GE71 ประกาศิตสังหาร อุบาย และการโต้กลับ [ฟรี]
ส่วนที่ 3 ของป่า ภายในป่าไผ่ที่ทอดยาวร้อยลี้... หนิงฝาน สตรีอาภรณ์ขาว และสตรีอาภรณ์แดงหยุดฝีเท้าอยู่ที่นี่
เหตุผลที่หนิงฝานเลือกป่าแห่งนี้ เพราะเขาต้องเก็บตัวกลั่นมุกภาวนาเพื่อดูดซับ และยกระดับสัมผัสเทพของตนให้บรรลุขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูง
ป่าไผ่แห่งนี้เปล่าเปลี่ยวไร้ภูตผี เหมาะแก่การวางข่ายอาคม
หนิงฝานนับหยกสวรรค์ที่เหลืออยู่ได้ 1 แสนก้อน แม้จะใช้วางข่ายอาคมระดับไร้แบ่งแยกได้ แต่อานุภาพของมันยังไม่บรรลุถึงจุดที่มันควรจะเป็น แม้จะวางข่ายอาคมได้อย่างถูกต้อง กำหนดตาของข่ายอาคมได้อย่างแม่นยำ และสลักลวดลายของข่ายอาคมได้อย่างสมบูรณ์ แต่หยกสวรรค์ที่เหลือยังน้อยเกินไป
ข่ายอาคมระดับดวงจิตแรกเริ่มจึงกลายเป็นข่ายอาคมที่เหมาะสมที่สุดในยามนี้ หนิงฝานจึงเริ่มวางข่ายอาคม
ข่ายอาคมระดับดวงจิตแรกเริ่มมีอานุภาพมากพอให้สามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสูงได้!
ยามนี้อาการบาดเจ็บของหนิงหงหงและมู่เหว่ยเหลียงยังไม่ฟื้นฟูเต็มที่ พลังของพวกนางจึงยังไม่ฟื้นคืนดังเก่า งนับว่าพวกนางยังอยู่ในอันตราย ส่วนสัตว์อเวจีก็กำลังดูดซับสมุนไพรพันปีที่หนิงฝานมอบให้ เพื่อช่วยให้นางฟื้นพลังคืนสู่ขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูงสุดได้เร็วขึ้น
หนิงฝานหันมองหนิงหงหงและมู่เหว่ยเหลียงพลางกล่าวหยอกล้อพวกนาง
“หากซัวหมิงผู้นี้เป็นอันตราย คงต้องขอให้แม่นางทั้งสองช่วยข้า”
“ฮึ่ม! มาถึงขั้นนี้เจ้ายังไม่บอกชื่อจริงกับพวกข้า เจ้าเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ภูติผีซัวหมิง” หนิงหงหงเชิดหน้า
“ขออภัยแม่นาง ซัวหมิงเป็นชื่อปลอมของข้า แท้จริงแล้วข้าชื่อหนิงฝาน...”
หนิงฝานขยิบตาให้มู่เหว่ยเหลียง นางเขินอายจนไม่อาจควบคุมตนเอง ยามนี้ นางเริ่มยิ้มให้หนิงฝานแล้ว
ผิดกับหนิงหงหงที่ได้ยินชื่อหนิงฝาน สีหน้าของนางแปรเปลี่ยน
“เจ้าแซ่หนิง?”
ในที่สุดนางก็เข้าใจว่าทำไมก่อนหน้านี้ เมื่อหนิงฝานได้ยินว่านางแซ่หนิง ถึงได้แสดงสีหน้าแปลกๆ
แต่ความประหลาดใจนั้นกลับเทียบไม่ได้กับสิ่งที่หนิงฝานทำ
“เจ้า...เจ้าวางข่ายอาคมระดับดวงจิตแรกเริ่มได้!”
