บทที่ 15 ไอ้หน้าหล่อเฮ็งซวย
เล่มที่ 01 บทที่ 15 – ไอ้หน้าหล่อเฮ็งซวย
เทียนถังหันไปมองต้นเสียงที่ช่วยตัวเองไว้ในจักษุสายตาเขาปรากฏหนุ่มรูปงามขึ้นมามันมีผมสีดำสั้นในมือข้างซ้ายถือหอกยาวสวมชุดเกราะบางๆ ไม่หนามากมีใบหน้าที่หล่อเหลาสูงเพียงแค่ 160-170 เซนติเมตรเท่านั้นเอง ใบหน้าของมันนับว่าหล่อเหลาหาที่เปรียบ
เทียนสบถในใจว่า “เหอะ! ไอ้หน้าหล่อเฮ็งซวย!” เขาไม่ชอบคนที่หล่อสักเท่าไหร่ถึงมันจะหล่อไม่เท่ากับเขาก็ตามที และแม้ชายหนุ่มคนนี้จะพึ่งช่วยเขาก็ตามทีแต่เทียนถังมองเห็นมือที่จับกับแขนเทียนถังไว้ ผิวพรรณมันค่อนข้างขาวสว่างดุจไข่มุกราคาสูง
แขนไม่ใหญ่นักมองดูไม่คล้ายบุรุษแต่เมื่อเทียนถังมองไปยังหน้าของมันก็ยังเป็นหน้าตาหล่อเหลา “ที่แท้ก็ไอ้หน้าสวยที่เจอในนิยายบ่อยๆ นี่เอง แถมยังมีจิตใจยุติธรรมพระเอกในโลกนี้มันจะมีหลายคนไปไหนฟ่ะ!” เทียนถังด่าในใจ เขาคิดว่าไอ้หมอนี่คงเป็นพระเอกแน่ๆ ถ้ามันได้อยู่ในนิยาย
ทั้งหน้าตาทั้งจิตใจ และดูจากสภาพแล้วน่าจะเป็นนักรบที่มีฝีมือพอตัว… ในตอนนั้นเองชายที่ขายของร้านแผงลอยก็ตะโกนออกมาว่า “เหอะถ้าคิดจะมาก่อกวนก็ไสหัวไปซะ!” มันกลัวว่ามันจะถูกกล่าวหาว่าโก่งราคามันจึงรีบไล่หนีทั้งยังหาว่าเทียนถังก่อกวน เพื่อที่จะไม่ให้ลูกค้าสับสน
“ไปกันเถอะ!” เจ้าหน้าหล่อจับเทียนถังลากเดินหนีไปโดยที่ไม่ถามไถ่ความเห็นใดๆ ในขณะที่เดินออกมาได้ไกลในที่สุดก็เทียนถังก็ได้สติกลับมาจึงกล่าวขึ้นว่า “เดี๋ยวสิ นา.. เจ้าน่ะ” เทียนถังดึงมือกลับและหยุดเดินทันทีก่อนจะกล่าวต่อว่า “เจ้าทำอะไรของเจ้าเนี่ยข้าอยากลองชิมมันดูนะ!”
“ห๊า?” เจ้าหน้าหล่อหันมามองเทียนถังด้วยสายตาแปลก อันที่จริงถ้าเป็นคนอื่นอาจจะรู้จักเทียนถังเนื่องเพราะแต่ก่อนเทียนถังเสเพลอยู่แถวนี้บ่อย แต่ไม่ใช่สำหรับเจ้าหน้าหล่อคนนี้ แน่นอนว่าเทียนถังในปัจจุบันนี้ก็ไม่ทราบว่าตัวเองโด่งดังมากขนาดไหนในละแวกนี้
“เจ้าโง่หรือเปล่าโดนเขาโก่งราคาขนาดนั้นยังจะจ่ายเงินไม่พอ ยังมาด่าข้าที่ช่วยเอาไว้อีก ถึงเจ้าดูแล้วจะเป็นนายน้อยแห่งตระกูลไหนสักแห่งแต่ข้าไม่เคยเห็นนายน้อยคนไหนโง่เช่นเจ้ามาก่อน!” ชายหน้าหล่อกล่าวด่าเทียนถัง อันที่จริงที่ชายคนนี้กล่าวมาล้วนถูกต้อง
“เจ้าว่าใครโง่นะ เจ้าน่ะสิโง่! ชิ!” เทียนถังตะคอกกลับและเดาะลิ้นเดินหนีอย่างโมโห ‘อะไรของมันหน้าหล่อยังไม่พอมาด่าฉัน.. ข้าว่าโง่อีกเหรอหาเรื่องกันชัดๆ คิดจะประกาศศึกกับบิดาผู้นี้หรือไง!’ หลังจากด่าทอกราดเกรี้ยวในใจก็เดินมาอยู่เขตป่าภายในเมืองโดยไม่รู้ตัว
เทียนถังรู้สึกตัวขึ้นมาได้ “เอ๊ะ.. ที่นี่ที่ไหนละเนี่ย!” ด้านหน้าเทียนถังคือป่าทึบด้านหลังป่าทึบไปประมาณ ครึ่งลี้ได้มีกำแพงเมืองอยู่ด้านหลังเทียนถังคือบ้านเมืองที่ไม่มีแสงสว่างเลยคิ้วเทียนถังกระตุกเล็กน้อย
บรรยากาศอลเวงเริ่มปรากฏขึ้นเสียงลมหวีดหวิวกลางอากาศยามกลางคืนแสงจันทร์ที่ไม่สว่างมากนักทำเอาขนลุกกันเลยทีเดียว เทียนถังเกิดมาไม่เคยกลัวผี แต่ถ้าเจอจริงๆ ก็ไม่ไหว แต่ด้วยสถานการณ์แบบนี้ก็ทำเอาสับสนตื่นกลัวแล้ว.. “บัดซบ!” เทียนถังนึกได้ว่าทั้งหมดเป็นความผิดไอ้หน้าหล่อสารเลวนั่นแน่ๆ
“สารเลวเอ๊ย!” เทียนถังเตะไปที่ก้อนหินบนพื้นก้อนหนึ่งทันทีที่เท้าปะทะกับก้อนหินจังหวะนั้นก้อนหินมันแตกกระจายทันที! ก้อนหินก้อนนี้ถ้ามองดูแล้วขนาดมันใหญ่กว่าหัวคนราวๆ หนึ่งเท่าเลยล่ะ และเห็นได้ชัดว่าเมื่อกี้เทียนถังไม่ได้ใช้ปราณหรือกำลังภายใน
ใช่เขาใช้เพียงกำลังภายนอกเตะใส่หินก้อนใหญ่กระจุย! นี่สร้างความตะบึงให้กับคนสองคนที่แอบมองอยู่ไกลๆ พวกเขามองหน้ากันครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “ไม่เพียงแต่ฝึกปราณทั้งยังฝึกกำลังภายนอก.. เขาทำได้อย่างไร!” ชายหนุ่มกล่าว
“ข้าเองก็สงสัยเช่นกัน!” ต้องบอกไว้ก่อนว่ากำลังภายนอกและพลังปราณมันอยู่ด้วยกันไม่ได้เลย กำลังภายนอกเปรียบเสมือนน้ำในขณะที่พลังปราณคือไฟทั้งคู่ไม่อาจอยู่ร่างร่างหนึ่งได้ ที่สามารถอยู่ได้มีเพียงกำลังภายในและกำลังภายนอก .. แน่นอนว่ากำลังภายในกับพลังปราณก็ไม่อาจฝึกร่วมกันได้
มันจะตีกันเองภายในร่างแน่นอนว่าหากตีกันเองพลังปราณย่อมเหนือกว่ากำลังภายนอก และกำลังภายนอกที่ฝึกก็จะพังทลายร่างกายก็จะแตกเป็นเสี่ยงๆ .. เฉกเช่นหลิงอี้ที่ฝึกกำลังภายนอกเพื่อใช้เป็นพื้นฐานฝึกกำลังภายใน แต่นางไม่สามารถฝึกปราณได้
“….” ทั้งคู่เงียบงันมองเทียนถังแบบโง่งมไป.. ในขณะที่เจ้าตัวไม่ทราบเลยว่ามีคนแอบมองอยู่จึงใช้หมัดต่อยต้นไม้ระบายความโกรธพร้อมด่าทอ “สารเลว!” ผ่านไปสักพักต้นไม้บริเวณนี้ก็ล้มกับพื้นหลายส่วน
เทียนถังรู้สึกตัวขึ้นได้ “แย่แล้ว!” ถึงเขาจะไม่มีความรู้อะไรต่อเมืองนี้แต่เขาก็พอรู้ว่าเรื่องนี้มันผิดแน่ๆ เขามองซ้ายมองขวากัดฟันวิ่งกลับเข้าเมืองได้สักพักถอนหายใจเฮือกใหญ่แต่ในตอนนั้นเองเขาได้ยินเสียงทหารยามคนหนึ่งกล่าวขึ้นว่า “แย่แล้ว! มีคนทำลายต้นไม้ที่พระราชาปลูกไว้!”
“ว่าไงนะ!” ชายคนหนึ่งขมวดคิ้ว “ใช่แล้วทางกำแพงเมืองทิศเหนือรีบไปดูเร็ว จับตัวผู้ร้าย!” ทหารยามวิ่งไปทางป่าที่เทียนถังพึ่งไปมาทำให้คิ้วเขากระตุก.. “ต้นไม้พระราชา” คำคำนี้ทำให้เทียนถังรู้สึกหนาวสันหลัง รีบเร่งฝีเท้าเดินมาอีกสักพักดันเจอกับทหารกลุ่มเดิมที่กำลังจะไปรายงานเบื้องบน
“มีคนทำลายต้นไม้ของพระราชา ทั้งจุดที่มันทำลายคือต้นไม้หนวดดารา ที่มีราคามากกว่าหนึ่งแสนตำลึงต่อต้น! และที่มันทำลายไปคือต้นหนวดดาราทุกต้น ส่วนต้นที่เหลือคือต้นไม้ธรรมดาเท่านั้น เจ้าโจรชั่วช้าคนนี้มันตั้งใจเหยียบหน้าพวกเรา และพระราชาแน่ๆ รีบๆ ไปรายงานเร็ว!”
เทียนถังตะโกนในใจ “ตูไม่ได้จะเหยียบหน้าพวกเอ็งนะเฟ้ยมันเรื่องบังเอิญไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย! อย่าใส่ร้ายกันสิฟ่ะ!” แต่เขาจะตะโกนในใจยังเสียงดังของทหารก็ยังว่าร้ายเขาต่อไปขณะที่เขาเผลอได้ยินตลอดทาง.. ครึ่งก้านธูปต่อมา
เทียนถังไม่ได้อยู่เขตนั้นแล้วแต่เสียงพูดจาว่าร้ายของเขาตอนนี้นั้น เขากลายเป็นตัวร้ายที่ลักลอบมาจากอีกอาณาจักรเพื่อมาก่อความวุ่นวายและสมน้ำหน้าพระราชาที่พึ่งสวรรคตไปได้ไม่กี่ปีก่อน เป็นการเยาะเย้ยและเหมือนการประกาศสงครามทางอ้อม!
“ไอ้พระราชาบัดซบเอ็งมาตายอะไรช่วงนี้!” เทียนถังด่ากราดจากที่ข้อมูลเขารู้มาพระราชาคนปัจจุบันคือน้องชายของพระราชาคนก่อนเนื่องจากพระราชาองค์ก่อนทรงสวรรคตก่อนจะมีพระรัชทายาทสืบทอด และผู้สืบบัลลังก์ต่อจึงมีเพียงน้องชาย
และต้นไม้บัดซบนั่นคือต้นไม้ที่พระราชาองค์ก่อนที่พึ่งสวรรคตไปถึงจะครองราชย์ด้วยเวลาไม่กี่ปีแต่พระราชาก็ยังช่วยอาณาจักรชนะสงครามถึงสามรอบในสงครามใหญ่เขาเป็นวีรบุรุษแห่งยุคที่แท้จริงจึงมีคนเลื่อมใสมากสุดพรรณนา.. แต่ตอนนี้เทียนถังถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏไปแล้ว!
“สารเลว อาณาจักรนี่มันโง่จริงๆ เพ้ย! สารเลว ฉันไม่ผิดนะฉันไม่ได้ตั้งใจ.. เป็นเพราะไอ้หน้าหล่อนั่น อ๊ากก ไอ้ตัวซวย!!!” เทียนถังคิดถึงไอ้หน้าหล่อนั่นได้ก็กัดฟันกรอดๆ อย่างเกรี้ยวกราดเขาสาบานว่าถ้าเจอมันอีกเขาจะหักคอมันแล้วไปโยนให้พวกผู้ชายด้วยกันข่มขืนมันซะเลย!
“ใช่ เจอกันครั้งหน้าฉันจะจับแกโยนลงซ่องเลยคอยดูสิ!” พอคิดได้แบบนี้เทียนถังก็อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยก่อนจะนึกขึ้นได้อีกว่า “ฮ่า ฉันนี่มันใจดีจริงๆ ถึงจะโกรธแค้นขนาดนี้ก็ยังไม่ฆ่า สมกับที่เป็นสุภาพบุรุษจริงๆ นะตัวฉัน ฮ่าๆ ๆ” เทียนถังปลอบตัวเองได้ก็หัวเราะร่าอย่างสบายอกสบายใจ
ในขณะที่ห่างไกลออกไปมีคนแอบมองเทียนถังอยู่สองคนตอนนี้สภาพพวกเขากำลังเอามือกุมท้องและมืออีกข้างปิดปากกั้นหัวเราะไว้ หลังจากตาดูท่าทางเทียนถังมาตั้งแต่ต้นจนจบ เห็นท่าทีกระวนกระวาย และจู่ๆ ก็อารมณ์ดีหัวเราะร่าขึ้นมา มันเหมือนกับพวกเขากำลังชมตลกฟรียังไงยังงั้น
แถมแค่อารมณ์เสียเลยระบายอารมณ์แต่ไม่รู้ต้องซวยขนาดไหนดันไปทำลายต้นไม้พระราชา จนเรื่องราวใหญ่โตไปถึงขั้นสงครามอาณาจักร จะไม่ให้ขำได้อย่างไร..
ขณะเดียวกันเทียนถังก็เดินร่าเริงไปเรื่อยโชคดีที่กลับมาในเส้นทางที่มีแผนที่ได้แล้วเขาเดินไปด้วยอารมณ์เบิกบาน แต่ในตอนนั้นเองจักษุสายตาก็ปรากฏชายคนหนึ่งหน้าหล่อเหลาถือหอก เทียนถังยิ้มชั่วร้าย “ได้เวลาชำระหนี้แค้น ฉัน.. ข้าไม่โหดเหมือนพี่ใหญ่หยุนเช่อหรอก” เทียนถังคิดในใจ
แต่พริบตาต่อมาหนังคิ้วต้องกระตุก.. เพราะที่ตามหลังมาคือทหารยามที่บอกว่าจะไปรายงานเบื้องสูง.. ความคิดหนึ่งไหลเข้ามาในหัวคือเจ้าหน้าหล่อนี่คือหัวหน้าทหารยามระดับสูงหรือไม่ก็ระดับอัศวิน! “ไอ้สารเลววววว โลกนี่มันบัดซบจริงๆ!” เทียนถังด่ากราด
รอยยิ้มชั่วร้ายเมื่อครู่อันตรธานหายไปราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน “นี่ไม่เพียงไอ้สารเลวนี่เป็นต้นเหตุ แต่มันยังเป็นผู้นำระดับสูงอีกเหรอ! ข้าก็ทำอะไรมันไม่ได้น่ะสิ ไม่งั้นผิดถึงสองคดีเชียวนะ 9มม. นี่อันตรายจริงๆ! อยากรู้จริงๆ ว่ามันได้เป็นผู้นำด้วยเสียงเลือกตั้งหรือใช้อำนาจทหาร!” (โดนอุ้มแน่ๆ ครับงานนี้ – ผู้เขียน)
เทียนถังเดินชิดซ้ายให้ขาใหญ่เดินก้มหน้าก้มตาเพื่อหลีกเลี่ยงสุดชีวิต อันที่จริงคนที่ผิดก็คือเจ้าตัวนั่นแหละนะ.. แต่ทว่าอนิจจังพานให้พบเจ้าหน้าหล่อมันเห็นเทียนถังพอดีมันเลยกล่าวขึ้น “เดี๋ยวสิ เจ้าน่ะ!” .. ขาเทียนถังหยุดชะงักคิ้วย่นเล็กน้อย เขากัดฟันอดที่จะไม่วิ่งไปต่อยหน้าหล่อๆ ของมัน
“มีอะไร” เทียนถังพูดออกมาง่ายๆ ทำให้ทหารด้านหลังทำท่าทีขึงขังใส่กำลังจะเดินมาปรับทัศนคติเพราะการแสดงท่าทีของเทียนถัง แต่โดนไอ้หน้าหล่อหยุดไว้ก่อน.. ไอ้หน้าหล่อหันมาหาเทียนถังแล้วกล่าวขึ้น “เจ้ายังไม่ขอบคุณข้า ที่ข้าช่วยเจ้าจากการคดโกงของพ่อค้าแผงลอยเลยนะ”
เทียนถังฟังแล้วผมลุกชันทันที “ใครขอให้เจ้าช่วยกันเจ้าตัวเฮ็งซวยบัดซบ!” เทียนถังไม่อดทนด่าแล้วเดินหนีแบบเท่ๆ ทันที.. “เจ้า!!!” ทหารคนนั้นทำท่าที่จะพุ่งใส่แต่โดนไอ้หน้าหล่อห้ามไว้เทียนถังเดินจากไปหลังจากด่าเสร็จราวกับไม่สนหน้าพระพรหมองค์ใด
“เดี๋ยวก่อนสิ เจ้าชื่ออะไร ข้าชื่อหยินไป๋อวี้!!” ไอ้หน้าหล่อตะโกนตามสร้างความรำคาญให้เทียนถังเขาจึงตะโกนกลับมาว่า “อย่างเจ้าไม่มีสิทธิที่จะรู้ชื่อข้า!” และรีบหนีหายลับไปทันที.. ทำให้ไป๋อวี้หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“ท่านทำไมถึงปล่อยคนหยาบคาย…” ทหารยามกล่าวแต่ก็ถูกตัดบทว่าโดยไป๋อวี้ “หึ.. ข้าว่ามันคงเป็นนายน้อยตระกูลเฟิง.. เฟิงเทียนถังนายน้อยแสนเสเพลแน่ๆ ถ้าเป็นแบบนั้นต่อให้เจ้ามีร้อยชีวิตก็ไม่อาจทำลายเส้นผมแม้เพียงเส้นของมันได้”
“ท่านรู้ได้อย่างไร ท่านมิเคยพบมันมิใช่หรือ อีกอย่างตอนนี้มัน…” ทหารยามลดเสียงต่ำกล่าว “มันไม่สมควรอยู่เมืองหลวง” แต่ตอนนั้นจู่ๆ ไป๋อวี้ก็หัวเราะออกมาแล้วกล่าว “เป็นธรรมดาที่เจ้าจะไม่รู้ มันสมควรจะมาแต่งงานกับบุตรสาวตระกูลเสี่ยว บิดาข้าได้รับบัตรเชิญเมื่อเช้านี้นับว่ากะทันหันจริงๆ .. ส่วนที่ข้ารู้ได้อย่างไรนั้น…”
ไป๋อวี้ทำสายตาลึกลับแล้วกล่าว “มันง่ายดายมากจนเจ้าคิดไม่ถึง” เสียงลึกลับนี่ทำให้ทหารยามตกใจเล็กน้อย.. ในตอนนั้นเองไป๋อวี้ใช้มือแตะใบหน้าตัวเองก่อนที่จะเคลื่อนปราณผ่านชีพจร… ทันใดนั้นใบหน้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวก่อนจะกลายเป็นหน้ากากสีขาว
“หึๆ …” เสียงลึกลับดังออกมาจากปากไป๋อวี้หากทว่าเสียงมันแปรเปลี่ยนไปจากเดิม.. ก่อนที่จะสวมใส่เช่นเดิม…
หลังจากเทียนถังหายลับออกมาแล้วก็นึกขึ้นได้ “เอ๊ะ.. เจ้าหน้าหล่อนั่นบอกว่าชื่อ หยินไป๋อวี้.. ชื่อนี้มัน…” เทียนถังขมวดคิ้วแน่นผ่านไปสักพักก็แสดงสีหน้าปลงออกมา “คงไม่ใช่หรอก...ในยุทธภพมีคนชื่อคล้ายกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก.. แต่ทำไมชื่อมันถึงดูไม่เหมือนผู้ชายเลย”
“ฟู่ววว วันนี้เจอปัญหามาทั้งวันขอให้ฉันได้พบกับสาวงามสักคนเถอะนะพ่อคุณ…” เทียนถังถอนหายใจยาวนึกถึงความซวยทั้งวันของวันบัดซบนี่ เขาฆ่าคน เขากลายเป็นกบฏ.. ‘เฮ้ออออ~’ ไม่ทราบว่าเทียนถังถอนหายใจมากี่รอบแล้วทาง ในที่สุดเขาก็เดินมาถึงโรงเตี๊ยมที่มีที่พักด้วย
เทียนถังเงยหน้ามองโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่อดที่จะอุทาน “ว้าว” ออกมาอย่างช่วยไม่ได้ แสงสว่างนับว่าสว่างกว่าจุดอื่นในเมืองทั้งยังมีเสียงครึกครื้นกันอย่างรื่นเริงเทียนถังถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินเปิดประตูเข้าไป!
เสียงเปิดประตูทำให้โรงเตี๊ยมเงียบสนิททุกคนหันมาสนใจเทียนถังอย่างพร้อมเพรียงราวกับนัดหมาย.. มันสมควรจะเป็นแบบนั้นเหมือนในนิยายแฟนตาซี แต่เมื่อเทียนถังเปิดเข้ามาในความเป็นจริงนั้นไม่มีคนสนใจเข้าเลยแม้แต่น้อย ทำเอาคอเทียนถังลู่ไปทันที
“ก็นึกว่าฉันจะดังมากซะอีกแต่นี่เล่นไม่มีคนสนใจเนี่ย เจ้าคนเดิมไม่ป็อบเอาซะเลย” เทียนถังพูดในใจ เขาหันมองไปรอบๆ ก็พบว่าโต๊ะเต็มไปหมดแล้ว ทำให้เขาด่าทอถึงความโชคร้ายของตัวเองอีกในใจอย่างเงียบ ก่อนที่จะเหลือบไปเห็นมุมหนึ่งที่ยังสว่างอยู่
ไม่สิ จะพูดให้ถูกคือมีสาววัยกลางคนคนหนึ่งนั่งอยู่ มองดูแล้วเทียนถังวิเคราะห์ด้วยสายตาความเป็นไปได้ทางทฤษฎีวิทยาศาสตร์ต่างๆ ทำให้เขาสรุปได้ทันทีว่านางคนนี้นั้นอายุเกินสามสิบไปแล้ว แถมไม่บริสุทธิ์แล้ว เทียนถังคิดว่านี่แหละเหมาะแล้ว.. อันที่จริงเขาไม่ได้สนผู้หญิงที่ไม่บริสุทธิ์หรอก
เขาแค่จะหาที่นั่งเท่านั้น.. เทียนถังเดินไปหาที่นั่งตรงนั้นก่อนจะกล่าวว่า “ข้าขอนั่งด้วยได้หรือไม่!” ตอนนี้ถึงจะบอกได้ว่าอายุมากกว่าสามสิบแต่มีผมบังใบหน้าจึงไม่อาจเห็นใบหน้าประจักษ์ต่อสายตาได้.. หญิงนางนี้ตอบกลับมาอย่างง่ายๆ ว่า “เชิญเลย!”
“ขอบคุณ” เทียนถังก็ตอบกลับง่ายๆ เช่นกันทำเอาหญิงนางนี้ยกหัวขึ้นเล็กน้อยมองเทียนถัง.. ในตอนนั้นเองพนักงานก็เดินมาหาเทียนถังพอเห็นใบหน้าเทียนถังพนักงานก็อุทาน “โอ๊ะ” ออกมาก่อนจะยิ้มอย่างมีเสน่ห์แล้วกล่าว “ไม่ทราบว่าคุณชายถังต้องการเครื่องดื่มอะไรหรือไม่?”
“ข้าขอเหล้าที่แรงที่สุด!” เทียนถังตอบ พนักงานยิ้มและตอบว่า “สมกับเป็นคุณชายถัง” คำตอบนี้ทำให้เทียนถังตระหนักว่าเจ้าคนเดิมก็คอแข็งเหมือนกัน..