ตอนที่แล้วบทที่ 08 เอาลูกเสียดายแม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 10 สังหาร

บทที่ 09 การจู่โจมกะทันหัน


เล่มที่ 01 บทที่ 09 : การจจู่โจมกะทันหัน

หลังจากสองแม่ลูกหายลับตาไปแล้วเทียนถังยังไม่ละสายตาจากไปหากแต่จ้องมองต่อไป ก่อนที่จะมีเสียงหยุนไป๋เรียกเทียนถังจากข้างหลัง “เทียนถัง ไปรีบไปได้แล้วเสียเวลามากพอแล้ว!” นางไม่ฟังคำพูดเทียนถังใดๆ จับเทียนถังลากไปด้านหน้าประตูใหญ่ตระกูลทันที

พอมาถึงเทียนถังก็เห็นบางสิ่งบางอย่างขนาดใหญ่ มองดูแล้วขนาดมันพอๆ กับรถสิบล้อได้และที่น่าตะลึงคือมันลอยอยู่เหนือพื้นพอสิ่งนี้ปรากฏขึ้นจึงดึงดูดความสนใจจากรอบข้างทันทีในขณะที่เทียนถังมองเซ่อไป หยุนไป๋อดจะรู้สึกขำไม่ได้ เพราะว่าก่อนหน้าที่ยังไม่เสียความทรงจำเทียนถังขึ้น ‘ฉางซี’ ระดับสูงเล่นไปมาอย่างสบายด้วยซ้ำ

แต่นี่แค่เห็นฉางซีระดับกลางถึงกับตะลึงหยุนไป๋จึงอดที่จะขำไม่ได้ นางคิดในใจว่าแบบเสียความทรงจำก็ดีนะ.. ดูไร้เดียงสาดี.. ซึ่งเจ้าตัวเทียนถังไม่ทราบเลยว่าตอนนี้สายตาของเขาจ้องมองไปยังฉางซีเหมือนเด็กที่เห็นโครงกระดูกไดโนเสาร์ในพิพิธภัณฑ์อย่างไรอย่างนั้น เทียนถังหันไปหาหยุนไป๋แล้วกล่าวถาม “เจ้านี่คืออะไร มันคืออะไรเหรอ!”

หยุนไป๋เช็ดน้ำตาที่เล็ดออกมาจากหางตาเพราะกลั้นขำนางจึงกล่าวออกมา “มันคือฉางซี อุปกรณ์วิเศษที่อาศัยผลึกปราณในการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง” หยุนไป๋อธิบาย เทียนถังพยักหน้าภายในใจคิดว่าพวกมันคงเหมือนรถกระมัง? แล้วผลึกปราณที่ว่าคืออะไรหว่า

ความงุนงงปรากฏขึ้นบนใบหน้าขอเทียนถัง เขาจึงกล่าวถามอย่างโง่งม “เอ่อ.. ผลึกปราณคืออะไร?” เทียนถังถามพลางหันหน้าไปหาหยุนไป๋ .. หยุนไป๋ตอบในทันทีแต่ไม่ใช่คำตอบสำหรับคำถามเทียนถังนะ นางกล่าวว่า “เอาล่ะ ขึ้นไปก่อนรีบๆ ออกเดินทางได้แล้วเสียเวลามามากแล้วเดี๋ยวข้าอธิบายทุกอย่างให้เจ้าฟังขณะเดินทางเอง”

ไม่รอให้เทียนถังปริปากนางลากเทียนถังเข้าไปทางเขาฉางซีทันที.. ทันทีที่นางเข้าไปผลึกด้านล่างฉางซีพลันเปล่งแสงก่อนมันจะส่งให้ฉางซีลอยขึ้นเหนือพื้น หนึ่งจั้ง สองจั้ง.. สามจั้ง.. พอถึงสามจั้งมันก็เริ่มมุ่งตรงไปด้านหน้าเผลอพริบตาเดียวมันก็หายลับจากสายตาไม่อาจมองเห็นมันซะแล้ว

