บทที่ 33 เจ้า 8 (1) [อ่านฟรี]
บทที่ 33 เจ้า 8 (1)
ไม่มีใครรู้สึกแปลกใจเมื่อคาร์ลต้องการจะออกไปข้างนอก รอนดูเหมือนจะออกไปที่ไหนไหนสักแห่งเพราะเขาไม่เจอตัวรอน มีเพียงคำถามเดียวที่ฮันส์เอ่ยถามเขาเกี่ยวกับที่ที่เขาจะเดินทางไป
‘นายน้อย..จะออกไปที่ใดหรือขอรับ?’
‘เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องนี้’
‘...ได้ขอรับ..แต่นายน้อยเพิ่งเดินทางมาถึงเมืองหลวงเป็นวันแรกนายน้อยคงไม่ประเดิมการออกไปข้างนอกด้วยการเขวี้ยงขวดเหล้าเล่นหรอกนะขอรับ?’
‘.....นี่เจ้าอยากจะเป็นคนที่หยาบคายเช่นนี้ใช่หรือไม่?’
‘เอ่อ.ไม่..ไม่เลย....เดินทางปลอดภัยนะขอรับนายน้อย’
คาร์ลเข้าไปในรถม้าและเริ่มคิดถึงวิธีการจัดการกับฮันส์ผู้ที่ยังคงรักษาความหยาบคายของตนไว้ได้อย่างสม่ำเสมอ ก่อนที่รถม้าจะวิ่งมาถึงวิหารในตอนที่คาร์ลยังคิดถึงเรื่องนี้อยู่
“ออกไปกันได้แล้ว”
“...อืม”
คาร์ลก้าวออกจากรถม้าทันทีโดยมีเชวฮันที่เดินตามเขามาอย่างเงียบๆตั้งแต่ก้าวออกจากมาจากรถม้า..ไม่สิ..เขาเงียบตั้งแต่อยู่ในรถม้าแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะกำลังมีความคิดที่สับสนราวกับพายุที่พัดกระหน่ำอยู่ในหัวของเขาในตอนนี้
คาร์ลรู้จักกับตัวตนของเชวฮันเพียงแค่อ่านในนิยายเรื่อง’กำเนิดวีรบุรุษ’จนกระทั่งถึงเล่มที่ 5เท่านั้นแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเขาก็มั่นใจว่า...ถึงแม้เชวฮันจะเป็นคนดีแต่เขาก็ไม่ได้ไว้ใจใครง่ายๆและยังเป็นคนที่ฉลาดมากอีกด้วย
‘ถ้าฉันพยายามแก้ตัวและพูดให้เขาเชื่อเขาก็อาจจะเชื่อแค่ในตอนแรก...และแน่นอนว่าเขาจะต้องสงสัยในตัวฉันในภายหลัง’
เชวฮันอาจจะรู้สึกอ้างว้างหลังจากที่ต้องอยู่เพียงลำพังเป็นเวลาถึงสิบปีแต่ประสบการณ์นั้นได้สอนให้เขาสามารถอยู่รอดได้ด้วยตัวเองและวิธีการยืนหยัดด้วยความอดทน
ในตอนนี้เชวฮันอาจจะมองเขาในแง่ดีและเชื่อฟังคำสั่งของเขาแต่เชวฮันในนิยาย ‘กำเนิดวีรบุรุษ’เล่มที่ 5 เขาได้กลายเป็นคนที่มีความต้องการจะเป็นผู้นำ...เชวฮันคือคนที่จะมีชีวิตอยู่ด้วยอุดมการณ์ที่ว่าความยุติธรรมจะต้องมีอยู่จริงในโลกใบนี้
“....โอ้...นี่มันขาวเกินไป”
วิหารของพระเจ้าแห่งความตายที่คาร์ลเห็นเมื่อก้าวลงมาจากรถม้า มันเป็นสีขาวล้วนสะอาดตาไม่มีสิ่งสกปรกใดๆที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า บรรดาผู้ศรัทธาพระเจ้าแห่งความตายถือว่าสีขาวเป็นสีแห่งความตายและได้ทำความสะอาดปัดกวาดเช็ดถูบริเวณวิหารทุกๆวันเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีฝุ่นละอองสกปรกตกกระทบกับตัววิหารได้
‘เป็นสถานที่ที่น่าสนใจอะไรเช่นนี้’
วิหารของพระเจ้าแห่งความตายดูเหมือนจะต้องการแสดงให้ชาวเมืองได้เห็นว่าไม่มีอะไรที่จะต้องกลัวในค่ำคืนที่มืดมิดหากพวกเขาต้องการมาเยี่ยมเยือน นักบวชได้เปิดวิหารให้กับทั้งผู้ที่ศรัทธาและผู้ที่ไม่ศรัทธาก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเท่านั้น
‘นักบวชทั้งหมดจะนอนหลับพักผ่อนหากท่านมาหาในเวลากลางวัน’
นับว่าเป็นสถานที่ที่น่าสนใจในความคิดของคาร์ล พวกเขาทั้งสองได้รับการต้อนรับจากนักบวช 2 รูปจากทางเข้าวิหาร
“ขอให้ท่านจงมีความสุขกับการพักผ่อนที่เงียบสงบด้วยเถิด!”
