บทที่ 10 สังหาร
เล่มที่ 01 บทที่ 10 : สังหาร
“เทียนถังเจ้าห้ามออกไปไหนรอข้าอยู่ในนี้! เข้าใจไหม!” หยุนไป๋กล่าวขึ้นมาทันทีราวกับว่าไม่แปลกใจเลย เทียนถังไม่ได้ตอบกลับในทันที เขาไม่ใช่ผู้ชายที่แอบอยู่หลังผู้หญิงซะด้วย อีกเหตุผลเพราะที่เขาไม่ตื่นกลัวเขาก็พอเดาได้ว่าจะต้องมีการลอบสังหารเพราะเขาก็เข้าใจหลายๆ อย่างจากหลิงอี้แล้ว
แต่เมื่อมานึกถึงฝีมือของตัวเองแม้แต่ต่อสู้ยังไม่เคยไม่ต้องพูดถึงช่วยหยุนไป๋สู้เลยเพียงแค่ช่วยตัวเองยังไม่สามารถตามไปด้วยรั้งแต่จะเป็นตัวถ่วงให้นางสู้ได้ไม่เต็มที่ถึงเทียนถังจะไม่ทราบว่าหยุนไป๋เก่งมากขนาดไหนแต่เขาก็พอเดาได้ว่านางต้องเก่งมากๆ แน่ๆ และหมายความว่าชื่อเสียงย่อมมีเยอะ
และคนที่มาลอบสังหารย่อมมีฝีมือพอที่จะต่อกรกับนางถ้าหากพวกมันคิดจะฆ่าเขา ถ้าหากเขาไปด้วยจึงเป็นภาระหนักของหยุนไป๋ เทียนถังจึงพยักหน้ากล่าวว่า “เข้าใจแล้ว” หยุนไป๋พยักหน้าพอใจก็พุ่งออกจากประตูไปในทันที สำหรับเทียนถังแล้วแม้จะมีพลังอยู่ขอบเขตขั้นที่พอต่อกรกับพวกขั้นที่หนึ่งได้ก็ตาม
แต่เขาไม่เคยสู้! อย่าว่าแต่สู้เลยขนาดคนที่จะมามีเรื่องกับเขายังไม่มีดังนั้นเขาจึงเรียกว่าไร้ประสบการณ์โดยสิ้นเชิง มีพลังแต่สู้ไม่เป็นไม่รู้จะการพลิกแพลงสุดท้ายก็ต้องตายได้อยู่ดี เขาจึงเลือกที่จะอยู่นิ่งๆ เขาเองไม่ใช่คนโง่
หยุนไป๋พุ่งออกมาจากฉางซีและลอยขึ้นเหนือพื้นสถานที่แห่งนี้คือกลางป่าที่ไม่หนาทึบมากนักแสดงให้เห็นว่ามีมนุษย์ผ่านไปมาบ่อยๆ เบื้องหน้าของนางมีชายวัยกลางคนสองคนและชายชราหลังค่อมสามคนลอยอยู่ หยุนไป๋จ้องมองไปอย่างเย็นชาก่อนจะกล่าวถามอย่างไม่เกรงกลัว “ใครส่งพวกเจ้ามา ข้าให้โอกาสพวกเจ้าไสหัวกลับซะตอนนี้”
เสียงโทนสูงของหยุนไป๋ทำเอาชายวัยกลางคนสีหน้าซีดลงเห็นได้ชัดว่าคำพูดเมื่อครู่เปี่ยมไปด้วยปราณที่เข้มข้นชายสองคนไม่อาจต้านทานได้เลย ชายชราทั้งสามไม่ตอบก่อนที่ชายชราคนหนึ่งจะตบไปที่ไหล่ชายวัยกลางคนทั้งสองสีหน้าจึงดีขึ้นหน่อย ชายชราคนนั้นยิ้มและกล่าวขึ้น “ท่านช่างประมาณตัวเองสูงเกินไปจริงๆ”
“เหอะ!” หยุนไป๋ไม่สนใจคำกล่าวประชดของมันแต่สบถเย็นชาออกมาก่อนที่จะกล่าวซ้ำ “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสิบลมหายใจไสหัวกลับไปซะ!” หยุนไป๋คิดว่าเลี่ยงการต่อสู้ได้ก็จะเลี่ยงเพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือชีวิตเทียนถังดังนั้นนางจึงอยากจะเลี่ยงการต่อสู้ให้ได้มากที่หนึ่ง
