บทที่ 32 เจ้า 7 (2) [อ่านฟรี]
บทที่ 32 เจ้า 7 (2)
เพราะหมาป่าได้ยกให้ครอบครัว ฝูง และสหายมาก่อนตัวเองเสมอ
สำหรับสมาชิกของเผ่าที่เป็นเพียงเด็กยังคงมีกำลังอ่อนแอและไม่เคยผ่านการกลายร่างเป็นครั้งแรก นักฆ่าจากองค์กรลับได้จับพวกเขาไว้เป็นตัวประกันและใช้เครื่องมือเวทย์ที่ถูกสร้างมาจากพลังของพระเจ้าทำให้สมาชิกของเผ่าที่เป็นผู้ใหญ่อ่อนกำลังลงและลงมือฆ่าพวกเขาทันที หลังจากที่ฆ่าสมาชิกเผ่าวัยผู้ใหญ่แล้วจึงจะลงมือฆ่าเด็กๆ มีสมาชิกเผ่าวัยผู้ใหญ่จำนวน 2-3คนพยายามเข้าโจมตีกับเหล่านักฆ่าโดยการกลายร่างเป็นหมาป่าแต่พวกมันก็ใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์จัดการกับหมาป่าเหล่านั้นได้ในทันที
องค์กรลับนี้เป็นองค์กรที่แข็งแกร่งและสามารถเข้าถึงเครื่องมือเวทย์ที่ถูกสร้างมาจากพลังของพระเจ้าได้ทุกชนิด ความจริงที่ว่าเผ่าหมาป่าถูกปฏิเสธโดยพระเจ้านั่นจึงเป็นประโยชน์ของพวกมัน นักฆ่าจากองค์กรลับที่โหดเหี้ยมสำหรับพวกมันไม่มีปัญหาในการจับเด็กๆเป็นตัวประกันเพื่อลงมือฆ่าพ่อ แม่และสมาชิกทั้งหมดในเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินต่อหน้าของเด็กๆที่เฝ้าดูด้วยความหวาดกลัว
‘ในนิยายไม่ได้กล่าวถึงเครื่องมือเวทย์ของพระเจ้าที่พวกมันใช้อย่างละเอียด’
ถ้าคาร์ลรู้ว่าเครื่องมือเวทย์ของพระเจ้ามีลักษณะเช่นไรเขาก็สามารถเข้าใกล้ตัวตนที่แท้จริงขององค์กรลับได้อีกก้าวหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่นิยายเรื่องนี้อธิบายแค่ว่าสมาชิกของเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินอ่อนกำลังลงด้วยเครื่องมือเวทย์ที่ทำมาจากพลังของพระเจ้าเท่านั้น ทำให้เขาไม่สามารถระบุตัวตนที่แน่ชัดขององค์กรลับนี้ได้
คาร์ลเอ่ยถามเชวฮันอย่างช้าๆ
“พวกเขาตายทั้งหมดหรือไม่?”
เชวฮันส่ายศีรษะของเขาเบาๆ นั่นทำให้คาร์ลชะงักค้างไปอีกครั้ง เชวฮันได้สังเกตเห็นท่าทางของคาร์ลในขณะที่เขาเริ่มพูดต่อ
“พวกมันพยายามที่จะจับตัวเด็กๆไว้”
‘พยายามจะจับตัวเด็กๆไว้?’ ตามเนื้อหาในนิยายพวกมันจะต้องลงมือฆ่าทุกคนในเผ่าแต่ทำไม...พวกมันจึงต้องการจับตัวเด็กๆของเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินนี้ด้วย?
คาร์ลเริ่มสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เชวฮันได้สบสายตากับคาร์ลที่กำลังครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียด
“หัวหน้าเผ่ากำลังจะตายเมื่อเรามาถึงทางเข้าหมู่บ้านของเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินนี้”
เผ่าหมาป่าสีน้ำเงินมีสมาชิกเผ่าน้อยกว่า 100 คน
“...และพวกมันพยายามที่จะเอาเด็กๆ 10 คนไปกับพวกมันด้วย”
‘......มันต่างจากเนื้อหาในนิยายมากเกินไป’
“ในตอนที่หัวหน้าเผ่าหมดลมหายใจไปแล้ว...มีเด็กชายคนหนึ่งพยายามขัดขวางกลุ่มนักฆ่าที่กำลังพาตัวเด็กๆออกไปจากเผ่า”
“ล็อก.....?”
“ใช่.....เขาคือล็อก”
‘ทำไมล็อกจึงปรากกฎตัวขึ้นในตอนนี้? ในนิยายเขาพยายามหลบซ่อนตัวแม้แต่ในตอนที่เด็กเล็กๆถูกฆ่าตาย หรือเขาคิดว่าการฆ่าและการลักพาตัวนั่นมันแตกต่างออกไป?บางทีเขาอาจจะรู้สึกว่าจำเป็นที่จะต้องปกป้องสมาชิกในครอบครัวและเหล่าพี่น้องในเผ่าที่อ่อนแอกว่าตนก็เป็นได้? เเพราะสาเหตุใดกันนะถึงทำให้สัญชาตญาณหมาป่าของล็อกลุกโชนขึ้นได้?’
“ข้าพยายามหยุดพวกนักฆ่า....ไม่สิ...ข้าพยายามฆ่าพวกมัน”
เชวฮันเอ่ยขึ้นขณะที่มองไปที่คาร์ลที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาก่อนที่คาร์ลจะเรียกร้องให้เชวฮันเล่าต่อ
“เล่าต่อไป.....”
“.....กระผมตระหนักได้ว่าคนที่ไม่มีดาวบนเสื้อผ้าของพวกมันใช้พลังแห่งความมืดเช่นเดียวกับมือสังหารที่กระผมได้ลงมือฆ่าที่หมู่บ้านแฮร์ริส”
คาร์ลถามกลับด้วยความตกใจ
“มันเป็นพลังเช่นเดียวกับที่ใช้ทำลายหมู่บ้านแฮร์ริสเช่นนั้นหรือ?”
“ใช่.....”
“.....นี่มัน...”
คาร์ลจับที่ศีรษะของตนและถอนหายใจ เขาพยายามทำตัวให้เหมือนว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องนี้ แน่นอนว่ามันเป็นเพียงการแสดงละครเท่านั้น
“ในกลุ่มนักฆ่านั่นมีเพียงคนเดียวที่มีดาวสีแดงและดาวสีขาวห้าดวงอยู่บนอกเสื้อและมันเป็นคนลงมือฆ่าผู้คุ้มกัน”
เชวฮันเริ่มตัวสั่นด้วยความโกรธ
“ไอ้ถังขยะสกปรกนั่นดื่มเลือดของคนจากเผ่าหมาป่าสีน้ำเงิน”
คาร์ลปิดตาของตนลง
‘นักเวทย์เล่นเลือด’... เขามันเป็นคนบ้า...ความบ้าของเขาจะนำไปสู่เหตุการณ์ที่น่ากลัวในเมืองหลวง คาร์ลยังคงหลับตาของเขาในขณะที่หูก็ยังคงฟังสิ่งที่เชวฮันเล่าต่อไป
“แต่สุดท้ายกระผมก็ไม่สามารถจับตัวหรือฆ่าพวกมันได้ คนที่สามารถจับตัวไว้ได้ก็ชิงฆ่าตัวตายไปก่อนในขณะที่คนอื่นๆก็หายตัวไปเมื่อคนที่มีดาวติดอยู่ที่อกเสื้อใช้พลังเวทย์เคลื่อนย้ายมวลสาร”
‘ทำไมนักเวทย์เล่นเลือดที่มีพลังเวทย์ขั้นสูงและบ้าคลั่งในเลือดเช่นนั้นจึงพยายามลักพาตัวเด็กๆของเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินไปแทนการลงมือฆ่าพวกเขาทั้งหมดเหมือนในนิยายกันนะ?’
คาร์ลไม่สามารถคิดมันออกได้
‘ทำไมเรื่องมันจึงเปลี่ยนแปลงไปหมดหรือเป็นเพราะว่าฉันได้ช่วยมังกรเอาไว้?’
นั่นเป็นสิ่งที่เดียวที่คาร์ลนึกถึงได้มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เขาได้ลงมือทำให้มันต่างไปจากเนื้อเรื่องในนิยายมากกว่าเรื่องอื่น
“เจ้านักเวทย์นั่นมันได้กล่าวบางอย่าง”
เชวฮันเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธและเสียงเข้มขึ้น
“...น่าเสียดายจริงๆ...พวกเขาเป็นเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์แบบ..เด็กๆเหล่านี้อาจจะมีเลือดที่รสชาติดีกว่าที่ข้าเคยลิ้มลอง”
เมล็ดพันธุ์?.....คาร์ลไม่รู้ว่านักเวทย์คนนี้หมายถึงอะไร แต่เขาเก็บคำถามเหล่านี้ไว้ในใจและลืมตาขึ้นเพื่อเอ่ยถามเชวฮัน
“แล้วตอนนี้เด็กๆอยู่ที่ใด?”
ผู้คุ้มกันและสมาชิกวัยผู้ใหญ่ของเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินล้วนจบชีวิตลงหมดเหลือเพียงแค่เด็กๆ 10 คนและล็อกเท่านั้น
เชวฮันหลบสายตาของคาร์ลเป็นครั้งแรกตั้งแต่นั่งลงบนโต๊ะนี้ คาร์ลรู้สึกได้ทันทีว่าต้องเกิดเรื่องอะไรสักอย่างในขณะที่เชวฮันเอ่ยรายงานเขาด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา
“พวกเขาทั้งหมดพักอยู่ที่โรงแรม”
‘.....ว่าแล้วไง......’
เชวฮันอ้าปากและหุบปากของเขาสลับไปมาสักพักก่อนที่จะรายงานเพิ่ม
“พวกเรามาที่นี่พร้อมกันด้วยพลังเวทย์เคลื่อนย้ายมวลสารของโรสลิน”
‘.....มันคงจะเป็นปัญหาจริงๆสินะ’
คาร์ลอาจต้องปวดหัวเพิ่มเติม เชวฮันควรที่จะทิ้งเด็กไว้กับพ่อค้าที่เดินทางไปด้วยแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยมีอำนาจแต่ก็นับได้ว่าเป็นพ่อค้าที่ดี
“ท่านคาร์ล....พ่อค้าก็พักอยู่ที่โรงแรมนั้นด้วย”
‘....เออ....แล้วเรื่องนี้มันจะเป็นอย่างไรต่อไปกันนะ?’
นั่นคือสิ่งที่คาร์ลกำลังคิดอยู่ในตอนนี้ เขาลอบสังเกตเชวฮันที่ดูเหมือนจะหมดเรื่องที่จะรายงานแก่เขาแล้ว ก่อนที่เชวฮันจะค่อยๆเอนตัวลงบนพนักเก้าอี้เพื่อถอนหายใจ
เมื่อเห็นท่าทางของเชวฮันเช่นนั้น คาร์ลจึงเอ่ยถามขึ้น
“ดูเหมือนว่าเจ้ายังมีเรื่องที่ยังอยากรู้อยู่”
เชวฮันจ้องไปที่อาหารเย็นชืดบนโต๊ะและตอบคำถามของคาร์ล
“ใช่...กระผมมีเรื่องที่อยากรู้”
และเขาไม่ต้องการเอ่ยในสิ่งที่เขาอยากจะรู้ออกมาเช่นกัน
พวกมันเป็นใคร?
ทำไมพวกมันจึงทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ได้?
ทำไมท่านคาร์ลถึงรู้เรื่องพวกนี้ได้?
เชวฮันอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งหมด คาร์ลสังเกตเห็นดวงตาของเชวฮันที่จ้องไปยังอาหารบนโต๊ะและเริ่มคิด
‘ท่าทางเจ้านี้จะโกรธเสียแล้ว’
ความโกรธของเชวฮันไม่ได้พุ่งเป้าไปที่คาร์ลแต่ความโกรธมันถูกส่งไปยังองค์กรลับนั้นเฉกเช่นใบมีดอันแหลมคม การสังหารหมู่ที่หมู่บ้านแฮร์ริส การจับมังกรมาทรมานและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินนั่น เชวฮันเป็นคนประเภทที่จะเข้าไปปะทะกับพวกมันมากกว่าที่จะหลบเลี่ยง
คาร์ลหยิบขนมปังที่เย็นชืดแต่คาดว่ายังคงมีรสชาติที่อร่อยอยู่ ก่อนจะฉีกเป็นชิ้นเล็กๆและโยนเข้าไปในปาก
“ข้าวางแผนที่จะบอกเจ้าอยู่สองเรื่อง”
“....แต่ก็ไม่ใช่ทุกอย่าง”
“ถูก....”
คาร์ลไม่สนใจว่าเชวฮันกำลังจ้องมองเขาอยู่ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนพร้อมกับขนมปังที่ยังอยู่ในมือ เก้าอี้ถูกดันถอยหลังโดยไม่เกิดเสียงดังรบกวนจากพื้นพรม
“ลุกขึ้น!”
“....เรากำลังจะไปไหนกันหรือท่านคาร์ล?”
คาร์ลก้มลงมองนาฬิกาเพื่อตรวจสอบเวลาหลังจากที่เชวฮันลุกขึ้นยืนแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำที่ย่างกรายเข้าสู่เวลากลางคืนแล้ว สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่เปล่งประกายสดใสในยามค่ำคืน คาร์ลเดินไปที่ประตูและตอบคำถามของเชวฮัน
“วิหารของพระเจ้าแห่งความตาย”
คาร์ลวางแผนที่จะเดินทางไปยังที่นั่นพร้อมกับเชวฮันไปยังสถานที่ที่สว่างไสวที่สุดในยามค่ำคืน ‘วิหารของพระเจ้าแห่งความตาย’
มีนักบวชที่มีลักษณะพิเศษอยู่ในวิหารของพระเจ้าแห่งความตายซึ่งไม่สามารถหาพบได้จากที่ใดในทวีปนี้แล้วนอกจากที่วิหารแห่งนี้
‘นักบวชผู้ที่ไม่ได้ยินสิ่งใดๆหรือเรียกง่ายๆว่านักบวชหูหนวกนั่นเอง’
พวกเขาไม่ได้ยินเสียงอะไรที่คุณพูดกับคนอื่นนั่นคือเหตุผลที่เหล่าผู้ศรัทธาในพระเจ้าแห่งความตายจะมองหานักบวชเหล่านี้ แม้ว่าคาร์ลจะไม่ได้ศรัทธาเขาก็วางแผนที่จะไปเยี่ยมเยียนที่นั่นเช่นเดียวกับขุนนางส่วนใหญ่
คาร์ลหันหลังกลับไปเมื่อเดินถึงประตูห้อง เชวฮันยังคงยืนอยู่ข้างโต๊ะก่อนที่เขาจะส่งยิ้มให้แก่เชวฮัน
“ข้าวางแผนที่จะบอกความจริงกับเจ้าสองข้อ”
ถึงแม้ว่าคาร์ลจะยิ้มแต่สิ่งที่ออกมาจากปากของเขาต่อไปนี้กลับไม่ได้ดูเบาเลยสักนิด
“ด้วยชีวิตของข้า....”
ดวงตาของเชวฮันสั่นไหวเบาๆ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นคาร์ลก็ยังคงยิ้มเต็มใบหน้าของเขาก่อนที่จะมองไปรอบๆและเอ่ยกับเชวฮันอีกครั้ง
“ตามข้ามา...”
เชวฮันค่อยๆขยับออกห่างจากโต๊ะและมุ่งหน้าไปที่ประตู ดวงตาของเขาสงบลงแล้วแต่ใบหน้ายังคงเคร่งเครียดอยู่ คาร์ลกำลังเปิดประตูและย้ำกับตัวเองอีกครั้ง
“ข้าจะบอกความจริงกับเจ้าโดยการใช้ชีวิตของข้าเป็นหลักประกัน”
คาร์ลมุ่งหน้าไปยังวิหารของพระเจ้าแห่งความตายพร้อมกับเชวฮันทันที