ตอนที่แล้วตอนที่ 163 คำขอของจิงหวู่จื้อ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 165 เดาซิว่าพวกเราเห็นใคร?

ตอนที่ 164 ญาติพี่น้องจอมเอาแต่ใจ


“ไม่ต้องกังวล!” หลิงฮันหัวเราะและถาม “ท่านคิดจะพาครอบครัวของคุณหนูเจียงไปเลี้ยงตอนไหน?”

“น้องชายหลิงสามารถจองได้เร็วสุดวันไหนรึ?” จิงหวู่จื้อถามกลับ แน่นอนว่าเขาอยากจะทำเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

หลิงฮันสะบัดมือและตอบ “จะวันไหนข้าก็ไม่มีปัญหา ถ้าพี่ชายจิงรีบ ข้าสามารถจองได้ในคืนนี้เลย”

คืนนี้เลย?

จังหวะหัวใจของจิงหวู่จื้อเต้นเร็วขึ้น นี่มันหมายความว่าไงน่ะรึ?

แน่นอนว่าสมาชิกของแปดตระกูลใหญ่หรือตระกูลจักรพรรดิมีความสามารถที่จะจองพื้นที่สวนด้านข้างศาลาบุปผางาม แต่ถึงจะยังงั้นพวกเขาก็ไม่สามารถจองได้ในทันที ต่อให้เป็นสมาชิกระดับสูงก็ต้องทำเรื่องจองล่วงหน้า มีเพียงบุคคลสำคัญไม่กี่คนเท่านั้นที่มีสิทธิพิเศษในการใช้สวนด้านข้างศาลาโดนไม่ต้องทำเรื่องจองล่วงหน้า

ยกตัวอย่างก็เช่นองค์ชายสามที่มีสิทธิพิเศษไม่จำเป็นต้องทำการจองล่วงหน้า

แต่ใครคือองค์ชายสาม? เขาคืออัจฉริยะในด้านวรยุทธ ด้วยพลังบ่มเพาะระดับก่อเกิดธาตุขั้นเจ็ดและเป็นหนึ่งในทายาทสืบทอดบัลลังก์ ในอนาคตภายภาคหน้าเขาจะต้องเป็นตัวตนที่ทรงอำนาจอย่างมากแน่นอน!

แล้วหลิงฮันล่ะ? หรือว่าเขาเองก็มีสิทธิพิเศษนี้เหมือนกัน?

จิงหวู่จื้อตกตะลึงอย่างมาก เขารู้ว่าหลิงฮันเป็นสัตว์ประหลาดที่โผล่ขึ้นมาเป็นม้ามืดในการประลองต้าหยวน แถมยังมีการสนับสนุนจากนักปรุงยาระดับดำขั้นต่ำถึงสามคน

แต่นั่นก็แค่ในเมืองต้าหยวนเท่านั้น นี่คือเมืองจักรพรรดิ! หลิงฮันเพิ่งจะมาถึงที่นี่ไม่กี่วันแต่กลับมีสถานะสูงส่งแล้วงั้นรึ?

การเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับอีกฝ่ายช่างทำให้อยากจะเป็นบ้าจริงๆ

จิงหวู่จื้ออดที่จะถอนหายใจในใจไม่ได้ เขาอยู่ที่เมืองจักรพรรดิมามากกว่าสามปี แต่นอกจากพลังบ่มเพาะที่เพิ่มขึ้น สถานะของเขาไม่ได้เพิ่มขึ้นแม้แต่น้อย เมื่อเทียบกับหลิงฮันแล้วเขารู้สึกอายจริงๆ

“งั้นเอาเป็นคืนนี้แล้วกัน!” จิงหวู่จื้อพูดโดยพยายามซ่อนความตื่นเต้นบนใบหน้า

สำหรับตระกูลเล็กๆอย่างตระกูลเจียง พวกเขาไม่สามารถเดินผ่านประตูหน้าของศาลาบุปผางามเข้าไปได้ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงการทานอาหารในสวนด้านข้างศาลาเลย หลังจากค่ำคืนนี้ จิงหวู่จื้อจะต้องกลัวว่าตระกูลจิงจะมองเขาอย่างดูถูกและปฏิเสธการแต่งกันกับเจียงเฟยหยานอยู่อีกรึ?

“ได้เลย!” หลิงฮันพยักหน้า

“ขอบคุณน้องชายหลิงมาก! ขอบคุณน้องชายหลิงมาก!” จิงหวู่จื้อก้มหัวซ้ำไปซ้ำมา เห็นได้ชัดว่าเขาตื่นเต้นขนาดไหน เขาตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าหลิงฮันต้องการให้เขาทำอะไรในอนาคต เขาจะต้องทำทุกอย่างเพื่อช่วยหลิงฮันแน่นอน

จิงหวู่จื้อหันหลังเดินจากไป แน่นอนว่าเขาต้องไปแจ้งตระกูลเจียงเกี่ยวกับเรื่องอาหารค่ำในคืนนี้ การนำข่าวนี้ไปแจ้งให้อีกฝ่ายทราบเป็นสิ่งที่เขารู้สึกภูมิใจอย่างมาก

ในขณะเดียวกัน หลิงฮันยังคงเก็บตัวอยู่ในลานที่พัก เขาจมดิ่งไปกับการทำความเข้าใจวิถีแห่งดาบ เขาติดคอขวดของปราณดาบเล่มที่หกมาเป็นเวลานานแล้ว ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่สามารถสร้างปราณดาบเล่มที่เจ็ดขึ้นมาได้เสียที

ในความเป็นจริง ต่อให้เป็นนักดาบที่มีศักยภาพสูง การสร้างปราณดาบได้หนึ่งเล่มในช่วงสิบปีก็นับว่าน่าประทับใจมากแล้ว ยิ่งกว่านั้น ยิ่งสร้างปราณดาบได้มากขึ้นเท่าไหร่ ความก้าวหน้าก็จะยิ่งช้าลงเท่านั้น นักดาบคนใดที่สามารถสร้างปราณดาบสิบเล่มได้ในระยะเวลาร้อยปีก็นับได้ว่าเป็นอัจฉริยะในวิถีแห่งดาบแล้ว

อย่างไรก็ตาม หลิงฮันยังไม่รู้สึกพอใจแค่นี้ จุดเริ่มต้นของเขาอยู่เหนือกว่าคนอื่นๆ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากนำความก้าวหน้าของตัวเองไปเปรียบเทียบกับความก้าวหน้าของคนธรรมดา

หลิงฮันนั่งขัดสมาธิโดยชูนิ้วชี้ขวาขึ้นมาราวกับมันเป็นดาบ เขาใช้นิ้วปลดปล่อยกระบวนท่าดาบไปมา และตรวจสวบวิถีแห่งดาบที่เขาทำความเข้าใจได้อยู่ในใจ

กว่าจะรู้ตัวก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว เขาหยุดฝึกฝนและลุกขึ้นไปเตรียมอาหารให้ฮูหนิว สำหรับหลิงฮันและพี่น้องลิ่ว หากเขาและพวกนางสามารถกินอาหารถึงหนึ่งในร้อยส่วนที่เตรียมให้ฮูหนิวได้ก็นับว่าประสบความสำเร็จอย่างมากแล้ว

เขาใช้เวลาช่วงบ่ายในการศึกษาวิถีแห่งดาบ สำหรับหลิงฮัน สำนักไม่สามารถสอนอะไรให้กับเขาได้มากนัก ก่อนจะมาที่นี่ เขาตัดสินใจเอาไว้ก่อนแล้วว่าจะมาที่นี่เพื่อทำให้หลิงตงซิงสบายใจเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เส้นทางที่เขาจะเดินในอนาคตนั้นเขาได้วางแผนเอาไว้อย่างดีแล้ว

ในตอนเย็น เขาพาฮูหนิวไปศาลาบุปผางามกับเขา แค่เขาแสดงตราคำสั่งศาลาบุปผางามออกไป ก็มีคนรับใช้สาวมานำทางเขาไปยังสวนข้างศาลาและสอบถามเขาว่าต้องการอาหารและไวน์แบบไหนในคืนนี้

ขนมคบเคี้ยวคือสิ่งแรกที่ถูกนำมาเสิร์ฟ เมื่อฮูหนิวเห็นพวกมัน นางอดที่จะท้องร้องและขโมยมากัดกินไม่ได้ ทำให้คนรับใช้สาวที่นำพวกขนมเหล่านั้นมาเสิร์ฟใช้มือปิดปากและหัวเราะออกมา

หลิงฮันเองก็ไม่คิดจะตำหนินาง เพราะอย่างไรตอนนี้เขาก็ไม่ขาดแคลนเงิน ถ้านางกินจานนี้หมด เขาก็แค่สั่งมาใหม่ก็พอแล้ว

ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง กลุ่มคนแปดคนก็เดินเข้ามาโดยมีคนรับใช้สาวเป็นคนเดินนำ นอกจากจิงหวู่จื้อแล้ว คนอีกเจ็ดคนคงจะเป็นสมาชิกของตระกูลเจียง โดยคนที่มามีเจียงเฟยหยาน พ่อแม่ของนาง ป้าของนางสองคน และบุตรของป้าของนางอีกสองคน

“นี่รึคือสวนด้านข้างของศาลาบุปผางาม ช่างงดงามยิ่งนัก ในอดีต พวกเราเคยเข้าไปได้เพียงห้องธรรมดาเท่านั้น”

“ดูเหมือนครั้งนี้เฟยหยานจะพบผู้ชายที่เหมาะสมแล้วจริงๆ เขาถึงขนาดจองสวนด้านข้างของศาลาบุปผางามได้!”

“ใช่แล้วๆ ข้าได้ยินมาว่ามีเพียงสมาชิกของแปดตระกูลใหญ่และตระกูลจักรพรรดิเท่านั้นถึงจะสามารถจองสวนด้านข้างได้ งั้นไม่ได้หมายความว่าตอนนี้พวกเราอยู่ในระดับเดียวกันกับแปดตระกูลใหญ่และตระกูลจักรพรรดิหรอกรึ?”

สมาชิกอาวุโสของตระกูลเจียงดูตื่นเต้นอย่างมาก ในฐานะที่เป็นตระกูลเล็ก สิ่งที่พวกเขาขาดคือความก้าวหน้าในสถานะทางสังคม แต่การได้รับประทานอาหารที่นี่ก็สามารถทำให้พวกมันโอ้อวดไปได้ตลอดชีวิตแล้ว

“เจ้ามีของที่ระลึกใดที่สามารถติดไว้ที่เสื้อผ้าของข้าได้รึไม่?” ป้าหนึ่งถามถามสาวใช้ในทันที ถ้ามีของที่ระลึกอย่างว่าล่ะก็ นางจะติดมันไว้กับเสื้อผ้าทุกวันและจะอวดให้ทุกคนที่นางเจอได้เห็น

สาวใช้จ้องมองอย่างว่างเปล่าไปชั่วขณะ เหล่าคนที่สามารถมาที่นี่เพื่อใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายได้ล้วนแต่มีสถานะที่สูงส่ง ดังนั้นนางจึงไม่เคยถูกถามคำถามเช่นนี้มาก่อน นางชะงักไปชั่วขณะก่อนที่จะตอบกลับไป “พวกเราไม่มีของอย่างที่ว่า!”

“เป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่มี?” ป้าสองเดินเข้ามา “ทำไมเจ้าไม่ขอให้คนเตรียมให้พวกเราล่ะ?”

“ใช่แล้วๆ! เตรียมให้พวกเราซะ!” ป้าหนึ่งพูดอย่างรีบร้อน

เมื่อได้ยินคำพูดของญาติสองคนนี้ จิงหวู่จื้อและเจียงเฟยหยานหน้าแดงไปจนถึงรากผม พวกเขารู้สึกอับอายจนทนไม่ไหว ในขณะเดียวกัน บุตรของป้าทั้งสองได้มองอย่างไปยังใบหน้าและหน้าอกของสาวใช้ด้วยสายตาลามก

“พี่ชายจิง!” หลิงฮันยืนขึ้นและโบกมือไปยังจิงหวู่จื้อ

“น้องหลิง!” จิงหวู่จื้อเปลี่ยนท่าทางเป็นขอบคุณอย่างรวดเร็ว

“ฮ่าๆ ขอบคุณพี่ชายจิงมาก เพราะท่านข้าถึงได้ลิ้มรสอาหารที่ศาลาบุปผางามซักครั้งในชีวิต” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม

จิงหวู่จื้อรู้ว่าหลิงฮันกำลังพยายามทำให้ตำแหน่งสถานะของเขาสูงขึ้น เขาอดที่จะพยักหน้าและซาบซึ้งในการกระทำของหลิงฮันไม่ได้

หลิงฮันยิ้ม ถึงแม้จะเคยมีความบาดหมางเล็กน้อยระหว่างเขากับจิงหวู่จื้อและจิงหวู่เชียง แต่ในเมื่อจิงหวู่จื้อได้ขอโทษเขาแล้ว ดังนั้นทุกอย่างจึงสามารถลืมไปได้ หลังจากที่จิงหวู่จื้อยอมแพ้การประลองต้าหยวนเพื่อเขา จิงหวู่จื้อยังนำกองกำลังมาช่วยเหลือหลิงตงซิงอีก ไม่ว่าหลิงฮันจะต้องการหรือไม่ หลิงฮันก็ยังถือว่าเขาติดหนี้จิงหวู่จื้ออยู่

ติดหนี้ก็ต้องตอบแทน เพราะงั้นหลิงฮันเลยยอมทำตัวต่ำต้อยเพื่อให้จิงหวู่จื้อฉายรัศมีออกมา

“แน่นอน ยังไงเจ้าต้องขอบคุณหวู่จื้ออยู่แล้ว!” ป้าหนึ่งแสดงท่าทางรังเกียจและดูถูกออกมา “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าคือสหายของหวู่จื้อจากเมืองต้าหยวน เจ้าช่างเป็นพวกบ้านนอกที่ไม่เข้าใจอะไรเอาเสียเลย แค่ได้รับการชวนให้มาร่วมทานอาหารค่ำก็ดีเกินพอแล้ว แต่เจ้ายังจะกล้าพาเด็กสาวมาด้วยอีก”

สีหน้าของจิงหวู่จื้อเปลี่ยนไปทันที เขากำลังจะพูดบางอย่างขึ้นมา แต่เมื่อเขาเห็นว่าหลิงฮันส่ายหัวให้เขา เขาจึงทำได้เพียงกลืนคำพูดนั้นลงไป

หลิงฮันไม่เก็บคำพูดของป้าหนึ่งมาใส่ใจ มันจำเป็นด้วยรึที่เขาจะต้องคิดมากเรื่องคนหยาบคายเช่นนั้น? อย่างไรพวกเขาก็คงจะได้พบกันแค่ครั้งเดียว และในอนาคตจะไม่ได้เจอกันอีก

สมาชิกตระกูลเจียงล้วนแต่เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ที่พวกมันไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะอย่างไรนี่ก็เป็นครั้งแรกที่พวกมันเข้ามายังสวนด้านข้างของศาลาบุปผางาม เมื่ออาหารค่อยๆถูกทยอยนำมาเสิร์ฟ พวกมันก็ไม่คิดจะเสียเวลาแสดงท่าทีดูถูกหลิงฮันอีกต่อไปและเริ่มเพลิดเพลินไปกับอาหารตรงหน้า

“ว้าย!” หนึ่งในสาวใช้อุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ นางชี้ไปที่ญาติคนโตของเจียงเฟยหยานและพูด “เขา... เขาจับก้นข้า!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด