บทที่ 102 - ฉันคือวิญญาณเร่ร่อน (3) [อ่านฟรีวันที่ 08/01/2562]
บทที่ 102 - ฉันคือวิญญาณเร่ร่อน (3)
ยูอิลฮานได้เลือกช่างตีเหล็กเอลฟ์หลายคนมากเป็นผู้ช่วยเขาและเริ่มการทำอาวุธ มันเป็นเรื่องปกติที่จะต้องใช้วัตถุดิบของเผ่ามังกรคลลาส 3 ที่มีอยู่ในกระเป๋าสะพายของเขาเป็นอย่างมาก เมื่อพวกเอลฟ์ได้เห็นแบบนี้ต่างก็ตาเป็นประกาย
"ท่านจะทำยังไงกับวัตถุดิบระดับสูงแบบนี้หรอ?"
"แบบนี้ไง!"
เพลิงม่วงในเตาเผาได้ถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง เพลิงมันทรงพลังถึงขนาดที่กระดูกของเผ่ามังกรคลาส 3 ได้ถูกละลายลงไปในเวลา 10 วินาที
"ทะ ท่านจักรพรรดิน่าทึ่งมาก!"
"ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย"
"ฉันไม่ได้มีเวลามาสวนพวกนายตีเหล็กหรอนะ ดังนั้นก็จงดูแล้วจดจำเอาไว้"
"ครับท่าน"
แค่การได้มาเป็นผู้ช่วยในการทำงานของช่างตีเหล็กระดับมาสเตอร์อย่างยูอิลฮานมันก็เป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่ากับช่างตีเหล็กชาวเอลฟ์ทุกคนแล้ว
แต่เนื่องจากว่าเขาไม่ได้มีเวลามากนัก เขาเลยไม่ได้ทำอะไรมากกับกระดูกและจัดการมันอย่างง่ายๆเท่านั้น แต่ว่าด้วยวัตถุดิบที่ดีบวกกับทักษะช่างตีเหล็กที่ดีเนไปทำให้พวกมันทั้งหมดต่างก็อยู่ในระดับแรร์หรือเหลือไปกว่านั้นทั้งหมด
ดวงตาของเอลฟ์ได้เบิกกว้างขึ้นเพื่อให้ได้เรียนรู้เทคนิคนี้แม้เพียงนิดก็ตาม และด้วยเพียงแค่นี้เองทำให้พวกเขาได้ก้าวกระโดดใหญ่ๆในด้านเทคนิคของพวกเขา
เวลาสิบวันได้ผ่านไปทั้งอย่างนี้และได้ผ่านเพิ่มไปอีกสามวัน กองกำลังเอลฟ์ได้ถูกติดอาวุธเต็มกำลังจากอุปกรณ์ของยูอิลฮานได้ล่ามอนสเตอร์ในเลเวลเดียวกันกับพวกเขาเพื่อยกระดับขัดเกราะเทคนิคของพวกเขา
ในขณะเดียวกันยูอิลฮานก็ได้อยู่กับพวกคลาสที่ไม่ใช่สายต่อสู้
"หากว่าพวกนายได้ทำอาหารดองจากเนื้อของมอนสเตอร์ที่ไม่มีพิษเอาไว้ ถ้างั้นหากว่ามีมอนสเตอร์ที่น่ากลัวปรากฏิออกมาพวกนายก็จะสามารถไปหลบซ่อนได้โดยไม่ต้องกังวล"
"อาหารดอง? ปกติเอลฟ์เรากินสิ่งที่เราหาได้จากธรรมชาติ..."
"ฉันไม่สน แต่ว่าหากพวกนายไม่อยากจะตาย ถ้างั้นก็กินเนื้อบ้างมันจะช่วยให้การเติบโตของกล้ามเนื้อ"
"ครับท่าน!"