“ขอให้ท่านจงมีความสุขกับการพักผ่อนที่เงียบสงบด้วยเถิด!”
นักบวชจากวิหารของพระเจ้าแห่งความตายมักมีคำพูดที่เหลวไหลเกินจริงถึงแม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่จะคิดว่าความตายคือจุดสิ้นสุดของชีวิตแต่..คำสอนของพระเจ้าแห่งความตายกลับเชื่อว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการมีความสุขและสนุกไปกับชีวิตเมื่อเราได้เดินทางมุ่งสู่การพักผ่อนที่เงียบสงบในชีวิตของเราแล้ว
“ท่านนักบวช...” คาร์ลเดินเข้าไปใกล้นักบวชอย่างช้าๆนักบวชได้ลอบสำรวจคาร์ลด้วยความแปลกใจดูจากการแต่งกายของชายคนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นชนชั้นสูงหรืออาจจะเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวย แต่ผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขาดูเหมือนจะเป็นขอทานแม้ว่าดาบที่เหน็บอยู่บนเอวของเขาจะทำให้เขาดูแข็งแกร่งขึ้นก็ตาม
“ท่านมีอะไรให้ข้าช่วยรึ?”
“ที่นี่มีห้องแห่งความตายหรือไม่?”
นักบวชทั้งสองต่างชะงักไปชั่วครู่ก่อนที่นักบวชหนึ่งรูปจะมองไปที่คาร์ลและเชวฮันสลับไปมาและหยุดจ้องไปที่เชวฮันพลางเอ่ยขึ้น
“ท่านอาจตายได้หากได้ใช้มัน....”
นักบวชรูปนี้ยังคงจ้องไปที่เชวฮันอย่างไม่ละสายตาอย่างที่เขาได้เอ่ยถามไปดูเหมือนว่าชายคนนี้จะไปล้มกลิ้งบนภูเขาที่ไหนสักแห่งและไหนจะท่าทางที่ดูทุกข์ทรมานเป็นระยะๆนั่นอีก เขายังดูเหมือนจะยังไม่ได้ทานอะไรมาเป็นเวลาสองวันและยังดูเหมือนจะเป็นคนที่ถูกหลอกได้ง่ายอีกด้วย เมื่อคิดได้เช่นนี้นักบวชก็รู้สึกขมขื่นเล็กน้อย นักบวชละสายตาจากชายที่ดูเหมือนขอทานเพื่อหันมามองขุนนางชั้นสูงที่มีผมสีแดงสวยและหน้าตาดี เขาไม่ได้หล่อมากแต่ก็พอจะดึงดูดความสนใจได้ทุกที่ที่เขาย่างกรายไปถึงและในตอนนี้เขายังส่งยิ้มมาให้ตนอีกด้วย
รอยยิ้มยังคงถูกส่งไปให้แก่นักบวชทั้งสองก่อนที่คาร์ลจะยกมือหันเข้าหาตัวเอง
“เป็นข้าเอง....”
“ห๊ะ?”
คาร์ลยิ้มอีกครั้งให้กับนักบวชที่มีท่าทางสับสน
“ข้าจะวางชีวิตของตนเองกับสิ่งนั้น”
เชวฮันแตะไปที่ไหล่ของคาร์ลโดยทันที
“พอเถอะขอรับ...”
“อะไร?”
