ตอนที่แล้วบทที่ 32 เจ้า 7 (2) [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 33 เจ้า 8 (2) [อ่านฟรี]

บทที่ 33 เจ้า 8 (1) [อ่านฟรี]


บทที่ 33 เจ้า 8 (1)

ไม่มีใครรู้สึกแปลกใจเมื่อคาร์ลต้องการจะออกไปข้างนอก รอนดูเหมือนจะออกไปที่ไหนไหนสักแห่งเพราะเขาไม่เจอตัวรอน มีเพียงคำถามเดียวที่ฮันส์เอ่ยถามเขาเกี่ยวกับที่ที่เขาจะเดินทางไป

‘นายน้อย..จะออกไปที่ใดหรือขอรับ?’

‘เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องนี้’

‘...ได้ขอรับ..แต่นายน้อยเพิ่งเดินทางมาถึงเมืองหลวงเป็นวันแรกนายน้อยคงไม่ประเดิมการออกไปข้างนอกด้วยการเขวี้ยงขวดเหล้าเล่นหรอกนะขอรับ?’

‘.....นี่เจ้าอยากจะเป็นคนที่หยาบคายเช่นนี้ใช่หรือไม่?’

‘เอ่อ.ไม่..ไม่เลย....เดินทางปลอดภัยนะขอรับนายน้อย’

คาร์ลเข้าไปในรถม้าและเริ่มคิดถึงวิธีการจัดการกับฮันส์ผู้ที่ยังคงรักษาความหยาบคายของตนไว้ได้อย่างสม่ำเสมอ ก่อนที่รถม้าจะวิ่งมาถึงวิหารในตอนที่คาร์ลยังคิดถึงเรื่องนี้อยู่

“ออกไปกันได้แล้ว”

“...อืม”

คาร์ลก้าวออกจากรถม้าทันทีโดยมีเชวฮันที่เดินตามเขามาอย่างเงียบๆตั้งแต่ก้าวออกจากมาจากรถม้า..ไม่สิ..เขาเงียบตั้งแต่อยู่ในรถม้าแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะกำลังมีความคิดที่สับสนราวกับพายุที่พัดกระหน่ำอยู่ในหัวของเขาในตอนนี้

คาร์ลรู้จักกับตัวตนของเชวฮันเพียงแค่อ่านในนิยายเรื่อง’กำเนิดวีรบุรุษ’จนกระทั่งถึงเล่มที่ 5เท่านั้นแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเขาก็มั่นใจว่า...ถึงแม้เชวฮันจะเป็นคนดีแต่เขาก็ไม่ได้ไว้ใจใครง่ายๆและยังเป็นคนที่ฉลาดมากอีกด้วย

‘ถ้าฉันพยายามแก้ตัวและพูดให้เขาเชื่อเขาก็อาจจะเชื่อแค่ในตอนแรก...และแน่นอนว่าเขาจะต้องสงสัยในตัวฉันในภายหลัง’

เชวฮันอาจจะรู้สึกอ้างว้างหลังจากที่ต้องอยู่เพียงลำพังเป็นเวลาถึงสิบปีแต่ประสบการณ์นั้นได้สอนให้เขาสามารถอยู่รอดได้ด้วยตัวเองและวิธีการยืนหยัดด้วยความอดทน

ในตอนนี้เชวฮันอาจจะมองเขาในแง่ดีและเชื่อฟังคำสั่งของเขาแต่เชวฮันในนิยาย ‘กำเนิดวีรบุรุษ’เล่มที่ 5 เขาได้กลายเป็นคนที่มีความต้องการจะเป็นผู้นำ...เชวฮันคือคนที่จะมีชีวิตอยู่ด้วยอุดมการณ์ที่ว่าความยุติธรรมจะต้องมีอยู่จริงในโลกใบนี้

“....โอ้...นี่มันขาวเกินไป”

วิหารของพระเจ้าแห่งความตายที่คาร์ลเห็นเมื่อก้าวลงมาจากรถม้า มันเป็นสีขาวล้วนสะอาดตาไม่มีสิ่งสกปรกใดๆที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า บรรดาผู้ศรัทธาพระเจ้าแห่งความตายถือว่าสีขาวเป็นสีแห่งความตายและได้ทำความสะอาดปัดกวาดเช็ดถูบริเวณวิหารทุกๆวันเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีฝุ่นละอองสกปรกตกกระทบกับตัววิหารได้

‘เป็นสถานที่ที่น่าสนใจอะไรเช่นนี้’