ทันทีที่เทียนถังก้าวเข้ามาใน ‘ฉางซี’ หยุนไป๋จึงเริ่มกล่าว “ข้าชักรู้สึกแปลกกับอาการเสียความทรงจำของเจ้าแล้วสิ.. ช่างเถอะ ฉางซีคืออุปกรณ์ที่ขับเคลื่อนเป็นยานพาหนะราคาสูงที่มีแต่ตระกูลใหญ่เท่านั้นที่ถือครอง มันอาศัยผลึกปราณในการขับเคลื่อน.. มันมีสามระดับคือ ต่ำ, กลาง, สูง ที่เราอยู่ตอนนี้คือ ฉางซีระดับกลาง หากคำนวณระยะเวลาแล้ว เมืองนี้ห่างจากเมืองหลวงราวๆ 500-1,000 ลี้ได้ ด้วยความเร็วระดับนี้สมควรจะถึงตอนดวงตะวันลับฟ้าพอดี”

เมื่อก้าวเข้ามาเทียนถังฟังคำอธิบายไปด้วยพร้อมกับตะลึงไปด้วยในที่แห่งนี้มันไม่เหมือนยานพาหนะสักนิดมองดูแล้วเหมือนห้องที่ตกแต่งไปด้วยหลายๆ อย่างมากกว่ามีตั้งแต่ห้องนั่งเล่นห้องฝึกตน น้ำพุ ห้องทำอาหาร! เสมือนบ้านหลังเล็กหลังหนึ่ง เทียนถังต้องตกใจกับการตกแต่งอันสวยหรูนี่.. แน่นอนว่าเขาฟังคำอธิบายไปด้วย

“ผลึกปราณคืออะไร?” เทียนถังกล่าวถามพลางมองไปรอบๆ ภายในตัวฉางซี หยุนไป๋ตอบในเชิงอธิบาย “ผลึกปราณคือ ผลึกที่มีปราณบริสุทธิ์อยู่ภายในผู้ฝึกสามารถซึมซับมันเข้าไปเพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้ปราณได้แน่นอนว่ามันไม่ได้เอาไว้ใช้เพิ่มปราณในร่าง ผลึกปราณมีสามระดับคือ ต่ำ, กลาง, สูง ผลึกที่ใช้กับฉางซีนี้คือ ผลึกปราณระดับต่ำเพียงเท่านั้น ถึงจะบอกว่าระดับต่ำ หากแต่ถ้าจะซึมซับมันนั้นใช้เวลามากกว่าครึ่งเดือนเสียอีก”

“แล้วหาได้อย่างไร” เทียนถังถามแบบงงๆ “แน่นอนว่าซื้อ!” หยุนไป๋ตอบง่ายๆ แน่นอนว่าเทียนถังรู้ว่าใช้เงินซื้อแต่เขาไม่รู้สกุลเงินของโลกใบนี้เขาจึงแกล้งถามต่อ “เงิน? คืออะไร?” พอถามออกมาแบบนั้นหยุนไป๋มองเทียนถังแต่ไม่ได้แปลกใจอะไรมากนางจึงตอบไปว่า “เงินคือสิ่งที่คนเราใช้นำไปแลกกับสิ่งของ”

ที่นางแปลกใจเพราะว่าเทียนถังทำไมรู้เรื่องรู้ราวแต่เรื่องบนที่แห่งนี้กลับไม่มี มันทำให้นางคลางแคลงใจเล็กน้อย.. โดยเฉพาะนิสัยที่แปลกไป ถึงสันดานดิบจะไม่ต่างกันมากแต่นิสัยเห็นได้ชัดว่าต่างกันมาก.. ต่างกันยังไง อย่างแรกเทียนถังก่อนหน้าจะนับถือนางเหมือนพี่สาว ไม่มีความคิดอกุศลด้วย

แต่เทียนถังตอนนี้เวลามองนางในบางครั้งนางพลันสัมผัสถึงความต้องการต่อตัวนาง ตอนแรกนางไม่ใส่ใจแต่ผ่านมาหนึ่งวันสายตานั่นมันชัดเจนขึ้น ดังนั้นนางจึงคลางแคลงใจเทียนถังมาก มันไม่เหมือนคนเสียความทรงจำแต่เหมือนผู้ชายที่มาปลอมตัวเป็นคนอื่นมากกว่า แต่นางก็ไม่ได้สืบหาอะไร

เพราะคนที่กระทำการตั้งแต่เช้าจนค่ำแบบนั้นทั้งวันมีแค่เทียนถังที่ทำได้อย่างน้อยนางก็มั่นใจแบบนั้น นางจึงไม่สืบเสาะหาทั้งนี้เพราะว่าเป็นความเชื่อขาดใจของนางเองด้วย.. เพราะนางคิดไม่ถึงแน่ว่าจะมีคนข้ามมิติมาแบบเทียนถัง.

“เงิน..” เทียนถังทำท่าทางครุ่นคิดคิ้วขมวด หยุนไป๋จึงกล่าวต่อ “เงินตรา ในเสินฮว่าแห่งนี้สำคัญเป็นอย่างมากการจะเอาอะไรย่อมต้องแลกด้วยเงินตรา ในเสินฮว่านั้นเงินตรามีสามประเภทคือ เหรียญเงิน เหรียญทอง และ ตำลึง.. 10 เหรียญเงิน คือ 1 เหรียญทอง 10 เหรียญทองเท่ากับ 1 ตำลึง ทั้งนี้ยังมีค่าเงินที่เรียกอีกแบบว่า เซนต์ โดยเรียกรวมๆ 1 เหรียญเงิน มีค่าเท่ากับ 10 เซนต์”

เทียนถังพยักหน้า นี่ล่ะคือสิ่งที่เขาต้องการจะฟัง ค่าเงินตราในที่แห่งนี้ ก่อนที่หยุนไป๋จะกล่าวต่อ “เอาล่ะ เดี๋ยวข้าจะอธิบายรายละเอียดต่างๆ ให้ฟัง” ก่อนที่นางจะลากเทียนถังไปห้องนักเล่นก่อนนางจะถามต่อว่า “เจ้าจำคู่หมั้นเจ้าได้หรือเปล่า?”

เทียนถังส่ายหน้ากล่าวว่า “คู่หมั้น? ข้าจำอะไรไม่ได้เลย” เทียนถังทำสีหน้างุนงงก่อนที่สีหน้าสลดลงเล็กน้อยซึ่งหากคนธรรมดาเห็นคงจะคิดว่ามันเสียใจที่สูญเสียความทรงจำที่สมควรจะมีร่วมกับคู่หมั้นไป แต่ว่าในสายตาหยุนไป๋นั้นนางคิดว่ามันสลดลงเพราะกำลังสงสัยว่าคู่หมั้นจะสวยไหมเสียมากกว่า นางจึงได้แต่ทำสีหน้าเหยเก ซึ่งแน่นอนว่าในหัวเทียนถังก็คือกำลังสงสัยว่าคู่หมั้นมีหน้าตาแบบไหน

“เจ้าไม่ต้องมาแกล้งโง่เลย เจ้าคงได้ยินที่ข้าคุยกับผู้นำตระกูลสาขาแล้วว่าข้าจะพาเจ้าไปแต่งงาน” นางกล่าวพลางจ้องเขม็งเทียนถังได้แต่ยิ้มแหย่ๆ เกาหัวเล็กน้อย ก่อนที่หยุนไป๋จะกล่าวต่อ “ที่ข้าแปลกใจคือทำไมเจ้าไม่ตกใจเลย หรือว่าเจ้ารู้มาก่อนแล้ว? แต่ดูจากท่าทางเจ้าแล้ว เจ้าไม่น่าจะจำคู่หมั้นได้จริงๆ แสดงว่ามีคนบอกเจ้าหลังจากนั้นใช่หรือไม่”

เทียนถังเข่าแทบทรุดในใจขบด่า ‘ยัยคนนี้ตาแหลมไปไหน แต่ก็ต้องโทษตัวเองจริงๆ รู้แบบนี้ตั้งใจฟังที่พวกมันคุยกันแล้วทำท่าทางตกใจบ้างก็ดีหรอก!’ เขาคิดหาคำแก้ตัวในสมอง ผ่านไปสักพักจึงตอบกลับมาว่า “เอ่อ… ที่ข้าไม่ตกใจเป็นเพราะว่าข้า.. ไม่คิดว่ามันจะแปลกอะไร ถึงข้าจะลืมไปหลายอย่างแต่ที่ข้าจำได้คือเป็นนายน้อยตระกูลเฟิง อ๋า!? จริงสิ ยังไงข้าก็จะโดนไล่ออกจากตระกูลทำไมต้องใช้ข้าแต่งงานเพื่อการเมืองด้วยเล่า!”