เมื่อหนิงฝานกำหนดตำแหน่งตาของข่ายอาคมได้ครบ 216 จุด เขาก็ใช้สัมผัสเทพกระตุ้นให้ข่ายอาคมที่สลักไว้ทำงาน... หนิงหงหงตกตะลึง มู่เหว่ยเหลียงอ้าปากค้าง
หนิงฝานผู้นี้ช่างเก่งกาจ ไม่เพียงเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 แต่ยังมีทักษะข่ายอาคมที่น่าเกรงขาม
อายุเพียง 17 ปี แต่กลับบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูง สัมผัสเทพบรรลุขอบเขตแก่นทองคำขั้นกลาง ที่สำคัญ ยังเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3
หนิงหงหงตกใจ นี่เป็นครั้งที่นางได้รู้ความสามารถของหนิงฝาน ก่อนหน้านี้นางดูแคลนหนิงฝานเกินไป
“ข้าตายมาหลายพันปี... ในอดีต ข้าออกท่องเที่ยวไปทั่วแคว้นหวู่ได้อย่างอิสระ และก่อตั้งตระกูลหนิง ข้าผ่านประสบการณ์มามากมาย แต่ยังไม่เคยพบผุ้มีพรสวรรค์เช่นเจ้า...”
หนิงหงหงยอมรับในตัวหนิงฝาน แต่คำกล่าวของนางกลับทำให้การวางข่ายอาคมของหนิงฝานเกือบล้มเหลว
“ท่านกล่าวว่าท่านมาจากแคว้นหวู่... งั้นท่านเป็นบรรพบุรุษของตระกูลหนิง?” สีหน้าหนิงฝานแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง กลับกลายเป็นว่าหนิงหงหงเป็นภูติผีที่เป็นบรรพบุรุษของตน
“มีอะไร? เหตุใดเจ้าทำสีหน้าเช่นนั้น!” นางชี้เล็บที่เรียวยาวไปยังหนิงฝาน
“เปล่า... แค่ข้าประหลาดใจ...”
หนิงหงหงเป็นบรรพบุรุษแล้วยังไง นางเป็นสตรีพรหมจรรย์ที่ยังไม่เคยมีบุรุษใดได้ครอบครอง
“ข้าจะวางข่ายอาคมต่อ...” หนิงฝานส่ายหน้าและเริ่มวางข่ายอาคมต่อ
ขณะวางข่ายอาคม หนิงฝานสอบถามเรื่องราวของมู่เหว่ยเหลียง เขาไม่รู้ว่านางเป็นผู้ใด...
“น้องเหว่ยเหลียงไม่มีความทรงจำก่อนตาย เดิมทีข้าเองก็ไม่มีความทรงจำเช่นกัน แต่สุดท้ายก็บังเอิญได้มา” หนิงหงหงกล่าวตอบหนิงฝาน
เมื่อกล่าวถึงความทรงจำก่อนตาย มู่เหว่ยเหลียงแสดงสีหน้าเศร้าหมอง
“อืม...เป็นเช่นนั้น ความทรงจำก่อนตายไม่สำคัญอันใด... ลืมไปซะได้ก็ดี”
หนิงฝานลูบหัวมู่เหว่ยเหลียงเบาๆเพื่อปลอบนางจนทำให้นางหน้าแดงก่ำ จากนั้นจึงวางข่ายอาคมต่อ
ความรู้สึกแปลกๆเช่นนี้ เป็นครั้งแรกที่ทั้งสามได้สัมผัส เดิมทีทั้งสามคิดว่าความรู้สึกเหล่านี้เป็นเพียงแค่สายลม แต่หนิงฝานรู้ดีว่าบางที ทั้งชีวิตนี้อาจได้พบความรู้สึกเช่นนี้อยู่เพียงไม่กี่ครั้ง... ได้เจอผู้คนแปลกหน้า... ได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
บางที...ทั้งสามอาจเป็นคนรู้จักกันในชาติปางก่อน...
หนิงฝานเคยวางข่ายอาคมระดับไร้แบ่งแยกมาก่อน ข่ายอาคมระดับดวงจิตแรกเริ่มจึงวางได้ง่ายกว่ามาก
เมื่อทุกสิ่งเตรียมพร้อม หนิงฝานจึงนำหยกสวรรค์ที่มี วางลงไปในตำแหน่งตาของข่ายอาคม ผ่านไปชั่วธูปไหม้ครึ่งดอก แหล่งพลังงานของข่ายอาคมก็เชื่อมต่อกัน ข่ายอาคมก็เสร็จสิ้น
ด้วยความเร็วระดับนี้ หากผู้เชี่ยวชาญข่ายอาคมเห็นย่อมตกตะลึง
เมื่อวางข่ายอาคมเสร็จ หนิงฝานก็หาตำแหน่งที่มีเพลิงพิภพมากที่สุด จากนั้นใช้กระบี่ขุดดินเพื่อเชื่อมต่อเพลิงพิภพแล้วเริ่มปรุงโอสถ
หนิงหงหงและมู่เหว่ยเหลียนไม่ได้อยู่เฉย พวกนางเฝ้ามองทักษะการปรุงโอสถของหนิงฝานพลางกล่าวชื่นชมอยู่ในใจ
‘โอสถอเวจี’ โอสถผันแปรที่ 3 เกิดจากการกลั่นมุกภาวนาในขอบเขตแก่นทองคำ โดยการชำระล้างสิ่งสกปรกที่อยู่ภายในออก
คลังสมบัติของเผ่าครามมีมุกภาวนามากมาย หนิงฝานเก็บมาได้กว่า 500 เม็ด ซึ่งใช้ปรุงเป็นโอสถอเวจีได้หลายเม็ด แต่ช่างน่าเสียดาย ที่เตาปรุงโอสถของหนิงฝานใส่มุกภาวนาได้เพียงครั้งละไม่กี่เม็ดเท่านั้น จึงต้องใช้เวลานานในการปรุงโอสถ
ผ่านไป 3 วัน หนิงฝานปรุงโอสถแล้วเสร็จ เขาปรุงโอสถพลาดไป 1 ครั้ง ทำให้ได้โอสถอเวจีทั้งหมด 1100 เม็ด
แม้หนิงฝานจะครอบครองทักษะการปรุงโอสถของจักรพรรดิสวรรค์ แต่การปรุงโอสถผันแปรที่ 3 นั้น ไม่มีสิ่งใดรับรองว่าจะสำเร็จทุกครั้ง
ยิ่งหากเป็นโอสถระดับสูงขึ้น โอกาสสำเร็จก็ยิ่งน้อยลง
หลังจากปรุงโอสถเสร็จ หนิงฝานเหนื่อยล้าไร้พลัง เขานั่งโคจรปราณและควบคุมลมหายใจของตนกระทั่งผ่านไปครึ่งวัน ยามนี้ เขาฟื้นฟูพลังที่เสียไปกระทั่งกลับมาแข็งแกร่งดังเดิม จากนั้นจึงเริ่มปรุงโอสถต่อ
พลังวิญญาณที่อยู่ในมุกภาวนาขอบเขตแก่นทองคำนั้นรุนแรงมาก หนิงฝานต้องตั้งใจกลั่นพวกมันโดยละทิ้งความสนใจจากโลกภายนอก
ยามนี้ เหลืออีกเพียง 7 วันก็จะหมดเวลาการทดสอบรอบที่สองนิกายกุ่ยเชว่
...
ข่ายอาคมที่หนิงฝานวางไว้นั้น นอกจากจะช่วยปกป้องคุ้มภัยแล้ว มันยังช่วยซ่อนเร้นและอำพรางกาย
เผ่าครามได้ส่งผู้เชี่ยวชาญออกค้นหามายังป่าไผ่ที่หนิงฝานวางข่ายอาคมเอาไว้อยู่หลายครั้ง แต่พวกมันกลับไม่พบหนิงฝาน
ยามนี้ ผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่าครามเริ่มร้อนรน
วันถัดมา ผู้เชี่ยวชาญเผ่าคราญออกค้นหาซ้ำกินพื้นที่กว่าหลายพันลี้ แต่ก็ยังไม่พบร่องรอยของหนิงฝาน
“เจ้าพวกไร้ประโยชน์! แค่คนผู้เดียวยังหาไม่เจอ แล้วแบบนี้พวกเจ้าจะไปทำอะไรได้!”
ผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่าครามกวาดตามองไปยังผู้เชี่ยวชาญเบื้องหน้า แรงกดดันที่ชายชราแผ่ออกมาทำให้ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นขนลุกซู่ แม้หนึ่งในนั้นจะเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสูง สีหน้าของพวกมันยังแปรเปลี่ยน
“ผู้อาวุโสใหญ่ บางทีคนผู้นั้นอาจไม่ได้อยู่ในส่วนที่ 3 ของป่าแล้วก็ได้... คนผู้นั้นเป็นมนุษย์ ไม่ว่ามันจะมุ่งไปส่วนใดของป่า ย่อมทำได้ง่ายดาย”
ผู้อาวุโสรองของเผ่ากล่าว
“อืม... อาจเป็นดังเจ้าว่า” ผู้อาวุโสใหญ่คลายโทสะ มันแสยะยิ้มเย้ยหยัน
“ประกาศิตสังหารสำเร็จตามที่ข้าสั่งหรือยัง?”
“รายงานผู้อาวุโสใหญ่ เหลืออีกเพียงขั้นตอนเดียวประกาศิตสังหารจะลุล่วงตามที่ท่านสั่ง เพียงแต่...เราจะใช้ประกาศิตสังหาร จัดการเพียงมนุษย์ผู้ต่ำต้อยเช่นนั้นหรือ... ประกาศิตสังหารของเผ่าครามเรา เป็นสิ่งที่ทำให้เผ่าอื่นหวาดกลัว”
ผู้อาวุโสสามกล่าว มันเป็นชายวัยกลางคน ลักษณะคล้ายบัณฑิต
“เจ้าโง่... หากสังหารมันได้ เราจะได้ครองสบัติสำคัญของจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ ทำให้ คนของเผ่าเราจะยกระดับพลังได้เร็วขึ้น บรรลุดวงจิตแรกเริ่มได้ง่ายขึ้น กระทั่งเข้าสู่ส่วนที่ 4 ของป่าได้”
ผู้อาวุโสใหญ่แค่นเสียงพลางจ้องมองผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆด้วยแววตาเย้ยหยัน
ในดินแดนเก้าหยินนั้น ส่วนที่ 8 และ 9 ของป่าเป็นเพียงความฝัน แต่ส่วนที่ 7 ของป่าที่เป็นดินแดนของราชานั้น เป็นดินแดนของจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ หากผู้อาวุโสใหญ่ได้เป็นราชา ใครเล่าจะกล้าล่วงเกินเผ่าคราม?
ภูตผีแหล่านี้หูตาคับแคบ... มิน่าพวกมันถึงไม่มีโอกาสเป็นผู้อาวุโสใหญ่สักที
“อีกไม่นานประกาศิตสังหารจะลุล่วง... พวกเจ้าไปหากลิ่นอายของซัวหมิงมาหรือยัง!” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวถาม
“รายงานผู้อาวุโสใหญ่ เราไปหามาเรียบร้อยแล้ว”
ผู้อาวุโสสี่กล่าวรายงานด้วยความสุภาพ
“ดี... เตรียมแท่นบูชายัญแล้วส่งมันลงนรก!”
ผู้อาวุโสใหญ่พับแขนเสื้อ มันนำผู้อาวุโสของเผ่ามุ่งหน้าไปยังแท่นบูชายัญ
“ในอดีต ข้าเคยถูกประกาศิตสังหาร ตายในยามที่ข้าเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสูงสุด คาดไม่ถึงว่าวันนี้... ข้ากลับต้องเป็นผู้ใช้ประกาศิตสังหาร สังหารเจ้าซัวหมิงแทน!”
ชายชราเย้ยหยัน ก่อนจะนึกบางสิ่งได้
“ผู้อาวุโสสอง ผู้อาวุโสสาม นำคนไปหาซัวหมิงให้ทั่วส่วนที่ 3 ของป่า หากประกาศิตสังหารทำงานเมื่อใด พวกเจ้าจะเห็นข่ายอาคมกระบี่ยักษ์ 4 เล่มปรากฏในบริเวณที่มันอยู่ หากมันยังอยู่ในส่วนที่ 3 ของป่า เราจะได้สมุนไพรที่เสียไปคืน แต่หากผู้ใดกล้าขโมยสมุนไพรไป ข้าจะใช้ประกาศิตสังหารกับมัน!”
ผู้อาวุโสใหญ่กวาดตามอง แต่ไม่มีผู้ใดกล้าสบตา
...
ข่ายอาคมภายในป่าไผ่ หนิงฝานกำลังดูดซับโอสถที่ได้จากมุกภาวะนา เพื่อทะลวงไปยังขอบเขตแก่นทองคำขั้นสุดท้าย
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา สัมผัสเทพของหนิงฝานก้าวหน้าไปมาก หากคนในแคว้นเยว่ทราบเรื่อง ผู้คนทั้งหมดย่อมตกตะลึง
“เหลืออีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น แต่ข้ายังเหลือมุกภาวนาอีก 100 ลูก...”