“ฮ่าๆ ๆ กลับไป? ฮ่าๆ วันนี้บิดาจะสังหารเจ้าเองนังมาร!” ทันใดนั้นเสียงหัวเราะบ้าคลั่งชายชราคนหนึ่งดังขึ้นมาเต็มไปด้วยความโกรธเสมือนศัตรูเมื่อชาติก่อนก่อนที่มันจะพุ่งใส่หยุนไป๋อย่างรวดเร็วชายชราที่กล่าวตอนแรกกำลังจะห้ามหากแต่ไม่ทัน
“ตายซะ นังมาร!!!” มันคำรามออกมาพร้อมดึงกระบี่ออกมาจากที่ไหนไม่ทราบพร้อมกับระเบิดปราณอันน่าหวาดกลัวออกมา อากาศรอบๆพลันบิดเบือนเล็กน้อย ชายวัยกลางคนถึงต้องถอยหลังไปสองสามก้าว ก่อนที่พวกมันจะพึมพำ “นี่สินะพลังขอบเขตขั้นห้าลมปราณ!”
หยุนไป๋ไม่แม้จะแปลกใจอันใดพลังปราณระลอกใหญ่ถาถมเข้าใกล้นางกระบี่จากชายชราเรือนแสงแพรวพราวก่อนจะโอบล้อมไปด้วยอัคคีเพลิงสีชาดราวกับมีความร้อนที่เป็นอเนกอนันต์ อุณหภูมิรอบกายสูงขึ้นฉับพลัน กระบี่พุ่งแทงใส่หยุนไป๋อย่างบ้าคลั่งถ้าหากเป็นคนระดับเดียวกันหรือชายชราอีกสองคนรับท่านี้เข้าไปต้องบาดเจ็บสาหัสแน่นอน
“กระบี่เพลิงล้างปฐพี!” มันคำราม
หากแต่หยุนไป๋เพียงแค่โบกมือหนึ่งคราในเวลานั้นปราณระลอกหนึ่งปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นกระบี่ควบแน่นเป็นรูปร่าง! ขึ้นมาตวัดใส่กระบี่ของชายชราหากทว่าในเสี้ยวพริบตาที่มันปะทะกันนั้นทุกอย่างราวกับหยุดนิ่งปราณอันแข็งแกร่งจากกระบี่หยุนไป๋ระเบิดพุ่งออกไปใส่กระบี่เพลิงที่อยู่ตรงหน้าพร้อมปะทะใส่ร่างชายชราคนนั้น
“กระบี่แห่งความว่าง กระบวนท่าที่หนึ่ง กระบี่สังหารอสูร”
หยุนไป๋พึมพำแผ่วเบาแต่เสียงนี้นั้นแทบจะก้องกังวานไปทั่วสารทิศ กลิ่นอายปราณที่ระเบิดออกไม่ใช่ปราณที่ระเบิดออกมาทำให้ผู้คนสั่นกลัว หากแต่มันเป็นความว่างเปล่า ไร้เสียงไร้กลิ่น ไร้รูปร่างหรือรูปธรรมโดยสิ้นเชิง ร่างชายชราผู้นั้นยังไม่ทันได้เปิดปากกรีดร้องใดๆ ความว่างเปล่าพลันกลืนกิน “พรึ้บ!”
ร่างทั้งร่างหายไปในพริบตาอย่างง่ายดายกระบี่ชายชราที่หลุดออกจากความว่างเปล่าได้โดยบังเอิญร่วงหล่นลงบนพื้นเกิดเสียง ‘เคร้ง’ ขึ้นทำลายความสงบ ทุกคนตื่นตะลึงโดยสิ้นเชิง… ความเงียบปกคลุมชายชราคนนั้นได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
หยุนไป๋ยังไม่เริ่มโจมตี เพราะตั้งแต่ที่นางบอกว่าสิบลมหายใจนี่พึ่งจะผ่านมาแค่สองลมหายใจเองเท่านั้น! นางยืนเงียบๆ จ้องมองอย่างเย็นชา ชายชราสองคนมองหน้ากันตอนแรกพวกเขาคิดว่าน่าจะพอต่อต้านนางได้ชั่วคราวและลากนางออกจากที่แห่งนี้ได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้ความหวังที่ว่านั้นลดลงเป็นอย่างมาก!
ชายชราอยากจะตบปากผู้จ้างวานเขาที่บอกว่านางแข็งแกร่งแค่ขั้นห้าระยะต้นเท่านั้น แต่ที่ระเบิดออกมาเมื่อครู่ไม่ต่ำกว่าขอบเขตขั้นหกแน่นอน โดนเฉพาะทักษะควบแน่นปราณนั้นมีแต่ขอบเขตขั้นหกขึ้นไปถึงสามารถทำได้.. “มะ.. เมื่อกี้มันอะไรกัน!”
ชายวัยกลางคนสติแตกไปแล้วถอยหลังไปหลายฉือ พวกมันคิดว่าผู้อาวุโสเหล่านี้เก่งมากแม้จะเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับหยุนไป๋แต่ไม่คิดว่าเพียงกระบวนท่าเดียวสามารถฆ่าผู้อาวุโสคนนี้ได้เมื่อชายชราเห็นท่าทางตื่นกลัวเลยสบถเย็นชาออกมา “ฮึ เจ้ากลัวงั้นเหรอ!” คำพูดนี้เรียกสติชายวัยกลางคนกลับมา เขาได้แต่กัดฟันยืนต่อ
ชายทั้งสี่มองหน้ากันราวกับว่าเข้าใจความคิดกันและกัน “ต้องดึงนางออกห่างจากที่แห่งนี้ในชั่งพริบตาเดียว ตอนที่นางยังไม่ตอบโต้!” นั่นคือสิ่งที่พวกมันคิด ชายชราคนหนึ่งคำราม “ตั้งค่ายกลหงส์เพลิง!!!” ก่อนที่ชายทั้งสี่จะยืนคนละมุมเป็นรูปทรงคล้ายสี่เหลี่ยม พวกเขามองหน้ากันก่อนที่จะพยักหน้าให้กัน
“ตอนนี้แหละ!” พวกเขาทำมุทราชี้นิ้วไปเบื้องหน้าปราณที่ไร้รูปร่างไหลออกมาจากปลายนิ้วพุ่งตรงไปจุดกึ่งกลางระหว่างพวกเข้าทั้งหมัดพอปราณของคนทั้งสี่ปะทะกันพลันบังเกิดเสียงก้อง “ตู้มมม!” ดังขึ้นก่อนที่จะปรากฏหงส์เพลิงขนาดสูงราวๆ กับเด็กอายุ 8 ขวบขึ้นมา
ร่างของมันกลายเป็นเพลิงสีแดงชาด หยุนไป๋มองไปโดยไม่ขัดขวางเพราะว่านางให้โอกาสพวกมันแต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มันหันการโจมตีของหงส์เพลิงมาที่นาง นางตอบโต้อย่างไม่ลังเลแน่นอน .. เมื่อนางเห็นหงส์เพลิงนางก็พึมพำออกมา “อย่างงี้นี่เอง กลุ่มหงส์เพลิงสินะ…”
นางพยักหน้าแม้พวกมันจะไม่ดังหรือใหญ่โตแต่มันมีวิชาเขตแดนหงส์เพลิงนี่จึงแกร่งไม่เบา อันที่จริงก็เป็นเพราะมีผู้อาวุโสถึงสามคนที่อยู่ขอบเขตขั้นห้า ถึงแม้หงส์เพลิงนั่นจะไม่ใช่หงส์เพลิงที่แข็งแกร่งอะไรมากนักมันจัดอยู่ในหมู่อสูรชั้นต่ำ.. ถ้าจะกล่าวให้ถูกก็คือ มันคือหงส์เพลิงที่อ่อนแอที่สุดในประวัติศาสตร์
ที่นางรู้จักกลุ่มเล็กๆ แบบนี้เพราะว่านางให้ความสนใจขุมอำนาจต่างในอาณาจักรนี้ทั้งหมดไม่ว่าใหญ่หรือเล็กนี่เป็นเพราะนางต้องปกป้องเทียนถัง ถ้าหากมีคนลอบทำร้ายแบบตอนนี้จะได้สืบเสาะหาต้นกำเนิดพวกมันนั่นเอง
“กร๊าซซซซซซซ!!”