เทียนถังเปลี่ยนประเด็นหน้าด้านๆ แต่หยุนไป๋เผลอคล้อยตามตอบกลับว่า “เจ้าเองก็ไม่ใช่คนโง่คงพอเดาว่านนี่เป็นการแต่งงานกระชับความสัมพันธ์ของสองตระกูลสินะ.. แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่หรอกถ้าหากเป็นเจ้าแต่ก่อนคงทราบดี” นางหยุดกล่าวไปครู่หนึ่งทำสีหน้าย้อนอดีตก่อนจะกล่าวต่อ “เมื่อตอนเจ้ายังเด็กปู่ของเจ้าและปู่ของคู่หมั้นเจ้าได้หมั้นหมายกันไว้”

“เจ้าคงจะลืมไปแล้วว่าสมัยเจ้ายังเด็ก เจ้าเป็นเด็กเจ้ายังเล่นกับนางบ่อยๆ อยู่เลยนะ เฮ้อออ! ข้าคิดแล้วสงสารน้องเซี่ยที่มาชอบชายแบบเจ้า” นางถอนหายใจอย่างหน่ายใจทำให้เทียนถังตะลึงลานไปชั่วครู่ “ชอบข้า?”

“ใช่! ถ้าไม่งั้นนางคงยกเลิกงานแต่งไปนานแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ตอนนี้นางอายุเพียงแค่ 20 ปีเท่ากับเจ้า แต่นางเข้าสู่ขอบเขตขั้นที่สามลมปราณแล้ว ดูเจ้าสิห่างราวฟ้ากับเหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความงดงามของนางที่ได้อันดับหนึ่งของสาวงามในอาณาจักรเลยนะ เจ้าหรือไม่สำนักน้อยใหญ่ต่างพากันแย่งชิงตัวนาง แต่เพราะมีชื่อเสียงที่มีคู่หมั้นไม่เอาไหนอย่างเจ้าถ่วงนางเอาไว้ เฮ้ออ!”

เทียนถังอ้าปากค้างตอนแรกเขาคิดว่าที่แต่งงานนั้นเป็นเพราะกระชับความสัมพันธ์ของสองตระกูลจริงๆ แต่มันไม่ใช่นี่เป็นเพราะคู่หมั้นของเทียนถังยึดติดกับเขามากเกินไป! ที่เทียนถังไม่ต่อต้านนั้นเป็นเพราะว่าเขาไม่อยากทำตัวให้โดดเด่นจนเกินไป ในความคิดเขานั้น เขาคิดว่าหากตัวเองคัดค้านมากไปจากการแสดงให้สมจริงมันจะพังทลายลงเพราะความสมจริงมากเกินไป

ตอนนี้เทียนถังอยู่ในสภาพสูญเสียความทรงจำ จำอะไรไม่ได้ ถ้าหากปฏิเสธหลังชนฝามันก็เหมือนกับจะย้อนแย้งกับบุคลิกที่ว่า ‘สูญเสียความทรงจำ’ ไป… แน่นอนว่าเจ้าตัวไม่ทราบว่าตัวเองเผลอทำตามสันดานดิบตัวเองเหมือนเทียนถังคนเดิมโดยไม่รู้ตัวหากเทียนถังปฏิเสธหลังชนฝาก็คงไม่มีคนแปลกใจเท่าใดนัก ด้วยเหตุนี้เทียนถังจึงไม่คิดที่จะขัดขืนใดๆ

แต่พอได้ยินว่านางเป็นสุดขั้วอัจฉริยะมันก็อดที่จะทำให้เขาดูแคลน เฟิงเทียนถัง คนก่อนไม่ได้ขนาดมีผู้หญิงที่ดีขนาดนี้ชอบ แต่ยังไม่มีกะจิตกะใจจะฝึกเพื่อทำให้ตัวเองเหมาะสมกับสตรีผู้นั้น เทียนถังไม่เรียกมันว่าเทพตกหญิงหรอก! อย่างน้อยเทียนถังก็มีสิ่งแตกต่างจากเจ้าคนแซ่เฟิงอยู่นั่นก็คือ ตัวเขาต้องเหมาะสมกับสตรีของเขาด้วย

