บทที่ 12 ตระกูลเฟิง
เล่มที่ 01 บทที่ 12 : ตระกูลเฟิง
หลังจากนั้นไม่นานรถม้าก็มาหยุดอยู่หน้าปราสาทจีนยุคโบราณมีกำแพงสูงราวๆ 1.5 – 2 เมตรได้ ส่วนกำแพงก็ค่อนข้างหนาก็กำแพงจีนยุคเก่าที่พบเจอได้บ่อยๆ ตามหนังกำลังภายในนั่นแหละ เทียนถังเดินลงมาจากรถม้าปากก็เปิดกว้างออกอย่างช่วยไม่ได้
มันใหญ่โตมโหฬารจริงๆ กำแพงทอดยาวไปไกลมากแม้จะไม่อยู่ใจกลางเมืองแต่มันอยู่แถวๆ ทิศตะวันออกของเมือง มันกินพื้นที่ไปเยอะมากบ้านเรือนข้างๆ เป็นเหมือนตัวประกอบประดับให้ภาพสวยเฉยๆ ไปเลย หน้าประตูทางเข้าตระกูลมียามยืนเฝ้าอยู่ในมือถือหอกยาว
เทียนถังเองก็ทราบมาว่าตระกูลเฟิงฝึกวิชายุทธ์ด้านหอกเป็นหลักและฝึกวรยุทธ์ธาตุลมเป็นหลักเขาจึงไม่แปลกใจมากก่อนที่หยุนไป๋จะลงตามหลังมา… ไม่นานก็มีชายวัยกลางคนหน้าตาหล่อเหลาเดินออกมาพร้อมกับชายชราอีกหนึ่งคนหน้าตาทั้งสองดูคล้ายกันมาก แถมหล่อมากอีกด้วย
ว่าก็ว่าเถอะเหมือนเทียนถังเอง แน่นอนว่าทั้งสองคือบิดาและปู่ของเทียนถังเองเดินมาหาเทียนถัง “ในที่สุดเจ้าก็มาถึงเสียที ฮ่าๆ” เสียงของชายชราดังขึ้นเดินมาเขาคนนี้มีชื่อว่า เฟิงหลง เป็นปู่ของเทียนถังแน่นอนว่าเทียนถังมันทราบทันทีที่เจอ เพราะหน้าตาหล่อเหลาคล้ายกับตัวเอง
และจากที่ได้ฟังหยุนไป๋ด้วย เทียนถังทำหน้าสับสนเล็กน้อยไม่รู้จะตอบอย่างไรดี “ท่านพ่อพาถังเอ๋อร์เข้าบ้านก่อนสิ ถังเอ๋อร์เดินทางมาไกลคงจะเหนื่อย” ชายวัยกลางคนกล่าวขึ้นเขาคือ เฟิงตงหลี่ บิดาของเทียนถังนั่นเอง
“นั่นสิ ฮ่าๆ แล้วภรรยาของเจ้าหายไปไหนเล่า เห็นบ่นว่าอยากเจอลูกชายไม่ใช่หรือ?” เฟิงหลงกล่าวขึ้น “นางบอกว่าจะมาหาถังเอ๋อร์ยามดึกน่ะ!” ทั้งสองคุยกันในขณะที่ลากเทียนถังเข้าปราสาทตระกูลโดยไม่สนใจไยดีอะไรเทียนถังก็เงียบไม่กล่าวอะไรเดินตามหลัง
เมื่อเดินผ่านกำแพงมาภายในตระกูลมีบ้านยาวระเบียงเดินยาว เอาจริงๆ มันก็เหมือนในนิยายจีนนั่นแหละแต่พอเทียนถังมาสัมผัสพบเจอด้วยตนเองเขาอดที่จะแปลกใจไม่ได้ เพราะมันแปลกตาอยู่พอสมควร หลังจากนั้นพวกเขาพาเทียนถังเดินไปตามระเบียงและพูดคุยไปด้วย แน่นอนว่าทั้งคู่รู้เรื่องที่เทียนถังเสียความทรงจำแล้ว
หยุนไป๋เองก็ยังไม่ได้กล่าวถึงเรื่องลอบโจมตี เดินมาสักพักก็มาถึงห้องนั่งเล่นที่ประดับไปด้วยสิ่งของต่างๆ ดูแปลกตาเทียนถังแปลกใจเพราะว่าในหนังจีนบางเรื่องก็ไม่ใช่แบบนี้ มันพิสูจน์ให้เขาเห็นว่ามันต่างกันแต่โดยรวมแล้วก็ใกล้เคียงกันเกือบๆ 60>#/p###
หลังจากนั้นที่นั่งลงก็มีคนเอาน้ำชามาวางให้เป็นสตรีเทียนถังแปลกใจเล็กน้อยถึงจะบอกว่าเป็นแค่คนรับใช้ทั่วไปแค่เฉลี่ยความงามแล้วจัดได้ว่าสวย ถึงจะไม่สวยงามไร้ที่เปรียบแต่ก็เรียกได้ว่างดงาม เพียงแต่เทียนถังรู้สึกแปลกๆ กับสายตาของคนรับใช้ ไม่รู้สิมันให้อารมณ์เหมือนพวกเขามองขยะ
เทียนถังด่าทอในใจว่า “เว้ย ข้าเป็นนายน้อยนะเว้ย!” เทียนถังอยากจะตบหน้านางสักครั้งจริงๆ ถึงจะไม่คิดจะทำร้ายผู้หญิงก็เถอะพอหยุนไป๋เห็นท่าทีเทียนถังนางจึงกระซิบที่หูว่า “เป็นปกติที่พวกคนในตระกูลหลักจะดูถูกเจ้า เพราะไม่ฝึกปราณ ต่างจากตระกูลสาขาที่ต้องคอยเกรงใจคนตระกูลหลักเช่นเจ้า มันเลยต้องเคารพเจ้า”
เทียนถังพยักหน้าพลางคิดว่า “อืม ถ้าแบบนั้นอยู่ตระกูลสาขาก็สบายกว่าสิ นั่นสิ ไม่เห็นจะต้องมาสถานที่แบบนี้เล๊ย” แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดในสิ่งที่คิดออกมา เทียนถังลอบมองเฟิงตงหลี่บ่อยครั้งแต่เหมือนเขาจะจับผิดตัวเขาไม่ได้เลย ทำให้เขาโล่งอก
“เอาล่ะ ไหนเจ้าเล่ามาหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้น” เฟิงหลงกล่าวหันหน้าไปหาหยุนไป๋ “ถูกลอบโจมตีจากพวกกลุ่มหงส์เพลิง ไม่ทราบว่าใครจ้างพวกมันมา” หยุนไป๋ตอบอย่างนอบน้อม “แล้วทำไมเจ้าถึงไม่จับมันมาถามไถ่ล่ะ” เฟิงตงหลี่กล่าวขัดขึ้นก่อน
“คือ…” และหยุนไป๋ก็อธิบายเรื่องขึ้นเริ่มตั้งแต่ถูกโจมตีจนถึงตอนจบเทียนถังทำหน้าเหมือนส่วนเกินไม่พูดอะไรเยอะกลัวโดนจับผิดว่าตัวเองเป็นตัวปลอมเขาจึงเลี่ยงที่จะพูด หลังจากทั้งสองคนได้ยินเรื่องราวทั้งหมดก็ลุกขึ้นยืนพร้อมตะโกนพร้อมๆ กัน “ว่ากระไรนะ!”
“เทียนถังเข้าสู่ขอบเขตขั้นที่หนึ่งแล้ว!” หยุนไป๋กล่าวยืนยันแม้แต่ตัวนางที่เห็นเทียนถังมีพลังขอบเขตขั้นที่หนึ่งยังตกใจไฟไหม้ เฟิงหลงและตงหลี่หันมามองเทียนถังใบหน้าเปี่ยมน้ำตาก่อนจะกระโดดกอดเทียนถัง “ใน.. ในที่สุดเจ้าก็ยอมฝึกสินะ!”
ตงหลี่กล่าวพลางดีใจ “นั่นสิ! ในที่สุดเจ้าก็ยอมฝึกที่บอกว่าไม่สนใจเพราะกลัวไม่ได้มีอะไรกับสาวๆ เนี่ยโกหกจริงๆ สินะ ในโลกนี้คงไม่มีคนโง่ขนาดนั้นหรอก หลานข้าแอบฝึกทั้งยังไม่ใช้ทรัพยากรจากตระกูลด้วย อ๊าา ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ”
คิ้วเทียนถังกระตุกเล็กน้อย.. “ไม่มีเรอะคนแบบนั้นที่ว่า ก็มีอยู่นี่ไงแถมสองคนอีกตั้งหากข้าคนเก่าและปัจจุบันก็สองหัวไม่ใช่หรือไง! แถมยังมาว่าโง่อีกตาแก่นี่หาเรื่องสินะเว้ย!” เทียนถังด่ากราดในจิตใจหากแต่ใบหน้ากลับแสดงสีหน้าเขินอายออกมาตามสภาพการณ์นี้
ทำให้คนอื่นคิดว่าเขาเขินอายที่ถูกชมจึงรู้สึกชื่นชมเทียนถังเข้าไปอีก “ว่าแต่คนในโลกนี้มันไม่คิดสงสัยว่าข้าเป็นตัวปลอมเลยรึไงฟ่ะ ทั้งๆ ที่โอกาสเป็นไปได้เยอะกว่าแอบฝึกลับๆ แท้ๆ” พอเทียนถังคิดแบบนั้นก็นึกขึ้นหยุนไป๋คนที่แข็งแกร่งดุจพระเจ้าใครจะมาลอบเปลี่ยนตัวโดยไม่รู้ตัวได้ล่ะ
“ฮะๆ ข้าไม่อยากให้คนอื่นรู้ความสามารถน่ะเมื่อถึงเวลาจนตรอกจริงๆ ถึงจะมีไพ่ตายไว้เอาชีวิตรอด” เทียนถังเริ่มตอแหลหน้าด้านอีกครั้ง แต่ไม่รู้ทำไมด้วยทักษะตอแหลในอีกโลกมันก้าวไกลมากในโลกนี้ความตอแหลต่ำตมจึงแยกไม่ออกว่าคำพูดนี่เป็นคำพูดตอแหลจากตัวปลอม
“ฮ่าๆ สมกับเป็นลูกชายข้าจริง ฮ่าๆ สุดยอดจริงๆ!” ตงหลี่หัวเราะร่า.. หลังจากนั้นสนทนาเรื่องความสามารถต่างๆ ของเทียนถังก็รู้ว่าแม้เทียนถังจะเข้าขอบเขตขั้นที่หนึ่งลมปราณแต่เทียนถังยังไม่เริ่มฝึกวิชาอะไรเลย พวกเขาจึงตัดสินใจจะให้เทียนถังเข้าไปในหอสมบัติตระกูลเพื่อเลือกวิชาที่เหมาะสมภายหลัง
เทียนถังทำสีหน้าน่าเบื่อเล็กน้อย แม้เขาจะสื่อสารกับคนอื่นได้แต่ไม่แน่ใจว่าจะอ่านออกหรือไม่ “หวังว่าไอ้ระบบเลวทรามนี่จะมีพวกของวิเศษเรียนภาษาขายนะ” เทียนถังคิดในใจกันเงียบๆ
“เอาล่ะมาคุยเรื่องสำคัญกันต่อ.. ถังเอ๋อร์เจ้าสูญเสียความทรงจำไปมากเท่าไหร่ เจ้ายังพอจำอะไรได้หรือเปล่า” เฟิงหลงกล่าวด้วยใบหน้าที่จริงจัง หน้าเทียนถังมีเหงื่อผุดบนใบหน้า หากบอกว่าลืมทั้งหมดคงถูกสงสัยแม้หยุนไป๋จะไม่สงสัยอะไรมากแต่ตาแก่อย่างเฟิงหลงนี่จับผิดได้แน่
“คิดสิ คิดสิ!” เทียนถังนึกหาวิธีแก้ตัวก่อนจะนึกขึ้นไปถึงหนังหรือการ์ตูนที่ตัวละครเสียความทรงจำเวลาพวกมันลองนึกดูมันจะปวดหัว ใช่แบบนี้ล่ะ เทียนถังทำสีหน้าครุ่นคิด “ข้า.. จำไม่ได้”
ถึงจะกล่าวออกมาแต่สีหน้าดูจริงจังคิ้วขมวดทำให้มองดูเหมือนกำลังนึกอย่างสุดชีวิตแต่ในตอนนั้นเองเขาแสดงสีหน้าเจ็บปวดด้วยการกัดลิ้นตัวเองเพื่อความสมจริง เขาใช้มือจับหัวทรุดลง “ข้าจำไม่ได้…”
“ถังเอ๋อร์!” ทั้งคู่เห็นสภาพเทียนถังทรุดลงหัวใจกระสับกระส่ายตอนแรกสงสัยว่ามันจะหายไปทั้งหมดหรือไม่แต่ดูท่าแล้วจะเป็นเรื่องจริง การถูกกระทบกับเหล็กอย่างรุนแรงสามารถทำให้สูญเสียความทรงจำได้! “หยุนไป๋เจ้าพาทั้งเอ๋อร์ไปพักผ่อนในห้องเก่าของเขาซะ ส่วนเรื่องอื่นๆ งานแต่งงานพรุ่งนี้ข้าจัดการเอง” ตงหลี่กล่าว
หยุนไป๋พยักหน้าก่อนที่จะอุ้มเทียนถังเดินออกจากห้องจนลับสายตาไป.. เมื่อเทียนถังกับหยุนไป๋จากไปสองพ่อลูกที่ยังอยู่ถอนหายใจออกมาพร้อมๆ กันก่อนจะกล่าว “ภรรยาของเจ้ายังไม่ทราบเรื่องที่ว่า เจ้าต้องไปแจ้งให้นางทราบเพราะยังไงเสียถังเอ๋อร์ก็อยู่ที่นี่แล้ว”
“ข้าเข้าใจ..” ตงหลี่กล่าว ก่อนจะกล่าวต่อเนื่อง “เฮ้อ.. พรุ่งนี้ก็งานแต่งถังเอ๋อร์แล้วแต่ดูภายในตระกูลสิ..” เฟิงหลงพยักหน้ากล่าว “ช่างเถอะพวกมันล้วนคิดว่าถังเอ๋อร์เป็นขยะของตระกูลก็แล้วแต่ เพราะตอนนี้ถังเอ๋อร์ของข้าฝึกลมปราณแล้ว.. พูดถึงฝึกถังเอ๋อร์ใช้เวลากี่ปีในการฝึกโดยไม่ใช้ยาเสริมใดๆ เลย”
“ถ้าอธิบายตามหลักแล้วอย่างน้อยก็ต้องมากกว่าสิบปีแน่ๆ เพราะการฝึกที่ไม่ใช้ยาอะไรก็เหมือนปีนหน้าผาโดยไม่มีอุปกรณ์ .. ไม่สิใช้เวลาสิบปีก็สมควรเรียกว่าอัจฉริยะแล้ว” ตงหลี่กล่าวคาดเดาตอบ เฟิงหลงกล่าวต่อ “ถึงงั้นก็เถอะแค่ขั้นที่หนึ่ง จะสามารถเอาชนะพวกตระกูลสาขาอื่นๆ คงยากแล้ว เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนแล้วแท้ๆ เฮ้อ”
“ข้าก็คิดแบบนั้นถึงจะใช้ทรัพยากรทั้งหมดภายในสองเดือนก็คงไม่ไหวที่จะเข้าสู่ขั้นที่สองได้” ตงหลี่ส่ายหน้า ก่อนที่จะกล่าวต่อว่า “ช่างเถอะที่จะมาถึงคืองานแต่งของถังเอ๋อร์แล้ว” หลังจากนั้นทั้งคู่ก็คุยกันสักพักก่อนที่จะแยกกันตงหลี่ไปแจ้งภรรยาของตัวเองขณะที่ เฟิงหลงไปเตรียมงานต่างๆ
ทางด้านเทียนถังกับหยุนไป๋หลังจากเดินมาสักพักเทียนถังจึงกล่าวขึ้น “เอ่อ ท่านช่วยปล่อยข้าลง—” ก่อนที่จะกล่าวจบหยุนไป๋ปล่อยมือทันทีและแสดงสีหน้าอะไรเทียนถังร้องออกมาอย่างเจ็บปวดในใจขบด่า “จะเกรี้ยวกราดไปแล้วเพ้ย!” หยุนไป๋กล่าวเย็นชา “ตามข้ามา”
เทียนถังคอตกเดินตามหลังหยุนไป๋ไปเงียบๆ ผ่านไปสักพักเทียนถังจึงกล่าว “เอ่อ ท่านยังโกรธข้าสินะ ข้าขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อตอนนั้น” หยุนไป๋จึงตอบกลับมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย “เรื่องอะไร ข้าทำไมต้องโกรธเจ้าด้วย” นางยังคงเดินต่อไป เทียนถังเริ่มขอโทษอย่างบ้าคลั่ง
จนหยุนไป๋รู้สึกรำคาญหน่อยๆ แต่ในตอนนั้นเองก็มีคนเดินมาอายุราวๆ หยุนไป๋แต่น่าจะน้อยกว่ามันเป็นชายตัวสูงหน้าตาหยิ่งยโสเทียนถังเห็นแล้วแทบจะวิ่งไปตบ ใบหน้ามันนับว่าหล่อเหลาจริงๆ หากถ้าเปรียบเทียบเทียนถังแล้ว ขนตูดยังเทียบไม่ได้ นี่แน่นอนว่าความคิดเทียนถังเท่านั้น
แค่เห็นก็รู้สึกไม่ถูกชะตาซะแล้ว มันกล่าวขึ้น “เป็นแค่ขยะริอาจคุยกับปลายฟ้า เหอะ..” เสียงกล่าวมันถากถางใส่เทียนถังต่อหน้าเส้นเลือดผุดบนใบหน้าเทียนถังสตรีด่าเขา เขาก็โกรธแทบจะหักคอแล้ว แต่พอผู้ชายด่าเขา เขาแทบจะอยากฉีกมันออกเป็นชิ้นๆ
“วาจาสุนัขหน้าตาดั่งปลวกทาทีโง่เขลา เหอะ” เทียนถังตอบโต้ทันที เขาไม่สนว่ามันเป็นใครอยู่แล้ว ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเทียนถังก็ไม่ชอบหน้ามันแล้ว หยุนไป๋แสดงสีหน้าแปลกๆ แต่มันไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ เลยมันเดินหาหยุนไป๋ก่อนจะกล่าวถาม “เฮ้อ ~ ท่านคงยากลำบากที่ต้องดูแลขยะเช่นนี้สินะ ข้าเหนื่อยแทนท่านเสียจริง ไม่ทราบว่าท่านมีเวลาพอที่จะไปเดินเล่นกับข้าหรือไม่”
หยุนไป๋ไม่เหลือบมองมันเลยหันไปหาเทียนถังแล้วกล่าว “เจ้ายืนบื้ออยู่ทำไม รีบไปต่อได้แล้วอย่าบอกนะว่าเจ้าโกหกที่ว่าปวดหัว” ไม่รอเทียนถังนางดึงแขนลากไปไม่สนชายอวดดีตรงนี้เลย มันเห็นมันตะลึงทั้งเสียหน้าและโกรธเคือง “อุ๊บ ฮ่าๆ ๆ” เทียนถังหลุดหัวเราะออกมาพลางแสดงสีหน้าเยาะเย้ย “ถ้าข้าเป็นขยะเจ้าคงเป็นลูกชายของเศษสวะหรือไม่”
เส้นเลือดปูดบนหน้าของมันแต่หยุนไป๋ก็ลากเทียนถังหนีไปแล้ว.. มันกัดฟันกรอดด่ากราด “เดี๋ยวเถอะ อีกไม่นานแกก็ต้องตายไอ้นายน้อยเฮงซวยเป็นเพราะแก!” มันไม่คิดว่าหยุนไป๋ผิดแต่มันโยนความผิดให้เทียนถังทั้งหมด.. มันยืนคิดก่อนจะเดินตามหลังไปเงียบๆ
ด้วยพลังของมันไม่อาจหลุดพ้นจากจิตสัมผัสของหยุนไป๋ได้.. แต่เมื่อเทียนถังก่อกวนหยุนไป๋ทำให้จิตสัมผัสนางไม่คงที่จึงไม่อาจสัมผัสว่ามีคนตามหลังมา แน่นอนว่ามันคิดจะมาชวนอีกครั้งเท่านั้น หยุนไป๋กับเทียนถังเดินหน้าต่อไปในที่สุดเทียนถังก็ทนไม่ไหวเพราะนางเมินเขามากเกินไปแล้ว
เทียนถังใช้มือคว้าข้อมือหยุนไป๋ “ข้าบอกให้หยุดก่อน!” ร่างของหยุนไป๋สั่นสะท้านเล็กน้อยนางนึกถึงตอนที่ถูกขืนใจในสระปราณนางจึงพยายามจะสะบัดมือทิ้งแต่ทำไม่ได้เลยเทียนถังฉุดดึงแขนของหยุนไป๋มาท่าเดิม “ท่านฟังข้าซะมั้งสิ!”
หยุนไป๋หน้าแดงราวกับลูกแอปเปิลดิ้นรนเล็กน้อย “ข้าฟังอยู่” นางกล่าวพึมพำ “ฟังอยู่งั้นเหรอ? ทำไมถึงทำเย็นชาใส่ข้า” แน่นอนว่านี่คือวิธีรุกแบบหนึ่งสำหรับการแก้ความผิดพลาดในครั้งแรกที่เทียนถังทำ นางหน้าแดงไม่ได้ใช้ปราณผลักเทียนถังออก
ผู้ชายหน้าด้านคนหนึ่งยืนมองอย่างตะลึง… มันคิดไม่ถึงว่าหยุนไป๋กับเทียนถังจะมีความสัมพันธ์แบบนี้กัน!