ยูอิลฮานก็ยังเริ่มสอนเอลฟ์ทำอาหาร เขาได้เลือกมอนสเตอร์ที่ไม่มีพิษนับพันตัวออกมาเพื่อให้ล่า จากนั้นเขาก็ทำการชำแหละก่อนที่จะสอนการย่าง ทอดและเทคนิคในการทำอาหารต่างๆ
มันไม่ใช่ว่าเอลฟ์กินเนื้อไม่ได้ แต่ว่ามันก็แค่พวกเขาสืบทอดวัฒนธรรมกันมาเท่านั้น เมื่อพวกเขาได้เริ่มกินมัน พวกเขาก็จะกินมันเองโดยที่ยูอิลฮานไม่จำเป็นต้องบอกอีก
เมื่อจักรวรรดิเดิมยังคงอยู่พวกเขาจะไม่มีวันกินมันต่อให้พวกเขาถูกบังคับ แต่ว่าด้วยเหุตผลบางอย่างทำให้พวกเขาได้เปลื่ยนไปหลังจากได้เจอกับประสบการณ์การล่มสลาย พวกเขาได้ตระหนักว่าพวกเขาต้องทำทุกๆสิ่งเพื่อป้องกันไม่ให้จักรวรรดิต้องพังลงอีกครั้ง ยูอิลฮานได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้ของเอลฟ์เป็นอย่างมาก
หลังจากยี่สิบวันผ่านไปยูอิลฮานก็ได้เริ่มเขียนบทประวัติศาสตร์สำหรับเอลฟ์ขึ้นมาใหม่ เหล่าเอลฟ์ได้เปลื่ยนแปลงจากผู้ลี้ภัยเป็นผู้มีพรสวรรค์กันได้สำเร็จแล้ว
ตอนนี้พวกเขาไม่เหมือนกับในตอนที่พวกเขากำลังหลบซ่อนอีกแล้ว พวกเขาได้อาบน้ำ พวกเขาได้กินข้าวโดยไม่ต้องอดและฝึกฝนร่างกายผ่านการต่อสู้กับมอนสเตอร์ ดังนั้นความสวยงามจากภายในของพวกเขาได้เริ่มฉายแสงออกมาแล้ว
ถ้าหากว่ายูอิลฮานพาพวกเขาไปบนโลกด้วย ถ้างั้นพวกเขาก็จะทำให้เหล่าดาราฮอลลีวูดหมองลงทันที ยังไงก็ตามบางทีสาวสวยอันดับหนึ่งนายูนาก็อาจจะยังสามารถเอาชนะเหล่าเอลฟ์ได้อยู่
รอยยิ้มที่หาได้ยากของพวกเขาก็ได้กลับมาแล้วและในตอนนี้พวกเขาก็ได้เริ่มล่ามอนสเตอร์ด้วยตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องให้ยูอิลฮานคอยบอกแล้ว เอลฟ์ที่อยู่ในคลาสแรกก็ยังได้เลื่อนไปคลาสสองอย่างรวดเร็วและพิสูจน์ในพรสวรรค์ของตน
พวกช่างตีเหล็กได้ซ่อมแซมและสร้างอุปกรณ์บางอย่างขึ้นได้ด้วยความสามารถที่เล็กน้อยของพวกเขาและสิ่งก่อสร้างสำหรับพักก็ยังได้กลายเป็นทนทานมากขึ้นในทุกๆวันที่ผ่านไป คลังเก็บอาหารก็ยังเพิ่มยิ่งขึ้นและทักษะในการทำอาหารก็เพิ่มตามไปเช่นกัน
"เยี่ยม"
ในที่สุดแล้วยูอิลฮานก็ได้ตัดสินใจออกไปในเวลานี้ เขาได้อยู่ที่นี่มามากกว่าเวลาปกติที่ตัดสินใจเอาไว้ถึงสามเท่าแล้ว เขาไม่อยากจะอยู่ที่นี่นานไปกว่านี้แล้ว เขาได้ตัดสินแล้วว่าเขาไม่จำเป็นจะต้องมาดูแลที่ดาเรย์อีกเนื่องจากรากฐานของที่นี่แข็งแกร่งแล้ว
"ตอนนี้ฉันต้องกลับบ้านแล้ว"
"ท่านองค์จักรพรรดิ!?"
เพียงแค่คำนี้คำเดียวที่เขาพูดออกไปอย่างไม่ใส่ใจนักได้ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในหมู่เอลฟ์ทันที
เมื่อพวกเขารู้ว่ายูอิลฮานไม่ได้พูดเล่น บางคนได้ทรุดตัวลงไปร้องไห้ และบางคนก็ร้องไห้ไปในขณะที่เกาะขาของยูอิลฮาน แต่ก็ยังมีคนที่แค่ร้องไห้เฉยๆ .... ยังไงก็ตามทุกๆคนต่างก็ร้องไห้กันทั้งนั้น!
"ทำไมท่านต้องทิ้งเรา! เราทำอะไรผิดงั้นหรอ?"
"ฉันได้ตัดสินใจที่จะจากไปแต่แรกแล้ว!"
"แต่ถึงแบบนั้น!"
"ท่านองค์จักรพรรดิ!!!"
ยูอิลฮานไม่ได้รู้ในความจริงเลยว่าพวกเอลฟ์นั้นดื้อดึงกว่าที่เห็น
ในตอนแรกสำหรับเอลฟ์ก็แค่เขาเป็นจักรพรรดิของพวกเอลฟ์เท่านั้น แต่สำหรับในตอนนี้พวกเขาได้ฝากทั้งความเชื่อใจและเชื่อมั่นไว้กับยูอิลฮานแล้วจากการได้อยู่ร่วมกันมาถึงยี่สิบวันเต็ม
[และผลลัพธ์ของมันก็คือทะเลน้ำตาของพวกเขา]
"ถ้าฉันรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ฉันจะพูดแต่แรก"
[ฉันก็ไม่รู้นี่ ไม่ใช่เอลฟ์ทั้งหมดที่จะเป็นแบบนี้ แล้วก็นะพูดตามตรงคนพวกนี้แปลก]
"ซูดด ท่านองค์จักรพรรดิ!"
"พาผมไปด้วย!"
"ท่านองค์จักรพรรดิ"
"พวกนายจะพูดจักรพรรดิให้เป็นทำลองเลยไหม?"
ในฐานะที่เขาไม่อาจจะพึ่งใครอื่นไปได้นอกจากครอบครัวของเขาและเขาไม่เชื่อใจในตัวใครอื่น ถ้าหากมันเป็นความแค้นหรือความสงสัยแทนมันก็คงง่ายที่จะจัดการมากกว่านี้แน่
นี่มันก็ยังเป็นเหตุที่ทำไมเขาถึงสามารถเตรียมตัวสำหรับการทรยศของเรต้าได้และเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาอ่านความคิดข้างในของผู้อื่นได้อย่างรวดเร็ว
"ไม่นะ ท่านองค์จักรพรรดิ"
"ท่านองค์จักรพรรดดดดดดิ"
ยังไงก็ตามในสถานการณ์นี้จะมีประสบการณ์ได้รับมาจากความรักที่บริสุทธิ์จากคนจำนวนมากมันเป็นสิ่งที่ใหม่มากๆสำหรับเขา เขาไม่เคยได้รับสิ่งนี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้วิธีหรือจะทำยังไงกับมันดี
ถ้าเขาพูดว่ามันไม่สบายใจงั้นมันก็คงเป็นการโกหก ยังไงก็ตามเขายิ่งกว่ามากสิ่งนี้มากที่สุด
นี่มันคือความรักที่แท้จริง? ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะหลอกลวงฉันจากการที่พวกเขาต้องการอะไรจากฉันเหมือนกับเรต้างั้นหรอ? เริ่มด้วยความสงสัยเหล่านี้ เขาได้กลัวมากว่าความรักนี้มันอาจจะหายไปหรือเปลื่ยนไปดังนั้นเขาจึงต้องการจะแค่จากไป