เพราะถ้าไม่ทำเช่นนั้นสตรีของเขาจะถูกประเมินว่าเป็นผู้หญิงใจง่าย หรือโดนดูแคลนจากคนอื่น ‘หึ ในเมื่อตอนนี้นายคือฉัน ฉันคือนาย .. งั้นตอนนี้ฉันจะเปลี่ยนตรงจุดนั้นของนายให้เองก็แล้วกัน’ เทียนถังขบคิดในใจเงียบๆ

หลังจากนั้นหยุนไป๋ก็เริ่มอธิบายใหม่อย่างละเอียดอีกรอบ ในตอนเด็กเทียนถังกับเสี่ยวเซี่ยชอบเล่นด้วยกันบ่อยๆ ซึ่งหยุนไปตอนนั้นอายุมากกว่าพวกเขาทั้งสองไม่กี่ปีเท่านั้น แต่นางก็ยังเป็นพี่เลี้ยงได้ ดังนั้นหยุนไป๋จึงรู้การเปลี่ยนแปลงของเด็กทั้งสองแทบทุกอย่าง

หลังจากเวลาผ่านไป คนก็เปลี่ยนไป ทางด้านเสี่ยวเซี่ยนั้นนางคิดว่าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น และนางคิดว่าเทียนถังคงคิดเช่นเดียวกัน .. แต่ไม่ใช่เลยเทียนถังกลับกลายเป็นคนเสเพลไปทั่วหลังจากนั้นพวกเขาไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย เสี่ยวเซี่ยจากเทพธิดาแห่งความอ่อนโยนก็กลายเป็นเทพธิดาแห่งน้ำแข็ง

ว่ากันว่านางเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเพียงเพราะผู้ชาย แต่นางยังคงฝึกหนักต่อไป ด้วยพรสวรรค์ความเข้ากันได้กับธาตุน้ำของเธอ ยังเชี่ยวชาญน้ำแข็งมากอีกด้วยบิดาของเธอจึงส่งเสริมช่วยในทรัพยากรต่างๆ นางได้กลายเป็นสุดยอดอัจฉริยะที่ หนึ่งพันปีจะปรากฏขึ้นสักคน

ขอบเขตขั้นสามลมปราณก่อนอายุ 25 ปี .. พ่อของเทียนถังยังสู้ไม่ได้เพราะเขาเข้าขอบเขตขั้นสามลมปราณตอนอายุ 21 ปี แต่เสี่ยวเซี่ยเข้าตอนอายุ 19 ปี! ทั้งยังมีข่าวลือว่านางได้รับคัมภีร์ฝึกปราณน้ำแข็ง จากจักรพรรดิไป๋เซี่ย หนึ่งในจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ของทวีปอีกด้วย!

แต่แน่นอนว่ามันแค่ข่าวลือ .. เพราะสถานที่สืบทอดนั้นหายสาบสูญไปนานแล้วอีกอย่างผู้ที่สามารถฝึกฝนคัมภีร์ฝึกปราณได้นั้นต้องมีความเข้ากันได้กับธาตุนั้นๆ ระดับสูงสุดที่มนุษย์สามารถมีได้ ยิ่งเทียนถังฟังยิ่งตะลึงลาน เขารู้สึกว่าเจ้าเฟิงเทียนถังคนเดิมนี่โชคดีมากๆ มีคนยอดเยี่ยมขนาดนี้ชมชอบ แต่ถ้ามันชอบนางคงจะเป็นหมามองเครื่องบิน แต่นี่นางชอบมัน!

