บทที่ 33 เจ้า 8 (2) [อ่านฟรี]
บทที่ 33 เจ้า 8 (2)
คาร์ลตอบคำถามของเชวฮัน ก่อนที่จะสัมผัสถึงพลังของควันสีดำที่โอบรอบตัวเขาไว้มันเกิดขึ้นเช่นเดียวกับที่เคจได้กล่าวคำสาบานต่อพระเจ้าแห่งความตายในตอนนั้น แต่พลังของพระเจ้าแห่งความตายเตือนให้เขานึกถึงการเดิมพันของคำสาบานนี้
‘ฉันจะตายหากฉันผิดคำสาบาน’
คาร์ลมั่นใจว่าเชวฮันจะรู้สึกเช่นเดียวกับเขานั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ใบหน้าของเชวฮันแข็งค้างขึ้นในตอนนี้คาร์ลรู้สึกได้ถึงการสัมผัสจากพระเจ้าแห่งความตายและเริ่มดำเนินการที่จะกล่าวคำสาบานของตน
“นักบวชที่ยืนต่อหน้าข้าในตอนนี้ได้รับการรับรองว่าเขาจะไม่ได้ยินสิ่งใดและถ้ามันไม่ใช่ความจริงเขาจะต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วยชีวิตของเขา”
นี่เป็นประโยคที่จะต้องกล่าวเป็นครั้งแรกเมื่อกล่าวคำสาบานต่อหน้านักบวชหูหนวก
“ยิ่งไปกว่านั้น....ข้า....คาร์ล เฮนิตัส....สาบานที่จะพูดความจริงต่อหน้าเชวฮัน ต่อหน้าพระเจ้าแห่งความตายและถ้าสิ่งที่ข้าพูดคือการโกหกเพียงเล็กน้อย...ข้าจะตายในทันทีเพื่อจ่ายเป็นค่าตอบแทน”
ทันทีที่คาร์ลกล่าวจบใบหน้าของเชวฮันยิ่งแข็งค้างขึ้นไปอีก เขารู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่ง
ในครั้งแรกคาร์ลได้โต้เถียงกับตนเองว่าจะบอกเรื่องทั้งหมดกับเชวฮันดีหรือไม่?
ข้าถูกส่งเข้ามาในนิยายที่กำลังอ่านอยู่...และข้ายังเป็นคนเกาหลีอีกด้วย...นั่นคือเหตุผลที่ข้ารู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างจนกระทั่งถึงนิยายเล่มที่ 5 องค์กรลับนี้จะก่อให้เกิดปัญหาไปทั่วทวีปและในเร็วๆนี้ทั่วทั้งทวีปจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่วุ่นวายเพราะสงคราม
คาร์ลควรจะพูดเช่นนี้หรือไม่?
หรือเขาควรจะพูดอะไรแบบนี้ดี? ข้าถูกส่งตัวเข้าไปในนิยายที่ข้าอ่านและจบลงด้วยการเป็นบุตรชายของขุนนางผู้มั่งคั่ง นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าพยายามจะมีชีวิตที่สงบสุขเมื่อข้าจำได้ว่ามันจะเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นในนิยายเรื่องนี้บ้างจึงทำให้ข้าเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเล็กน้อย ข้าอยากมีชีวิตที่สงบสุขแม้ว่าทั่วทั้งทวีปจะอยู่ในภาวะสงครามก็ตาม
คาร์ลไม่ชอบพวกมันเลย ข้อแรกอาจทำให้เขาเข้าไปมีส่วนร่วมในสงครามของทวีปและทำให้เขาตายไปในสนามรบได้ ในขณะที่ข้อสองอาจนำพาให้เขาถูกดูหมิ่นเหยียดหยามจากเชวฮันที่อาจจะลงมือฆ่าเขาได้เช่นกัน
คาร์ลไม่ต้องการให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น
“ข้อแรก”
ความจริงข้อที่หนึ่งจากสองข้อ
“ข้า...คาร์ล เฮนิตัสไม่ทราบตัวตนที่แท้จริงขององค์กรลับนั่น”
ฮึก....เชวฮันสูดหายใจเข้าลึกก่อนที่จะยกมือทั้งสองข้างปิดหน้าของตนไว้ เขาค่อยๆขยับมือลงเมื่อเห็นว่าคาร์ลยังคงมีชีวิตอยู่
“มันคือความสัตย์จริง....เพราะข้าไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของพวกมัน”
มันคือเรื่องจริง
