บทที่ 13 เฟิงรั่ว
เล่มที่ 01 บทที่ 13 : เฟิงรั่ว
ถึงเทียนถังและหยุนไป๋จะอยู่ด้วยกันแต่มันรู้ดีว่าอย่างหยุนไป๋นั้นเป็นราวกับเทพธิดาไม่มีทางที่นางจะชอบขยะเช่นเทียนถัง ในตอนที่เห็นนางเย็นชาใส่มันคิดว่าเป็นเพราะเทียนถังรบกวนนาง แต่มันไม่คิดว่าพวกเขาทะเลาะกัน ทั้งตอนนี้ยังทำให้ดูเหมือนคู่รัก
มันเข็ดเขี้ยวฟัน มันเป็นถึงอัจฉริยะรุ่นเยาว์แห่งตระกูลเฟิง เฟิงหยู! ถึงมันจะไม่โดดเด่นสุดในตระกูลเฟิง แต่ว่ามันก็อยู่ในขอบเขตขั้นที่สองลมปราณเป็นสุดยอดอัจฉริยะไม่คิดว่าตัวเองด้อยกว่าขยะที่ไม่ฝึกลมปราณเทียนถังเลยแม้แต่น้อย มันเริ่มมีความรู้สึกแปลกๆ เข้ามา..
หรือว่าพวกมันจะมีความสัมพันธ์อะไรกัน.. เฟิงหยูเข็ดเขี้ยวฟันแอบมองด้วยความโกรธความจริงมันอยากจะพุ่งไปฉีกร่างเทียนถังตอนนี้ด้วยซ้ำ แต่ถ้ามันเข้าไป มันนั่นแหละจะถูกหยุนไป๋ฉีกร่างทิ้งเอา
ทางด้านเทียนถังก็กล่าวว่า “ข้าเพียงแค่แตะหน้าอกท่านมิใช่หรือ ท่านทำไมถึงต้องเย็นชาใส่ข้า!” เสียงเทียนถังไม่เบาและก็ไม่แรงมาก หยุนไป๋อายแทบแทรกแผ่นดินหนีนางขบด่าในใจ “เจ้ากล้าพูดว่า ‘แค่’ เนี่ยนะ!” แต่นางกล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้วรีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้”
นางกล่าวไม่กล้ามองหน้าเทียนถัง … เทียนถังยิ้มมุมปากและกล่าวอย่างเป็นนัยๆ “อ่อ ข้าเข้าใจแล้วท่านไม่มั่นใจนี่เอง ไม่มั่นใจว่าหน้าอกของตัวเองเลิศสินะ พอโดนข้าจับก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ!” หยุนไป๋หน้าแดงจัดอยากจะฉีกเทียนถังทิ้งที่เอาเรื่องนี้มาอ้างในตอนนี้
“ข้าไม่ได้…” หยุนไป๋กล่าวอย่างลำบาก แต่เทียนถังกล่าวขัด “หึๆ ถ้าไม่ได้ไม่มั่นใจก็ไม่เห็นต้องโกรธเลยจริงมั้ย” หยุนไป๋ได้แต่พยักหน้า ในที่สุดเทียนถังก็ปล่อยนาง นางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก… แต่ในตอนนั้นเองนางพลันรู้สึกถึงสายตาเฟิงหยู
นางจึงหันไปส่งจิตสังหารรุนแรงใส่จนเข่ามันอ่อนทรุดลงกับพื้นเป็นการขู่ที่ว่าหากเรื่องที่ได้ยินแพร่งพรายออกไปเอ็งตาย! ประมาณนี้อย่างแน่นอน จากนั้นพาเทียนถังเดินต่อ …
เฟิงหยูตาค้างขาสั่นมันตะลึงตั้งแต่เทียนถังบอกว่าแตะหน้าอกหยุนไป๋.. ผ่านไปสักพักมันเข็ดเขี้ยวฟัน “คอยกันเถอะ ไอ้ขยะโสมมข้าจะฆ่าแกเอง.. นังผู้หญิงแพศยานั่นก็ด้วย เหอะข้าอุตส่าห์เสียเวลาตั้งนาน!” แน่นอนว่าสิ่งที่มันคิดนั้น ใครๆ ก็คงเดาออก!