สำหรับในตอนนี้แล้วยูอิลฮานต้องการแค่หนีไปเท่านั้น ถ้าหากเป็นแบบนั้นงั้นเขาก็จะไม่จำเป็นต้องไปสงสัยพวกนี้ ไม่ต้องกลัวว่าอารมณ์ของคนพวกนี้มันจะเปลื่ยนไปอีกในอนาคต
ยังไงก็ตามเขาก็ไม่อาจจะจากไปทั้งๆที่คนพวกนี้ยื้อเขาไว้ได้ หากเขาหนีไปโดยไม่พูดอะไรซักอย่างเลย ถ้างั้นเขาก็คงจะรู้สึกผิดกับพวกเอลฟ์มากเกินไป
ยูอิลฮานไม่ได้มองพวกเขาด้วยความคิดที่ว่ากำลังเล่น sim city เลยใน 20 วันนี้
"ฉันจำเป็นต้องไป"
ดังนั้นยูอิลฮานจำเป็นต้องพูดความจริงกับเอลฟ์
"ที่นี่มันอันตรายนะ แต่ว่าที่บ้านเกิดของฉัน ที่โลกนะมันมีอันตรายอยู่ไม่น้อย"
เขาได้ก่อตั้งแวนการ์ดและเพิ่มพลังต่อสู้ของหลายๆกิลด์ขึ้นมา ผู้คนบนโลกได้เริ่มแข็งแกร่งขึ้น ยังไงก็ตามเขาก็ยังเป็นกังวล หากว่าเขาไม่ได้มีข้ออ้างที่ว่าจะทำให้ดาเรย์มั่นคง งั้นเขาก็คงไม่รับเอาตำแหน่งจักรพรรดิมาต่อให้เป็นแบบชั่วคราวก็ตามที
"ฉันอยากจะอยู่ดูอีกสักหน่อยนะ แต่ว่าฉันทำไม่ได้ ฉันขอโทษด้วย"
"เป็นแบบนี้ได้ยังไง....."
เอลฟ์ได้ยอมรับและกลายเป็นหดหู่ใจ
พวกเขาไอาจจะยื้อยูอิลฮนไว้ได้หลังจากที่ได้เรียนรู้เรื่องบ้านเกิดของเขา
ยูอิลฮานก็ยังคงรู้สึกผิดกับเอลฟ์ เขาคิดว่าเขาอยากจะส่งต่อวงเวทย์เอลฟ์ไป แต่ว่านั่นมันเป็นไปไม่ได้
ไม่ว่าเอลฟ์จะศรัทธาในตัวยูอิลฮานมากแค่ไหน เขาก็ไม่อาจจะเชื่อใจเอลฟ์ที่เขาได้ใช้ชีวิตร่วมกันมาเพียงแค่ 20 วันได้อย่างสมบูรณ์ - ซึ่งนี่คือสำหรับเหตุผลแรก และเหตุผลที่สองก็คือการที่จะเปลื่ยนเจ้าของมันจะเป็นไปได้ก็ต่อเมือเจ้าของตายเท่านั้น
มันยังมีความเป็นไปได้อื่นอยู่ก็คือการแบ่งการควบคุมวงเวทย์ ที่จักรพรรดิเอลฟ์ในก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำมันก็เพราะว่าเขาไม่อยากจะแบ่งพลังของบัลลังก์ของเขาและเพราะว่าเขาไม่อาจจะได้รับวัตถุดิบมาได้ แต่สำหรับยูอิลฮานแล้วต่างออกไป
"เมอร์ฟา"
"ค่ะ ท่านจักรพรรดิ"
เอลฟ์หญิงสาวคนนี้ได้รับการยอมรับโดยทั่วกันและถูกยกย่องว่าเป็นหมายเลข 2 เนื่องจากเธอเพียบพร้อมทั้งความสามารถในการต่อสู้และการสร้าง เธอได้เดินตรงเข้ามาหายูอิลฮาน เธอได้บอกไว้ว่าในปีนีเธออาวุธ 518 ปีแล้ว แต่เธอก็ยังดูสวยเหมือนกับอายุยังไม่ถึง 25 ซะอีก
ยูอิลฮานได้ยื่นเอาหินพลังเวทย์หัตถกรรมมานาไปให้เธอ นี่มันคืออาร์ติแคที่ทำขึ้นมาจากหินพลังเวทย์คลาส 4
"เธอสามารถจะใช้สิ่งนี้ควบคุมวงเวทย์ได้ มันอาจจะไม่สมบูรณ์เท่าที่ฉันใช้ แต่ว่าเธอจะสามารถใช้มันย้ายพวกของเธอไปค้นหาฆ่ามอนสเตอรร์ได้ มันเป็นสิ่งที่มีค่ามากๆอย่าได้ทำหายล่ะ"
"อ่า"
เมอร์ฟาได้สรดลงไปและก้มหน้าของเธอหลังจากได้รู้ถึงสิ่งที่ยูอิลฮานได้ยื่นส่งมาให้เธอ ยูอิลฮานได้ปลอบเธอด้วยรอยยิ้มขม นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของยูอิลฮานเลยที่เขาได้ปลอบคนอื่น
"ซักวันฉันจะกลับมาเล่นด้วยนะ หรือเธอจะมาหาฉันก็ได้เมื่อเธอเมื่อที่นี่อยู่ตัวแล้ว เดี๋ยวนะเธอก็สามารถจะทำแบบนี้ได้นานแล้วนี่?"
"ท่านองค์จักรพรรดิ....?"
[แม้แต่มอนสเตอร์ก็ยังไปไหนมาไหนได้เลย มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เอลฟ์จะทำไม่ได้นี่]
"เธอทำได้!"
หลังจากได้รับการยืนยันจากเอิลต้ายูอิลฮานได้ปลอบเธออย่างมันใจ โชคดีที่ท่าทางของเมอร์ฟาก็ได้สดใสขึน
"ถ้างั้นพาพวกเราบางคนไปด้วย"
และเธอก็พูดไร้สาระออกมา
"ไม่"
"ถ้าแบบนั้นฉันจะโล่งใจได้"
"ต่อให้ฉันพาเธอไป เธอก็อ่อนแอเกินไป ดังนั้นเธอจะกลายเป็นอุปสรรค"
เอลฟ์ทั้งหมดได้หดหู่ลงไปเมื่อยูอิลฮานได้พูดความจริงออกมา ยังไงก็ตามไม่นานนักพวกเขาก็ฟื้นตัวกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
"ถ้างั้นก็ให้พวกเราทำอะไรเล็กๆน้อยๆเรื่องทั่วไปสิ! พวกเราอยากจะรับใช้ข้างกายท่าน!"
"พวกเราจะไม่เป็นตัวถ่วงท่าน โปรดพาเราไปเถอะนะท่านองค์จักรพรรดิ"
"ท่านองค์จักรพรรดิ!"
สายตาวิงวอนของเหล่าเอลฟ์ได้ลุมโจมตียูอิลฮานอย่างฉับพลัน หน้าอกยูอิลฮานได้แน่นทันที
ยูอิลฮานแข็งแกร่งมากในการเมินและการทำลายความสัมพันธ์แบบภายนอกแบบผิดๆระหว่างมนุษย์ แต่ว่าเขาก็อ่อนแอมากๆกับปรารถนาดีที่บริสุทธิ์ต่อตัวเขาเองต่อให้มันจะมาจากความภักดีที่มาจากพลังอำนาจและพลังที่เหนือกว่าก็ตาม
แม้อย่างนั้นกระทั่งในท้ายที่สุดเขาก็ยังไม่รู้เพราะว่าเขาไม่เคยได้รับเรื่องแบบนี้มาก่อน
ในท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่อาจจะเอาชนะสายตาของพวกเอลฟ์ที่มองมาได้และหันหน้าไปมาขณะหนึ่ง
"อะ โอเค ถ้างั้นสี่คนนั้นก็ตามฉันมา"
เนื่องจากว่าเขายังไม่อาจจะเชื่อใจเอลฟ์ได้อย่างสมบูรณ์ นี่คือขีดจำกัดสูงสุดที่ยูอิลฮานสามารถจะรับมือได้
"สี่คน!"
[ยูอิลฮาน.... นนายรู้ไหมตัวนายในตอนนี้มันน่ารักมาก?]
"ชู่ววว"
ในขณะที่เอิลต้าได้ประทับใจกับด้านใหม่ๆของยูอิลฮานและล้อตัวเขา การต่อสู้แบบเป็นตายระหว่างเอลฟ์เพื่อค้นหาคนที่จะตามยูอิลฮานไปจึงได้เกิดขึ้นมา
มีเอลฟ์นับร้อยได้อารวาดไปทั่วด้วยดาบ ขวาน ธนู หอก หรือค้อน และยังมีแม้กระทั่งค้อนตีเหล็กและกระทะด้วยซ้ำไป เมื่อได้เห็นฉากที่ตระการตานี้ยูอิลฮานก็คิดว่ามันน่าตลกมากและพึมพัมออกมาอย่างมีความสุข
"ถ้าหากว่าฉันพยายามมากกว่านี้อีกนิดจะมีคนบนโลกที่ชอบฉันแบบจริงๆไหมนะ? ไม่ใช่แค่เพียงแต่ภายนอก แต่ว่าเป็นด้วยหัวใจจริง...."
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตขอผู้โดดเดี่ยวเลยที่ยูอิลฮษนได้หันหลังให้กับชีวิตที่โดดเดี่ยว
[บางทีก็อาจจะไม่ เพราะการปกปิดตัวตนของนายนะ]
เอิลต้าได้พูดขึ้นก่อนจะเสริมขึ้นมาอีก
[แม้ว่าในตอนนี้มันอาจจะต่างไปบ้างก็ได้เนื่องจากนายควบคุมมันได้แล้ว]
"การปลอบของเธอมันน่ากลัวจริงๆ"
[ฉันไม่อยากจะได้ยินสิ่งนั้นจากนายเลย]
การต่อสู้แย่งชิงได้จบลงไปแล้ว ผู้แข็งแกร่งทั้งสี่คนได้ยืนประกายตาสว่างอยู่ข้างหน้าเข้าแล้ว และบังเอิญด้วยที่สี่คนนั้นมีชายสองและหญิงสองคน
ถ้าหากว่าจะมีอะไรที่จะเรียกว่าแปลก นั้นมันก็คือทั้งสี่คนก็ดูจะไม่มีอะไรนอกไปจากความสวยงามถึงแว่าจะได้รับกล้ามเนื้อมาจากการกินเนื้อตามคำสั่งของยูอิลฮานแล้วก็ตามที
ยังไงก็ตามยูอิลฮานได้ส่ายหัวของเขาในขณะที่มองดูเอลฟ์ทั้งสี่คนที่มีเลเวลเฉลี่ยอยู่ที่ 85
"คนอื่นจะทำยังไงถ้าหากว่าฉันจะเลือกคนที่แข็งแกร่งที่สุดเพียงหนึ่ง? เลือกอีกครั้ง"
"ส่วนที่เหลือต่างแข็งแกร่งมากเช่นกัน พวกเขาจะพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว"
"พวกเราต้องการที่จะตามคุณไป"
"ได้โปรดตามพวกเราไป!"
"ท่านองค์จักรพรรดิ!"
ยูอิลฮานได้แพ้อีกครั้งหนึ่งจากการโจมตีด้วยสายตาที่วิงวอน
"อะ โอเค แต่ว่าบนโลกพวกนายต้องเรียกฉันว่ายูอิลฮาน ไม่ใช่องค์จักรพรรดิเข้าใจนะ?"
"ครับ/ค่ะ องค์จักรพรรดิ!"
เขาได้กล่าวอำลากับเอลฟ์และส่งหินควบคุมวงเวทย์ไปให้เมอร์ฟาและเอลฟ์ทั้งสี่คนได้ตามยูอิลฮานไป ยังมีเอลฟ์บางคนที่คิดจะอยากให้ยูอิลฮานอยู่ที่นี่อีกหน่อย แต่ว่ายูอิลฮานไม่ยอมอีกต่อไปแล้ว
เขาปล่อยหลายสิ่งไว้มากไปแล้ว เขาจำเป็นต้องรีบกลับไปที่โลกเร็วๆแล้ว ที่ที่ไม่มีใครสนใจเกี่ยวกับเขา การอยู่กับเอลฟ์ที่นี่มันทำให้เขาไม่สบายตัว
[ถึงแม้ว่าตอนนี้นายจะเป็นศูนย์กลางความสนใจจากแวนการ์ดหรอ?]
"นั่นมันไม่ใช่ฉัน แต่เป็นอุปกรณ์ ดังนั้นมันไม่เป็นไร มันไม่ได้มาจากภายในแต่เป็นภายนอก"
เอิลต้าได้รู้สึกว่าเธอได้รู้จักยูอิลฮานมากขึ้นเมื่อเธอได้ยินสิ่งนี้ ได้รู้เล็กน้อยว่าทำไมยูอิลฮานถึงได้ปฏิเสธนายูนามากขนาดนั้นและยอมรับคังมิเรย์มากกว่า และตามด้วยเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงใส่ใจลิต้ากับตัวเธอมากกว่าเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ
ยูอิลฮานได้ออกมาจากอาณาจักรที่อยู่ระหว่างการสร้างพร้อมกับเอลฟ์ทั้ง 4
ตามเลเวลของพวกเขาแล้ว ทั้งสี่คนที่ตามยูอิลฮานมาคือ: มิเรย์นักดาบใหญ่หญิงเลเวล 87 พีทนักธนูชายเลเวล 86 เจิร์ลนักรบโล่ชายเลเวล 85 และฟิเรียร์ขโมยสาวเลเวล 83
ในสายตาของยูอิลฮานพวกเธอเป็นคนที่อ่อนแอที่น่าสงสัยว่าจะเอาชนะมังกรคลาส 3 ได้หรือป่าว แต่ในความเป็นจริงแล้ว พวกเธอแข็งแกร่งกว่ากลุ่มใดๆบนโลกในตอนนี้
ยูอิลฮานได้ขยับตัวไปด้านนอกของวงกลมเวทย์และค้นหาประตูสู่โลก
ดวงตาของเอลฟ์ได้เป็นประกายความสนุกที่ได้ไปในที่ที่ยูอิลฮานได้เกิดและโตมา หลังจากยูอิลฮานได้มองพวกเอลฟ์เขาก็ได้ตัดสินใจที่จะลักลอบพาพวกเอลฟ์เขาเมืองด้วยการใช้การปกปิดตัวตนของเขากับพวกเอลฟ์
เขาไม่ได้ใช้เวลาหาประตูนานนัก มันไม่ได้ยากเกินไที่จะสร้างหลุมเล็กๆอีกหลุมด้วยพลังของเอิลต้า และมันแน่นอนว่ามันง่ายมากที่ทั้งหกคนจะออกไปสู่โลก
ปัญหามันก็คือโลก
พูดตามตรงแล้วยูอิลฮานคิดว่าหายนะครั้งใหญ่ครั้งที่สองจะมาถึงโลกในตอนที่เขายังอยู่ในดาเรย์ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลให้เขารีบจัดการพวกมังกร
ยังไงก็ตามความคิดของยูอิลฮานมันไร้เดียงสาเกินไป
มันยังไงกันนะ?
สามเดือนที่ยูอิลฮานได้จากโลกไป
ที่โลกนี้สงบโดยไร้ซึ่งปัญหาใดๆทั้งสิ้น