คาร์ลหันไปมองเชวฮันด้วยร่างกายที่แข็งทื่อและรู้สึกกระวนกระวายใจ
“กระผมจะเชื่อท่าน...แม้ว่าท่านจะไม่ได้ทำสิ่งนั้นก็ตาม”
คาร์ลเริ่มยิ้มเยาะเชวฮันก่อนพูดออกมาช้าๆ
“ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเชื่อเช่นนั้นจริงๆ”
เชวฮันจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะเชื่อเขา เชวฮันจะเชื่อเขาได้อย่างไรเมื่อเขาไม่ได้วางแผนที่จะบอกอะไรกับเชวฮัน? นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาอยู่ในวิหารในตอนนี้
‘ทำไมฉันจะต้องบอกนายทุกอย่าง?นั่นมันจะทำให้ฉันวุ่นวายไปกับนายด้วย’
ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องข้องเกี่ยวกับเชวฮันอีก คาร์ลจะไม่สามารถมีชีวิตที่สงบสุขได้เลยหากเชวฮันยังอยู่ใกล้ๆเขา มันถูกเห็นได้ชัดว่ามันเป็นเรื่องที่วุ่นวายและเป็นปัญหาเมื่อเชวฮันเลือกที่จะนำเด็กจากเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินกลับมาด้วย
‘และในอนาคตข้างหน้าเขายังได้ขี่วาฬที่เป็นสมาชิกของเผ่าวาฬเพื่อต่อสู้กับนางเงือกอีกด้วย’
ในโลกที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง สถานะของเชวฮันต่างได้รับการยอมรับทั้งจากมนุษย์และไม่ใช่มนุษย์ทำให้เขาเริ่มเปลี่ยนไป มันเริ่มที่เผ่าวาฬนั่น เผ่าวาฬที่ปรากฏในนิยายตอนต้นของนิยายเล่มที่ห้าบ่งบอกได้ถึงความซื่อสัตย์และค่อนข้างน่ากลัว
‘พวกมันเป็นนักล่าที่อันตรายที่สุด’
เผ่าวาฬเป็นเผ่าของสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสัตว์อสูรทั้งหมด อีกทั้งพวกมันยังได้ชื่อว่าเป็นสัตว์อสูรที่สวยที่สุดพวกมันมีสีที่แตกต่างกันออกไปไม่ว่าจะเป็นสีดำ สีเทาหรือสีชมพูแต่โดยรวมก็นับว่าสวยงามยิ่งนักอาจเทียบได้กับความสวยงามของนางเงือกที่มีสองขาและครีบซึ่งเผ่าวาฬจะดูคล้ายกับมนุษย์ที่ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดอันสวยงามนั่นเอง
‘พวกมันดูดื้อรั้นเอาแต่ใจและไม่แม้แต่จะมีความอ่อนน้อมเมื่ออยู่ต่อหน้ามังกร’
เผ่าวาฬเป็นเผ่าสัตว์อสูรที่น่ากลัวมาก แม้ว่าพวกมันจะมีจำนวนที่น้อยแต่การโจมตีแม้จะไม่ได้ใช้ความตั้งใจนักก็สามารถทำให้ศีรษะของมนุษย์หลุดออกจากตัวได้อย่างง่ายดายและแม้แต่ล็อกก็ต้องยกมือยอมแพ้ให้กับพวกมัน
‘พวกมันมีนิสัยที่โหดเหี้ยมไร้ความปราณี’
เชวฮันมักข้องเกี่ยวกับคนหรือสัตว์อสูรทุกประเภทและเกี่ยวข้องกับปัญหาต่างๆมากมาย ดังนั้นจึงทำให้คาร์ลไม่มีความปรารถนาที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับเชวฮันอีกต่อไป
“ท่านนักบวช...มีห้องนั้นหรือไม่?”
“มี..พวกเรามีอยู่หนึ่งห้อง...พวกเราจะเตรียมความพร้อมทั้งหมดให้แก่ท่านทันทีที่ไปถึงชั้นใต้ดิน”
“อ่า...ขอบคุณ”
คาร์ลเดินตามนักบวชไปทันทีก่อนที่เชวฮันจะเดินตามหลังพวกเขาไปด้วยความไม่เต็มใจนัก ทุกคนมองเห็นการเคลื่อนไหวของเชวฮันและพากันเดินเข้าไปยังด้านในสุดของวิหารอย่างไม่เร่งรีบ
หลังจากเดินเข้ามาเป็นเวลานานพวกเขาก็สามารถมองเห็นผนังของวิหารอีกฝั่งหนึ่งที่มีประตูเรียงรายเป็นจำนวนมาก ก่อนที่นักบวชจะเลือกเปิดประตูหนึ่งบานเพื่อให้เจอกับบันไดที่ทอดลงสู่ชั้นใต้ดิน
“ความตายกำลังรอท่านอยู่ที่ด้านล่าง.....”