บิดาของมันคือผู้อาวุโสลำดับ 5 ของตระกูลเฟิงผู้มีความแข็งแกร่งขอบขั้นที่ห้าลมปราณ ในตระกูลเฟิงมีเพียงแค่ไม่กี่สิบคนเท่านั้น แน่นอนว่ามันไม่ทราบเรื่องที่หยุนไป๋ฆ่าขอบเขตขั้นห้าง่ายเหมือนปลอกกล้วย เพราะเรื่องที่ว่าหยุนไป๋ในปัจจุบันแข็งแกร่งถึงขอบเขตขั้นหกนั้นมีเพียงผู้อาวุโสระดับสูงเท่านั้น
เฟิงหยูย่อมไม่รู้เรื่องดังกล่าว
ขณะนั้นทางด้านเทียนถังกับเฟิงหยูเดินไปอีกสักพักก็มาถึงห้องหนึ่ง.. ไม่สิมันคล้ายสวนส่วนตัวมากกว่าขอบเขตบริเวณห้องค่อนข้างกว้างมีกระทั่งสวนภายในเขตห้องแสงอาทิตย์สาดส่องเทียนถังต้องแปลกใจอีกครั้งต่อการออกแบบห้องสุดหรูสไตล์แหวกแนว
แต่ในตอนนั้นสายตาเขาไปชะงักอยู่ตรงทางเดินเพราะเขาเห็ยร่างร่างหนึ่ง นางเป็นสตรีดูอายุพอๆ กับเทียนถังหากแต่บรรยากาศรอบตัวอ่อนโยนมาก นางมีผมสีดำยาวสลวยผมงดงาม ไม่สูงไม่เตี้ยจนเกินไปมีหน้าอกที่ไม่นับว่าใหญ่และไม่นับว่ากระดาน
สวมอาภรณ์สีขาวผสมกับผิวพรรณที่ขาวประดุจไข่มุกจากทะเลที่ไร้ที่ติของนางทำให้งดงามหาที่เปรียบเทียนถังเปิดปากกว้างออก “นางคือใคร!?” เทียนถังนึกไม่ออกว่าหยุนไป๋เคยเล่าให้เขาฟังว่านางเป็นใคร แต่อย่างไรนางก็งดงามหยุนไป๋ไม่มีทางลืมที่จะเล่าเรื่องของบุคคลสำคัญแน่ๆ!
หยุนไป๋เห็นท่าทีของเทียนถังก็รู้สึกแปลกๆ เล็กน้อยสายตาที่มองหญิงสาวคนนั้นไม่ใช่สายตามองญาติสายเลือดเดียวกันเลยแม้แต่น้อยนางได้แต่กุมหน้าผากคิดว่า “เจ้านี่ เสียความทรงจำเหมือนจะไม่เป็นผลดีสินะ” เพราะง่านางรู้สึกว่าหากไม่กล่าวบอกอย่างละเอียดมันคงจับลูกพี่ลูกน้องมันขึ้นห้องแน่ๆ
“นางคือ เฟิงรั่ว ข้ายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ นางคือหนึ่งในสี่สาวงามแห่งอาณาจักร ถึงเห็นแบบนั้นนางก็งามอันดับสองเลยนะ.. อีกอย่างการฝึกปรือของนางก็พึ่งจะบรรลุขั้นสองระยะต้นไม่นานมานี้เองนับว่ามีพรสวรรค์ นางคือลูกสาวของพี่ชายของพ่อเจ้า ถึงจะไม่มีสิทธิชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลเนื่องจากพ่อของนางเกิดจากท่านปู่ของเจ้าและภรรยาน้อยก็ตามที”