คาร์ลหรือตัวตนที่แท้จริงในตอนนี้คือคิมร็อกโซได้อ่านนิยายเรื่อง กำเนิดวีรบุรุษ มาถึงเล่มที่ห้าแต่มันก็ไม่ได้พูดถึงเป้าหมายหรือตัวตนที่แท้จริงขององค์กรลับนั่น ทั้งหมดที่กล่าวถึงมีเพียงการกระทำอันชั่วร้ายขององค์กรลับเพียงเท่านั้น
“มีอีกเรื่อง..ที่ข้ามีความจริงใจอย่างแท้จริงเมื่อข้าจะพูดมันออกมา”
ความจริงข้อที่สอง
“ข้าเกลียดองค์กรลับนั่นและหวังว่าพวกมันจะหายสาบสูญไปให้หมด”
มันคือความจริงที่ว่าคาร์ลยังคงมีชีวิตอยู่ เขาไม่ชอบคนพวกนี้ที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ร้ายต่างๆมากมาย พวกมันอาจจะมีส่วนร่วมในสงครามของทวีปเช่นกัน คาร์ลอยากให้พวกมันหายสาบสูญไปให้หมดเพื่อที่ตัวเขาเองจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบในดินแดนที่เต็มไปด้วยความสงบร่มเย็น
เชวฮันดูเหมือนจะไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ เขามองไปที่ควันสีดำที่เชื่อมกับตัวเขา นักบวชและคาร์ล ก่อนที่จะกำหมัดของตนแน่นขึ้น คาร์ลชะงักไปกับท่าทางที่น่ากลัวของเชวฮันก่อนจะได้ยินเสียงของเชวฮันเอ่ยขึ้นมา
“ท่านจะเกลียดพวกมันได้อย่างไร...หากไม่รู้จักกับพวกมัน?”
“เพราะข้ารู้เกี่ยวกับสองสิ่งที่น่ากลัวที่พวกมันวางแผนจะลงมือทำ...ทั้งเรื่องของมังกรดำและล็อก...และอีกอย่าง...เชวฮัน!”
คาร์ลชี้นิ้วเข้าหาตัวเขาเอง
“ความฝันของข้า...คือการได้ใช้ชีวิตเป็นเพียงขยะไร้ค่าเท่านั้น”
ท่าทางของเชวฮันเปลี่ยนไปในทันทีเมื่อเขาได้ยินความฝันของคาร์ลที่ปรารถนาจะเป็นเพียงขยะไร้ค่าเท่านั้น
“ข้าไม่มีความปรารถนาที่จะเป็นผู้สืบทอดตระกูลเฮนิตัสในอนาคตข้างหน้าและข้าหวังเพียงให้ ‘บาเซ็น’ น้องชายต่างมารดาของข้าเป็นผู้สืบทอดตระกูลแทน”
นี่คือความจริงจากใจของคาร์ลและเป็นเหตุผลที่คาร์ลเอ่ยถามเชวฮัน
“แล้วเจ้าคิดว่า...ข้าจะเดินทางมายังเมืองหลวงเพื่อมาเป็นตัวแทนของตระกูลเฮนิตัสไปทำไมกัน? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข้าหวังให้บาเซ็นเป็นผู้สืบทอดตระกูลเฮนิตัสแทน? และถึงแม้ว่ามันจะเป็นคำสั่งจากผู้นำตระกูลเช่นบิดาของข้าให้ข้าเป็นตัวแทนไปในครั้งนี้แต่ข้าก็สามารถที่จะปฏิเสธว่าไม่ไปได้เช่นกัน”
เชวฮันเอ่ยตอบกับคำถามของคาร์ลหลังจากเงียบไปชั่วครู่
“.....กระผมไม่แน่ใจ.....”
“....เพราะข้ารู้ว่าองค์กรลับนั่นวางแผนจะทำสิ่งใดในเมืองหลวง”
ดวงตาของเชวฮันเบิกกว้างขึ้น
“...ข้าไม่สามารถบอกเจ้าได้ว่าข้ารู้มันได้อย่างไร...แต่พวกมันกำลังวางแผนที่จะฆ่าคนเป็นจำนวนมากในเมืองหลวง..และนั่นทำให้ข้าไม่สามารถส่งบาเซ็นมายังที่แห่งนี้ได้..ข้าต้องป้องกันเหตุการณ์พวกนี้ไม่ให้มันเกิดขึ้นให้จงได้”
แน่นอน...ว่าคาร์ลไม่ได้วางแผนการที่จะทำอะไรกับเรื่องนี้รวมถึงทุกๆสิ่งที่จะนำพาชีวิตของเขาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของคนอื่นเช่นกัน
“เมื่อข้าจัดการปัญหาเหล่านี้ให้เรียบร้อยได้มากที่สุดเท่าที่ข้าจะสามารถทำได้แล้ว..ข้ามีแผนที่จะเดินทางกลับไปยังดินแดนเฮนิตัสทันที”
“.....ท่านไม่สามารถบอกข้าได้ว่า...ท่านรู้มันได้อย่างไรใช่หรือไม่?”
