ตอนที่ 74 เข้าสู่อีกขอบเขต 1/2 (ฟรี)
“ฉับ”
“ตุบ”
เสียงทั้งสองแทบจะดังขึ้นมาในเวลาเดียวกัน สายโลหิตพุ่งกระฉูดขึ้นทาทับทั่วท้องนภา พร้อมทั้งศีรษะหนึ่งที่กำลังกลิ้งเกลือกไปตามพื้นดิน
เท้าข้างหนึ่งที่เซี่ยฉางเฟิงเตะออกมาครั้งสุดท้ายก่อนตายได้รวมพลังสภาวะทั้งหมดเอาไว้จนทำให้ร่างของหลงเฉินลอยกระเด็นไปไกลหนึ่งช่วงตัว จากนั้นก็กลิ้งไปไกลอีกห้าช่วงตัวอย่างรุนแรงจนฝุ่นตลบก่อนจะหมอบราบแน่นิ่งอยู่บนพื้น
เมื่อมองไปยังคราบโลหิตที่ชโลมอยู่บนคมดาบในมือ สลับกับร่างของเซี่ยฉางเฟิงที่ได้กลายเป็นศพอยู่ในที่ที่ห่างไกลออกไป หลงเฉินก็ได้แต่สูดลมหายใจเข้าลึกอยู่หลายครั้ง
เซี่ยฉางเฟิงผู้นี้จะต้องมีบางอย่างซ่อนเร้นเอาไว้อยู่อีกแน่นอน ภายในจิตใจของหลงเฉินบังเกิดความรู้สึกที่ไม่สบายขึ้นมาหลายส่วน ราวกับว่าในไม่ช้านี้จะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น
ฝ่ามือโลหิตมรณะเป็นกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของเซี่ยฉางเฟิง ทว่าชายผู้นั้นกลับโชคร้ายเป็นอย่างยิ่งที่ถูกหลงเฉินจับจุดอ่อนได้ เขาจึงมีโอกาสเพียงหนึ่งในพันครั้งเท่านั้นที่จะสามารถใช้กระบวนท่าเช่นนั้นออกมา
พลังการฝึกยุทธ์ของหลงเฉินนั้นไม่ได้อยู่ในจุดตันเถียนมาแต่เดิมอยู่แล้ว ทว่ากลับถูกซ่อนเอาไว้ที่จุดดารากักวายุ ฉะนั้นเท้าที่เตะออกมาด้วยพลังมหาศาลจึงไม่ได้ก่อความน่าหวาดกลัวให้แก่หลงเฉินได้แม้แต่น้อย
ทว่าเหตุใดบัดนี้ภายในจิตใจถึงรู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมาไม่หยุด มีทั้งความกดดันและไม่กดดันกำลังโอบล้อมไปรอบกาย เขาหวาดหวั่นว่าเซี่ยฉางเฟิงจะแสดงพลังฝีมือที่น่ากลัวยิ่งกว่านี้อีก เมื่อสบโอกาสหนึ่งในพันครั้งขึ้นมาได้จึงไม่อาจที่จะปล่อยไปได้อย่างง่ายดาย
ก่อนที่เซี่ยฉางเฟิงจะกลายเป็นร่างไร้วิญญาณไปเช่นนี้ เขาได้ส่งพลังทั้งหมดที่มีทั้งชีวิตออกมาพร้อมกับลูกเตะครั้งสุดท้ายมายังท้องน้อยของหลงเฉิน ด้วยพลังอันมหาศาลอันน่าหวาดกลัวที่เข้าปะทะหลงเฉินจนต้องกระอักโลหิตออกมา แขนขาและศีรษะทั้งห้าส่วนสั่นเทาอย่างรุนแรงแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ
หลงเฉินจึงรีบกลืนโอสถชำระภายในลงไปเม็ดหนึ่งเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดจากการบาดเจ็บสาหัส ในเวลาเดียวกันนั้นก็รู้สึกโชคดีขึ้นมาอยู่ไม่น้อย เซี่ยฉางเฟิงผู้นี้ถือได้ว่าเก่งกาจจนน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดผู้หนึ่งเลยทีเดียว
ร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงจะขยับเขยื้อนรอคอยจนฤทธิ์โอสถเข้าควบคุมพิษฝ่ามือเอาไว้จนสมบูรณ์แล้ว ก็เริ่มกลับคืนสู่ความปกติดังเดิมอย่างช้าๆ
โอสถที่หลงเฉินได้หลอมและพกพาติดตัวเอาไว้ต่างก็เป็นโอสถที่มีผลลัพธ์ในการช่วยชีวิตแทบทั้งสิ้น อีกทั้งยังอยู่ในระดับสูงทั้งหมด จึงทำให้การฟื้นฟูเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว นี่ก็คือคุณสมบัติอันดีของวิถีโอสถอย่างแท้จริง
หลงเฉินพยุงร่างขึ้นมาจากพื้น เยื้องย่างฝีเท้ามาหยุดลงตรงข้างศพของเซี่ยฉางเฟิง พลันก้มลงถอดแหวนมิติที่อยู่บนมือขององค์ชายออกมาเก็บไว้กับตัวเอง เพราะในตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาดูว่าด้านในนั้นมีสิ่งใดอยู่บ้าง
หลงเฉินเดินจากไปโดยไม่หันไปมองยังศีรษะที่เขาฟันขาดแม้แต่พริบตาเดียว มุ่งหน้าไปยังฉากการต่อสู้ของอาหมานในทันที
เมื่อเข้าไปใกล้บริเวณนั้นเสียงของอาหมานก็ได้กู่ร้องขึ้นมา ขวานยักษ์ในมือหอบสายลมหลายสายเข้าครอบงำบรรยากาศโดยรอบ คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กน้อยโง่เขลาผู้นั้นยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งห้าวหาญมากขึ้น แม้จะไร้ทั้งกระบวนและชั้นเชิงกลับยังสามารถปะทุพลังทำลายอันแปลกประหลาดออกมาได้ถึงเพียงนี้
เดิมทีหวังหมางถือกระบี่หนักของเขาด้วยมือเพียงข้างเดียว ทว่าในเวลานี้กลับใช้ทั้งสองมือกุมแน่นไปที่ด้ามของกระบี่ อีกทั้งสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกกำลังจ้องมองไปยังอาหมาน
ภายในจิตใจของหลงเฉินได้ระบายความอัดอั้นออกมาได้ส่วนหนึ่ง ชะตาชีวิตของเซี่ยฉางเฟิงได้ถูกตัดสินใจให้ตายลงไปแล้ว ส่วนหวังหมางที่เป็นถึงยอดฝีมือที่มีพลังอันแกร่งกล้าผู้หนึ่งกลับยังใช้แค่เพียงโทสะจึงเอาแต่ใช้พละกำลังต่อสู้กับอาหมานเท่านั้น
ถ้าหากมองจากพลังฝีมือที่แท้จริงของชายผู้นั้นแล้ว ขอแค่ใช้ทักษะเฉพาะออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็สามารถจัดการอาหมานลงได้อย่างง่ายดายแล้วแท้ๆ ทว่าในห้วงความคิดกลับมืดบอด เอาแต่ทำการต่อสู้ด้วยพลังกาย หากเป็นเช่นนี้ต่อไปก็คงไม่อาจทานรับพลังของอาหมานได้
“ตูม”
เสียงระเบิดดังขึ้นมาครั้งที่เท่าใดแล้วนั้นก็ไม่ทราบได้ ในที่สุดหวังหมางก็ได้พ่ายแพ้ลงไป ไร้เรี่ยวแรงที่จะต้านทานอาหมานเอาได้อีกต่อไป จึงถูกสันขวานศึกเบิกผูภาซัดเข้าเต็มแรงจนลอยกระเด็นไปไกล
หวังหมางไม่ได้มีความโกรธแค้นดังเช่นตอนแรกเริ่มอีกแล้ว บนใบหน้าในเวลานี้มีเพียงความตื่นตกใจ เขาได้ใช้พละกำลังที่เหนือธรรมดาของตัวเองเข้าจัดการกับศัตรูมากมายมานับไม่ถ้วน ทว่าเหตุใดวันนี้กลับต้องมาพ่ายแพ้ให้กับเจ้าตัวโง่งมผู้หนึ่งอย่างราบคาบ ได้
“ตึง”
ในขณะที่หวังหมางกำลังจ้องมองไปยังอาหมานด้วยความคิดที่แสนจะซับซ้อนอยู่หลายขุม ก็ไม่ทันได้ตั้งตัวว่าด้านหลังมีเงาร่างของคนผู้หนึ่งเพิ่มขึ้นมาอีกสาย ดาบยาวกวาดเข้ามาอย่างไร้ซึ่งซุ่มเสียงของสายลมผ่านลำคอของเขาไปอย่างฉับพลัน
หวังหมางรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังลอยสูงขึ้น ทว่าปฏิกิริยาแรกที่รู้สึกกลับไม่ใช่การเหาะเหิน สายตาทั้งคู่ก้มลงไปมองเห็นร่างกายของตัวเองยังคงอยู่บนพื้น ทันใดนั้นจิตสำนึกก็ได้ดับวูบเข้าสู่ความมืดมิดไปชั่วนิรันดร์
อาหมานเบิกตากว้างเมื่อพบว่าหวังหมางที่ต่อสู้กับเขาอยู่เมื่อครู่นั้นได้ถูกหลงเฉินลงดาบตัดศีรษะจนปลิวไปกลางอากาศเรียบร้อยแล้ว
“หวา”
ขวานศึกเบิกภูผาที่กำแน่นอยู่ในมือข้างหนึ่งก็ได้ร่วงลงบนพื้นดังตึง
หลงเฉินมองไปยังใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวของอาหมานที่จ้องมองไปที่ศพของหวังหมาง ก็นึกขึ้นมาได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่อาหมานพบเห็นการสังหารผู้คน จะแสดงปฏิกิริยาเช่นนี้ออกมาก็ย่อมไม่ผิดแปลกอันใด
“อาหมาน นี่คือความเป็นจริงอันแสนโหดร้าย หากพวกเราคิดที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป พวกเขาก็จำเป็นจะต้องตาย” หลงเฉินกล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น
“พี่หลง ข้าไม่เป็นไร” อาหมานส่ายหน้าไปมาด้วยสีหน้าคงเดิม “ขอเพียงพี่หลงเห็นชอบว่าพวกเขาสมควรตาย พวกเขาก็ต้องสมควรตาย”
หลงเฉินฝืนยิ้มออกมาในที่สุด หากกล่าวถึงหลักเหตุผลที่ลึกซึ้งกว่านี้ไป อาหมานก็คงไม่อาจที่จะทำความเข้าใจได้อยู่ดี ทว่าอาหมานกลับยังเชื่อมั่นต่อเขาถึงเพียงนี้ ก็อดที่จะรู้สึกตื้นตันใจขึ้นมาไม่ได้
“พวกเรารีบไปกันเถิด……”
หลงเฉินเดินนำอาหมานออกจากบริเวณนั้นทันทีกล่าวจบ เขารู้สึกได้ถึงความไม่ถูกต้องบางอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้อย่างมากพอควร จู่จู่ทั่วทั้งร่างก็แข็งเกร็งขึ้นมาราวกับถูกสัตว์โบราณจับจ้องอยู่อย่างไรอย่างนั้น อีกทั้งบรรยากาศกลับผสมผสานกลิ่นอายแห่งความตายที่โหดเหี้ยมขึ้นมา หลงเฉินหยุดฝีเท้าลงในทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นคล้ายกับอยู่ใจกลางของถ้ำน้ำแข็ง
ร่างที่แข็งเกร็งได้หันกลับไปยังเบื้องหลังที่จากมาเมื่อครู่นี้อย่างช้าๆ เหม่อมองไปยังยอดเขาที่ห่างไกลออกไปหลายสิบช่วงตัว เงาร่างของคนผู้หนึ่งยืนเด่นอยู่ท่ามกลางแมกไม้บนหน้าผาที่สูงชัน สายตาที่คุ้นเคยคู่นั้นก็กำลังจ้องมองมาที่เขาอยู่เช่นเดียวกัน
การปรากฏตัวของคนผู้นั้นทำให้นัยน์ตาของหลงเฉินขยายใหญ่ขึ้นมาในทันที ในที่สุดก็เข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้วว่าสิ่งที่ตนกำลังหวาดกลัวได้อยู่ที่นั่นเอง กลับไม่ใช่มาจากแรงกดดันจากเซี่ยฉางเฟิงอย่างที่คาดคิดเอาไว้
“ผัวะผัวะผัวะ”
ติดตามตอนเพิ่มเติมได้ที่ : 9 ดารา