาก แม้แต่ซ่งหยุเองก็ต้องยอมรับว่าชายผู้นี้นั้นเป็นผู้ที่มีความสามารถที่ลำ้ลึกยิ่งนัก
"ศิษย์พี่เฉิงอี้!"
ภายในห้องฝึกเหล่าศิษย์ของตระกูลชุ่ยถูที่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับซ่งหยูได้พยายามที่จะลุกขึ้นจากพื้น
พวกเขามองออกไปด้านนอกและรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งว่า "ศิษย์พี่เฉิงอี้มาเพื่อแก้แค้นให้กับพวกเราแล้ว!"
ชุ่ยเฉิงอี้หันไปมองแล้วพยักหน้าด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย จากนั้นเขาเดินบนคลื่นที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าเขาไปที่ห้องฝึก ทันใดนั้น! เขาก็ได้ยกเสาสัญลักษณ์แห่งสวรรค์ขึ้นไปบนอากาศ ก็ปรากฏร่างของปลามังกร และ งูขนาดใหญ่ และดาบน้ำแข็ง ซึ่งอาวุธจิตวิญญาณเหล่านี้ต่างแสดงอิทธิฤทธิ์ของตัวเองให้ประจักษ์แก่ทุกสายตาที่กำลังจ้องมองอย่างตะลึงงัน!
ความสามารถในการบ่มเพาะระดับนี้นั้นนับว่าหาได้ยากในศิษย์ลานบน!
ชุ่ยเฉิงอี้มองไปที่ใบหน้าของซ่งหยูด้วยใบหน้าที่อบอุ่นโดยเขายิ้มและกล่าวว่า"เจ้ามาจากตระกูลซ่งเช่นนั้นรึ? ข้าว่าเจ้าหนักมือไปแล้วสำหรับการต่อสู้นั้นเพื่อแลกเปลี่ยนเคล็ดวิชาเท่านั้น หาใช่หมายเอาชีวิตไม่!"
ซ่งหยูส่ายหัวและกล่าวว่า"อืมม! แล้วทีศิษย์ตระกูลของท่านได้ทำร้ายศิษย์ลานบนถึงสองคน
อาการหนักปางตายเช่นกันแล้วท่านจะว่าอย่างไรเล่า?"
ชุ่ยเฉิงอี้หันมองไปทางหลานหยู และเฉิงฉาน เขาสังเกตเห็นว่าพวกเขาทั้งสองคนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน เขาจึงยกคิ้วขึ้นแล้วกล่าวว่า"อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในระหว่างการต่อสู้นั้นย่อมก็เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อมิใช่หรือ? มันคนละเรื่องกับสิ่งที่เจ้ากระทำต่อคนของตระกูลข้า เพราะฉะนั้นแล้วข้าจำเป็นต้องกอบกู้เกียรติยศศักดิ์ศรีของตะกูลชุ่ยถูของข้าไม่ให้โดนเหยียบย่ำไปมากกว่านี้ นี่มิได้เป็นการข่มขู่แต่อย่างใด เจ้ากำลังฝึกการบ่มเพาะอยู่มิใช่รึ? ถ้าเช่นนั้นข้าจะต่อสู้กับเจ้าโดยการใช้เคล็ดวิชาของการบ่มเพาะเท่านั้น!"
จากนั้นกระแสน้ำที่ไหลผ่านรอบตัวเขาก็หายไปและปรากฏเป็นหางของปลา เขาใช้พลังจิตวิญญาณ
ในการกลายร่างเป็นมนุษย์และมีหางเป็นปลา มีผมสีขาวและตาสีเงิน ซึ่งแววตาของเขานั้นดูโหดเหี้ยมและไร้ความปราณียิ่งนัก!
ชุ่ยเฉิงอี้เดิมมีความสูงเท่ากับคนธรรมดา แต่ตอนนี้ร่างของเขานั้นสูงเกือบสิบเมตร ร่างของเขาที่ขยายขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เส้นเลือดนั้นปูดโปน ออกมาจากร่างของเขา ร่างกายของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยกลิ่นไอของแรงระเบิดที่พลุ่งพล่านอยู่ในร่างกายโดยไม่เหลือเค้าโครงของชุ่ยเฉิงอี้คนเดิมแม้แต่น้อย!