หนิงฝานยิ้ม เขาปรุงและกลั่นมุกภาวนาเป็นโอสถไป 400 ลูก ซึ่งยามนี้สัมผัสเทพของเขาใกล้ทะลวงขอบเขตแก่นทองคำขั้นสุดท้ายแล้ว
อีกเพียงก้าวเดียวจะทะลวงจุดตีบตัน หนิงฝานรวบรวมสมาธิเพื่อทะลวงขอบเขต
แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น พลังงานสายหนึ่งแผ่ไปทั่วร่างของหนิงฝาน ทำให้เขาตกตะลึงและโกรธแค้น เขากระอักโลหิตคำโต สัมผัสเทพแตกซ่าน เขาทะลวงขอบเขตไม่สำเร็จ สัมผัสเทพย้อนกลับจู่โจมทะเลสติ ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ
หนิงฝานก้มมองหน้าอกของตน บนหน้าอกปรากฏหลุมโลหิต
เมื่อครู่ก่อนที่หนิงฝานจะทะลวงขอบเขต ปราณกระบี่ได้ปรากฏขึ้นมาอย่างลึกลับ พุ่งทะลวงเข้าที่หน้าอกของเขา!
“ปราณกระบี่!”
หนิงฝานตวัดกระบี่แยกสวรรค์ไปรอบตัว ปัดป้องปราณกระบี่ที่จู่โจมมาจากรอบทิศ แต่ปราณกระบี่เหล่านั้นได้ผนึกกำลังจู่โจมทำให้ยากจะป้องกัน กระทั่งทะลวงหน้าท้องของหนิงฝานจนเกิดเป็นหลุมโลหิตอีกแห่ง
*อ็อค!!*
หนิงฝานกระอักโลหิต ใบหน้าซีดขาว ปราณกระบี่ปรากฏรอบทิศ พุ่งเข้าจู่โจมอย่างไร้กฎเกณฑ์ แต่หนิงฝานยังทนต้านรับ
เหว่ยเหลียงและหนิงหงหงเป็นผู้คุ้มกันหนิงฝาน เมื่อครู่พวกนางสัมผัสได้ว่าสัมผัสเทพของหนิงฝานกำลังจะยกระดับ แต่จู่ๆสัมผัสเทพของเขากลับหายไป เมื่อพวกนางหันมา พวกนางเห็นร่างที่อาบโชกไปด้วยโลหิต จึงหน้าถอดสีทันที
เมื่อพวกนางเห็นปราณกระบี่ที่ปรากฏ พวกนางจดจำมันได้ทันที
“ประกาศิตสังหาร! เหตุใดเจ้าถึงได้ยั่วยุผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่าครามขนาดนี้ที่มันต้องใช้ประกาศิตสังหารกับเจ้า! หนิงฝาน... พวกข้าจะช่วยเจ้าอีกแรง!”
พวกนางเคลื่อนไหวและเริ่มต้านรับปราณกระบี่ที่ปรากฏ แต่เพียงไม่กี่ลมหายใจ พวกนางกลับต้องตกตะลึงอีกครั้ง
เพราะยามนี้ เงาร่างของผู้เชี่ยวชาญเผ่าครามได้เหยียบย่างนภามา พวกมันยืนอยู่บนยอดไผ่และเริ่มจู่โจมข่ายอาคมของหนิงฝาน
“ไม่ต้องสนใจข้า พวกท่านไปควบคุมข่ายอาคม อย่าปล่อยให้พวกมันทะลวงเข้ามาได้.... ฮึ่ม! ประกาศิตสังหาร... เผ่าคราม...คาดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะทำเช่นนี้กับข้า!”
แววตาของหนิงฝานเผยโทสะ เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้าและพบ ‘ข่ายอาคมปราณกระบี่ลวงสวรรค์’ ที่พุ่งเป้ามาที่ตัวเขา ปราณกระบี่จำนวนมากมายนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากข่ายอาคม
หนิงฝานตกตะลึง เพราะกระบี่ยักษ์ทั้ง 4 เล่มที่ปรากฏในข่ายอาคมนั้น เป็นกระบี่ที่มีชื่อเสียงในช่วงสมัยของจักรพรรดิสวรรค์
นามว่า ‘สี่กระบี่สังหารเซียน’!