วิหารของพระเจ้าแห่งความตายดูเหมือนจะต้องการแสดงให้ชาวเมืองได้เห็นว่าไม่มีอะไรที่จะต้องกลัวในค่ำคืนที่มืดมิดหากพวกเขาต้องการมาเยี่ยมเยือน นักบวชได้เปิดวิหารให้กับทั้งผู้ที่ศรัทธาและผู้ที่ไม่ศรัทธาก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเท่านั้น

‘นักบวชทั้งหมดจะนอนหลับพักผ่อนหากท่านมาหาในเวลากลางวัน’

นับว่าเป็นสถานที่ที่น่าสนใจในความคิดของคาร์ล พวกเขาทั้งสองได้รับการต้อนรับจากนักบวช 2 รูปจากทางเข้าวิหาร

“ขอให้ท่านจงมีความสุขกับการพักผ่อนที่เงียบสงบด้วยเถิด!”

“ขอให้ท่านจงมีความสุขกับการพักผ่อนที่เงียบสงบด้วยเถิด!”

นักบวชจากวิหารของพระเจ้าแห่งความตายมักมีคำพูดที่เหลวไหลเกินจริงถึงแม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่จะคิดว่าความตายคือจุดสิ้นสุดของชีวิตแต่..คำสอนของพระเจ้าแห่งความตายกลับเชื่อว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการมีความสุขและสนุกไปกับชีวิตเมื่อเราได้เดินทางมุ่งสู่การพักผ่อนที่เงียบสงบในชีวิตของเราแล้ว

“ท่านนักบวช...” คาร์ลเดินเข้าไปใกล้นักบวชอย่างช้าๆนักบวชได้ลอบสำรวจคาร์ลด้วยความแปลกใจดูจากการแต่งกายของชายคนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นชนชั้นสูงหรืออาจจะเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวย แต่ผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขาดูเหมือนจะเป็นขอทานแม้ว่าดาบที่เหน็บอยู่บนเอวของเขาจะทำให้เขาดูแข็งแกร่งขึ้นก็ตาม

“ท่านมีอะไรให้ข้าช่วยรึ?”

“ที่นี่มีห้องแห่งความตายหรือไม่?”

นักบวชทั้งสองต่างชะงักไปชั่วครู่ก่อนที่นักบวชหนึ่งรูปจะมองไปที่คาร์ลและเชวฮันสลับไปมาและหยุดจ้องไปที่เชวฮันพลางเอ่ยขึ้น

“ท่านอาจตายได้หากได้ใช้มัน....”

นักบวชรูปนี้ยังคงจ้องไปที่เชวฮันอย่างไม่ละสายตาอย่างที่เขาได้เอ่ยถามไปดูเหมือนว่าชายคนนี้จะไปล้มกลิ้งบนภูเขาที่ไหนสักแห่งและไหนจะท่าทางที่ดูทุกข์ทรมานเป็นระยะๆนั่นอีก เขายังดูเหมือนจะยังไม่ได้ทานอะไรมาเป็นเวลาสองวันและยังดูเหมือนจะเป็นคนที่ถูกหลอกได้ง่ายอีกด้วย เมื่อคิดได้เช่นนี้นักบวชก็รู้สึกขมขื่นเล็กน้อย นักบวชละสายตาจากชายที่ดูเหมือนขอทานเพื่อหันมามองขุนนางชั้นสูงที่มีผมสีแดงสวยและหน้าตาดี เขาไม่ได้หล่อมากแต่ก็พอจะดึงดูดความสนใจได้ทุกที่ที่เขาย่างกรายไปถึงและในตอนนี้เขายังส่งยิ้มมาให้ตนอีกด้วย

รอยยิ้มยังคงถูกส่งไปให้แก่นักบวชทั้งสองก่อนที่คาร์ลจะยกมือหันเข้าหาตัวเอง

“เป็นข้าเอง....”

“ห๊ะ?”

คาร์ลยิ้มอีกครั้งให้กับนักบวชที่มีท่าทางสับสน

“ข้าจะวางชีวิตของตนเองกับสิ่งนั้น”

เชวฮันแตะไปที่ไหล่ของคาร์ลโดยทันที

“พอเถอะขอรับ...”

“อะไร?”