รูปลักษณ์ของชุ่ยเฉิงอี้ในตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเมื่อร่างที่สูงใหญ่ของเขากลายเป็นซูบผอมลงอย่างรวดเร็วราวกับว่ามันถูกบีบน้ำออกจากฟองน้ำจนหมดสิ้น!
"เทพเจ้าแห่งสายน้ำ!" ชุ่ยเฉิงอี้ตะโกนขึ้น
ใบหน้าของซ่งหยูเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว สำหรับการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันของร่างชุ่ยเฉิงอี้
ที่กำลังใช้อานุภาพของพลังเทพเจ้าแห่งสายน้ำมาเป็นตัวช่วยในการต่อสู้!
ตามที่ประจักษ์แก่สายตาของผู้ที่ได้พบเห็นว่าเทพเจ้าแห่งสายน้ำนั้นเป็นเพียงอากาศธาตุ ไม่มีเนื้อและกระดูก!
นอกจากนี้มันยังไม่ใช่เพียงแค่ภาพของเทพเจ้าแห่งสายน้ำเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาได้เอาคลื่นพลังอันมศาศาลของแม่น้ำหลายสายที่ไหลมาสู่จุดเดียวเป็นเทพเจ้าแห่งสายน้ำเข้ามาภายในร่างกายของเขาอย่างน่าสะพรึงกลัว!
เทพเจ้าแห่งสายน้ำนั้นเป็นเทพเจ้าของเผ่าแม่น้ำเว่ย ตระกูลชุ่ยถู ซึ่งเป็นวิญญาณที่พวกเขาบูชามานาน
นับพันปีก่อน! เมื่อมนุษย์เป็นผู้จับจองครอบครองพื้นที่เหล่านั้นเป็นต้นมา ซึ่งภายในตระกูลนั้นมีคนจำนวนมากที่สามารถปลูกฝังจิตวิญญาณบรรพบุรุษเหล่านี้ได้ แต่มีเพียงไม่กี่คนที่จะสามารถบรรลุถึงระดับที่สูงได้!
แต่ชุ่ยเฉิงอี้เขาสามารถเห็นถึงเนื้อแท้ของเทพเจ้าแห่งสายน้ำได้ในไม่กี่คนของตระกูล!
สำหรับการบ่มเพาะเคล็ดวิชาเทพเจ้าแห่งสายนน้ำนั้นจะสร้างรากฐานของร่างกายให้แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ! มันจะทำให้ร่างกายแข็งแกร่งยิ่งกว่าการฝึกบ่มเพาะด้วยตัวเองเสียอีก ซึ่งมันจะช่วยให้ได้ปรียบสำหรับการต่อสู้กับผู้ที่สำเร็จการบ่มเพาะทางด้านร่างกายเช่นซ่งหยูเป็นอย่างมาก!
หากจะกล่าวถึงการต่อสู้กับเทพเจ้านั้นมันคงเป็นเรื่องยากที่เหนือจินตนาการยิ่งนัก.....................
"ซ่งหยู! ชายผู้นี้ไม่ธรรมดา!"
เสียงของซินหวงในมหาสมุทรแห่งจิตทำหน้าเคร่งขรึมและกล่าวว่า"ความแข็งแกร่งของเขาไม่ธรรมดาหากเขาสามารถเข้าไปยังห้องโถงแห่งจิตวิญญาณได้ เขาจะกลายเป็นผู้พิทักษ์ที่สำเร็จการบ่มเพาะทันที พลังของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าเจ้ามากมายนัก เขาสมารถสำเร็จการแปลงภาพเสมือนจริงได้แล้ว ข้าเกรงว่าเขาจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ศิษย์ลานบน!"
"แปลงเสมือนเป็นจริง?"
หัวใจของซ่งหยูเต้นเร็วด้วยความตื่นตระหนก! ผู้พิทักษ์ที่สำเร็จการบ่มเพาะ!