เงากระบี่ยักษ์ทั้ง 4 เล่มปรากฏเหนือท้องนภา แม้เป็นเพียงปราณกระบี่ แต่กลิ่นอายที่มันแพร่ออกมากลับน่าหวาดกลัว ทั้งยังทำให้บรรยากาศโดยรอบอบอวนไปด้วยโลหิต
ประกาศิตสังหาร สามารถทำให้ปราณกระบี่ทั้ง 4 เล่มปรากฏ ก่อเกิดเป็นปราณกระบี่ขนาดเล็กมากมายนับไม่ถ้วน โดยที่ปราณกระบี่เหล่านั้น เล็งไปยังผู้ที่ต้องประกาศิต
ในสมัยโบราณนั้น เทพเซียนที่ต้องประกาศิตสังหาร ข่ายอาคมจะไม่ปรากฏเพียงปราณกระบี่ แต่จะปรากฏกระบี่สังหารเซียนเล่มจริง!
ด้านนอกข่ายอาคม... ผู้อาวุโสสองและผุ้อาวุโสสามนำผู้เชี่ยวชาญของเผ่าครามกว่าหลายสิบตนเข้าล้อมป่าไผ่
นอกจากนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญของเผ่าอื่นติดตามมา พวกมันร่วมค้นหาหนิงฝาน แต่คาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะบ้าบิ่นขนาดถึงกับกล้าขโมยสมุนไพรทั้งยังรั้งอยู่ในส่วนที่ 3 ของป่า
“ฮ่าฮ่า รอให้ประกาศิตสังหารปลิดชีวิตมัน เมื่อมันสิ้นชีวิต เราค่อยไปนำสมุนไพรกลับมา หน้าเราก็ถือว่าสิ้นสุด!” ผู้อาวุโสรองเย้ยหยัน มันพยายามทำลายข่ายอาคมของหนิงฝาน
ภูตผีทรงพลังมาก แต่ละครั้งที่พวกมันจู่โจม ข่ายอาคมของหนิงฝานเกิดรอpร้าว แม้ข่ายอาคมจะผสานรอยร้าวอย่างรวดเร็ว แต่พลังงานในหยกสวรรค์ก็ถูกดูดซับไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
หากพลังงานในหยกสวรรค์หมด ข่ายอาคมก็จะถูกทำลาย!
เหล่าภูตผีต่างระดมจู่โจมอย่างต่อเนื่อง มู่เหว่ยเหลียนและหนิงหงหงก็นำหยกสวรรค์ที่หนิงฝานให้มา เติมเข้าไปในตาของข่ายอาคม
แววตาของหนิงหงหงเผยเจตนาสังหาร นางควบคุมข่ายอาคมให้จู่โจม แสงสีครามวาบผ่านออกจากข่ายอาคม เกิดเป็นปราณกระบี่สีครามพุ่งทะยานไปทั่วป่าไผ่ ตรงเข้าใส่ผู้เชี่ยวชาญของเผ่าคราม
คาดไม่ถึงว่าข่ายอาคมดวงจิตแรกเริ่มจะจู่โจมได้!
หนิงฝานเห็นหนิงหงหงควบคุมข่ายอาคมจู่โจม ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำของเผ่าครามถูกสังหารไป 4 ตน ส่วนที่เหลือเจ็บแตกต่างกันไป
ผู้อาวุโสสองถูกปราณกระบี่เฉือนหน้าอกจนปรากฏโลหิต มันคำรามด้วยโทสะ แต่เมื่อมันเห็นสตรีที่งดงามสองตนในข่ายอาคม มันจึงยิ้มอย่างชั่วร้าย
‘ต้องจับสตรีที่งดงามทั้งสองนางนั้นให้ได้!’
“ดี ดี ดี... คาดไม่ถึงว่าซัวหมิงจะมีสตรีที่งดงามถึงสองนางเป็นผู้คุ้มกัน... เจ้าไม่มีทางหลุดรอดจากประกาศิตสังหาร อีกไม่นานข่ายอาคมของเจ้าจะพังทะลาย สตรีทั้งสองตนนั้นจะเป็นของข้า คืนนี้... ข้าจะทำให้พวกเจ้าทรมานยิ่งกว่าตาย ถึงจะเสียใจย่อมสายเกินไปแล้ว!”