นางกระซิบแผ่วเบาเทียนถังพยักหน้า .. ตอนแรกเขาคิดว่าในโลกนี้จะสามารถมีภรรยาได้มากกว่าหนึ่งซะอีกแต่เขาคิดผิดเพราะฟังว่าลูกที่เกิดจากภรรยาน้อยไม่มีสิทธิสืบทอดราชวงศ์ตระกูลเนี่ยทำให้เขาเข้าใจแบบนี้
แต่ใครจะรู้อันที่จริงเป็นเพราะปู่เทียนถังนั้นไม่ได้จะมีลูกกับผู้หญิงคนอื่นเลยเพราะเขารักภรรยามาก หมายความว่าที่เป็นภรรยาน้อยนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ .. แน่นอนว่าโลกแห่งนี้สามารถมีภรรยาได้มากกว่าหนึ่งอยู่แล้ว
“อันที่จริงเรื่องนี้เป็นความลับนะ” นางกล่าวต่ออีกหน่อยเทียนถังพยักหน้าไม่แปลกใจโชคดีที่เข้าใจสถานการณ์หมายความว่านางเป็นลูกพี่ลูกน้องเขาน่ะสิ.. “จะว่าเถอะใครสนกันละ” เทียนถังคิดเพราะว่าตัวเขาไม่ใช่เฟิงเทียนถังคนเดิมสักหน่อย ขนาดมารดาของเฟิงเทียนถังเขายังสามารถทำลูกได้โดยไม่ผิดศีลธรรม!
เทียนถังจ้องมองอย่างสนใจไปที่เฟิงรั่วและในตอนนั้นเองเฟิงรั่วก็หันมาเห็นเทียนถังนางแสดงสีหน้าตะลึงออกมา.. ก่อนจะเรียกสติและวิ่งเข้าหาเทียนถังอย่างรวดเร็วก่อนจะกอดเทียนถัง จนเทียนถังแสดงสีหน้างุนงงออกมา “เทียนถัง ในที่สุดเจ้าก็ได้กลับมาตระกูลใหญ่แล้วสินะ! ในที่สุดท่านปู่ก็ชนะเจ้าพวกอาวุโสงี่เง่าสินะข้าคิดถึงเจ้ามากเลย!!!”
เทียนถังตะลึงลานดูเหมือนว่าหยุนไป๋จะตั้งใจไม่เล่าเรื่องของนางสินะเนี่ย… เทียนถังมองไปยังหยุนไป๋.. “อันที่จริง…” เทียนถังกำลังจะอธิบายจริงๆ แล้วไม่ได้พากลับมาแต่พากลับมาแต่งงานตั้งหาก.. ทว่าหยุนไป๋ก็เหมือนจะพยายามหยุด
แต่ว่าไม่สำเร็จ “ข้าถูกพามาที่นี่เพราะต้องไปแต่งงานน่ะสิ…” เทียนถังพูดออกไปแบบนั้นแต่เมื่อมันเข้าสู่โสตประสาทของเฟิงรั่วนางตะลึงงัน… ก่อนที่จะส่งเสียงร้องไห้ออกมาน้ำตาไหลนองใบหน้า เทียนถังคิ้วกระตุกเขาเข้าใจผู้หญิงดี.. แต่มามุขนี้เขาก็ไม่เข้าใจนะเอ่อ..
หยุนไป๋ถอนหายใจและส่ายหน้าก่อนจะบอกว่า “เอาล่ๆ กบับเข้าห้องก่อน เดี๋ยวข้าจะอธิบายให้เอง” พอได้ยินหยุนไป๋พูดแบบนั้นเทียนถังด่าทอในใจว่ายัยนี่จะบอกก็ไม่บอกให้หมดทำตัวมีลับลมคมใน! “เดี๋ยวเถอะบิดาจะเปิดโปงทั้งจิตใจและร่างกายเธอให้ได้เลยคอยดู” เทียนถังคิด
หลังจากนั้นการพล่ามของหยุนไป๋ก็เริ่มขึ้นแต่มันทำให้เทียนเข้าใจตัวเองมากขึ้น เอ่อ ถ้าจะพูดให้ถูกคือ เจ้าคนก่อนนั่นล่ะ… หยุนไป๋นางอายุ 18 ปี เป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ยากที่จะพบเจอ แต่นางมีจิตใจที่อ่อนโยนไยดีเอื้อเฟื้อ
แม้นางจะไม่ใช่หลานที่ต้องการของปู่เทียนถังแต่เขาก็ยังภูมิในสายเลือดเชื้อไขของตัวเองอยู่มาก แต่ทั้งนี้มีคนในตระกูลต่างไม่ชอบนางมีเยอะมากถึงจะไม่เท่าพวกที่เกลียดชังขยะเช่นเทียนถังแต่ก็ยังมีเยอะพอสมควร ทว่าด้วยอิทธิพลคำว่าอัจฉริยะของนางและบิดานางทำให้กลายเป็นเสาหลักตระกูล
ถึงบิดานางจะไม่แข็งแกร่งเทียบเทียมเฟิงตงหลี่ แต่ทว่าก็นับว่าอัจฉริยะยากที่จะพบเจอ.. อย่างไรก็ตามด้วยความงดงามของนางมีคนชอบพออยู่ไม่น้อยแม้กระทั่งผู้เยาว์ในตระกูลยังเคยคิดที่จะขืนใจนางเลยด้วยซ้ำ
แต่เทียนถังคนเดิมถึงจะชั่วช้าก็ไม่คิดที่จะมีอะไรกับคนในสายเลือดอยู่แล้วถึงสายเลือดจะเบาบางแต่ก็ยังเป็นสายเลือดจากปู่ของเทียนถังเทียนถังในสมัยเด็กจึงคอยปกป้องนางเวลาถูกรังแกบ่อยๆ เทียนถังจึงคล้ายพี่ชายนางมาก
หยุนไป๋นั้นรู้เรื่องราวทั้งหมดเลยสาธยายออกมาจนหมดเปลือก เทียนถังรู้สึกขนลุกคิดว่ายัยนี่น่ากลัว.. เฟิงรั่วนั้นคิดว่าที่เทียนถังแต่งงานนั้นต้องเป็นเพราะถูกบังคับอย่างแน่นอนซึ่งท่านปู่ไม่มีทางบังคับหมายความว่าก็ต้องเป็นพวกผู้อาวุโสกดดัน
ด้วยนิสัยเทียนถังนางย่อมรู้ดีว่ามันไม่อยากจะแต่งงานดังนั้น หญิงสาวงดงามนางนี้จึงร้องไห้เพื่อเทียนถัง นางเองก็มองเทียนถังเป็นเหมือนพี่ชายที่แสนจะสำคัญที่สุดรองจากบิดาและมารดา เรื่องที่ว่าเทียนถังมีคู่หมั้นนั้นปิดนางมาตลอด อันที่จริงในวันนี้นางสมควรจะเข้าถ้ำฝึกตนอยู่
และเข้าถ้ำก็ใช้เวลามากกว่าเดือนพอแบบนั้นงานต่างๆ ก็จบลงเทียนถังก็กลับไปหมดแล้ว แต่ทว่านางกลับไม่ได้อยู่ในถ้ำเหนือการคาดการณ์ของพวกผู้ใหญ่.. อันที่จริงจะให้เทียนถังบอกว่าเป็นความต้องการของเขาเอง ให้นางสงบลงก็ได้
แต่ก่อนหน้านั้นคิดว่าเทียนถังจะพูดเหรอ.. ไม่เลย.. ตอนนี้ถึงจะกล้าพูดแต่มาบอกให้เฟิงรั่วรู้กะทันหันคงไม่ดีเหมือนกันดังนั้นจึงวางแผนอย่างช่ำชอง.. แต่ก็พังไม่เป็นท่า และเมื่อเฟิงรั่วรู้ว่าเทียนถังเสียความทรงจำนางมองเทียนถังด้วยสายตายากจะเข้าใจ
เรื่องที่เทียนถังเสียความทรงจำไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปกปิดนางนั่นเอง… ก่อนที่จะคุยกันอีกสักพักแต่เห็นได้ชัดว่าบรรยากาศแตกต่างเพราะว่าเฟิงรั่วคิดว่าเทียนถังนี่ไม่ใช่เทียนถังเดิมเขาเสียความทรงจำไปแล้ว
นางจึงค่อนข้างตรึงเครียดเกินไปหน่อย.. หลังจากนั้นหยุนไป๋ก็ออกจากห้องไปเทียนถังถอนหายใจในห้องขบคิดว่า.. “เมื่อไม่กี่วันก่อนข้ายังเป็นแค่คนธรรมดา.. แต่ทำไมตอนนี้ข้าถึงกลายเป็นถึงผู้ฝึกตนไปซะแล้ว..”
หวนนึกถึงวันเก่าๆ ทำให้เทียนถังรู้สึกแปล๊บๆ ในใจไม่ได้ในโลกที่มีอยู่ตัวคนเดียวญาติหรือคนรู้จักไม่มี มาอยู่ในโลกที่ไม่รู้จัก มันน่าหวาดกลัวมากเป็นความรู้สึกราวกับว่าบนโลกใบนี้มีแค่ตัวเองคนเดียวที่ยังคงอยู่ นึกถึงคู่หมั้นของเขายิ่งทำให้โหยหาบ้านอีก…
“กงรั่ว.. พ่อ.. แม่.. ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้ผมมาอยู่ในโลกที่ไม่รู้จักแล้วนะ…” เทียนถังพึมพำในจิตใจ ถึงเขาจะเก่งกว่านี้แต่เมื่อรู้สึกโดดเดี่ยวนั้นก็เป็นเรื่องปกติหากเจอสถานการณ์แบบเดียวกับเขา ภาพกงรั่ว..สะท้อนขึ้นมาในใจ ก่อนจะตามมาด้วยพ่อที่บ้าพลัง
และแม่ที่คอยเตือนตัวเองว่า “ลูกต้องห้ามขาดสติไม่ว่าจะอยู่ที่ไหยน” เป็นเหมือนคำพูดติดปากที่แม่ของเขาพูดกับเขาบ่อยครั้งเทียนถัวเองย่อมไม่เข้าใจมากนักหรอกแต่เขาก็เชื่อฟังคำแม่มาก.. ก่อนที่จะมีภาพเงาของหญิงงามคนหนึ่งซ้อนทับลงมาเป็นคนที่สี่… ปากพึมพำออกมาว่า “หลินเยว่… ผมในตอนนี้มาอยู่ในโลกที่เธอโหยหาแล้วนะ..”
ความเงียบเข้าปกคลุมเมื่อชายหนุ่มกล่าวถึง หลินเยว่ เห็นได้ชัดว่าเป็นชื่อสตรี .. “และก็เคยสังหารคน..” ปากพึมพำแผ่วเบาสุดหยังนี่อาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เทียนถังฆ่าคนเพราะเขาบอกกับตัวเองว่าจะไม่ฆ่าคน..
เอาล่ะนะครับ คงจะตกใจกันว่าทำไมพระเอกใจอ่อนอยังงี้ แต่อย่าพึ่งแปลกใจกันไปครับ พระเอกก่อนหน้านี้คือคนธรรมดา ธรรมดาโดยสิ้นเชิง
เป็นธรรมดาที่จะตื่นกลัวในการสังหารคน… แต่ แต่ แต่… พระเอกของเราเก่งขึ้นแบบบัตรทรู.. แต่ไม่ฆ่าคนแล้วมันก็กระจอกอยู่ดีไม่ใช่เหรอ?
อ๊ะ อ๊า ถ้าอย่างนั้นแล้วพระเอกจะทำยังไงถึงจะเริ่มฆ่าคนหว่า… แน่ะ งี้ต้องมีสถานการณ์บังคับสินะ ฮ่าๆ