สำหรับผู้สำเร็จการบ่มเพาะเท่านั้นถึงจะสามารถบรรลุการแปลงเสมือนจริงได้สำเร็จ ดั่งเช่นในการต่อสู้ที่เกิดขึ้นภายในห้องโถงไร้หมอกระหว่างซูเซี่ยงเฉิง กับผู้อาวุโสเทียน ที่เขาสามารถเปลี่ยนไม้ให้กลายเป็นดาบ
และรวมพลังอำนาจของเขาด้วยดาบไม้ให้เป็นคานขนาดใหญ่ได้! นี่คือเคล็ดวิชาแปลงเสมือนเป็นจริง
โดยการสร้างพลังอำนาจใช้แปรเปลี่ยวัตถุได้ตามที่เราต้องการนั่นเอง!
แน่นอนว่ามันไม่ได้เปลี่ยนพลังให้เป็นไม้อย่างแท้จริง มันเป็นเพียงการแสดงอำนาจทางจิตใจเท่านั้น
หากจิตใจไม่มั่นคงรูปธรรมที่สร้างขึ้นก็จะหายไปพร้อมกับมัน!
ชุ่ยอี้เฉิงสามารถประสบความสำเร็จในการแปลงเสมือนจริงได้ จึงทำให้เขาสามารถรวบรวมพลังอำนาจของแม่น้ำทั้งหลายให้รวมเป็นหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ก็แสดงว่าความมั่นคงในจิตใจเขานั้นคงอยู่ในระดับเดียวกับผู้สำเร็จการบ่มเพาะแล้ว!
ในหมู่ศิษย์ขั้นสูงนั้น .....นี่คงเป็นครั้งแรกที่ซ่งหยูเคยพบกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้!
การแสดงเสมือนจริงทำให้เทพเจ้าแห่งสายน้ำมีชีวิตและสามารถเสริมสร้างร่างกายเขาให้แข็งแกร่งขึ้นอีกหลายสิบเท่า ซึ่งเทียบได้กับผู้ที่สำเร็จการบ่มเพาะทางร่างกาย และ.....มันก็แข็งแกร่งกว่าร่างกายของซ่งหยูอีกด้วย!
ซ่งหยูถึงกับกลืนน้ำลายลงคอใบหน้าเขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเจน ชุ่ยเฉิงอี้มีความแข็งแกร่งยิ่งกว่าอู๋เฟยหยานที่นับว่าแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาศิษย์หญิง ซึ่งศิษย์ของตระกูลชุ่ยถูก่อนหน้าที่ทุกคนช่างไกลห่างจากระดับของชุ่ยเฉิงอี้คนนี้มากมายนัก!
อู๋เฟยหยานได้ปลูกฝังปลามังกรให้สมบูรณ์ไปด้วยเลือดเนื้อ และกระดูกราวกับเป็นของจริง
แต่มันก็ยังขาดหายไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนที่มันจะสามารถทำให้การเปลี่ยนแปลงของเสมือนเป็นจริงได้สาเหตุหลักคือ พลังจิตของนางไม่แข็งแรงพอที่จะทำให้ภาพลักษณ์ของปลามังกรเสมือนจริงได้!
ซ่งหยูหายใจลึกๆ และตอนนี้หัวใจของเขาไม่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเพียงเล็กน้อย เขารู้สึกตื่นเต้นเสียมากกว่าที่เขามีคู่ต่อสู้ที่มีความแข็งแกร่งกว่า!
"เจ้ากลัวหรือ?"
ในหมาสมุทรแห่งจิตซินหวงกำลังหมุนวนอย่างตื่นเต้น เขาสงสัยและกล่าวว่า "แต่ว่า....ชุ่ยเฉิงอี้คนนี้เขานับว่ามีความแข็งแกร่งยิ่งกว่าเจ้ามากนัก....."
"ไม่!"
แรงกระตุ้นความปรารถนาของซ่งหยูในการสู้รบกำลังค่อยๆจุดประกายอยู่ในอก ดวงตาของเขากระพริบถี่พร้อมกับกระวนกระวายใจ!"ยิ่งมีความแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นการดี หากสามารถเอาชนะเขาได้
และบดขยี้ร่างเขาเพื่อทำลายความเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีของคนตระกูลชุ่ยถูได้ก็นับว่าเป็นการดี...เจ้ามีความเห็นเป็นอย่างไรซินหวง...?"
..........................................................................................................................