ผู้อาวุโสสองเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสุดท้าย มันขัดเขลาตนเองจนทรงพลัง ทำให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าทั่วไป หากทำลายข่ายอาคมได้เมื่อใด เพียงแค่มันตนเดียวก็เอาชนะพวกนางได้ง่ายๆแล้ว
เมื่อพวกนางเห็นผู้อาวุโสสองของเผ่าคราม สีหน้าของพวกนางแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
เมื่อครู่หนิงหงหงลอบจู่โจมได้สำเร็จก็จริง แต่ยามนี้พวกมันระวังตัว หากจะจู่โจมเช่นเมื่อครู่คงยาก
การบังคับให้ข่ายอาคมจู่โจม ทำให้หยกสวรรค์แห้งเหือดไปถึง 10 ก้อนในคราวเดียว เช่นนั้นแล้วข่ายอาคมจะจู่โจมได้อีกสักกี่ครั้ง?
มู่เหว่ยเหลียงและหนิงหงหงหันมองหนิงฝาน พวกนางเป็นกังวล เพราะจากสีหน้าดูราวกับหนิงฝานแทบจะทนไม่ไหว
ยามนี้ บนร่างของหนิงฝานปรากฏหลุมโลหิตมากมาย หากเป็นร่างกายของมนุษย์ทั่วไป ย่อมไม่อาจทนกับการจู่โจมของปราณกระบี่ได้
“ทำเช่นไรดี...” มู่เหว่ยเหลียงและหนิงหงหงมองหน้ากัน แววตาของพวกนางเศร้าหมองและหมดหวัง
แต่แววตาของหนิงฝานกลับปรากฏความแค้นเคืองและโทสะที่มีต่อเผ่าคราม
“เผ่าคราม... ข้าจะจดจำความแค้นนี้ไว้! เมื่อใดที่ข้าทำลายปราณกระบี่เหล่านี้ได้ ข้าจะไปทำลายเผ่าครามของเจ้าให้สิ้นซาก!”
หนิงฝานกล่าว เจตนาสังหารที่ราวกับเก็บสั่งสมมาทั้งชีวิตถูกปลดปล่อย ผู้อาวุโสและผู้เชี่ยวชาญที่ได้ยินและสัมผัส ล้วนหวาดกลัวตนตัวสั่น
เจตนาสังหาระดับนี้ ต่อให้เป็นจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ยังไม่มี!
แต่จิตสังหารเหล่านั้น ทำให้ผู้อาวุโสและผู้เชี่ยวชาญของเผ่าครามหวาดกลัวได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น
ยามนี้ แววตาของหนิงฝานแปรเปลี่ยนเป็นหนักแน่นราวกับเขาเพิ่งตัดสินใจทำบางสิ่ง เขานำโอสถจักรพรรดิหยกออกมา เขาตั้งใจจะกินโอสถจักรพรรดิหยกเม็ดที่ 3!
หากหนิงฝานกินโอสถจักรพรรดิหยกในคราวนี้ เขาต้องทนกับความเจ็บปวดที่มากขึ้นไปอีกหลายเท่า
แต่หนิงฝานไม่มีทางเลือก เพราะปราณกระบี่ที่กำลังจู่โจมตัวเขายามนี้ ทำให้ขาของเขาก้าวลงสู่ขอบเหวแห่งความตายไปแล้วข้างหนึ่ง
จะเจ็บจนตาย...หรือจะยอมให้กระบี่ทะลวงจนตาย!
ในระหว่างที่ปราณกระบี่รุมทะลวงร่างของอยู่นั้น หนิงฝานก็กลืนโอสถจักรพรรดิหยกลงไป ทำให้ร่างกายเปล่งแสงสีเงิน
“ข้าคือจักรพรรดิสวรรค์! หากประกาศิตสังหารกล้าสังหารข้าก็เข้ามา!”
หนิงฝานคำราม สร้อยหยินหยางในตันเถียนเปล่งอานุภาพ ทำให้ปราณกระบี่จำนวนมหาศาลไม่กล้าเข้าใกล้
สิ่งที่ปรากฏทำให้ภูติผีทุกตนไม่เชื่อสายตา
เพราะหนิงฝานอ้าปากแล้วกลืนปราณกระบี่จำนวนมหาศาลเหล่านั้นลงไปในท้อง
“หากข้ารอดตายและปราณกระบี่สังหารเซียนเหล่านี้เป็นของข้าได้เมื่อใด พวกเจ้าทุกตนอย่าหวังว่าจะรอดชีวิต!”
เจตนาสังหารและความแค้นที่มีต่อเผ่าครามของหนิงฝาน บรรลุถึงจุดสูงสุด!...