ตอนที่แล้วตอนที่ 162 หยานเทียนจ้าว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 164 ญาติพี่น้องจอมเอาแต่ใจ

ตอนที่ 163 คำขอของจิงหวู่จื้อ


หลังจากกลับมาที่สำนักหู่หยาง หลิงฮันกับหลิวอู๋ตงได้แยกกันกลับไปที่พักของตนเอง พอเขาก้าวเท้าเข้าไปในลานที่พักของเขา เสียงบ่นของลิ่วลู่เอ๋อก็ดังขึ้นมาทันที

“ในฐานะเจ้าบ้าน เจ้าเป็นคนที่ใช้ไม่ได้จริงๆ แม้แต่อาหารเจ้าก็ไม่เตรียมให้กับพวกเรา!” นางพูดอย่างฉุนเฉียว

หลิงฮันช่วยไม่ได้ที่จะทำสีหน้าแปลกประหลาดและพูด “อย่าบอกนะว่าพวกเจ้าทั้งสองไม่รู้จักวิธีทำอาหาร?”

ในตอนนั้นเอง ดวงตาของลิ่วลู่เอ๋อก็เปิดกว้างและเผลอพูดออกมา “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”

“แค่มองจากท่าทางไร้ความสามารถของเจ้าข้าก็พอจะเดาได้แล้ว” หลิงฮันถอนหายใจ พี่น้องนักฆ่าคู่นี้ช่างล้มเหลวจริงๆ พวกนางทำการลอบสังการไม่สำเร็จแถมยังไม่รู้จักวิธีทำอาหารอีก พวกนางช่างเป็นมือใหม่ที่แท้จริง

“ฮึ เขาเรียกใครว่าไร้ความสามารถ?” ลิ่วลู่เอ๋อถามด้วยท้าทางไม่ยอมรับ “เมื่อข้าฟื้นฟูพลังเต็มที่แล้ว ข้าจะต้องมอบบทเรียนให้เจ้าแน่นอน!”

หลิงฮันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูด “งั้นทำไมข้าจะต้องเก็บศัตรูอย่างพวกเจ้าสองคนเอาไว้ด้วยล่ะ? เห้อ พักนี้ข้ายิ่งไม่ค่อยมีเงินเสียด้วย ถ้าข้าใช้โอกาสนี้รายงานข้อมูลของอาชญากรสองคนออกไป ข้าจะต้องได้เงินรางวัลไม่น้อยทีเดียว”

ลิ่วลู่เอ๋อกลายเป็นซีดเผือดและอ้าปากพะงาบด้วยความกลัว “เจ้าก็แค่ขู่ให้ข้ากลัวเท่านั้น!”

“งั้นรึ?” ใบหน้าของหลิงฮันปรากฏสีหน้าที่ไม่อาจเข้าใจได้

ลิ่วลู่เอ๋อรู้สึกหวาดหวั่น นางนั้นอยู่ในการคุ้มครองของพี่สาวมาตลอดและไม่เคยจำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับความคิดชั่วร้ายของผู้อื่นมาก่อน ดังนั้นการที่ต้องมาเจอกับปีศาจเฒ่าอย่างหลิงฮันจึงไม่แปลกที่นางจะถูกหยอกล้ออย่างง่ายดาย

“มาสิ ร้องเพลงให้ข้าฟังซะ ถ้าเจ้าร้องดีข้าจะยอมปล่อยเจ้าไปก็ได้” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม

ในที่สุดลิ่วลู่เอ๋อก็เข้าใจว่าหลิงฮันกำลังพยายามทำให้นางหวาดกลัว นางจึงอดไม่ได้ที่จะนำมือมาตบที่หน้าอกด้วยความโล่งอก “เจ้าวายร้าย!” แต่ถึงอย่างนั้นนางก็เงยหน้าและพูด “ก็ได้ ข้าจะร้องเพลงให้เจ้าฟัง แต่อย่าคิดว่าข้าทำไปเพราะกลัวเจ้าเชียวล่ะ ก็แค่ข้าไม่ได้ร้องเพลงมานานและรู้สึกคันคออยากจะร้องก็เท่านั้น!”

นางเปิดปากและเริ่มร้องเพลง เพลงที่นางร้องนั้นช่างอ่อนหวานและกินใจผู้ฟังอย่างมาก

หลิงฮันพยักหน้าในใจ หญิงสาวคนนี้แม้จะดูงุ่มง่าม แต่นางมีพรสวรรค์ในด้านร้องเพลงอย่างแท้จริง ดูเหมือนว่านางจะเลือกอาชีพของตนเองผิดนะเนี่ย

“หนวกหู! หนวกหู!” ฮูหนิวตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงร้องเพลง นางจ้องมองอย่างไม่พอใจไปทางลิ่วลู่เอ๋อ

ลิ่วลู่เอ๋อไม่พอใจคำวิจารณ์ของฮูหนิวและพูดกลับไป “ข้ามีเสียงที่ไพเราะขนาดนี้ แต่เจ้ากลับพูดว่าหนวกหูงั้นรึ!”

“หึ!” ฮูหนิวจ้องไปที่ลิ่วลู่เอ๋อด้วยท่าทางท้าทาย

หญิงสาวทั้งสองจ้องมองกันอย่างเกรี้ยวกราด ไม่มีฝ่ายไหนคิดจะยอมอ่อนข้อให้ จากที่ดูแล้ว พวกนางคงคิดจะจ้องกันไม่หยุดแน่ๆ

หลิงฮันหาวออกมา เขายืนขึ้นและเดินไปห้องนอนของเขาเพื่อที่จะนอน

ฟุบ ฮูหนิวกระโดดเกาะหลิงฮันทันที จากนั้นนางได้หันไปทำหน้าเยาะเย้ยใส่ลิ่วลู่เอ๋อ

ช่างล้มเหลวเสียจริง แม้แต่กับเด็กน้อยนางก็ไม่สามารถจัดการได้

ลิ่วลู่เอ๋อขยี้ผมด้วยความไม่พอใจ ในฐานะนักฆ่า นางไม่สามารถชนะแม้แต่การแข่งจ้องตากับเด็กสาวได้ นางเหมาะสมจะเป็นนักฆ่าจริงๆรึ?

***

เมื่อหลิงฮันตื่น ท้องฟ้าก็สว่างไสวแล้ว หลิงฮันลุกนั่งในท่าขัดสมาธิและเริ่มบ่มเพาะพลัง

เขาตั้งใจตื่นเร็วเพื่อบ่มเพาะพลังคนละเวลากับฮูหนิว เพราะหากทำแบบนี้ เขาจะได้ไม่ต้องหนีไปบ่มเพาะพลังที่อื่น

‘ไม่เลว ข้าจะสามารถทะลวงผ่านไประดับรวมธาตุขั้นแปดได้ภายในสามวัน’ หลิงฮันยิ้ม สิ่งที่เขาต้องการที่สุดในตอนนี้คือการทะลวงผ่านระดับก่อเกิดธาตุและตรวจสอบความลับของหอคอยทมิฬ

และแล้วดวงตะวันก็โผล่ขึ้นฟ้า หลิงฮันปลุกฮูหนิวขึ้นมา ถึงแม้เด็กสาวจะดูไม่เต็มใจ แต่นางก็ยังทำตามคำขอของหลิงฮันและเริ่มบ่มเพาะพลัง ฮูหนิวมีศักยภาพที่น่าสะพรึงกลัว ความสำเร็จในอนาคตของนางจะต้องไม่ด้อยไปกว่าเขาแน่นอน

หลิงฮันต้องเตรียมอาหารเช้า เขารู้สึกรันทดกับเรื่องนี้มาก ถ้าเขาอยู่กับฮูหนิวแค่สองคนก็คงไม่มีอะไรหรอก แต่ตอนนี้เขามีหญิงสาวอีกสองคนมาอยู่ด้วยแล้ว แต่ก็ยังต้องเป็นเขาที่ต้องทำอาหาร เรื่องนี้ช่างไม่ยุติธรรมยิ่งนัก

ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าบ้านดังขึ้นมา

ใครกัน?

หลิงฮันเดินไปเปิดประตู และเห็นว่าคนที่มาหาเขาคือจิงหวู่จื้อ

‘หืม ทำไมหมอนี่ถึงมาหาข้ากัน?’

“พี่ชายจิง ทำไมท่านถึงมาเช้าขนาดนี้?” หลิงฮันยิ้มถาม

จิงหวู่จื้อยิ้มมอย่างขมขื่นและพูด “น้องชายหลิง ข้าอยากจะขอความช่วยเหลือจากเจ้า”

“อะไรรึ?” หลิงฮันถามออกไปโดยไปรีบตอบตกลง

จิงหวู่จื้อลังเลอยู่ชั่วขณะและพูด “น้องชายหลิงฮันสามารถจองสถานที่ของศาลาบุปผางามได้สินะ?”

‘หืม?’

หลิงอดที่จะมองอย่างแปลกใจไปยังจิงหวู่จื้อไม่ได้ หมอนี่ทำข้อตกลงอันใดกับคุณหญิงหยานไว้รึไงกัน? หลิงฮันเพิ่งจะได้รับตราคำสั่งศาลาบุปผางามมาเมื่อวานก็มีคนมาขอให้เขาจองสถานที่ของศาลาบุปผางามเสียแล้ว

“น้องชายหลิง ข้าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีแล้ว! เจ้ารู้จักผู้คนมากมาย ตอนนี้ข้าหมดหนทางจริงๆ เพราะงั้นข้าถึงได้หน้าด้านมาที่นี่เพื่อขอให้เจ้าช่วย” จิงหวู่จื้อถอนหายใจ

หลิงฮันยิ้มและถาม “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมท่านถึงอยากจองสถานที่ของศาลาบุปผางาม?”

“ถ้าข้าบอกเจ้า สัญญากับข้านะว่าเจ้าจะไม่หัวเราะเยาะข้า!” จิงหวู่จื้อเขินอาย

หลิงฮันทำหน้าจริงจัง “ข้าสัญญาว่าจะไม่หัวเราะ”

จิงหวู่จื้อรวบรวมความคิดอยู่ชั่วขณะและเริ่มพูด ดูเหมือนว่าเขาจะไปพบกับลูกสาวของตระกูลเล็กตระกูลหนึ่งของเมืองจักรพรรดิเมื่อปีก่อน ชื่อของนางคือเจียงเฟยหยาน ทั้งสองคนตกหลุมรักกัน ความสัมพันธ์ของทั้งสองก้าวหน้าไปถึงขั้นเริ่มคิดตัดสินใจแต่งงานกัน

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ตระกูลจิงจะเป็นตระกูลใหญ่ของเมืองต้าหยวน แต่สำหรับเมืองจักรพรรดิแล้วตระกูลจิงนับว่าเป็นเพียงตระกูลเล็กๆเท่านั้น ยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อาศัยอยู่ในเมืองจักรพรรดิที่องค์จักพรรดิพิรุณเป็นคนดูแลโดยตรงจะมีนิสัยยิ่งยโสและรู้สึกว่าตนเองสูงส่งกว่าคนจากพื้นที่อื่นมาตั้งแต่เกิด ดังนั้นตระกูลเจียงจึงไม่พอใจบุตรเขยในอนาคตอย่างจิงหวู่จื้อและพยายามจะแยกทั้งคู่ออกจากกัน

เพราะงั้นจิงหวู่จื้อจึงพยายามใช้สมองหาหนทางเปลี่ยนความคิดที่ตระกูลเจียงใช้มองเขา

คุณสมบัติที่จะเข้าศาลาบุปผางามนั้นสูงอย่างมาก ใครก็ตามที่ต้องการจะจองโต๊ะหรือสถานที่ของศาลาบุปผางามจะต้องมาจากตระกูลระดับกลางเป็นอย่างน้อย ดังนั้นการเลี้ยงอาหารบุคคลสำคัญจากตระกูลเจียงในศาลาบุปผางามจึงเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ปัญหาก็คือถึงแม้เขาจะทะลวงผ่านระดับก่อเกิดธาตุ ศาลาบุปผางามก็คงเมินเฉยคำร้องขอของเขาอยู่ดี ไม่ต้องพูดถึงตัวเขาที่ตอนนี้มีพลังอยู่เพียงระดับรวมธาตุเลย

พักหลังนี้ ดูเหมือนตระกูลเจียงตั้งใจจะให้เจียงเฟยหยานแต่งงานกับนายน้อยเจ็ดของตระกูลชั้นกลาง เพราะงั้นจิงหวู่จื้อเลยไม่มีรู้จะทำยังไงและลองมาเสี่ยงโชคกับหลิงฮันดู

เพราะอย่างไรหลิงฮันที่เพิ่งจะมาถึงเมืองจักรพรรดิไม่กี่วันก็รู้จักกับลูกศิษย์ของหวู่ซงหลินแล้ว แถมดูเหมือนจะเป็นแขกคนสำคัญของปรมาจารย์หวู่ด้วยซ้ำ ดังนั้นต่อให้หลิงฮันไม่สามารถจองสถานที่ของศาลาบุปผางามได้ด้วยตนเอง หลิงฮันก็ยังสามารถขอให้หวู่ซงหลินจองแทนได้

เมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด หลิงฮันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมาและพูด “ข้าไม่คิดเลยว่าพี่ชายจิงจะมีความรักที่หวานซึ้งเช่นนี้”

“น้องหลิง เจ้าสัญญาแล้วนะว่าจะไม่หัวเราะ” ในขณะเดียวกัน จิงหวู่จื้อถอนหายใจออกมาไม่หยุด ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลุ้มใจ

หลิงฮันยังคงหัวเราะต่อไป เขาตบไหล่จิงหวู่จื้อและพูด “พี่ชายจิง ข้าไม่สามารถจองโต๊ะของศาลาบุปผางามได้ แต่...”

ในตอนแรก เมื่อจิงหวู่จื้อได้ยินคำพูดของหลิงฮัน เขารู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก แต่เมื่อได้ยินคำว่า ‘แต่...’ หัวใจของเขาเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยความตื่นเต้น “น้องชายหลิงมีหนทางอื่นงั้นรึ?”

“ข้าจองโต๊ะทั่วไปไม่ได้ ข้าสามารถจองได้แค่สวนด้านข้างศาลา มันจะมีปัญหารึเปล่า?” หลิงฮันถามด้วยรอยยิ้ม

“พรวด!”

จิงหวู่จื้อสำลักออกมาทันที

ใครก็ตามที่สามารถจองโต๊ะของศาลาบุปผางามได้ คนคนนั้นจะต้องเป็นจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณขึ้นไป หรือไม่ก็ต้องมีจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณอยู่เบื้องหลัง อย่างเช่น ถึงแม้สมาชิกสาขาหลักของตระกูลชั้นกลางจะสามารถจองโต๊ะได้ แต่พวกเขาก็จำเป็นต้องทำเรื่องจองล่วงหน้าเสียก่อน นั่นเพราะกิจการของศาลาบุปผางามนั้นรุ่งเรืองอย่างมาก ถ้าพวกเขาไม่จองล่วงหน้า พวกเขาก็จะไม่ได้โต๊ะ

ส่วนในกรณีของสวนด้านข้างศาลา คนที่จะจองได้จำเป็นต้องมีพลังบ่มเพาะอยู่ที่ระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ หรือไม่ก็มีจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณอยู่เบื้องหลัง

“นะ... น้องหลิง จะ... เจ้าไม่ได้ล้อข้าเล่นสินะ?” เรื่องนี้มันน่าตกตะลึงเกินไปจนทำให้จิงหวู่จื้อพูดติดอ่าง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด