บทที่ 14 มารดาเฟิงเทียนถัง
เล่มที่ 01 บทที่ 14 : มารดาเฟิงเทียนถัง
หลังจากนั้นหยุนไป๋ก็เอาข้อมูลขั้นตอนการแต่งงานมาให้เทียนถังซึ่งเป็นข้อมูลทำเนียบการปฏิบัติการวางตัว ขั้นตอนแต่ละขั้นอย่างละเอียด การแต่งงานค่อนข้างคล้ายกับงานแต่งในยุคโบราณแต่มันต่างเล็กน้อยเนื่องจากการแต่งงานนี้มันนับว่ายิ่งใหญ่มาก
ส่วนภาษานั้นเป็นภาษาที่ไม่รู้จักจริงๆ แต่เทียนถังสามารถอ่านออกได้โดยไม่รู้ตัว ไม่รู้สิถ้าจะพูดก็คือราวกับว่าภาษาที่เขียนอยู่นี่ จู่ๆ ก็เข้าใจขึ้นมาเองตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่ฆ่าคนตอนนั้น แม้เทียนถังจะไม่ทราบว่าทำไมก็ตามที ถ้าจะกล่าวเรียบๆ คือมันคล้ายกับว่าเขาเข้าใจมันดีงั้นแหละ
เทียนถังอ่านไปสักพักก็สรุปได้ว่าขั้นตอนงานแต่งขั้นตอนแรกคือรับเจ้าสาวและมาทำพิธีแต่งงานที่บ้านฝั่งชายหลังจากนั้นก็จะจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ก่อนที่ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงจะเข้าหอ งานแต่งมันค่อนข้างคล้ายกับการแต่งงานของคนจีนยุคก่อนจริงๆ
เทียนถังอ่านเสร็จก็ถึงยามค่ำแล้วจึงเข้านอนแต่เขานอนไม่หลับสักเท่าไหร่เพราะวันนี้มันรู้สึกว่างๆ “อืม.. ดูเหมือนว่ามาโลกนี้จะไม่ใช่เรื่องดีซะแล้ว!” เทียนถังบ่นกับตัวเองเพราะมาวันนี้เขาก็อดมีเซ็กแล้วเนี่ย! เทียนถังรู้สึกอยากกลับโลกเดิมเพราะไม่ได้มีเซ็กแค่คืนเดียวมันอาจจะเป็นเรื่องตลก แต่มันก็มีอยู่จริงๆ .
หลังจากพลิกตัวไปมาก็ลุกขึ้นนั่งบนเตียง “นอนไม่หลับ!!” เทียนถังบ่นออกมาหน้ามุ่ยหน่อยๆ ว่าแล้วเชียวไม่ได้ทำอะไรหนึ่งคืนนี่อยู่ไม่ได้จริงๆ เทียนถังคิดว่าน้องชายตัวเองต้องเหงาตายแน่ๆ หากไม่ได้มีอะไรละก็…
เทียนถังกัดฟันลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้า “เอาล่ะ งั้นไปทัวร์เมืองหลวงดีกว่า” เทียนถังกล่าวขณะกระโดดโลดเต้นกำลังจะเดินออกจากห้องแต่ขาก็หยุดชะงัก “เอ๋… เดี๋ยวสิเราไม่รู้จักทางในเมืองเลยนี่น่า..” เทียนถังคอตกเดินกลับมานั่งบนเตียง เขาเป็นถึงชายชาตรี หลงทางนี่ไม่เท่เอาซะเลย
ถึงจะตกหญิงได้แต่หลงทางนี่ก็หมดเท่พอดีสิ แต่ในขณะที่กำลังเสียใจนั้นเทียนถังมองไปผนังห้องก็เห็นแผ่นกระดาษแปะอยู่ในกระดาษนั้นมีแผนที่.. เป็นแผนที่ในเมือง “นั่นมัน!!” เทียนถังตาลุกวาววิ่งไปดูแผนมี่เมืองที่ละเอียดยิบ!
“ฮ่าๆ ๆ ๆ แผนที่! แผนที่ เจ้าคนเดิมฉัน.. เอ้ย ข้าขอบใจนายจริงๆ!” เทียนถังระเบิดหัวเราะอย่างพอใจมองไปยังกระดาษละเอียดอีกรอบนัยน์ตาลุกวาว ภายในแผนที่นั่นไม่เพียงมีเส้นทางอย่างดี มีกระทั่งทางหลบหนีออกจากเขตตระกูลอย่างเงียบ
สถานที่ที่มีสาวงามเยอะๆ โรงเตี๊ยมดีๆ เทียนถังมองดูแผนที่ละเอียดยิบนี้เหมือนเจ้าคนเดิมมันจะเขียนขึ้นเอง เทียนถังจึงแปลกใจต่อรายละเอียดที่ใส่มาอย่าประณีตตัวอักษรที่มันบรรจงเขียนลงนั้นเป็นตัวอักษรที่งดงาม
และที่สำคัญภาพแบบผังเมืองของมันนับว่าดูแล้วเข้าใจทันที เห็นได้ชัดว่ามันเก่งทางด้านจิตรกรอย่างชัดเจน เทียนถังยิ่งมองก็ยิ่งเห็นพรสวรรค์ทางด้านจิตรกรของมันจนเทียนถังพูดออกมาว่า “ก็ใช้ได้นะ…” แน่นอนถ้าผู้เชี่ยวชาญทางด้านแผนที่มาได้ยิน
ฝ่ามือคงจะบรรจงลงหน้าเทียนถังแน่นอนเพราะว่าแผนที่นี้มันยอดเยี่ยมมาก! “อื่ม.. จะว่าไปแล้วเจ้าคนเดิมมีเงินเก็บไหมเนี่ย.. ถ้าฉั— ข้าออกไปไม่มีเงินก็ไม่มีประโยชน์นี่หว่า!” เทียนถังคิดได้แบบนั้นก็เริ่มค้นห้องที่เป็นของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าเทียนถังนั้นได้คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าคนเดิมไปแล้ว
“เดี๋ยวสิ…” ค้นไปค้นมาเขาก็ตระหนักได้ “ไม่ๆ ข้าเป็นสุภาพบุรุษ ไม่เหมือนเยว่หยางนะ..” เทียนถังคิดว่าตัวเองต้องไม่ลอกเลียนแบบเยว่หยางเด็ดขาดเขาคิดว่า “ไม่เอาเดี๋ยวซ้ำ.. ไปขอยัยยักษ์หยุนไป๋ก็ได้..” เทียนถังตัดสินใจได้กำลังจะเดินออกจากห้องไป แต่นึกขึ้นได้ว่าตัวเองต้องแอบออกจากบ้านยามดึกนี่หว่า
เขาจึงได้แต่กัดฟันค้นห้องต่อ… หนึ่งชั่วโมง.. หนึ่งชั่วยาม… หลังจากผ่านมาแล้วชั่วยามหนึ่งดวงตาเทียนถังปรากฏเส้นเลือดฝอยแดงก่ำอยากจะแหกไปว่า “ไอ้สารเลวเทียนถัง!!!” ก็ค้นห้องแล้วไม่มีอะไรนี่หว่า อย่าว่าแต่เงินสักเหรียญเลยขนาดเศษเหรียญยังไม่มี!
“เอ็งเป็นถึงนายน้อยตระกูลใหญ่แต่ไม่เก็บเงินไว้สักเหรียญไม่รู้จักป้องกันตัวจริงๆ! หรืองกเก็บไว้กับตัวกันแน่ฟ่ะ! รวยขนาดนี้ยังจะงกอีกเรอะสารเลวเอ้ย!” เทียนถังด่ากราดในใจอยากจะทุบห้องทิ้งไม่หนำซ้ำเมื่อกี้เขายังเจอแมลงสาบเวอร์ชันต่างโลกอีกตั้งหาก เขาเกือบโดนมันกัด!
แม้แต่สมุดบันทึกสักเล่มยังไม่เลย แบบสมุดบันทึกเหมือนที่เยว่หยางเจอแล้วเปิดอ่านอดีตนี่คงจะดีไม่น้อย แต่นี่ไม่มีเลยนอกจากแผนที่โง่ๆ ด้วยอิทธิพลตระกูลสามารถสู้ได้เป็นภูเขา คนอะไรจะงกขนาดนั้น! เทียนถังเกลียดคนแบบนี้จริงๆ จังๆ โดยไม่มองดูตัวเองเลยว่า
ตัวเองนั้นรวยโคตรๆ แต่งกแม้แต่ลูกอมสักก้อนยังไม่ซื้อให้คนอื่นโดยไม่มีสาเหตุ.. “มีแต่ต้องไปขอยัยยักษ์นั่นเหรอ.. แต่ถ้าทำแบบนั้นคงโดนห้ามแน่ๆ ให้ตายสิ!” เทียนถังทำหน้าลำบากซึ่งมันดูน่าสงสารอย่างยิ่ง กล่าวได้ว่าคงไม่มีใครทำหน้าได้น่าสงสารเทียบเคียงเขา
“เฮ้อ .. ถ้างั้นก็ช่างมันเถอะ ออกไปเดินเล่นก็ดีกว่านอนก็ไม่หลับ!” เทียนถังกล่าวออกมาแบบนั้นก็ลุกขึ้นยืนเตรียมตัวออกไปด้านนอก.. ในขณะเดียวกันเหนือพื้นหลายร้อยจั้งมีร่างร่างหนึ่งยืนมองลงมาห้องเทียนถัง.. ภายใต้จันทราที่ไม่เต็มดวงใบหน้าของร่างนี้จึงไม่อาจจะประจักษ์ให้ทราบว่ามีรูปโฉมฉันใด
หากแต่มองจากรูปร่างสูงเพรียวสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบอาภรณ์สีขาวโบกสะบัดตามแรงลมเห็นได้ชัดว่าเป็นสตรี! เนินเขาสองลูกตั้งตระหง่านชัดเจนอย่างยิ่งยวด ผมเผ้าโบกตามแรงลมยามดึกด้านหลังมีคนสองคนยืนอยู่หากแต่ว่าคนสองคนนี้นั้นสามารถเห็นใบหน้าของพวกเขาได้
หนึ่งคือชายวัยกลางคน.. อีกหนึ่งคือสตรีที่มีรูปโฉมงดงาม ทั้งคู่สวมอาภรณ์สีขาวก้มหน้าให้กับสตรีที่ไม่ทราบโฉมเบื้องหน้าเห็นได้ชัดว่าพวกเขาเคารพนางอย่างมาก นางทอดสายตามองร่างเทียนถังอยู่ในห้องราวกับว่าความสูงและสิ่งกรีดขวางไม่มีผลแก่สายตาของนาง
“พวกเจ้าคิดว่ามีอะไรแปลกไปจากแต่ก่อน..” นางกล่าวขึ้นเบี่ยงหน้าไปด้านข้างเห็นชัดว่านางกำลังถามความเห็นคนทั้งสองเบื้องหลัง.. คนทั้งสองมองลงไปก่อนที่จะดึงสายตากลับมา.. ชายคนนั้นกล่าวว่า “ข้าคิดว่า.. ข้าได้กลิ่นอายปีศาจ.. ไม่สิ.. ถ้าจะกล่าวให้ถูกคือมาร จากความรุนแรงระดับนี้น่าจะเชื้อพระวงศ์ หรือบางทีอาจจะเป็นราชามาร”
ถ้าคำพูดนี้กล่าวให้คนในตระกูลฟังพวกมันคงหัวร่อ.. แต่ถ้ากล่าวให้พวกที่อยู่ระดับเดียวกับคนพวกนี้ฟังพวกมันคงปฏิเสธหัวชนฝาว่าไม่มีทางเป็นไปได้… “แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไร..” หลังจากพยักหน้าให้ชายคนนั้นเห็นชัดเจนว่านางก็คิดแบบนั้น ค่อยหันมาถามหญิงสาว
นางกล่าวตอบว่า “ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเทพ.. หรืออาจจะรุนแรงกว่านั้น.. อาจจะดูเกินเลยแต่ข้าคาดว่าเหนือกว่าท่านหลายขุม..” นางกล่าวอย่างนอบน้อมก่อนจะเสริม “ที่ข้าเห็นชัดเจนคือจากหมัดขวาของเขา..” นางกล่าวมาแบบนั้นสตรีนางนี้ไม่เพียงไม่โกรธแต่พยักหน้าให้
“ลูกชายของข้าทั้งๆ ที่ไม่มีทางที่จะมีพลังของเทพไฉนถึงจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมา แล้วไฉนถึงมีเศษเสี้ยวพลังด้านลบอยู่ด้วย… ไม่เพียงเท่านั้นข้ายังได้กลิ่นอายการข้ามมิติ..” นางกล่าวเรียบๆ หนึ่งสตรีหนึ่งบุรุษตะลึงงันไปชั่วครู่ ก่อนที่บุรุษหนุ่มจะกล่าว “หรือว่าจะมีคนปลอมตัวเป็นลูกชายของท่าน..”
นางส่ายหน้าเล็กน้อย “ถึงข้าจะสัมผัสถึงสายเลือดทางตงหลี่ไม่ได้ แต่สายเลือดทางข้ามันชัดเจนขึ้น.. เจ้าก็คงจะรู้ว่าในทวีปแห่งนี้ไม่มีใครปลอมแปลงสายเลือดของข้าได้… อีกทั้ง..” นางเงียบครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว “ต่อให้ปลอมแปลงก็ไม่มีทางที่จะหาคนที่มีรูปโฉมนิสัยทุกอย่างเหมือนกันราวกับคนๆ เดียวกันได้.. ถึงจะเสียความทรงจำแต่นั่นมันทำให้รู้ชัดเจนว่าเขาคือลูกชายข้าตัวจริง..”
นางกล่าวแน่นอนว่าหากมีคนสวมหน้ากากมีหรือจะหลุดพ้นจากสายตาของนางได้ นางรู้ว่านี่คือลูกนางจริงๆ ทั้งใบหน้าทั้งสายเลือดของนาง ในห้วงมิติเหมันต์แห่งนี้ คงไม่มีใครปลอมแปลงได้.. “ส่วนเรื่องกลิ่นอาย ข้าว่าลูกชายข้าคงได้วาสนาบางอย่าง.. ทั้งตอนนี้เขายังเข้าขอลบเขตขั้นที่หนึ่งแล้ว… ถ้าหากเป็นเขาตอนนี้.. ถ้าหากเข้าขอบเขตขั้นที่สอง.. ละก็..”
เมื่อนางกล่าวถึงมุมปากนางยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะโบกมือหนึ่งครั้ง ถุงเงินพุ่งตรงลงไปหน้าห้องเทียนถังและกล่าวกับสองคนด้านหลังว่า “พวกเจ้าไปคอยปกป้องลูกชายข้า..” ทั้งสองคนคำนับแล้วหายวับไปในทันที สตรีนางนั้นหันกายหายวับไปเช่นกัน
ในห้องหินภายในภูเขาเขตตระกูลเฟิง .. ร่างจองสตรีปรากฏขึ้นในห้องฝึกตนนี้.. เมื่อนางปรากฏตัวขึ้นมีชายคนหนึ่งรออยู่.. “เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคิดว่ามีอะไรแปลกไปหรืิอไม่ เจ้าได้เจอเขาหรือเปล่า” เสียงของชายคนนี้คือตงหลี่บิดาเฟิงเทียนถังนั่นเอง
“ไม่… บุตรของข้าก็คือบุตรของข้า เจ้าออกไปได้แล้ว” นางกล่าวเย็นชาแม้จะเป็นสามีภรรยากันและมีลูกด้วยกันก็ตามที.. แต่นั่นมันเพื่อบิดาของนางเท่านั้นเอง ถึงจะมีลูกด้วยกันแต่ก็เกิดขึ้นด้วยวิธีการพิเศษบางอย่างของบิดานาง นางคิดว่าครั้งแรกของนางต้องมอบให้กับชายที่รักเท่านั้น
“ข.. ข้าเข้าใจแล้ว” ตงหลี่กล่าวก่อนจะหันกายกลับไปแต่ตอนนั้นเองเขาก็หยุดลงและกล่าวว่า “พวกเราก็แต่งงานกันมามากกว่ายี่สิบปีแล้ว.. เจ้าไม่..” ก่อนที่ตงหลี่จะกล่าวจบเสียงเย็นชาจองสตรีนางนั้นพลันดังขึ้น “หุบปาก!” นางตะคอกใส่หนึ่งครั้ง
หากแต่คลื่นพลังความเย็นกระแทกใส่ตงหลี่กระเด็นออกจากห้องฝึกตนทันทีพร้อมกระอักเลือดคำโต.. ถ้าหากว่ามีคนเห็นคงตะลึง.. เพราะว่าชายคนที่แกร่งที่สุดในอาณาจักรถูกตะคอกใส่เพียงหนึ่งครั้งก็หน้าซีดเผือดเปลี่ยนสี.. แม้แต่ปราณคุมร่างก็เหมือนกับไม่มีอยู่
เขาลุกขึ้นเช็ดเลือดมุมปากก่อนจะถอนหายใจยาวออกมา เสียงนางตามมาด้วยว่า “ถ้าหากพระบิดาข้าไม่บังคับข้า และไม่ใช่เพราะถังเอ๋อร์ข้าไม่มีทางมาอยู่ที่นี่ อย่าเข้าใจสถานะตนเองผิดไป!” ทำให้ตงหลี่ถอนหายใจออกมาอีก…
เขาเดินจากไปห้องฝึกตนภายในภูเขาก็ปิดลงข้างในห้องเงียบสนิทและมืดก่อนที่สตรีนางนั้นจะจุดไฟในตะเกียง แสงสลัวๆ สาดส่องใส่ใบหน้าของนางปรากฏขึ้นในจักษุสายตา นางมีผิวที่ขาวดุจหิมะใบหน้าที่ราวกับออกแบบมาอย่างประณีต ปากนางเปิดออกพึมพำ “เมื่อไหร่เจ้าจะปรากฏตัวเจ้าให้ข้ารอมายี่สิบปีแล้วนะ….”
ทางด้านเทียนถัง เปิดประตูออกมาเขาเจอถุงเล็กๆ ถุงหนึ่งเขาแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะหยิบขึ้นมาเปิดดูพอเห็นก็ตะลึงงันข้างในมีเหรียญทองราวๆ 20 เหรียญได้ ถึงเทียนถังจะไม่รู้ว่ามันมากขนาดไหนแต่เขาก็รู้ว่ามันเยอะ.. แน่นอนว่าปริมาณขนาดนี้ครอบครัวยากจนอยู่ได้เป็นปี
“หือ..นี่มันเงินของใครละเนี่ย…” เทียนถังพูดออกมาก่อนจะวางมันไว้ที่เดิมและพูดว่า “เหอะ ถึงจ้าจะถังแตกไม่มีเงินสักเหรียญแต่ข้าไม่คิดที่จะหยิบเอาเงินที่คนที่หล่นไว้หรอก..” เทียนถังพูดออกมาแบบนั้น เดินจากไป.. คนสองคนที่แอบมองอยู่ที่ห่างไกลแสดงสีหน้าชื่นชมออกมา
หนึ่งก้าว.. สองก้าว.. สามก้าว.. ห้าก้าว.. สิบก้าว.. หลังจากก้าวไปได้สิบก้าวเทียนถังหันหลังกลับมาเก็บเอาถุงเงินและกล่าวว่า “นี่มันเขตห้องข้าเงินนี้ก็ต้องเป็นของข้าสิ ฮ่าๆ” เทียนถังเก็บเงินใส่ถุงและผิวปากเดินสบายใจ.. คนสองคนที่แอบดูอยู่คิ้วกระตุกทันที เมื่อกี้เขาอุตส่าห์ชื่นชม..
“ถ้าข้าไม่เอาก็คงไม่มีคนเอาละนะ เท่ากับว่าเงินมันเสียเปล่า เงินตั้งขนาดนี้ถ้าถูกทิ้งถูกขวางแบบนั้นเสียดายออกถือว่าข้าใช้แทนละกัน” เทียนถังยังสรรหาคำมาปลอบตัวเองว่าตัวเองยังเป็นสุภาพบุรุษ.. ขณะแอบย่องออกจากบ้านด้วยเส้นทางตามเทียนถังคนเดิมทำไว้
เขาลัดเลาะออกไปใช้เวลากว่าครึ่งก้านธูปในที่สุดก็หลุดออกมานอกกำแพงตระกูล “ฮ่าห์!!” เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด่ากราดว่า บ้านอะไรจะใหญ่ขนาดนั้นใช้เวลาตั้งนานกว่าจะออกมาได้!
ที่ปรากฏต่อจักษุสายตาเขาคือเมืองที่มีแสงประดับประดางดงามแผงลอยยามกลางคืนควรจะเงียบหากแต่มันตรงกันข้ามมันครึกครื้นกว่าตอนกลางวันเสียอีกนัยน์ตาเทียนถังลุกวาวด้วยความสนใจเขาอยากจะลองสัมผัสอากาศแบบนี้มานานแล้ว
เทียนถังเดินไปตามทางเห็นแผงลอยหลากหลายกลิ่นหอมของอาหารทอดปิ้งข้างถนนลอยเตะจมูกเทียนถังเดินไปร้านแผงลอยร้านหนึ่งมันขายอาหารปิ้ง.. มันเขียนไว้หน้าร้านว่า “ปิ้งหมูป่างวงช้าง” กลิ่นมันหอมแตะจมูกรสชาติน่าจะจัดจ้านน่าดู
เทียนถังไม่เคยกินอาหารแผงลอยมาก่อนในโลกเดิม ถึงเขาจะอยากแต่แม่เขาไม่ให้กินเพราะว่ากลัวมันไม่ดีต่อสุขภาพ เทียนถังจึงอดแต่เขาจะกินให้ดูตอนนี้ล่ะถึงจะไม่รู้ว่าหมาป่างวงช้างคืออะไรแต่กลิ่นหอมมาก เทียนถังถาม “ขายยังไง” เขาไม่พูดเยอะเจ็บคอ
ชายที่ขายของหันมามองเทียนถัง หัวจรดเท้าก่อนจะพูดมาว่า “ไม้ละหนึ่งเหรียญทอง” เทียนถังอุทานออกมาว่า “ห๊า?” เขางงจริงราคาทำไมสูงจังถ้าสามไม้หนึ่งเหรียญเขาก็จะไม่คิดว่ามันโกงเลยแท้ๆ
“ขายแพงไปไหม เจ้าคิดจะโก่งราคากันหน้าด้านๆ แบบนี้เหรอ ข้าไม่โง่นะเว้ย!” เทียนถังพูดขึ้นมา ชายขายแผงลอยพูดขึ้นทันทีว่า “งั้นสามไม้หนึ่งเหรียญทอง” มันพูดขึ้นง่ายๆ เทียนถังเข้าใจทันทีว่าจริงๆแล้วมันถูกกว่านี้ แต่เขาก็ต่อรองไม่เป็นซะด้วย
จึงหยิบเหรียญทองออกมากำลังจะยืนให้ แต่ในตอนนั้นเอง มีมืออันนุ่มนวลจับแขนเทียนถังไว้ เซนเซอร์ตรวจจับเทียนถังเผลอคิดไปว่าเป็นผู้หญิงแต่เสียงที่ดังมากลับเป็นผู้ชายกล่าวว่า “เดี๋ยวสิ เจ้าพ่อค้าจะโก่งราคามากเกินไปกับหนุ่มคนนี้เกินไปไหม หมูป่างวงช้างปิ้งของเจ้าสูงสุดก็แค่สองไม้ต่อเหรียญเงินเท่านั้น”
“!!!!” เทียนถังตะลึงไม่คิดว่ามันจะโก่งราคาขนาดนี้