สายตามองคนเทียนถังไม่เคยพลาด เขามั่นใจสิบส่วนว่าเสี่ยวเซี่ยนี่ยังยึดติดกับเทียนถังอยู่ แต่ว่านางอยากจะปฏิเสธเช่นกัน! ดังนั้นการที่จะปฏิเสธความรักให้ได้ผลดีที่สุดคือเข้าหาเทียนถังอยู่บ้านเดียวกันซึ่งฟังดูแล้วมันอาจจะชวนเพิ่มความสัมพันธ์มากกว่า แต่มันก็มันสามารถเปลี่ยนจากบวกเป็นลบ

เทียนถังในที่สุดก็เข้าใจ .. ในใจแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย แม่นางเสี่ยวเซี่ยคิดจะเข้าหาและทำให้ตัวเองตัดใจจากเทียนถังซะ แต่ว่านะ.. เมื่ออยู่ต่อหน้าเทียนถังผู้นี้จากคิดที่จะตัดใจ แต่มันจะกลายเป็นการทำให้แน่นแฟ้นมากขึ้นเสียมากกว่าด้วยฝีมือของเทพตกหญิงผู้มาจากต่างมิติ เทียนถัง!

หลังจากนั้นเทียนถังก็ต้องถูกขับไล่จากตระกูลแน่ๆ แต่ด้วยอิทธิพลของบิดามารดา จึงไม่มีใครกล้าทำมากกว่านี้ถึงจะบอกว่าไล่ออกจากตระกูลแต่ก็แค่ให้ไปอยู่กับตระกูลสาขา เท่านั้น

และหยุนไป๋ยังคงแพล่มสถานะต่างๆ อย่างไม่ปกปิดทั้งหมดตั้งแต่ขุมกำลังนู่นนี่นั่น ทุกอย่างให้เทียนถังรู้อย่างละเอียดยิบกลัวว่าจะมีคนรู้ว่าเทียนถังเสียความทรงจำ.. พอเทียนถังได้ฟังแล้วยิ่งขนหัวลุกกับผู้หญิงคนนี้ นางรู้เรื่องราวของเจ้าเทียนถังคนก่อนละเอียดยิบเลย ดีนะที่ไม่รู้ขนาดน้องชาย ถ้ารู้กระทั่งขนาดน้องชายเทียนถังคิดว่าชีวิตนี้คงอยู่ยาก

แน่นอนว่าเทียนถังในความคิดเขานั้นตัวเขาไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่เหมาะกับตัวเขา! อาจจะเรียกว่าเป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองสูงก็ถูก เหมือนกับคนคนหนึ่งที่ชอบพูดว่า “คุณย่าเคยพูดเอาไว้..?” ดังนั้นเสี่ยวเซี่ยก็เสี่ยวเซี่ยเถอะเขาไม่คิดว่าตัวเองจะไม่สามารถละลายน้ำแข็งในใจนางได้

การอธิบายกินเวลายาวนานเผลอพริบตาตอนนี้ก็เกือบๆ บ่ายโมงแล้วอิงตามเวลาโลกเดิมเทียนถังนะ หยุนไป๋รู้สึกเหนื่อยจึงหาอะไรผ่อนคลายเทียนถังที่ยังไม่รู้อะไรมากได้แต่นั่งสงบ .. แต่ในจังหวะนั้นเองพลันมีเสียง “ตูมมมมม!” ดังขึ้นทำเอาฉางซีสั่นสะเทือนก่อนจะเกิดแรงกระแทก ฉางซีมุ่งดิ่งลงพื้นดังตู้มอีกครา

ฉางซีมันแข็งแกร่งจึงไม่พังเพียงแต่โดนขัดขวางอย่างกะทันหันทำให้มันหยุดการเคลื่อนไหวไปเท่านั้น “เกิดอะไรขึ้น!” เทียนถังตกใจ เกิดมาเข้าไม่เคยเห็นแรงสั่นสะเทือนขนาดนี้มาก่อนขนาดแรงระเบิดยังไม่สะเทือนแรงขนาดนี้หยุนไป๋ผุดลุกขึ้นทันที

“พวกมันมาแล้ว เทียนถังอย่าออกจากฉางซี เหอะ พวกมันคิดจะสังหารเจ้าก่อนจะเข้างานแต่งงานสินะ กล้าดีนะ!” หยุนไป๋ทำเสียงเย็นชา ซึ่งเทียนถังเคยเห็นเป็นครั้งแรกอดที่จะตกใจไปไม่ได้ แม้ฉางซีจะปิดกั้นเสียงจากภายนอกแต่เมื่อเกิดแรงปะทะย่อมเป็นธรรมดาที่จะเกิดแรงสะเทือนรุนแรงขนาดนี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด