บทที่ 34 นิ่งเข้าไว้ 1 (1) [อ่านฟรี]
บทที่ 34 นิ่งเข้าไว้ 1 (1)
คาร์ลจ้องไปยังถ้วยน้ำชาที่รอนนำมาให้เขา
“....ชามะนาวก่อนนอนงั้นรึ?”
“ขอรับนายน้อย”
คาร์ลไม่เคยดื่มชามะนาวก่อนเข้านอน เขารู้สึกไม่อยากจะดื่มมันแต่ก็ยกถ้วยชามะนาวขึ้นมาโดยไม่ได้พูดอะไรอีก เขารู้สึกถึงสายตาของรอนที่จ้องมองเขาเมื่อเขาเริ่มจิบชามะนาวเข้าปาก
หลังจากนั้นรอนก็เริ่มพูด
“นายน้อย....กระผมมีเรื่องที่จะขอร้องได้หรือไม่?”
“แค่ก!แค่ก! อะไรนะ? ขอร้อง?”
ดวงตาของคาร์ลเปิดกว้างขึ้นทันทีที่ได้ยินว่ารอนมีเรื่องที่จะขอร้องเขาก่อนจะหันกลับไปมองรอนอย่างรวดเร็ว รอนยังคงมีรอยยิ้มเต็มใบหน้าของเขา แววตาของคาร์ลเริ่มขุ่นมัวและเริ่มคิดถึงเรื่องนี้
‘ตาแก่คนนี้มีเรื่องที่จะขอร้องคนอย่างฉันนี่นะ?คนที่เขามองว่าเป็นตัวไร้ประโยชน์เช่นนี้นี่หรือ’
คาร์ลรู้สึกไม่สามารถที่จะอธิบายถึงลางสังหรณ์ของตนได้ เขารู้สึกเหมือนคนที่พยายามจะกำจัดก้อนเนื้อบนใบหน้าของตนแต่จบลงด้วยการมีก้อนเนื้อเพิ่มขึ้นมาสองก้อน[1] หรือแม้แต่ความรู้สึกเช่นเดียวกับคนตัดไม้จอมโลภมากที่อ้างว่าขวานทองและขวานเงินเป็นของตนและจบลงด้วยการกลับบ้านมือเปล่าโดยที่ไม่ได้แม้แต่ขวานของตัวเองกลับคืน[2]
คาร์ลพยายามทำให้ตัวเองใจเย็นลงก่อนจะเอ่ยถามด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย
“ตกลง...แล้วมันคืออะไร?”
รอนได้ส่งคำร้องขอของตนให้แก่คาร์ลโดยทันที
“...กระผมขอลาพักผ่อนสักสองวันได้ไหมขอรับ?”
“โอ้....”
คาร์ลอุทานออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจเขารู้สึกราวกับว่าก้อนเนื้อได้หลุดออกจากใบหน้าของตนและได้รับของขวัญเป็นขวานสีเงินและขวานสีทองในเวลาเดียวกัน คาร์ลวางถ้วยชามะนาวลงและคว้ามือของรอนมาจับเอาไว้ก่อนจะพูดอย่างรวดเร็วกว่าปกติที่เขาเคยเป็น
“ใช่แล้ว...มันเป็นความคิดที่ดีมาก...รอนเจ้าทำงานหนักมานานหลายสิบปี....เจ้าต้องคอยดูแลนายน้อยที่ทำตัวเป็นขยะเช่นข้ามาโดยตลอด..ถ้าเจ้าต้องการพัก..เจ้าสามารถพักได้นานตราบที่ตัวเจ้าต้องการ..เจ้าสมควรเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับผลตอบแทนเช่นนี้”
ใช่แล้ว..คาร์ลต้องการให้รอนหยุดพักให้นานๆแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นรอนจะต้องกลับมาก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์น่ากลัวในเมืองหลวงเพื่อที่จะเข้าร่วมกับเชวฮัน ดังนั้นสองวันถือได้ว่าสมบูรณ์แบบแล้ว คาร์ลกำลังมองไปข้างหน้าอย่างสุขใจเมื่อนึกถึงความสนุกของตัวเองที่จะเกิดขึ้นได้อีกสองวันข้างหน้าโดยไม่มีใบหน้าของนักฆ่าเช่นรอนคอยกวนใจ
รอนมองไปที่คาร์ลที่กำลังจับมือของเขาอย่างกระตือรือร้นด้วยความสงสัย ก่อนที่คาร์ลจะหันหน้าหนีไปจากรอนอย่างรวดเร็วและเปิดลิ้นชักจากตู้ที่ตั้งอยู่ข้างเตียงนอนของตน เขาเอากระเป๋าใส่เงินออกจากลิ้นชักและถือมันขึ้นมา
เช็คและเงินจำนวนมาอยู่ในตู้นิรภัยในบ้านหลังนี้แต่ก็ยังมีเงินจำนวนมากในกระเป๋าใบนี้เช่นกัน คาร์ลเอากระเป๋าเงินยัดใส่ในมือของรอน เขาเป็นบุตรชายของตระกูลที่ร่ำรวยและไม่มีอะไรอื่นนอกเหนือไปจากเงิน
“รับนี่ไป..มันอาจจะไม่มากนักแต่ก็สามารถซื้ออาหารอร่อยๆและสนุกไปกับการพักผ่อนของเจ้าได้”
รอนจ้องไปที่กระเป๋าเงินของคาร์ลที่อยู่ในมือของตน
‘ซื้ออาหารอร่อยๆให้แก่ตัวเองและสนุกไปกับการพักผ่อนของตัวข้าเอง’
ในตอนนี้มันทำให้รอนนึกถึงการหลบซ่อนตัวตนที่แท้จริงของตนเอาไว้เขาได้ใช้เวลาทั้งหมดของตัวเองในการดูแลขยะไร้ค่าคนนี้..นายน้อยลูกสุนัขของเขา ตอนนี้เขาพยายามที่จะถอยออกจากที่ซ่อนและเริ่มชีวิตใหม่แต่มีโอกาสที่ในอนาคตของเขาจะเกิดความวุ่นวายได้ถ้าคนพวกนั้นสามารถข้ามมายังทวีปตะวันตกได้มันจะกลายเป็นความเลวร้ายที่รุนแรงยิ่งกว่าที่คาดไว้เสียอีก
‘แล้วข้าควรจะปล่อยลูกชายของข้าไว้ที่นี่เช่นนั้นหรือ?’
รอนมองไปยังนายน้อยของตนที่มีท่าทางผ่อนคลายตรงหน้าของเขา
“นายน้อย...มันจะเป็นเรื่องที่ดีใช่ไหมขอรับ?”
คาร์ลรู้สึกตื่นเต้นกับคำถามของรอน เขาต้องการให้รอนรู้สึกสนุกเพลินเพลินไปกับตัวเองให้มากจนอยากจะออกจากเขาไปหากเป็นเช่นนั้นก็นับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับคาร์ล
“แน่นอน..ตัวเจ้าเหมาะสมที่สุดแล้วที่จะได้รับความสนุกและเพลิดเพลินไปกับการพักผ่อนนั่น”
แผนเดิมของรอนคือการจากไปอย่างเงียบๆภายใน2-3วัน เขาอาจจะจากไปเพียงลำพังหรือไปกับบารอค อย่างไรก็ตามความผูกพันที่น่ารังเกียจนี้คือปัญหา นั่นจึงทำให้เขาเลือกที่จะพูดถึงการหยุดพักสองวันขึ้นมา เขาต้องการจะดูว่าเจ้าขยะนี่จะพูดอะไร มันคือสิ่งที่เขาอยากรู้
นายน้อยลูกสุนัขตัวนี้...คาร์ลรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาเป็นใครเพราะเชวฮัน รอนยังคงมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนประดับที่ใบหน้าแต่สายตาของเขาเริ่มเปลี่ยนไป
“นายน้อย...นี่มันเป็นเงินที่มากเกินไปนะขอรับ...ท่านจะทำเช่นไรหากกระผมใช้โอกาสนี้หลบหนีไป?”
‘หรือว่าท่านต้องการให้ข้าหนีไปเพราะได้ยินว่าข้าคือคนที่แข็งแกร่งและน่ากลัว?’
แม้ว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาจะบังคับให้ตนมีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลาแต่มันก็ยังทำให้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยริ้วรอยเป็นจำนวนมาก เขายังคงจ้องเขม็งไปที่คาร์ลแต่รอนก็ไม่สามารถมองเห็นปฏิกิริยาใดๆจากคาร์ลได้
คาร์ลพ่นลมออกจากจมูกของตนเบาๆ
“เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้จักเจ้าเช่นนั้นหรือรอน?ถ้าเจ้าจะหนีไปจริงๆเจ้าก็เพียงแค่จากไปโดยไม่พูดสิ่งใดออกมาหรือเพียงแค่ออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดก็เท่านั้น ข้าคิดผิดหรือไม่?”
นั่นเป็นวิธีที่รอนทำไว้ในนิยาย ในตอนที่เขาหนีหายไปเขาไม่ได้กล่าวสิ่งใดต่อท่านเคานต์เฮนิตัสและเมื่อใดก็ตามที่เขาจำเป็นต้องแยกตัวออกจากกลุ่มของเชวฮันชั่วคราวเขาจะแจ้งแก่พวกเขาก่อนออกเดินทางไป
“.....นายน้อยถูกแล้วขอรับ...นั่นคือสิ่งที่ถูกต้อง”
รอนพยักหน้าตอบรับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าของเขา เขาคิดว่านายน้อยลูกสุนัขที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ ตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมาได้มีโอกาสเห็นตนมากกว่าบารอคลูกชายของเขาเองด้วยซ้ำ ในความเป็นจริงคาร์ลอาจจะเป็นคนที่รู้จักรอนดีที่สุดก็เป็นได้
‘ตอนนี้ข้าแก่เกินไปแล้ว’
ชายชราเช่นเขาได้ยอมรับว่าตนได้แก่ตัวลงคงเหมือนกับวงปีที่คอยบอกการเจริญเติบโตของต้นไม้ว่ามีอายุเท่าใดแล้ว อีกทั้งผลจากเวลาที่เคลื่อนผ่านในแต่ละวันก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงออกจากตัวเขาได้เช่นกัน
“กระผมจะกลับมารับใช้นายน้อยอีกครั้งเมื่อท่านไปเยือนวังหลวง”
“หากเจ้าต้องการมันจริงๆ..ข้าก็ยินดี”
รอนมองไปยังคาร์ลที่ไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่ตนเอ่ยออกมานักก่อนที่รอนจะเก็บกระเป๋าเงินไว้กับตัว
เขาไม่อาจยอมให้คาร์ลเข้าไปในวังหลวงด้วยท่าทางที่ดูแย่กว่าเชื้อพระวงศ์หรือขุนนางคนอื่นๆได้ รอนไม่ต้องการที่จะเห็นนายน้อยลูกสุนัขที่เขาเลี้ยงมาโดนคนอื่นดูถูกได้เป็นอันขาด
นั่นเป็นหน้าที่สุดท้ายของเขาก่อนที่เขาจะจากไป
“..ถ้าเช่นนั้นกระผมขอตัวก่อนนะขอรับ”
“อืม...ได้สิ..ได้อย่างแน่นอน”
คาร์ลโบกมือให้กับรอนขณะที่นั่งอยู่บนเตียงและนอนหลับฝันดีเป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่ผ่านมา
เมื่อคาร์ลตื่นขึ้นมาในช่วงเที่ยงของวันรุ่งขึ้นเขาก็พบว่ารอนได้ออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าตรู่ในวันหยุดพักผ่อนของรอนแล้ว คาร์ลรู้สึกขอบคุณเป็นยิ่งนักและในตอนนี้รองพ่อบ้านฮันส์กลายเป็นผู้รับผิดชอบในการดูแลความสะดวกให้แก่คาร์ล
“นายน้อย...รอนบอกว่าเขาจะไม่สบายใจเลยหากหน้าที่นี้ไม่ใช่กระผม ฮ่าฮ่าฮ่า.....กระผมคิดว่าตัวเองเหมือนจะเป็นคนที่พิเศษเสียแล้วซิขอรับ?...ฮ่าฮ่าฮ่า”
“เมื่อไหร่เจ้าจะเงียบเสียที?”
คาร์ลไม่ได้สนใจฮันส์และมองออกไปนอกประตูห้องที่เปิดกว้างดูเหมือนว่าเชวฮันจะยืนอยู่นอกประตูตั้งแต่เช้าตรู่ เขายังคงจ้องไปที่เชวฮันและสงสัยว่ามันกำลังเกิดสิ่งใดขึ้น ก่อนที่จะได้ยินคำตอบจากเชวฮันโดยที่เขาไม่ต้องเอ่ยถามใดๆ
“ท่านรอนให้กระผมมาคอยคุ้มครองท่านคาร์ลขอรับ”
‘รอนกำลังคิดอะไรของเขากันนะ?’
คาร์ลเริ่มมีสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นขณะที่รับถ้วยเครื่องดื่มจากฮันส์ก่อนที่เขาจะเริ่มขุ่นเคือง
“ฮันส์...ทำไมเจ้านำน้ำมะนาวมาให้ข้า?”
“อะไรนะขอรับ?...นายน้อยไม่ได้ชอบน้ำมะนาวหรือขอรับ?”
เฮ้อ
คาร์ลถอนหายใจยาวและเริ่มดื่มน้ำมะนาวที่ฮันส์นำมาให้ตนอย่างน้อยมันก็ดีกว่าน้ำเย็นมันปลุกให้เขารู้สึกตื่นขึ้นและยังช่วยล้างสิ่งสกปรกในท้องของเขาได้ดีอีกด้วย
เชวฮันเฝ้ามองฮันส์และคาร์ลจากนอกประตูห้องขณะที่เขานึกถึงบทสนทนาที่เขามีกับรอนเมื่อคืนนี้
‘ท่านกำลังจะเดินทางไปที่ไหนสักแห่งเช่นนั้นหรือ?’
‘ใช่’
‘มันคือที่ใด?’
‘มันไม่ใช่เรื่องที่เด็กเช่นเจ้าต้องรู้’
‘ท่านมาคุยกับข้าเพื่อท่านคาร์ลใช่หรือไม่?’
‘เจ้าคิดออกด้วยนี่’
นั่นคือสิ่งที่รอนบอกแก่เข้าก่อนที่จะออกเดินทางไปเมื่อตอนเช้าตรู่ เชวฮันได้เห็นนักฆ่ารอนแทนที่จะเป็นพ่อบ้านรอนเมื่อเขากำลังมุ่งหน้าออกไปจากที่พัก
“เชวฮัน”
เชวฮันหลุดออกจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากคาร์ลก่อนจะเดินเข้าไปใกล้คาร์ลในห้อง คาร์ลลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปที่ห้องน้ำและเอ่ยถามเชวฮันที่จ้องมองมาที่เขาอยู่
“ล็อกฟื้นรึยัง?”
“ฟื้นแล้วขอรับ...”
คาร์ลไม่ได้แปลกใจอะไรเพราะเผ่าหมาป่านับได้ว่ามีความสามารถในการฟื้นฟูร่างกายของพวกเขาได้อย่างรวดเร็วอยู่แล้ว
คาร์ลมองดูเวลาก่อนจะนึกถึงเจ้าอ้วนบิลอสลูกชายนอกสมรสของหัวหน้าสมาคมการค้าฟลินน์ เขากำลังจะเดินทางมาถึงเมืองหลวงในเร็วๆนี้แล้ว คาร์ลได้สัญญาว่าจะไปดื่มกับเขาและพบปะพูดคุยกันเล็กน้อยที่โรงแรมแห่งหนึ่ง มันเป็นโรงแรมเดียวกับที่เขาได้แจ้งแก่เชวฮันว่าเขาจะเข้าพักที่นั่นหากเดินทางถึงเมืองหลวง โรงแรมนั่นมีบาร์ที่ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอร์เป็นอย่างยิ่ง
‘และบางอย่างที่จะทำให้เชวฮันได้เกี่ยวข้องกับบิลอสก็อยู่ที่นั่น’
คาร์ลนึกถึงพ่อค้าที่อยู่กับเด็กๆทั้งสิบคนจากเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินในตอนนี้และเอ่ยถามเชวฮันอีกครั้ง
“แล้วเด็กๆกับพ่อค้าที่อยู่ในโรงแรมเป็นอย่างไรบ้าง?”
“กระผมคิดว่านายน้อยหยุดเรื่องนี้ไปก่อนเถอะขอรับ...แล้วค่อยจัดการหลังจากการประชุมพบปะเสร็จสิ้นแล้ว”
“.....ประชุมพบปะ?”
ฮันส์เดินเข้ามาใกล้นายน้อยของตนที่ยังคงสงสัยอยู่หลังจากที่เขาได้เอ่ยขัดจังหวะไปก่อนหน้านี้แล้วก่อนจะอธิบายเพิ่มเติมแก่คาร์ล
“นายน้อย...เป็นคำเชิญจากขุนนางทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือขอรับ”
“อ้อ....”
คาร์ลลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเพราะเขาไม่คิดว่าเหล่าขุนนางพวกนี้จะมีความสำคัญมากพอ เขาเริ่มขุ่นเคืองและขมวดคิ้วมุ่นขณะที่กำลังถกเถียงกับตัวเองว่าจะทำอะไรดี? ขยะไร้ค่าเช่นนี้ควรวางตัวอย่างไรในการพบปะกันในครั้งนี้? คาร์ล...ไม่สิ...คิมร็อกโซไม่เคยเจอคนพวกนี้มาก่อนแต่มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากนักเพราะถึงอย่างไรเขาก็ถูกรู้จักในฐานะของขยะไร้ค่าอยู่ดี
“และยังมีแขกที่ต้องการจะพูดคุยกับนายน้อยอีกเช่นกันขอรับ”
“เจ้ากำลังพูดถึงโรสลินสินะ?”
“ใช่ขอรับ....เธอกล่าวว่าสามารถเข้าพบนายน้อยเวลาใดก็ได้ตามที่นายน้อยสะดวก”
โรสลินเป็นคนฉลาด เธออาจจะสงสัยว่าพลังเวทย์ที่เธอสัมผัสได้ในวันนั้นคือพลังเวทย์ที่มาจากมังกร เธออาจไม่เคยเห็นมังกรมาก่อนแต่พลังเวทย์ที่ทรงพลังเช่นนี้ไม่สามารถมาจากสิ่งอื่นได้นอกจากมังกร
คาร์ลเปิดประตูห้องน้ำและออกคำสั่งให้แก่ฮันส์เมื่อตนเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้ว
“ข้าจะทานอาหารเช้าในห้องนอนของข้าจงเตรียมมันให้พร้อม..แล้วก็ไปแจ้งแก่โรสลินให้ขึ้นมาพบข้าได้หากนางต้องการที่จะทานอาหารเช้าร่วมกัน”
“ได้ขอรับนายน้อย...กระผมเข้าใจแล้วแต่ว่า...ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวันแล้วนะขอรับ..ดังนั้นมันต้องเป็นอาหารเที่ยงถึงจะถูกต้องมากกว่านะขอรับ?”
“ฮันส์!....”
“กระผมจะไปจัดการโดยทันทีขอรับ!”
คาร์ลจ้องไปยังฮันส์ที่ตอบรับอย่างหนักแน่นและมอบคำสั่งสุดท้ายก่อนที่จะปิดประตูห้องน้ำ
“อ้อ...เปิดหน้าต่างตรงระเบียงทิ้งไว้ด้วย”
‘มังกรดำต้องการที่จะพาตัวเองเข้ามาในห้องนี้’
มันเป็นเรื่องที่แปลกมากที่มันสามารถหลับได้สนิทเมื่อมันนอนอยู่บนต้นไม้นอกหน้าต่างนั่น
“กระผมจะไปตามโรสลินมาตอนนี้เลยนะขอรับ”
“อืม....”
คาร์ลนั่งลงบนเก้าอี้โดยมีอาหารปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา มันอาจจะเป็นอาหารเช้าสำหรับคนส่วนน้อยและอาจเป็นอาหารเที่ยงสำหรับคนส่วนใหญ่ก่อนที่ฮันส์จะออกจากห้องไปเพื่อตามโรสลินมาพบเขา บารอคดูเหมือนจะใส่ความพยายามของเขาอย่างเต็มที่เนื่องจากบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารมากมายจนน่าทึ่งอาจเป็นเพราะเขาให้บารอคทำอาหารทั้งหมดพร้อมกันทีเดียวแทนที่จะทำเป็นแบบฟูลคอร์ส[3]
“ท่านคาร์ล..”
เชวฮันเดินเข้ามาหาเขา
“กระผมจะไปอยู่กับล็อกตอนที่ท่านกำลังรับประทานอาหารนะขอรับ”
“ข้าเดาว่าพวกเจ้าสองคนคงผลัดกันดูแลล็อกอยู่ซินะ”
เชวฮันเริ่มยิ้มด้วยความเขินอายกับคำกล่าวของคาร์ล แม้ว่าล็อกจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วแต่เขายังต้องนอนรักษาตัวอยู่บนเตียงโดยมีโรสลินและเชวฮันคอยผลัดเปลี่ยนไปดูแลเขาและแน่นอนว่าคนที่ดูแลล็อกส่วนใหญ่คือโรสลิน
“ออนและฮงก็ช่วยดูแลเขาเช่นกันขอรับ”
“พวกมันดูเหมือนตัวป่วนเสียมากกว่า”
เชวฮันยังคงเงียบกับคำกล่าวของคาร์ล ออนและฮงอาจจะอยู่ที่ห้องของล็อกแต่ยังมีสิ่งที่พวกมันได้บอกแก่คาร์ลอย่างลับๆก่อนที่จะพากันมุ่งหน้าไปที่ห้องของล็อก
‘ข้าคิดว่าพวกเราอ่อนแอเกินไปที่จะฆ่าเผ่าหมาป่าได้ พวกเราจะพ่ายแพ้แม้ว่าเราจะกลายร่างแล้วก็ตามพวกเราเลยต้องหาวิธีที่จะสามารถอัดคนอย่างหมอนั่นให้เละตุ้มเป๊ะให้ได้’
‘ถูก...เราต้องหาทางอัดเขาให้เละ..นั่นก็เลยเป็นเหตุผลให้พวกเราต้องไปศึกษาศัตรูเช่นเขาเสียหน่อย’
[1]จากนิทานพื้นบ้านเกาหลีเรื่อง The Singing Lump
[2]จากนิทานพื้นบ้านเกาหลีเรื่อง Gold Axe Silver Axe หรือที่รู้จักกันในชื่อ The Honest Woodcutter มีเนื้อเรื่องคล้ายๆกับนิทานอีสปของไทยเรื่องเทวดากับคนตัดฟืนหรือมีอีกชื่อว่าเทพารักษ์กับคนตัดไม้
[3]Full Course / ฟูลคอร์ส เป็นวัฒนธรรมการรับประทานอาหารของยุโรปโดยจะทำการจัดเรียงลำดับอาหารและจัดเสริ์ฟเป็นลำดับ โดยมีการรวมเอาเมนูอาหารหลายๆอย่างมารวมกันจึงเรียกว่า ฟูลคอร์ส ซึ่งในหนึ่งมื้ออาหารนั้นจะต้องประกอบไปด้วย จานซุป , จานหลัก , จานเนื้อ , จานปลา , จานสลัด , อาหารออเดิร์ฟ , เครื่องดื่ม, ของหวาน ทั้งหมดประมาณ 8 อย่างต่อมื้ออาหารหรืออาจจะเรียกง่ายๆว่าเป็นอาหารประจำที่เราต้องรับประทานในชีวิตประจำวัน