“ถูกต้อง...ข้าไม่สามารถบอกเรื่องนี้กับใครได้ทั้งนั้น”
แววตาของเชวฮันเต็มไปด้วยคำถามแต่ปากของเขาก็ยังคงปิดสนิทอยู่
ท่านคาร์ลไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงขององค์กรลับแต่ว่าเขารู้ถึงแผนการที่พวกมันจะทำอีกทั้งเขายังเกลียดชังพวกมันเป็นอย่างยิ่งและต้องการให้พวกมันหายสาบสูญไป
ศีรษะของเชวฮันลดต่ำลงเมื่อเขาเริ่มคิดถึงสิ่งต่างๆ...ตอนนี้ภายในหัวของเขาเต็มไปด้วยความสับสนยุ่งเหยิงกับเรื่องราวทั้งหมดที่ได้รับฟังจากคาร์ล ถึงกระนั้นพลังของพระเจ้าแห่งความตายยังคงไหลผ่านเส้นใยสีดำอยู่ทำให้เขายังคงสงบนิ่ง เชวฮันรู้ว่าคาร์ลจะจบชีวิตลงที่นี่หากคาร์ลเลือกที่จะโกหก
“อย่างไรก็ตาม....ข้าจะบอกเจ้าอีกหนึ่งเรื่อง”
คำพูดที่บอกว่า ‘อีกหนึ่งเรื่อง’ ทำให้เชวฮันรีบยกศีรษะของตนเพื่อหันไปมองคาร์ล
“ความจริงข้อสุดท้าย”
และนี่เป็นความจริงข้อที่สามที่คาร์ลจะบอกแก่เชวฮัน
“ข้าไม่มีความปรารถนาที่จะทำร้ายเจ้า”
คาร์ลมั่นใจในสิ่งที่เขากล่าวออกมาและตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่นั่นหมายความว่านี่คือความจริง
เชวฮันเริ่มขมวดคิ้วมุ่น
พลั่ก!พลั่ก!
เชวฮันก้มหน้าลงเพื่อใช้กำปั้นทุบลงไปที่ต้นขาของตนเองแม้ว่าเขาจะไม่ได้ออกแรงทุบมันมากนักแต่ก็ยังสามารถมองเห็นเส้นเลือดที่ปูดโปนออกจากกำปั้นที่กำแน่นได้อยู่ดี ก่อนที่จะค่อยๆยกศีรษะของตนขึ้นช้าๆเพื่อหันไปมองคาร์ลที่ยังคงมีชีวิตอยู่
“...กระผมเชื่อท่าน....”
คำตอบนี้ถูกเอ่ยออกมาจากปากของเชวฮันหลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน
คาร์ลเอ่ยย้ำกับเชวฮันด้วยประโยคที่เคยพูดก่อนที่พวกเขาจะพากันเข้ามาในห้องนี้
“...ข้ารู้....” ก่อนที่คาร์ลจะเริ่มยิ้มออกมา
“เฮ้อ”
เชวฮันถอนหายใจออกมาขณะที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ เขาเงยหน้าขึ้นมองคาร์ล แววตาของคาร์ลในตอนนี้ยังคงกระจ่างใสเหมือนปกติที่เขาเคยเป็น
“ท่านคาร์ล...ได้โปรดสัญญากับกระผมอีกหนึ่งข้อได้หรือไม่?.แล้วกระผมจะเชื่อท่านได้อย่างหมดใจ”
‘.....อ่า...นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันคิดว่ามันจะเกิดขึ้นหรอกนะ’
คาร์ลรู้สึกได้ถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากท่าทางของเชวฮัน มันไม่ควรจะเป็นคำขอที่ใหญ่เกินไปเพราะเขาอาจสามารถหาทางที่จะพลิกแพลงสิ่งต่างๆเพื่อให้เหมาะกับตัวของเชวฮันได้แต่ประโยคที่ว่า ‘จะเชื่อท่านได้อย่างหมดใจ’ทำให้คาร์ลรู้สึกหวั่นๆแต่ก็ไม่สามารถที่จะเอ่ยปฏิเสธเขาได้ในตอนนี้
“ได้สิ...มันคืออะไรหรือ?”
