GE72 กระบี่ที่พังทลาย ทะเลเพลิงที่ปกคลุม [ฟรี]
โอสถจักรพรรดิหยกที่หนิงฝานกินเข้าไป ช่วยเสริมการป้องกันปราณกระบี่!
หนิงฝานบังคับกระบี่แยกสวรรค์ฟาดฟันปราณกระบี่สังหารเซียนรอบข้าจนแตกสลาย ก่อนจะกลืนเศษเสี้ยวปราณกระบี่เหล่านั้นลงไปในท้อง
เมื่อเศษเสี้ยวปราณกระบี่เข้าสู่ท้อง ความเจ็บปวดที่เกิดจากอานุภาพของมันก็แผ่ไปทั่วร่าง แต่ที่น่าแปลกคือ ความเจ็บเหล่านั้นกลับช่วยหักล้างความเจ็บปวดที่เกิดจากโอสถจักรพรรดิหยก จึงช่วยบรรเทาความเจ็บปวดลงไปได้มาก
หนิงฝานรู้สึกมึนชาไปทั่วร่าง ความเจ็บปวดทั้งสองสายหักล้างกัน สิ่งที่เกิดขึ้นช่างประหลาดนัก แต่หนิงฝานก็พอใจกับมัน
หนิงฝานค้นพบโดยบังเอิญ ว่าความเจ็บปวดสามารถต้านทานความเจ็บปวดด้วยกันได้
เศษเสี้ยวปราณกระบี่ที่อยู่ในท้องไม่ทำอันตรายหนิงฝาน ยามนี้ เขารู้สึกเย็นที่ท้อง
หากเทียบระดับของปราณกระบี่สังหารเซียนและระดับพลังของหนิงฝานแล้ว เขายังไม่สามารถดูดกลืนมันได้ ทำให้หนิงฝานผิดหวัง
แต่ถึงอย่างนั้น เศษเสี้ยวปราณกระบี่กลับสามารถแปรเปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณ ที่ให้ผลไม่ต่างกับมุกภาวนา ซึ่งช่วยยกระดับสัมผัสเทพ
หนิงฝานทะลวงขอบเขตแก่นทองคำขั้นสุดท้ายของสัมผัสเทพล้มเหลวเพราะเผ่าครามจู่โจม และยามนี้ มุกภาวนาที่เหลืออยู่ 100 ลูกก็ไม่พอให้เขาทะลวงระดับอีกครั้ง
แต่หากเปลี่ยนมาดูดกลืนเศษเสี้ยวปราณกระบี่สังหารเซียนแทน หนิงฝานมั่นใจว่าสัมผัสเทพจะทะลวงขอบเขตแก่นทองคำขั้นสุดท้ายได้อีกครั้ง
หนิงฝานสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า หากข่ายอาคมของตนถูกทำลาย ย่อมหลีกหนีไม่พ้นความตาย ส่วนมู่เหว่ยเหลียนและหนิงหงหงต้องประสบชะตากรรมที่เลวร้าย
หนิงฝานแหงนหน้ามองผู้อาวุโสสองของเผ่าครามที่อยู่บนข่ายอาคมด้วยสายตาที่เย็นชา เขาหัวเราะอย่างเย่อหยิ่ง ก่อนที่จะกล่าวกับสตรีทั้งสอง
“ช่วยถ่วงเวลาให้ข้าอีกครึ่งชั่วยาม”
แม้ไม่สามรถดูดกลืนปราณกระบี่ได้ แต่ยังเปลี่ยนให้มันกลายเป็นพลังวิญญาณและดูดกลืนได้ ดังนั้น หนิงฝานจึงเริ่มเปลี่ยนเศษเสี้ยวปราณกระบี่ให้กลายเป็นพลังวิญญาณ ดูดกลืนเข้าสู่ทะเลสติอย่างบ้าคลั่ง และผสานพวกมันให้กลายเป็นสัมผัสเทพของตน
ทะเลสติของหนิงฝานค่อยๆเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ สัมผัสเทพค่อยๆทรงพลังมากขึ้น และเมื่อใดที่มันถึงจุดตีบตัน มันจะทะลวงเข้าสู่ของเขตแก่นทองคำขั้นสูง!
...
ภายนอกข่ายอาคมของหนิงฝาน การจู่โจมของผู้เชี่ยวชาญของเผ่าครามรุนแรงยิ่งขึ้น ผู้อาวุโสสองใช้สมบัติวิญญาณผสานกับฝ่ามือที่ทรงพลัง ระดมจู่โจม
สมบัติของมันเป็นสมบัติวิญญาณระดับสูง นาม ‘ขุนเขาวิญญาณ’ เป็นสมบัติที่มีชื่อเสียง ทรงพลัง ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสูงสุดยังยากจะรับมือ
“ขุนเขาวิญญาณ... ถล่มมัน!”
ผู้อาวุโสสองเย้ยหยัน สมบัติวิญญาณของมันขยายขนาดใหญ่ขึ้นราวพันจ้าง จนดูคล้ายภูเขาขนาดยักษ์ร่วงหล่นลงใส่ข่ายอาคมของหนิงฝานอย่างรุนแรง
ทุกครั้งที่ขุนเขาวิญญาณจู่โจม ข่ายอาคมปริแตก หยกสวรรค์ที่เป็นแหล่งพลังงานถูกดึงพลังออกไปอย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสสองเลียปาก มันมั่นใจว่าอีกไม่เกินธูปไหม้ครึ่งดอก ข่ายอาคมของหนิงฝานต้องพินาศ
“ผู้อาวุโสสาม หากข่ายอาคมพินาศ เจ้านำสมุนไพรกลับไปก่อน ส่วนข้าจะอยู่เล่นกับพวกนางแล้วตามไปทีหลัง”
มันจ้องมองหมู่เหว่ยเหลียงและหนิงหงหงด้วยแววตาชั่วร้าย ราวกับพวกนางไม่อาจรอดพ้นจากเงื้อมมือของมัน
“หากเจ้าลดเรื่องกามลงบ้าง บางทีเจ้าอาจบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มไปแล้ว”
ผู้อาวุโสสามเย้ยหยันผู้อาวุโสสองอยู่ในใจ มันใช้สมบัติวิญญาณในมือ สร้างลูกเพลิงจู่โจมข่ายอาคมอย่างรุนแรง
จากสิ่งที่เห็น ข่ายอาคมจะพินาศเมื่อใดก็ขึ้นอยู่กับเวลา
ยามนี้ จิตใจของมู่เหว่ยเหลียงปั่นป่วน หนิงหงหงขบฟันแน่นและเปลี่ยนถ่ายหยกสวรรค์อย่างรวดเร็ว
จำนวนหยกสวรรค์ที่หนิงฝานให้พวกนางมีไม่มากนัก ด้วยที่พวกมันถูกดึงพลังออกไปอย่างรวดเร็ว นางกลัวว่าข่ายอาคมจะถ่วงเวลาได้ไม่เกินครึ่งชั่วยาม
“น้องเหว่ยเหลียง เจ้าเติมหยกหสวรรค์ให้ข่ายอาคม ตอนนี้เราต้องถ่วงเวลาให้นานที่สุด”
เมื่อหนิงหงหงกล่าวเสร็จ นางก็นั่งลง จากนั้นใช้สัมผัสเทพแทรกเข้าไปในข่ายอาคม มู่เหว่ยเหลียงที่เห็นตกตะลึง นางตกตะลึงกับความบ้าบิ่นของหนิงหงหง แต่นางทำได้เพียงขบฟันและไม่ห้าม
การที่ผู้เชี่ยวชาญผสานสัมผัสเทพของตนเข้ากับข่ายพลัง จะสามารถควบคุมและเสริมอานุภาพให้กับข่ายพลังได้
แต่วิธีการนี้เสี่ยงอย่างที่สุด เพราะหากข่ายอาคมถูกทำลาย และผู้เชี่ยวชาญถอนสัมผัสเทพของตนออกมาไม่ทัน คนผู้นั้นจะได้รับบาดเจ็บร้ายแรง
หนิงหงหงไม่สนใจเรื่องความเสี่ยง นางคิดเพียงว่าต้องถ่วงเวลาให้หนิงฝานให้ได้
“บางที หากถ่วงเวลาได้ครึ่งชั่วยาม เขาอาจทำลายเผ่าครามจนพินาศได้...” หนิงหงหงกล่าวกับตนเอง แม้นางจะไม่เชื่อว่าหนิงฝานมีวิธีทำลายเผ่าครามก็ตาม
เมื่อสัมผัสเทพของนางผสานกับข่ายอาคม ใบหน้าที่งดงามของนางก็ขาวซีดทันที สัมผัสเทพของนางอยู่เพียงขอบเขตแก่นทองคำขั้นกลาง การให้นางควบคุมข่ายอาคมระดับดวงจิตแรกเริ่ม ถือเป็นเรื่องยากลำบากมาก
นางค่อยๆเชื่อมต่อกับข่ายอาคม และเริ่มเสริมการป้องกันของข่ายอาคมอย่างช้าๆ
ผู้เชี่ยวชาญของเผ่าครามเริ่มสัมผัสได้ว่า อำนาจของข่ายอาคมเพิ่มพูน ผู้อาวุโสสองขมวดคิ้ว เพราะมันเริ่มสังเกตุเห็นว่าสมบัติภูเขาวิญญาณของมันทำให้ข่ายอาคมเกิดรอยร้าวไม่ได้
“มีผู้ควบคุมข่ายอาคมด้วยสัมผัสเทพ! ฮึ่ม ที่แท้เป็นนาง ช่างบ้าบิ่นนัก”
ผู้อาวุโสสองจ้องมองหนิงหงหงที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ แววตาของมันแปรเปลี่ยนเย็นชา มือข้างขวาขยับเก็บสมบัติภูเขาวิญญาณกลับไป พร้อมกับนำยันต์สีดำออกมา
ยันต์ใบนี้เรืองแเสง เมื่อผู้เชี่ยวชาญของเผ่าครามตนอื่นๆเห็น พวกมันตกตะลึงทันที
“ยันต์ภูติสวรรค์! ยันต์ที่แฝงด้วยอานุภาพการจู่โจมของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม!”
ผู้เชี่ยวชาญตนอื่นจ้องมองผู้อาวุโสสองด้วยความหวาดกลัว มันคาดไม่ถึงว่าแค่ทำลายข่ายอาคม ผู้อาวุโสสองถึงกับต้องใช้ยันต์ล้ำค่าขนาดนี้
ผู้อาวุโสสองมีความสุขกับสายตาที่หวาดกลัวของผู้เชี่ยวชาญตนอื่น มันถ่ายปราณจำนวนมหาศาลเข้าไปในยันต์ ยันต์เปล่งแสงสีม่วงและปรากฏเสียงร้องโหยหวนของภูติผี
มันขยับนิ้วเป็นท่าทาง เพลิงสีดำลุกไหม้ เผายันต์สลายกลายเป็นเถ้าถ่าน ปีศาจโครงกระดูกยักษ์สีม่วงปรากฏ มันอ้าปากขบกัดข่ายอาคมจนเกิดเป็นรูโหว่ขนาดหลายจ้าง
เสียงสตรีกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น สัมผัสเทพของหนิงหงหงถูกกระชากออกไปอย่างรุนแรง
ริมฝีปากแดงระเรื่อของนางซีดเผือด นางไม่รู้ว่าทะเลสติของนางเสียหายขนาดไหน แต่นางยังขยับนิ้วเป็นท่าทาง โคจรสัมผัสเทพของตนเพื่อเสริมพลังให้ข่ายอาคมอีกครั้ง
ผู้อาวุโสสองตกตะลึงเมื่อเห็นการกระทำที่บ้าบิ่นของหนิงหงหง แม้สัมผัสเทพของนางจะถูกฉีกกระชาก แต่นางยังทนความเจ็บปวดได้ ความเจ็บปวดที่นางได้รับนั้น แม้เป็นบุรุษยังยากจะทนทาน
ยิ่งคิดว่าตนเองสามารถครอบครองและเอาชัยหนิงหงหงได้ ความปรารถนาของผู้อาวุโสสองยิ่งเพิ่มมากขึ้น มันยิ้มจนเห็นเขี้ยวและกระตุ้นปีศาจโครงกระดูกให้จู่โจมข่ายอาคมอย่างต่อเนื่อง
“ดูซิว่าเจ้าจะทนได้นานขนาดไหน!”
มันควบคุมปีศาจโครงยักษ์ให้ขบกันข่ายอาคมอย่างต่อเนื่อง
“พี่หงหง!” มู่เหว่ยเหลียงรู้สึกราวกับถูกมีดกรีดใจ นางเห็นภาพที่หนิงหงหงกำลังทนกับความเจ็บแสนสาหัส แม้นางจะยังทนได้ แต่มู่เหว่ยเหลียงปรารถนาให้ตนได้รับความเจ็บปวดแทน
“เด็กโง่... ทนอีกนิดเถอะ...”
ผิวกายของหนิงหงหงเริ่มซีดขาวราวกับกระดาษ
นางหันหน้ากลับมามองหนิงฝาน เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ นางรูสึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
“หากทนได้อีกนิดแล้วหล่ะก็...”
นางฝืนยิ้มอย่างยากลำบาก เมื่อเห็นว่าหนิงหงหงยังทนได้ ผู้อาวุโสสองเริ่มหมดความอดทน
“กระดูกภูติสวรรค์... ระเบิด!”
ผู้อาวุโสสองขยับนิ้วเป็นท่าทาง ปีศาจโครงกระดูกระเบิดสลายกลายเป็นผุยผง แต่นั่นกลับเป็นการจุดเพลิงม่วงให้ลุกโหม
เพลิงม่วงเข้าเผาทำลายป่าไผ่และข่ายอาคมกิน ปกคลุมพื้นที่กว้างกว่าร้อยลี้ ข่ายอาคมถูกแผดเผาและรักษาตนเองในฉับพลัน แต่ก็ทำให้หยกสวรรค์เหือดแห้งอย่างรวดเร็ว ผู้ที่น่าเวทนาที่สุดคือหนิงหงหง นางรู้สึกราวกับถูกเพลิงแผดเผาทั้งเป็น โลหิตไหลรินจากทวารทั้ง 7 ก่อนที่นางจะล้มหมดสติไป
เมื่อหนิงหงหงไม่อาจต้านทาน อานุภาพของข่ายอาคมก็ลดลง ป่าไผ่ที่ถูกเพลิงม่วงแผดเผา มอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน
เมื่อไร้ซึ่งป่าไผ่เป็นโครง ก็ไร้ซึ่งแหล่งค้ำจุนข่ายอาคม! ข่ายอาคมของหนิงฝานพังพินาศ!
ผู้อาวุโสสองควบคุมเพลิงม่วงโหมเข้าใส่หนิงฝาน แต่ปราณกระบี่ของหนิงฝานกลับต้านทานเพลิงไว้
“ฆ่ามัน!” เสียงของผู้อาวุโสสองสะท้อนก้องไปทั่วทิศ ตามความคิดของมัน การที่หนิงฝานต้องประกาศิตสังหารแต่ยังไม่ตายก็นับเป็นเรื่องท้าทายสวรรค์มากแล้ว และยิ่งต้องเผชิญหน้ากับเพลิงม่วงที่รุนแรงเทียบเท่ากับการจู่โจมของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม หนิงฝานไม่มีทางรอดไปได้
มู่เหว่ยเหลียงโอบกอดร่างของหนิงหงหงที่ซีดขาวไร้โลหิต นางร่ำไห้แทบขาดใจ
แต่หนิงหงหงยังขบริมฝีปากทน โลหิตไลหรินออกจากร่างของนางไม่ขาดสาย น้ำตาแห่งความเศร้าร่วงหล่น
นางไม่อาจถ่วงเวลาให้หนิงฝานได้ถึงครึ่งชั่วยาม
“น้องเหว่ยเหลียง... หนีไป”
นางฝืนยิ้ม นางรู้ว่านางไม่มีทางรอด
“ข้าไม่ไป!”
มู่เหว่ยเหลียงหันมองผู้เชี่ยวชาญของเผ่าครามที่กำลังทะยานเข้ามา เมื่อเห็นรอยยิ้มของผู้อาวุโสสอง นางหวาดกลัว ยามนี้หนิงฝานถูกเพลิงม่วงแผดเผา เป็นตายอย่างไรไม่ทราบ จึงเหลือเพียงตัวนางและหนิงหงหงที่ต้องเผชิญหน้ากับชะตากรรมอันน่าเศร้า
มู่เหว่ยเหลียงตัดสินใจลุกขึ้นยืนอย่างอาจหาญ เผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญที่กำลังใกล้เข้ามา
“ปล่อยสองคนนั้นไป แล้วข้าจะยอมไปกับพวกเจ้า...” นางกล่าวกับผู้อาวุโสสอง นางตัดสินใจแน่วแน่ว่าหากหนิงฝานและหนิงหงหงหนีไปได้ นางจะทำลายหัวใจเพื่อปลิดชีวิตตนเอง
แต่ผู้อาวุโสสองดูราวกับรู้ความคิดของนาง
“ฮ่าฮ่า... เจ้าไม่มีทางเลือก!”
ผู้อาวุโสสองพึงพอใจมาก แม้มันจะต้องสูญเสียยันต์ล้ำค่าไป แต่มันสามารถทำคำสั่งของผู้อาวุโสใหญ่ให้ลุล่วง ทั้งยังได้สตรีที่งดงามสองนางมาครอบครอง
มันระเบิดพลังในขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูง ทะยานเข้าหามู่เหว่ยเหลียงอย่างรวดเร็ว ยามนี้ มันหยุดยืนอยู่หน้านางห่างเพียงหนึ่งก้าว มันหัวเราะอย่างชั่วร้ายและยื่นมือหวังสัมผัสหน้าอกอันขาวนวลของนาง
“อย่าได้หวัง!”
ขณะที่มู่เหว่ยเหลียงสิ้นหวัง เปลวเพลิงม่วงที่รุนแรงเกิดการสั่นไหว
ปราณกระบี่สังหารเซียนขนาดยักษ์ทั้ง 4 เล่มที่ลอยอยู่บนท้องนภาแตกสะลาย!
น้ำเสียงที่เย็นชาจนถึงจุดสูงสุดของหนิงฝานดังมา ผู้เชี่ยวชาญของเผ่าครามทั้งหมดหวาดกลัวจนตัวสั่น
แล้วเรื่องที่น่าหวาดกลัวก็เกิดขึ้น!
ผู้อาวุโสสองเร่งถอนมือและถอยห่างอย่างรวดเร็ว แต่ทันทีที่มันเคลื่อนห่างจากมู่เหว่ยเหลียง กระบี่แยกสวรรค์ที่แฝงด้วยอำนาจสังหารภูติผีในขอบเขตแก่นทองคำ ได้ก็ฟาดฟันยังตำแหน่งที่มันยืนเมื่อครู่
เหลืออีกเพียงนิดเดียว หากมันเคลื่อนไหวช้ากว่านั้นเพียงครึ่งก้าว มือข้างที่มันยื่นออกไปหวังสัมผัสกายมู่เหว่ยเหลียงคงได้ถูกฟันขาด
“ผู้ใดกล้าลอบจู่โจมข้า!”
มันตกตะลึงและโกรธแค้น เพราะกระบี่เมื่อครู่แฝงด้วยอำนาจที่สามารถแผดเผาวิญญาณให้มอดไหม้ ไม่ว่าผู้ใดย่อมรู้ว่าเผ่าครามกำลังสังหารซัวหมิง แต่ผู้ใดกันที่สอดมือ?
มันไม่คิดว่าผู้ที่ลงมือเมื่อครู่คือหนิงฝาน เพราะฉากที่มันเห็น หนิงฝานถูกเพลิงม่วงแผดเผา และสมควรตายไปแล้ว
แต่ยามนี้ ภายในทะเลเพลิงม่วงกลับปรากฏผู้เยาว์ในชุดคลุมขาวดำ ผมดำขลับพริ้วไสว ดวงตาเฉียบคมราวกับกระบี่
สีหน้าของผู้เยาว์คนนั้นดูเรียบเฉยไร้อารมณ์ แววตาดูเย็นชาไร้หัวใจ ให้ความรู้สึกหนาวเหน็บราวกับอยู่ในโลกน้ำแข็งหมื่นปียามจ้องมอง
“ซัวหมิง เป็นไปได้อย่างไร? เจ้าสมควรถูกประกาศิตสังหาร สังหารตายไปแล้ว หรือไม่ก็สมควรถูกทะเลเพลิงม่วงแผดเผาจนมอดไหม้...”
ผู้อาวุโสสองผงะถอยไปหลายก้าว จิตวิญญาณของมันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ผู้เยาว์ที่ปรากฏมีพลังเพียงขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสุดท้าย แต่แววตาของผู้เยาว์ผู้นี้กลับน่าสะพรึงกลัว ความโกรธแค้นที่ปะทุ ทำให้มันรู้สึกแตกตื่นอย่างบอกไม่ถูก
เพียงแค่สายตา ก็อาจทำให้ผู้ที่จิตใจอ่อนไหวรู้สึกราวกับถูกกระบี่ทิ่มแทง
ความผันผวนของจิตวิญญาณเพียงน้อย สร้างความปั่นป่วนให้กับทะเลสติ เมื่อจิตวิญญาณสั่นไหว ร่างกายย่อมรู้สึกราวกับถูกสายฟ้าฟาดผ่าจนมึนชาไปทั่วร่าง
นอกจากผู้อาวุโสสองแล้ว ผู้เชี่ยวชาญตนอื่นๆของเผ่าครามล้วนไม่มีผู้ใดกล้ามองตาหนิงฝาน
“มันคือซัวหมิง! เป็นไปไม่ได้! ซัวหมิงที่ข้าเคยพบอ่อนแอไร้...” บุรุษผู้หนึ่งอุทานขึ้นด้วยความหวาดกลัว ซัวหมิงที่มันรู้จักทั้งอ่อนแอและบอบบาง แต่ยามนี้ กลับกลายเป็นคนละคน
มันยังไม่ทันได้กล่าวจบ ร่างของมันถูกผ่าเป็นสองท่อนโดยไม่อาจขัดขืน ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้นอย่างมัน ถูกสังหารตายในพริบตา!
และในชั่วลมหายใจนั้น ภูติผีในขอบเขตแก่นทองคำขั้นต้น 21 ตน ถูกผ่าร่างพร้อมๆกัน!
เหลือเพียงผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นกลาง 14 คน ผู้อาวุโสสอง และผู้อาวุโสสามที่เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสุดท้าย
พวกมันจ้องมองหนิงฝานด้วยความหวาดกลัว กลัวว่าตนจะถูกสังหาร
พวกมันประจักษ์ด้วยตาตนเองแล้วว่า ผู้เยาว์เบื้องหน้าคือผู้ที่สังหารผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากในพริบตา!
“ยะ...อย่าเข้ามา!!”
ผู้อาวุโสสองตะโกนสุดเสียง
แต่หนิงฝานกลับกล่าวคำที่ทำให้พวกมันสิ้นหวัง
“หากพวกเจ้าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญกึ่งดวงจิตแรกเริ่ม ก็อย่างหวังว่าจะรอดไปจากที่นี่ได้!”...