คาร์ลหันไปมองเชวฮันด้วยร่างกายที่แข็งทื่อและรู้สึกกระวนกระวายใจ

“กระผมจะเชื่อท่าน...แม้ว่าท่านจะไม่ได้ทำสิ่งนั้นก็ตาม”

คาร์ลเริ่มยิ้มเยาะเชวฮันก่อนพูดออกมาช้าๆ

“ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเชื่อเช่นนั้นจริงๆ”

เชวฮันจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะเชื่อเขา เชวฮันจะเชื่อเขาได้อย่างไรเมื่อเขาไม่ได้วางแผนที่จะบอกอะไรกับเชวฮัน? นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาอยู่ในวิหารในตอนนี้

‘ทำไมฉันจะต้องบอกนายทุกอย่าง?นั่นมันจะทำให้ฉันวุ่นวายไปกับนายด้วย’

ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องข้องเกี่ยวกับเชวฮันอีก คาร์ลจะไม่สามารถมีชีวิตที่สงบสุขได้เลยหากเชวฮันยังอยู่ใกล้ๆเขา มันถูกเห็นได้ชัดว่ามันเป็นเรื่องที่วุ่นวายและเป็นปัญหาเมื่อเชวฮันเลือกที่จะนำเด็กจากเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินกลับมาด้วย

‘และในอนาคตข้างหน้าเขายังได้ขี่วาฬที่เป็นสมาชิกของเผ่าวาฬเพื่อต่อสู้กับนางเงือกอีกด้วย’

ในโลกที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง สถานะของเชวฮันต่างได้รับการยอมรับทั้งจากมนุษย์และไม่ใช่มนุษย์ทำให้เขาเริ่มเปลี่ยนไป มันเริ่มที่เผ่าวาฬนั่น เผ่าวาฬที่ปรากฏในนิยายตอนต้นของนิยายเล่มที่ห้าบ่งบอกได้ถึงความซื่อสัตย์และค่อนข้างน่ากลัว

‘พวกมันเป็นนักล่าที่อันตรายที่สุด’

เผ่าวาฬเป็นเผ่าของสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสัตว์อสูรทั้งหมด อีกทั้งพวกมันยังได้ชื่อว่าเป็นสัตว์อสูรที่สวยที่สุดพวกมันมีสีที่แตกต่างกันออกไปไม่ว่าจะเป็นสีดำ สีเทาหรือสีชมพูแต่โดยรวมก็นับว่าสวยงามยิ่งนักอาจเทียบได้กับความสวยงามของนางเงือกที่มีสองขาและครีบซึ่งเผ่าวาฬจะดูคล้ายกับมนุษย์ที่ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดอันสวยงามนั่นเอง

‘พวกมันดูดื้อรั้นเอาแต่ใจและไม่แม้แต่จะมีความอ่อนน้อมเมื่ออยู่ต่อหน้ามังกร’

เผ่าวาฬเป็นเผ่าสัตว์อสูรที่น่ากลัวมาก แม้ว่าพวกมันจะมีจำนวนที่น้อยแต่การโจมตีแม้จะไม่ได้ใช้ความตั้งใจนักก็สามารถทำให้ศีรษะของมนุษย์หลุดออกจากตัวได้อย่างง่ายดายและแม้แต่ล็อกก็ต้องยกมือยอมแพ้ให้กับพวกมัน

‘พวกมันมีนิสัยที่โหดเหี้ยมไร้ความปราณี’

เชวฮันมักข้องเกี่ยวกับคนหรือสัตว์อสูรทุกประเภทและเกี่ยวข้องกับปัญหาต่างๆมากมาย ดังนั้นจึงทำให้คาร์ลไม่มีความปรารถนาที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับเชวฮันอีกต่อไป

“ท่านนักบวช...มีห้องนั้นหรือไม่?”

“มี..พวกเรามีอยู่หนึ่งห้อง...พวกเราจะเตรียมความพร้อมทั้งหมดให้แก่ท่านทันทีที่ไปถึงชั้นใต้ดิน”

“อ่า...ขอบคุณ”

คาร์ลเดินตามนักบวชไปทันทีก่อนที่เชวฮันจะเดินตามหลังพวกเขาไปด้วยความไม่เต็มใจนัก ทุกคนมองเห็นการเคลื่อนไหวของเชวฮันและพากันเดินเข้าไปยังด้านในสุดของวิหารอย่างไม่เร่งรีบ

หลังจากเดินเข้ามาเป็นเวลานานพวกเขาก็สามารถมองเห็นผนังของวิหารอีกฝั่งหนึ่งที่มีประตูเรียงรายเป็นจำนวนมาก ก่อนที่นักบวชจะเลือกเปิดประตูหนึ่งบานเพื่อให้เจอกับบันไดที่ทอดลงสู่ชั้นใต้ดิน

“ความตายกำลังรอท่านอยู่ที่ด้านล่าง.....”