“ท่านคาร์ล....”
“ว่าอย่างไร?”
“กระผมต้องการแก้แค้นองค์กรลับนั่น...นี่คงเป็นครั้งแรกในชีวิตของกระผมที่จะเคียดแค้นใครหรือองค์กรใดได้มากขนาดนี้”
ความโกรธปรากฏขึ้นเต็มดวงตาอันบริสุทธิ์ของเชวฮัน ความรู้สึกของความระลึกถึงยังสามารถลอดผ่านความโกรธออกมาได้เช่นกัน ในตอนนี้เชวฮันอาจกำลังคิดถึงหมู่บ้านแฮร์ริสอยู่ก็เป็นได้
‘อืม’
คาร์ลเก็บคำพูดของตนไม่ให้เล็ดลอดผ่านริมฝีปากของตนออกมา นี่เป็นเหตุผลที่เขาไม่ต้องการตัวเชวฮันแม้ว่าเชวฮันจะเลือกติดตามเขาก็ตาม เชวฮันเป็นคนดีนี่คือสิ่งที่เขาปฏิเสธไม่ได้แต่เขามักจะเป็นคนที่ทำอะไรด้วยความตั้งใจอย่างแรงกล้าและนั่นทำให้เขาเฝ้ารอคำของของเชวฮันด้วยความเคร่งเครียด
ก่อนที่เชวฮันจะเอ่ยปากพูดในเวลาต่อมา
“ได้โปรดบอกกระผม...หากท่านหาตัวตนของพวกมันพบ....”
“เอ่อ...อ้อ!..ได้..ได้สิ”
‘...ฉันคิดว่าเขากำลังขอในเรื่องที่มันยากเกินไปเสียแล้ว’
คาร์ลอึ้งไปพักใหญ่ก่อนที่เขาจะเอ่ยคำสาบานนั้นออกมา
“ข้า...คาร์ล เฮนิตัสจะแจ้งให้เชวฮันทราบหากข้าได้รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงขององค์กรลับนั่น...ข้ายินดีจะจ่ายค่าตอบแทนด้วยชีวิตหากข้าผิดต่อคำสาบานนี้...เจ้าพอใจหรือไม่?”
“พอใจ...ขอบคุณนะขอรับท่านคาร์ล”
เชวฮันเริ่มยิ้มออกมาได้ดูเหมือนว่าเขาจะโล่งใจ คาร์ลเริ่มครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ขณะที่ลอบมองเชวฮันไปด้วย
‘แล้วฉันจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของพวกมันได้อย่างไร?’
เพื่อที่จะสามารถหาตัวตนที่แท้จริงของพวกมันได้พบหรือเพื่อหาคำใบ้ที่ใกล้เคียงที่สุดเกี่ยวกับตัวตนของพวกมัน เขาจำเป็นที่จะต้องเดินตามเส้นทางเดียวกับเชวฮันเช่นเดียวกับเนื้อหาในนิยายได้กล่าวเอาไว้ คาร์ลจะต้องบ้าไปแล้วที่คิดจะทำเช่นนั้น เพราะเมื่อเชวฮันได้ออกจากเมืองหลวงของอาณาจักรโรมันไปเขาจะวิ่งเข้าหาและข้องเกี่ยวกับวีรบุรุษทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นมนุษย์และไม่ใช่มนุษย์ก็ตาม
เพียงแค่คิดเกี่ยวกับมันคาร์ลก็รู้สึกแย่เป็นอย่างมาก
“พวกเราทำมันเสร็จเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่?”
“ใช่..”
ปัง!
คาร์ลยกมือขึ้นและกระแทกไปที่โต๊ะจนเกิดเสียงดัง การกระแทกของเขาทำให้โต๊ะสั่นเล็กน้อยก่อนที่นักบวชจะลืมตาขึ้นช้าๆและพยักหน้าให้แก่พวกเขา ห้องเกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นอีกครั้ง
ครืดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ในตอนนี้กลุ่มควันดำได้จางหายไปจากตัวพวกเขาแล้ว มันต่างจากที่เขาเคยทำกับนักบวชเคจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น คาร์ลสัมผัสได้ถึงสองคำสาบานที่ฝังแน่นอยู่ในร่างกายของเขา ขณะที่เขาหยิบกระดาษออกจากกระเป๋าของตนเอง
มันเป็นเช็คมูลค่า 10 ล้านแกลลอน คาร์ลวางเช็คเงินไว้ตรงหน้านักบวชที่มองเขาอยู่และลุกขึ้นทันที จากนั้นก็กล่าวคำอำลากับนักบวชก่อนออกจากห้องไป เชวฮันก้มมองไปที่เช็คสลับกับคาร์ลที่เดินจากไปก่อนจะรีบเดินตามคาร์ลออกจากห้องและปิดประตูโดยทันที ก่อนที่เขาจะมองไปที่คาร์ลด้วยความสับสน
คาร์ลเอ่ยกับเชวฮันด้วยความไม่ใส่ใจนักเมื่อเห็นว่าเชวฮันจ้องตนด้วยท่าทางเช่นนั้น
“ไม่มีอะไรในชีวิตที่ได้มาโดยไม่เสียอะไรเป็นการตอบแทน”
“ข้าเข้าใจ..”
คาร์ลเดินกลับขึ้นไปทางบันไดอันเดิมและเจอกับนักบวชคนเดิมที่ยืนอยู่หน้าทางเข้า
นักบวชยินดีที่เห็นว่าคาร์ลยังคงมีชีวิตอยู่
“ขอให้ชีวิตของท่านจงดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงเวลาในชีวิตที่ได้ถูกกำหนดไว้”
นั่นเป็นวิธีที่เหล่านักบวชบอกแก่คุณว่าอย่าผิดคำสาบานของคุณเพื่อที่คุณจะได้มีชีวิตต่อไปจนแก่ตายในที่สุด มันค่อนข้างโหดร้ายอยู่เหมือนกัน
“ขอบคุณมากท่านนักบวช”
คาร์ลกล่าวคำขอบคุณให้แก่นักบวชพร้อมกับรอยยิ้ม นักบวชได้มองเห็นรอยยิ้มของคาร์ลและน้ำเสียงที่ผ่อนคลายที่แปลกออกไปจากเดิมเล็กน้อยแต่เขาก็เดินผ่านนักบวชและออกมาจากวิหารโดยทันที
จากนั้นเขาก็ขึ้นไปบนรถม้าพร้อมกับเชวฮันและเริ่มพูดขึ้นเมื่อรถม้าเริ่มขยับ
“จากข้อมูลที่เจ้าแจ้งแก่ข้า...นักเวทย์ที่เสียสติคนนั้นจะเป็นผู้นำของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง”
“.....กระผมได้รับอนุญาตให้ฆ่าเมื่อเจอตัวพวกมันหรือไม่?”
“ทำไมเจ้าต้องถามข้าตรงไปตรงมาเช่นนี้ด้วย?...ทำในสิ่งที่เจ้าต้องการเถิด”
‘มันไม่ใช่เรื่องของเขาเสียหน่อย’
อย่างไรก็ตามเจ้านักเวทย์บ้าคนนั้นเป็นถึงนักเวทย์ระดับสูงและเป็นผู้เชี่ยวชาญการใช้พลังเวทย์เคลื่อนย้ายมวลสาร ดังนั้นเชวฮันจึงไม่สามารถทำตามความต้องการของเขาให้สำเร็จลงได้ตามเนื้อหาในนิยายที่ได้กล่าวเอาไว้
“ได้...ข้าแน่ใจว่าจะลงมือฆ่ามันโดยทันที”
คาร์ลหันหน้าหนีไปจากใบหน้าที่โกรธแค้นของเชวฮัน มันเป็นเรื่องที่โหดร้ายเกินไปสำหรับเขาหากจะลงมือห้ามหรือจัดการกับคนเช่นเชวฮันได้
เมื่อพวกเขากลับไปถึงบ้านแล้ว คาร์ลก็ได้พบว่ามีอีกบุคคลหนึ่งที่เขายากจะจัดการได้เช่นกัน
“นายน้อยขอรับ.....”
“รอน.....เช่นนั้นหรือ”
นักฆ่ารอนผู้มีรอยยิ้มอ่อนโยนประดับบนใบหน้าอยู่ตลอดเวลาได้เข้ามาพบคาร์ลที่กำลังพักผ่อนในห้องของตนอยู่