เสียงกรีดร้องหงส์เพลิงดังขึ้นก่อนที่มันจะพุ่งเข้าหยุนไป๋แน่นอนว่าชายทั้งสี่ที่ต้องใช้ปราณเพื่อคงสภาพเขตแดนต้องตามมาด้วยบรรยากาศอันร้อนแรงพุ่งใส่หยุนไป๋อย่างรวดเร็วหยุนไป๋แปลกใจกับความเร็วเล็กน้อยนางคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะเลือกป้องกัน แม้มันจะรวดเร็วแต่สนสายตาหยุนไป๋มันไม่เร็วมากนัก
นางดึงกระบี่ออกมาจากความว่างเปล่ากระบี่ของนางสีขาวหิมะและบางเป็นอย่างมากจนคนต้องแปลกใจเวลาเห็นกระบี่เล่มนี้ ทั้งมันยังไร้กลิ่นอายใดๆ เสมือนกระบี่ธรรมดาหากทว่าในเวลานั้นนางตวัดออกไปเจตจำนงกระบี่ระเบิดออกปะทะใส่หงส์เพลิงที่พุ่งมา “กร๊าซซซซซซ!”
ที่หยุนไป๋ไม่หลบเพราะเบื้องหลังนางคือฉางซีหากถูกพลังระดับนี้โจมตีไปตรงๆ มันพังแน่ๆ ไม่หนำซ้ำเทียนถังคนธรรมดาที่รับผลกระทบเล็กน้อยแต่มันก็พอที่จะสังหารเทียนถังเป็นพันเป็นหมื่นรอบนางจึงไม่หลบหลีก หากทว่าเมื่อนางรับการโจมตีนางต้องแปลกใจ พลังของหงส์เพลิงที่ปะทะซึ่งๆ หน้าไม่ระเบิดพวยพุ่งใส่นาง
แต่มันดันลากนางไปข้างหลังเผลอพริบตาเดียวนางก็ถูกลากออกมาราวสองลี้เสียแล้ว หยุนไป๋ตกตะลึงความเร็วนี้ เหมือนว่าตอนที่มันพุ่งใส่นางตอนแรกจะไม่ใช่ความเร็วทั้งหมด แต่ในเวลานี้เองคิ้วนางพลันกระตุกเข้าใจแล้วว่าเป้าหมายพวกมันคือพานางออกจากเทียนถัง!
นางกัดฟันกรอดคิดว่าตัวประมาทไปจริงๆ หงส์เพลิงพลันสลายหายไปเสียงหัวเราะเย็นชาชายชราดังขึ้น “ฮ่าๆ!” มันไม่ได้รออะไรพุ่งใส่หยุนไป๋ทันที! แต่การพุ่งใส่มันไม่ได้หวังจะสังหาร มันแค่สะกิดๆ ก่อกวนรั้งหยุนไป๋เอาไว้!
สามนาทีต่อมาหยุนไป๋เริ่มโกรธขึ้นมาจริงๆ ปราณทั่วร่างระเบิดออกมาพวกมันคนหนึ่งกำลังจะมาก่อกวนอีกหากทว่าหยุนไป๋เพียงแค่โบกมือหนึ่งครั้งร่างของมันกลายเป็นหมอกเลือดไปในทันที.. และการก่อกวนเริ่มแตกแยก พวกมันเริ่มขวัญหนีดีฝ่อ พวกมันจึงเริ่มหนีกระจัดกระจาย แต่มีหรือหยุนไป๋จะปล่อยไป นางไล่ปลิดชีพพวกมันอย่างรวดเร็ว…
ทางด้านเทียนถังต้องย้อนกลับไปหลังจากหยุนไป๋ออกไปเทียนถังก็นั่งไม่ติด เสียงการต่อสู้ดังเข้ามาในบางครั้ง เนื่องเพราะฉางซีปิดกั้นเสียง เวลาเสียงดังเข้ามาจนพอได้ยินจึงไม่ค่อยมีมากนัก แม้เทียนถังจะกังวลแต่เขาทำอะไรไม่ได้ เขาอยากจะมี ป๊อปคอนสักถุงออกไปดูฉากต่อสู้สุดแฟนตาซีจริงๆ
ผ่านไปครู่หนึ่งหลังจากเสียงปะทะที่แรงที่สุดมันเงียบลงฉับพลันเลยทำให้เทียนถังเริ่มคิดว่ามันแปลกๆหรือว่าการต่อสู้จบแล้ว ? เขาจึงตัดสินใจออกไปดูหากแต่ทว่าเมื่อมองไปรอบๆ กลับไม่มีคนอยู่.. ก่อนที่สายตาเทียนถังจะไปตกอยู่บนกระบี่เล่มหนึ่งที่วางอยู่บนพื้นเขาจึงเดินไปหยิบขึ้นมาดูอย่างสงสัย
แต่ทันใดเวลานั้นความรู้สึกหวาดกลัวแผ่ซ่านไปในจิตใจโดยไม่ทราบสาเหตุ ความรู้สึกอันตรายที่ไม่รู้ทำไมถึงมีเทียนถังไม่รอช้าในการเบี่ยงตัวไปด้านซ้ายในจังหวะนั้นเขาจึงเห็นหมัดที่ชกผ่านเอวเข้าไปอย่างหวุดหวิด เทียนถังคิดว่าหากไม่หลบตัวเองคงได้ไปเที่ยวนรกจริงๆ แน่ แถมเมื่อวานพึ่งจะข่มขืนผู้หญิงมาอีก
“หลบได้งั้นเหรอ!” เสียงชายหนุ่มดังขึ้นจากทางด้านหลังเทียนถังแต่ยังไม่ตอบสนองอะไรหมัดอีกหมัดก็พุ่งมาใส่เทียนถังอีกหากทว่าคราวนี้เขารู้สึกตัวแล้ว หมัดที่พุ่งมาเขาจึงเห็นมันอย่างชัดเจนและสามารถหลบได้ เทียนถังตกใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็หลบหมัดพร้อมกับกระโดดถอยหลังไปอย่างเชี่ยวชาญ
“เมื่อกี้มันอะไร..!” คนที่ตกใจไม่ใช่แค่ชายหนุ่มที่แอบรอบโจมตีแต่เป็นทั้งเทียนถังเองก็ด้วย ไม่สิ เทียนถังตกใจมากกว่าด้วยซ้ำ ทำไมการกระทำของเทียนถังถึงดูเชี่ยวชาญนัก? ถึงเทียนถังจะไม่ใช่นักสู้ดูไม่ออกว่ามันเก่งมากไหม แต่เขาก็พอรู้ตัวว่าปฏิกิริยาตอบสนองของตนเองเหมือนคนมีประสบการณ์!
เมื่อนึกถึงตรงนี้เทียนถังนึกถึง ‘ทักษะการต่อสู้ ระดับต่ำ’ ที่เขาลงทุนซื้อ ภายในหัวมีเสียงตู้มหนึ่งครั้ง ทั้งแปลกใจ ดีใจ ตกใจ! เขาไม่คิดว่ามันจะสุดยอดขนาดช่วยชีวิตเขาได้ทันตาเห็นขนาดนี้
“เฮ้ยๆ ทำไมแกถึงหลบได้ ข้าได้ยินมาว่าแกมันแค่คนเสเพลไม่ใช่เหรอแต่ที่เห็นนั่นมันระดับเดียวกับข้าเลยนะ!” ชายคนนั้น กล่าวขึ้นระดับพลังที่เขาปล่อยออกมานั้นคือ ขั้นที่หนึ่งลมปราณ แม้เทียนถังจะไม่ทราบหากถ้าหยุนไป๋มาเห็นคงทราบทันที ส่วนอายุของมันราวๆ 20 ปีได้
เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาที่เขาที่สามารถบรรลุระดับนี้ในวัยเพียงเท่านี้ แม้มันจะกล่าวถามแต่มันไม่สนว่าเทียนถังจะตอบไหม มันได้รับคำสั่งว่ายิ่งฆ่าเร็วยิ่งดี มันจึงไม่กักเก็บพลังใดๆ อีกระเบิดปราณออกจากทั่วร่างก่อนจะคำรามพุ่งใส่เทียนถัง หมัดของหมัดโอบล้อมไปด้วยเพลิงสีแดงชาดอย่างน่าหวาดกลัว
“หมัดเพลิงโลกันตร์!”
มันคำรามออกมาพร้อมต่อยหมัดใส่หน้าเทียนถังอย่างดุดัน คิ้วเทียนถังย่นลง ด้วยความเร็วของมันในตอนนี้นั้นเร็วพอสมควรแต่เทียนถังพอที่จะโต้ตอบได้ในเวลานี้เขาคิดเพียงง่ายๆ ว่า หากมันคิดที่จะฆ่าเขาก็แค่ฆ่ากลับเท่านั้น มันไม่ผิดเขาแค่ป้องกันตัวเท่านั้น มันเป็นเรื่องปกติ
เขาจึงหลบหมัดของมันออกพร้อมกับเคลื่อนพลังในร่างไปรวมในกระบี่ที่พึ่งจับขึ้นมา การควบคุมปราณของเทียนถังนั้นต่างจากคนอื่นเพราะตัวเขาสามารถโคจรมันได้อิสระเหมือนควบคุมโดยเบ็ดเสร็จ! แน่นอนว่าเจ้าตัวไม่ทราบที่เขาสามารถทำแบบนี้ได้ เป็นเพราะสัญชาตญาณของเขาที่มีขึ้นมาหบังจากเข้าสู่ขั้นสร้างฐานรากเริ่มต้นนี้
กระบี่ตวัดใส่แขนที่ชกออกมาอย่างรวดเร็ว “ฉึก!” แขนมันขาดออกอย่างง่ายดายเป็นเพราะปราณที่เข้มข้น ในกระบี่ของเทียนถังและตัวกระบี่ที่ไม่ใช่กระบี่ธรรมดา พลังปราณครอบคลุมร่างของมันถูกตัดออกอย่างง่ายดาย “อ๊ากกกกกกก” เสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดของมันดังขึ้น
แต่เทียนถังในยามนี้คล้ายกับไม่ได้ยินเลย “แก!!!” มันคำรามใส่เทียนถังหากแต่กระบี่เทียนถังยังคงเคลื่อนไหวดุจสายน้ำตวัด “ฉึก!” ใส่แขนอีกข้างช่างหัวไหล่ เสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดของมันดังขึ้น เลือดกระเซ็นติดใบหน้าเทียนถัง ‘ทักษะการต่อสู้’ ยังคงทำงานเทียนถังคิดเพียงแค่ว่าป้องกันตัว ถ้ามันไม่ตายเขาก็ตาย
เขายกเท้าขึ้นถีบใส่ร่างของมันด้วยแรงทั้งหมดปราณในร่างระเบิดออกอยู่จากเท้ากระแทกใส่ร่างของมันอย่างรุนแรง “กร็อบบบ!” เสียงกระดูกถูกบดขยี้ดังมาก่อนที่ร่างของมันจะกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้และนิ่งลงตายไปในทันที! หากคนเห็นต้องตกใจที่ผู้ฝึกตนขั้นที่หนึ่งตายง่ายขนาดนี้! แม้จะอยู่ในระดับเดียวกันก็ยังไม่ฆ่าได้ง่ายเช่นนี้!
เทียนถังได้สติ.. ยืนนิ่งเซ่อไปในทันทีมองกระบี่ที่อาบโชกไปด้วยเลือดและมองแขนสองข้างที่ตกอยู่บนพื้นและห่างไปอีกมีร่างของชายคนหนึ่งนอนแน่นิ่งอาบไปด้วยเลือดกลิ่นคาวเลือดฉุนไปทั่วพื้นที่ มือสองข้างเทียนถังสั่นเทา กระบี่หลุดออกจากมือดัง ‘เคร้ง’ ในความเงียบสงบ
เทียนถังถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัวมือสั่นอย่างหยุดไม่อยู่ “ฉ.. ฉันฆ่าคน..” เทียนถังในตอนแรกไม่คิดอะไรมากก่อนที่จะทำแต่หลังจากทำเขารู้สึกหวาดกลัวเป็นเรื่องปกติ ถึงจะมีความแข็งแกร่งแต่เขาไม่เคยฆ่าคนมาก่อนสักครั้ง… หน้าเทียนถังมืดบอดลงในทันควัน สายตาเหมือนไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ สติใกล้จะดับ
แต่ในตอนนั้นเอง “เทียนถัง!” เสียงหยุนไป๋ดังขึ้นมือแตะไหล่เทียนถังเรียกสติเขากลับมาหากแต่สติกลับมานี้ทำให้เขาตกใจเทียนถังลืมตัวหันปล่อยหมัดใส่หยุนไป๋ด้วยพลังทั้งหมด และไม่ใช่แค่พลังปราณเท่านั้นแต่เป็นเศษเสี้ยวพลังที่ปรากฏขึ้นตอนเขาตื่นกลัวเมื่อครู่ แม้มันจะเป็นพลังหนึ่งในล้านของทั้งหมัดก็ตามที
แต่เมื่อต่อยออกไปหยุนไป๋ตอบสนองทันยกมือขึ้นมาป้องกันไว้ทันทีหากแต่ทว่านางต้องตกใจเพราะรู้สึกได้ว่าเทียนถังอยู่ขั้นที่หนึ่งลมปราณแล้ว แต่ในเวลานั้นแทบจะยังไม่ตั้งตัวพลังอันน้อยนิดเกินที่จะสัมผัสที่รอดจากร่างเทียนถังออกมาปะทะใส่มือหยุนไป๋ “กึก!” เสียงกระดูกลั่นดังออกมาจากแขนอย่างชัดเจน
“…” หยุนไป๋รู้สึกถึงความเจ็บแสบปวดร้อนแผดเผาจากพลังงานลึกลับ มันเจ็บมากจริงๆ แม้จะถูกเคลื่อนกระดูกน้อยนิดก็ตาม.. แต่นางรู้สึกถึงมันได้ว่าพลังที่ปะทะเมื่อครู่ไม่ใช่ปราณ.. หรือกำลังภายในใดๆ มันคือพลังที่ไม่รู้จัก! ..
เทียนถังจึงได้สติกลับมาทันทีเมื่อเห็นหน้าหยุนไป๋.. พอนึกถึงแขนที่ตัวเองตัดและศพที่อนาถใกล้ๆ นั้นเขารู้สึกคลื่นไส้ก่อนที่จะอาเจียนออกมายกใหญ่.. นี่แน่นอนไม่ใช่เพราะว่าเขาขี้ขลาดหากแต่เป็นเพราะเขาไม่ใช่คนของโลกแห่งการต่อสู้ เมื่อสองวันก่อนเขาเป็นแค่คนธรรมดา!
.......
[ข้อความจากผู้เขียน : เอาล่ะครับเผื่อใครงงกันนะครับ ในดาวเสินฮว่า นี้มีรูปแบบการฝึกปราณดั่งที่อธิบายไป แต่เทียนถังฝึกด้วยระบบ รูปแบบพลังปราณของเขาจึงต่างจากคนอื่นคือควบคุมปราณได้อิสระกว่าคนอื่น … ใช่มันคือการฝึกในอีกรูปแบบนั่นเอง และแน่นอนว่า คัมภีร์ฝึกปราณ ที่กล่าวไปตอนก่อนหน้าไม่เกี่ยวกับการฝึกในอีกรูปแบบ แต่มันคือการเปลี่ยนสภาพปราณ ยกตัวอย่างเช่นปราณของหยุนไป๋คือปราณกระบี่ แต่ถ้าฝึกคัมภีร์ฝึกปราณกระบี่ มันจะทำให้ปราณกระบี่คมกริบและแกร่งขึ้น.. ประมาณนี้ครับ]