“เยี่ยม.....เราไปกันเถอะ”
นักบวชมองคาร์ลที่เดินลงบันไดไปโดยไม่มีความลังเลใดๆด้วยความสนใจ
‘ความตาย’ที่กล่าวถึงในวิหารของพระเจ้าแห่งความตายนั่นก็คือ ‘การสาบาน’
ความตายคือสิ่งที่ได้รับการรับรองว่าจะเดินทางไปเยี่ยมคุณได้ทุกช่วงเวลานี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถหลีกเลี่ยงมันได้และสิ่งที่คุณต้องตระหนักก็คือการยอมรับกับทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นเมื่อคุณได้ก้าวเข้ามาในที่แห่งนี้แล้ว
นั่นเป็นเหตุผลที่นักบวชในวิหารของพระเจ้าแห่งความตายนี้จะเป็นผู้นำสิ่งที่เรียกว่าความตายไปให้แก่ผู้ที่ผิดต่อคำสาบานของตน
ดังนั้นผู้ที่มุ่งหน้าเข้าไปยังห้องแห่งความตายหรือในบางครั้งก็เรียกว่า ‘ห้องแห่งคำสาบาน’ มักจะมีอาการอ่อนแรงและเคร่งเครียด ซึ่งมันเป็นอาการที่ตรงกันข้ามกับผู้ที่มีความผ่อนคลายและความมั่นใจยิ่งนักนับว่าเป็นบุคคลที่มีบุคลิกที่น่าสนใจในสายตาของนักบวช
‘มันทำให้ข้านึกถึงนักบวชหญิง ‘เคจ’’
เธอเป็นคนที่บ่นและสาปแช่งวิหารบ่อยครั้งแต่ ‘เคจ’ ก็ยังเป็นคนที่พระเจ้าแห่งความตายให้ความรักแก่เธออยู่เสมอ เหล่านักบวชต่างนึกถึงเธอแต่ก็โดนเธอสลัดพวกเขาออกอยู่ตลอดเช่นเดียวกับที่เคจมักจะหงุดหงิดเมื่อได้ยินเสียงหรือได้รับข้อความจากพระเจ้าแห่งความตาย
หลังจากที่หยุดคิดถึงเรื่องของนักบวชหญิงเคจแล้ว เขาก็เดินลงบันไดตามหลังคาร์ลเมื่อพวกเขาไปถึงด้านล่างนักบวชจึงได้เปิดประตูและแจ้งให้คาร์ลและเชวฮันได้ทราบ
“โปรดรอสักครู่...ข้าขอเตรียมความพร้อมให้แก่พวกท่านก่อน”
จากนั้นนักบวชก็เดินเข้าไปในห้องเพียงคนเดียว คาร์ลมองไปที่ประตูที่ถูกปิดให้สนิทจากฝีมือของนักบวชและเริ่มพูด
“ถ้าเจ้าคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้..ข้าจะบอกความจริงให้เจ้ารู้ก่อนหนึ่งข้อ....เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”
เชวฮันเอ่ยตอบโดยทันที
“ได้โปรดบอกกระผมมาเถิด...กระผมไว้ใจท่าน”
“เช่นนั้นรึ?”
คาร์ลยกมือขึ้นเพื่อลูบไปที่คางของตนเองไปมาก่อนที่จะตั้งใจคายความจริงออกมาช้าๆ
“ความจริงข้อแรก.....”
สายตาของคาร์ลจ้องไปที่เชวฮัน
“ข้าไม่รู้ตัวตนขององค์กรลับและเป้าหมายของพวกมัน....”
“......เป็นเช่นนั้นหรือ.........”
แววตาของเชวฮันเริ่มสั่นไหวและเป็นเวลาเดียวกับที่คาร์ลได้ยินเสียงประตูถูกเปิดพร้อมๆกับที่นักบวชได้เดินออกมาจากห้อง
“เชิญท่านเข้าไปข้างในได้...สำหรับผู้ที่จะวางชีวิตของตนลงบนเส้นแห่งความตายนั้นจะต้องยกมือของพวกเขาขึ้นเมื่ออยู่ภายในห้องต่อหน้าท่านนักบวช”
“ขอบคุณท่านมาก...พวกเราเข้าใจแล้ว”
เมื่อเทียบกับคาร์ลที่มีท่าทางผ่อนคลายแต่เชวฮันดูเหมือนจะสับสนและวิตกกังวลเป็นอย่างมาก นักบวชเอียงศีรษะของตนด้วยความสับสนกับเรื่องนี้ก่อนที่จะเดินจากไปอย่างเงียบๆเพราะมันไม่ใช่ธุระอะไรของเขาเลย
คาร์ลจับลูกบิดประตูขณะที่หันกลับไปมองเชวฮัน
“มันยากที่จะเชื่อใช่หรือไม่?”
“...เอ่อ...กระผม...เชื่อ..แต่มันค่อนข้างยาก.....”
คาร์ลรู้ว่าเชวฮันพยายามที่จะตอบว่าเขาเชื่อในสิ่งที่ตนบอกแก่เขา...แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่ไว้วางใจกับคำพูดของคาร์ลได้เช่นกัน คาร์ลจะไม่รู้มันได้อย่างไร? มันไม่ต้องใช้ความรู้สึกอะไรมากมายเลย? ก่อนที่เชวฮันจะได้ยินเสียงของคาร์ลดังขึ้น
“ข้ารู้....”
เชวฮันมองไปยังคาร์ล การแสดงออกที่ผ่อนคลายของคาร์ลทำให้เขาดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นก่อนที่คาร์ลจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“เข้าไปข้างในกันเถอะ”
เชวฮันเดินตามคาร์ลเข้าไปยังห้องแห่งความตายที่อยู่ด้านหลังประตูสีขาวช้าๆ
ตามที่คาดไว้ทั้งห้องล้วนเป็นสีขาวทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นโต๊ะสีขาว เก้าอี้สีขาวและผนังห้องสีขาวสิ่งเดียวที่ไม่ใช่สีขาวภายในห้องนี้ก็คือนักบวชที่ยืนอยู่นี้เขาเป็นนักบวชที่มีปากและหูที่ถูกปิดกั้นไว้
นักบวชที่หูหนวกและเป็นใบ้มันไม่ได้ดูดีสำหรับคาร์ล แต่นักบวชเหล่านี้กลับได้รับความนับถือในโลกแห่งนี้ ขุนนางและเหล่าเชื้อพระวงศ์ที่ต้องการมีการสนทนาอย่างลับๆหรือลอบทำสัญญาก็มักจะเดินทางมาหานักบวชเหล่านี้อยู่เสมอ
คาร์ลโค้งทำความเคารพนักบวชก่อนจะยกมือขึ้น นักบวชพยักหน้าตอบรับการกระทำของคาร์ลและชี้ไปที่เก้าอี้สองตัวที่อยู่ข้างโต๊ะ
คาร์ลนั่งลงบนเก้าอี้ทางด้านขวาของโต๊ะขณะที่เชวฮันนั่งถัดจากเขาไปทางด้านซ้าย นักบวชเดินไปทางหัวโต๊ะก่อนที่จะดันกระดาษแผ่นหนึ่งมาไว้ตรงหน้าพวกเขา
[สำหรับผู้ที่ต้องการวางชีวิตของตนลงบนเส้นแห่งความตาย พระหัตถ์ของพระเจ้าแห่งความตายจะสัมผัสเข้ากับท่าน เมื่อมันเกิดขึ้นเพียงหนึ่งครั้งให้ท่านกล่าวคำสาบานของตนออกมาหากท่านผิดคำสาบานความตายจะรอท่านอยู่]
นี่มันเป็นคำสั่งที่โหดร้ายยิ่งนัก
คาร์ลดันกระดาษกลับไปหานักบวชหลังจากแน่ใจว่าเชวฮันได้อ่านมันจบแล้ว ก่อนที่นักบวชจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหมือนกับที่เคจได้เคยทำไว้ ในตอนนั้นเอง
ครืดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!
ห้องสีขาวเริ่มสั่นสะเทือนไม่แรงนักนั่นอาจจะเป็นเพราะที่นี่เป็นสถานที่ที่รับใช้ของพระเจ้าแต่ควันสีดำก็เริ่มก่อตัวขึ้นรอบๆตัวนักบวชเมื่อห้องเริ่มสั่นสะเทือนขึ้น ควันสีดำค่อยๆโอบล้อมคาร์ลและเชวฮันเอาไว้ก่อนที่จะมีเส้นใยสีดำเชื่อมระหว่างทั้งสองคนเอาไว้
“...นี่เป็นพลังของพระเจ้าแห่งความตายใช่หรือไม่?”
“ใช่”