“เยี่ยม.....เราไปกันเถอะ”

นักบวชมองคาร์ลที่เดินลงบันไดไปโดยไม่มีความลังเลใดๆด้วยความสนใจ

‘ความตาย’ที่กล่าวถึงในวิหารของพระเจ้าแห่งความตายนั่นก็คือ ‘การสาบาน’

ความตายคือสิ่งที่ได้รับการรับรองว่าจะเดินทางไปเยี่ยมคุณได้ทุกช่วงเวลานี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถหลีกเลี่ยงมันได้และสิ่งที่คุณต้องตระหนักก็คือการยอมรับกับทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นเมื่อคุณได้ก้าวเข้ามาในที่แห่งนี้แล้ว

นั่นเป็นเหตุผลที่นักบวชในวิหารของพระเจ้าแห่งความตายนี้จะเป็นผู้นำสิ่งที่เรียกว่าความตายไปให้แก่ผู้ที่ผิดต่อคำสาบานของตน

ดังนั้นผู้ที่มุ่งหน้าเข้าไปยังห้องแห่งความตายหรือในบางครั้งก็เรียกว่า ‘ห้องแห่งคำสาบาน’ มักจะมีอาการอ่อนแรงและเคร่งเครียด ซึ่งมันเป็นอาการที่ตรงกันข้ามกับผู้ที่มีความผ่อนคลายและความมั่นใจยิ่งนักนับว่าเป็นบุคคลที่มีบุคลิกที่น่าสนใจในสายตาของนักบวช

‘มันทำให้ข้านึกถึงนักบวชหญิง ‘เคจ’’

เธอเป็นคนที่บ่นและสาปแช่งวิหารบ่อยครั้งแต่ ‘เคจ’ ก็ยังเป็นคนที่พระเจ้าแห่งความตายให้ความรักแก่เธออยู่เสมอ เหล่านักบวชต่างนึกถึงเธอแต่ก็โดนเธอสลัดพวกเขาออกอยู่ตลอดเช่นเดียวกับที่เคจมักจะหงุดหงิดเมื่อได้ยินเสียงหรือได้รับข้อความจากพระเจ้าแห่งความตาย

หลังจากที่หยุดคิดถึงเรื่องของนักบวชหญิงเคจแล้ว เขาก็เดินลงบันไดตามหลังคาร์ลเมื่อพวกเขาไปถึงด้านล่างนักบวชจึงได้เปิดประตูและแจ้งให้คาร์ลและเชวฮันได้ทราบ

“โปรดรอสักครู่...ข้าขอเตรียมความพร้อมให้แก่พวกท่านก่อน”

จากนั้นนักบวชก็เดินเข้าไปในห้องเพียงคนเดียว คาร์ลมองไปที่ประตูที่ถูกปิดให้สนิทจากฝีมือของนักบวชและเริ่มพูด

“ถ้าเจ้าคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้..ข้าจะบอกความจริงให้เจ้ารู้ก่อนหนึ่งข้อ....เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”

เชวฮันเอ่ยตอบโดยทันที

“ได้โปรดบอกกระผมมาเถิด...กระผมไว้ใจท่าน”

“เช่นนั้นรึ?”

คาร์ลยกมือขึ้นเพื่อลูบไปที่คางของตนเองไปมาก่อนที่จะตั้งใจคายความจริงออกมาช้าๆ

“ความจริงข้อแรก.....”

สายตาของคาร์ลจ้องไปที่เชวฮัน

“ข้าไม่รู้ตัวตนขององค์กรลับและเป้าหมายของพวกมัน....”

“......เป็นเช่นนั้นหรือ.........”

แววตาของเชวฮันเริ่มสั่นไหวและเป็นเวลาเดียวกับที่คาร์ลได้ยินเสียงประตูถูกเปิดพร้อมๆกับที่นักบวชได้เดินออกมาจากห้อง

“เชิญท่านเข้าไปข้างในได้...สำหรับผู้ที่จะวางชีวิตของตนลงบนเส้นแห่งความตายนั้นจะต้องยกมือของพวกเขาขึ้นเมื่ออยู่ภายในห้องต่อหน้าท่านนักบวช”

“ขอบคุณท่านมาก...พวกเราเข้าใจแล้ว”

เมื่อเทียบกับคาร์ลที่มีท่าทางผ่อนคลายแต่เชวฮันดูเหมือนจะสับสนและวิตกกังวลเป็นอย่างมาก นักบวชเอียงศีรษะของตนด้วยความสับสนกับเรื่องนี้ก่อนที่จะเดินจากไปอย่างเงียบๆเพราะมันไม่ใช่ธุระอะไรของเขาเลย

คาร์ลจับลูกบิดประตูขณะที่หันกลับไปมองเชวฮัน

“มันยากที่จะเชื่อใช่หรือไม่?”

“...เอ่อ...กระผม...เชื่อ..แต่มันค่อนข้างยาก.....”

คาร์ลรู้ว่าเชวฮันพยายามที่จะตอบว่าเขาเชื่อในสิ่งที่ตนบอกแก่เขา...แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่ไว้วางใจกับคำพูดของคาร์ลได้เช่นกัน คาร์ลจะไม่รู้มันได้อย่างไร? มันไม่ต้องใช้ความรู้สึกอะไรมากมายเลย? ก่อนที่เชวฮันจะได้ยินเสียงของคาร์ลดังขึ้น

“ข้ารู้....”

เชวฮันมองไปยังคาร์ล การแสดงออกที่ผ่อนคลายของคาร์ลทำให้เขาดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นก่อนที่คาร์ลจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“เข้าไปข้างในกันเถอะ”

เชวฮันเดินตามคาร์ลเข้าไปยังห้องแห่งความตายที่อยู่ด้านหลังประตูสีขาวช้าๆ

ตามที่คาดไว้ทั้งห้องล้วนเป็นสีขาวทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นโต๊ะสีขาว เก้าอี้สีขาวและผนังห้องสีขาวสิ่งเดียวที่ไม่ใช่สีขาวภายในห้องนี้ก็คือนักบวชที่ยืนอยู่นี้เขาเป็นนักบวชที่มีปากและหูที่ถูกปิดกั้นไว้

นักบวชที่หูหนวกและเป็นใบ้มันไม่ได้ดูดีสำหรับคาร์ล แต่นักบวชเหล่านี้กลับได้รับความนับถือในโลกแห่งนี้ ขุนนางและเหล่าเชื้อพระวงศ์ที่ต้องการมีการสนทนาอย่างลับๆหรือลอบทำสัญญาก็มักจะเดินทางมาหานักบวชเหล่านี้อยู่เสมอ

คาร์ลโค้งทำความเคารพนักบวชก่อนจะยกมือขึ้น นักบวชพยักหน้าตอบรับการกระทำของคาร์ลและชี้ไปที่เก้าอี้สองตัวที่อยู่ข้างโต๊ะ

คาร์ลนั่งลงบนเก้าอี้ทางด้านขวาของโต๊ะขณะที่เชวฮันนั่งถัดจากเขาไปทางด้านซ้าย นักบวชเดินไปทางหัวโต๊ะก่อนที่จะดันกระดาษแผ่นหนึ่งมาไว้ตรงหน้าพวกเขา

[สำหรับผู้ที่ต้องการวางชีวิตของตนลงบนเส้นแห่งความตาย พระหัตถ์ของพระเจ้าแห่งความตายจะสัมผัสเข้ากับท่าน เมื่อมันเกิดขึ้นเพียงหนึ่งครั้งให้ท่านกล่าวคำสาบานของตนออกมาหากท่านผิดคำสาบานความตายจะรอท่านอยู่]

นี่มันเป็นคำสั่งที่โหดร้ายยิ่งนัก

คาร์ลดันกระดาษกลับไปหานักบวชหลังจากแน่ใจว่าเชวฮันได้อ่านมันจบแล้ว ก่อนที่นักบวชจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหมือนกับที่เคจได้เคยทำไว้ ในตอนนั้นเอง

ครืดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!

ห้องสีขาวเริ่มสั่นสะเทือนไม่แรงนักนั่นอาจจะเป็นเพราะที่นี่เป็นสถานที่ที่รับใช้ของพระเจ้าแต่ควันสีดำก็เริ่มก่อตัวขึ้นรอบๆตัวนักบวชเมื่อห้องเริ่มสั่นสะเทือนขึ้น ควันสีดำค่อยๆโอบล้อมคาร์ลและเชวฮันเอาไว้ก่อนที่จะมีเส้นใยสีดำเชื่อมระหว่างทั้งสองคนเอาไว้

“...นี่เป็นพลังของพระเจ้าแห่งความตายใช่หรือไม่?”

“ใช่”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด