บทที่ 05 หนอนบ่อนไส้
บทที่ 5 : หนอนบ่อนไส้
เทียนถังจ้องมองร่างของหลิงอี้ที่ชักกระตุกอยู่บนพื้นทำท่าทางครุ่นคิดแต่เขายังไม่ได้เอาท่อนไม้ออกจากร่างของหลิงอี้เลยด้วยซ้ำแถมมันยังอึดมากอีกด้วยไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนผ่อนกายลงเลยแม้แต่น้อย แน่นอนว่าแค่สองยกนี้มันแค่เกริ่นนำของการบรรเลงรักของปีศาจราคะเทียนถังเท่านั้นเอง
แต่เทียนถังไม่ทำการขืนใจต่อเพราะรู้สึกผิด… เอ่อ.. นั่นมันข้ออ้างเฉยๆนะ ความจริงกำลังดูปฏิกิริยาของหลิงอี้มากกว่าหลังจากโดนน้ำข้นสีขาวพุ่งเข้าไปในท้องน้อย.. มันเป็นเรื่องปกติที่ทักษะ ‘ฝึกสัตว์’ จะทำงานซึ่งเทียนถังสงสัยว่ามันจะได้ผลไหม อันที่จริงเขาก็รู้สึกสนใจมากตอนแรกก็ยังคิดว่าจะยุ่งยากหลังจากนี้..
ตอนแรกเทียนถังคิดว่าจะขืนใจจนยัยนี่กลายเป็นทาสซะเลย.. ดูเลวมาก แต่ไม่มีทางเลือกสำหรับเทียนถังเขาเป็นตัวแทนเจ้ากระจอกเฟิงเทียนถังไปแล้วดังนั้นการจะตอบแทนที่มันมอบสถานะนี้ให้เขาต้องหาคนร้ายให้ได้! ไม่ทราบว่าต้องด้านหนาขนาดไหนที่บอกว่าเขามอบสถานะให้…
“ช่างเถอะๆ เฟิงเทียนถังอย่างโกรธเคืองฉันเลย.. ฉันคิดว่ามันคงเป็นโชคชะตาที่บิดาผู้นี้มาแทนที่ตอนนายตาย… ฮ่าๆ นายอย่ามาเล่นมุกรอดชีวิตกลับมาทีหลังนะฉันว่านั่นมันไม่เหมาะ ตายไปเถอะ มันค่อยเป็นโชคชะตาของเรา หึๆ … ขอร้องล่ะตายไปเถอะนะ..” แน่นอนว่าเทียนถังเป็นสุภาพบุรุษการสาปแช่งให้คนบริสุทธิ์ตายเพราะกลัวว่าตัวตนตัวเองจะถูกเปิดเผยมันเป็นเรื่องปกติ!
นี่มันความจริงไม่ใช่นิยาย! ถ้าเทียนถังเป็นเหมือนหวูเฉินหรือเยว่หยางก็ดีไปที่ตัวจริงมันตายไปแล้วจริงๆ แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะเผื่อมันมีชีวิตรอดกลับมา .. เทียนถังคิดถึงจุดนี้ก็ได้แต่อ้อนวอนให้ตัวจริงตายไปเถอะจะได้ไม่เป็นภาระของเหลาจื่อ เทียนถังคิดในใจคนเดียว “ถ้ามันรอดมาจริง ฉันคงไม่มีทางอื่นที่จะฆ่ามันทิ้งเพื่อปกป้องสถานะตัวเอง! ถึงฉันจะไม่เคยฆ่าคนก็เถอะ!”
ไม่ทราบว่าต้องเลวขนาดไหน.. เทียนถังไม่ใช่พระเอกนิยายเสียหน่อย ไม่จำเป็นต้องมีศักดิ์ศรีบ้าบออะไรนั่น ขอแค่ยังเป็นสุภาพบุรุษก็เพียงพอต่อการจีบสาว.. ละมั้งนะ.. ซึ่งเจ้าตัวไม่ทราบเลยว่าตัวเองนั้นเลวทรามขนาดไหนเมื่อคิดจะทำเรื่องพวกนั้น แต่เจ้าตัวปลอบตัวเองว่า ‘เหลาจื่อไม่ใช่พระ แต่เป็นสุภาพบุรุษ’
เอาล่ะกลับมาที่เดิม หลิงอี้นอนหอบหายใจอยู่บนพื้นดวงตาดูเลื่อนลอยแสดงให้เห็นว่าทนรับต่อไปไม่ไหวแล้วเทียนถังจึงดึงท่อไม้ขนาดใหญ่ออกมาจนเกิดเสียงแปลกๆ จากระหว่างขาของหลิงอี้ร่างนางชักกระตุกหนึ่งครั้งเทียนถังถอนหายใจออกมา “ฟู่วววว”
“เอาล่ะ” เทียนถังกล่าวและใช้มือตบหน้าหลิงอี้ๆ เบาๆ ทำให้หลิงอี้ได้สติดวงตาจ้องมองมาที่เทียนถังไม่ใช่ความเย็นชาขยะแขยงอีกต่อไปแต่มีความเทิดทูนเคารพ เหมือนเป็นทาสตามกฎหมายที่เจ้าตัวยินยอมที่จะให้เจ้านายย่ำยี หนังตาเฟิงหลงกระตุกคิดในใจ “อันตรายแฮะทักษะนี่”
เพราะตอนหลอดความชอบของหลิงอี้มีต่อเทียนถังมันพุ่งเลยขีดจำกัดคำว่ารักไปแล้ว ไม่ใช่คลั่งไคล้ ไม่ใช่เป็นไอดอล แต่มันเป็นความรู้สึกประมาณเหมือนสุนัขตัวเมียที่รับใช้ยังไงยังงั้น ยิ่งมองเทียนถังยิ่งตระหนักถึงทักษะที่น่ากลัวทักษะนี่ เทียนถังกระแอมออกมาหนึ่งครั้ง “เอาล่ะ ข้าจะถามเจ้าตอบตามความจริงทั้งหมด! เข้าใจไหม”
“ข้าไม่กล้าโกหก!” เทียนถังมาใช้คำแทนตนว่า ‘ข้า’ แบบเดิมเพื่อที่จะให้ไม่แปลกเวลาคุย ทำให้มันติดปากเป็นปกตินั่นเอง พอได้ยินคำตอบหลิงอี้เทียนถังตกใจตอนแรกเขาคิดว่าฝึกสัตว์จะประมาณว่าฝึกให้เชื่อฟังเหมือนสัตว์ แต่ที่หลิงอี้ตอบมายังเป็นปกติ แค่เปลี่ยนเป็นว่าพักดีสุดๆ “นี่มันไม่ฝึกสัตว์มันล้างสมองแล้วเว้ยยยย!”
เทียนถังคิดในใจ เหมือนหลิงอี้โดนล้างสมองใส่ความจำใหม่มากกว่าฝึกสัตว์ซะอีก.. ในตอนที่เทียนถังด่ากราดในใจภายในหัวก็มีเสียงดังขึ้น *ติง : ขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำชื่อทักษะ ทักษะฝึกสัตว์มีชื่อซ้ำกันจึงทำการเปลี่ยนทักษะนี้เป็นทักษะล้างสมองแทน รางวัลพิเศษที่ได้รับ แต้มราคะ 100 จุด ค่าประสบการณ์ระบบมาร 50 จุด*
“วอทเดอะฟั* อะไรวะเนี่ยระบบอะไรฟ่ะ ทำไมไม่สมบูรณ์ยังกล้าเอามาใช้ฟ่ะะะ” เทียนถังด่ากราดในจิตใจ อันที่จริงเขาโมโหเพราะตอนแรกกำลังจะลิ้มรสกับความรู้สึก SM ที่ประมาณว่าฝึกสัตว์ให้เชื่อฟังอะไรทำนองนั้นอุตส่าห์หวังซะดิบดีแต่ความจริงเป็นล้างสมองซะงั้น
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ดีใจหรืออะไรทำนองนั้นหรอก แต่ระบบมันทำให้เขามีความหวังแนวรุนแรงแต่ก็จากไปอย่างรวดเร็วจึงทำให้เขาโกรธมากนี่ถ้าเขาเป็นเด็กหนุ่มพลังจิตไว้ผมทรงกะลานี่คงระเบิดความโกรธร้อยเปอร์เซ็นต์ควบคุมตัวเองไม่ได้ใช้พลังจิตมั่วๆ แน่ๆ โชคดีไม่เป็นแบบนั้น เทียนถังรู้สึกสงสัยเกี่ยวสถานะปัจจุบัน เลยคิดในใจ “จงปรากฏ!”
มันอาจจะดู เบียว ไปนิดแต่มันก็ปรากฏขึ้นมาจริงๆ พอมันปรากฏขึ้นเทียนถังตกใจ!
ชื่อ ‘เทียนถัง’
อายุ ‘20 ปี’
เพศ ‘ชาย’
ระดับระบบมาร : เริ่มต้น (ขั้นที่ 1)
1.ระบบมารราคะ : ต่ำ
ระดับพลังชี่ (ปราณ) : สร้างฐานราก-เริ่มต้น [55 ประสบการณ์ราคะ]
ระดับกำลังภายใน : - + เพิ่มระดับ – ลดระดับ
ระดับกำลังภายนอก : - + เพิ่มระดับ – ลดระดับ
ค่าประสบการณ์ระบบมาร : 50/250
ค่าประสบการณ์ราคะ : 55/10
แต้มราคะ : 150 จุด
มันมีหลายอย่างเปลี่ยนไปปากเทียนถังเปิดออกเหมือนจะมีคำว่า แต้มราคะ เพิ่มมา ประสบการณ์ราคะก็ทะลุหลอดแถมยังมีเพิ่มระดับลดระดับอีกตั้งหากและแล้วปฏิบัติการสาธยายของระบบก็เริ่มบรรเลงจนหูหนวกก็ดังขึ้นเทียนถังสบถในใจว่า “ทำไมต้องส่งเสียงอธิบาย ไม่ยัดเข้ามาในหัวเหมือนพวกทักษะเลยฟ่ะ” แต่ก็ตั้งใจฟังเงียบ
คือค่าประสบการณ์ราคะคือค่าที่ใช้เพิ่มระดับ กำลังภายในและภายนอก และมันยังเพิ่มพลังปราณด้วย ซึ่งเพิ่มที่ว่านี้ไม่ใช่เพิ่มเหมือนกำลังภายในหรือภายนอก เพราะทั้งสองอันนี้มันจะใช้เป็นแต้มเพื่อเพิ่ม แต่ตรงกันข้ามพลังปราณมันจะเพิ่มเรื่อยๆ โดยไม่ต้องใช้แต้มแลกเอากล่าวคือ ถ้ามีค่าประสบการณ์ราคะไหลเข้ามามันจะเซฟตัวเองเพิ่มปราณไปโดยตัวมันเอง
และแม้จะใช้ค่าประสบการณ์ราคะไปกับพวกกำลังภายในหรือภายนอก แต่ระดับปราณก็จะไม่ลดลงเลยเพราะมันเป็นตัวบ่งชี้แล้วว่าคุณได้นำมันมา.. ก็ประมาณนี้ส่วนค่าประสบการณ์ระบบมาร เมื่อสะสมครบตามกำหนดมันก็จะสามารถปลดล็อกระดับของระบบ สามารถปลดล็อกฟังชั่นใหม่ๆ ได้
แต้มราคะ คือสิ่งที่เอาไว้ซื้อของในร้านค้าระบบ อีกอย่างระดับปราณของระบบนั้นไม่เหมือนปราณในโลกนี้เลย มันเขียนว่าสร้างฐานรากขั้นเริ่มต้น แต่ความจริงมันเก่งพอๆ กับระดับหนึ่งของขั้นปราณในโลกนี้เลย.. และความจริงที่ว่าแต้มเยอะทะลุหลอดเพราะว่าเขาได้ทำภารกิจเสร็จ
แต่คะแนนที่ปล้ำหลิงอี้ไปสองน้ำข้นนั้นเพิ่มมาเพียงแค่ 5 จุดเท่านั้นเอง.. ฟังดูง่ายแต่ท่าจะยากน่าดู.. แต่สำหรับเทียนถังการจับกดแล้วเก่งขึ้นเป็นอะไรที่ดีกว่าสวรรค์! แถมนี่ไม่ต้องถึงหนึ่งเดือนสองเดือนก็เก่งเท่ากับขั้นที่หนึ่งระดับปราณแล้วเนี่ยสุดยอดสุดๆ ไปเลยนะ เทียนถังดีใจมาก!
เทียนถังลองเพิ่มระดับไปที่กำลังภายในก่อนพอกดปุ๊บ *ติง : คุณต้องการเพิ่มระดับกำลังภายในโดยใช้ค่าประสบการณ์ราคะกี่จุด* เสียงเย็นชาดังขึ้นในใจเทียนถังตอบไป “20 จุด” พอเขาตอบกลับเท่านั้นแหละแต้มในสถานะก็หายไปยี่สิบจุดร่างเทียนถังรู้สึกร้อนรุ่มและแผ่ซ่านไปทั่วร่างสบายอย่างสุดขีด
กำลังภายในนี้ไม่เหมือนปราณ มันเป็นพลังจำพวกที่อยู่ภายในช่วยเสริมพลังให้สิ่งต่างๆ หรือร่างกายมากกว่า ไม่เหมือนปราณที่ระเบิดกระบวนท่าออกมาเป็นฉากๆ อีกอย่างกำลังภายในมีส่วนเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า ‘พลังจิต’ อีกด้วยเมื่อเทียนถังรู้สึกถึงมัน เขารู้สึกเหมือนว่าพลังนี่มันแกร่งกว่าปราณอีก! ในสถานะเขามันเพิ่มมาว่า “ระดับพลังภายใน : ขั้น 2 ขอบเขตเริ่มต้น”
“10 จุด ต่อหนึ่งขั้นงั้นเหรอ” เทียนถังคิดในใจ เขาไม่อยากใช้สุ่มสี่สุ่มห้าสักเท่าไหร่เพราะเหมือนมันจะหายากมาก.. แต่ถ้าดูจากหลอดแล้ว มันมีขีดจำกัดคือ 10 จุด ถ้าเอาตามในเกมมันก็จะไม่สามารถเพิ่มได้อีกนั่นเอง นอกเสียจากจะมีรางวัลจากภารกิจ… ถ้าไม่มีแม้เขาจะล้วนลามหญิงขนาดไหนก็ไม่เพิ่ม..
เขาจึงเพิ่มไปที่กำลังภายนอกอีก 20 จุด เช็คดูว่าอันไหนดีกว่ากันสำหรับกำลังภายนอกและภายในสิ่งเดิมๆ เกิดซ้ำเหมือนครั้งก่อน แต่คราวนี้ร่างเทียนถังระเบิดดังเปรี๊ยะๆ ๆ เป็นระยะๆ ก่อนที่จะสงบลงร่างกายแข็งแกร่งขึ้นอย่างชัดเจนเทียนถังรับประกันว่าตอนนี้ตัวเองบดเหล็กด้วยมือเปล่าได้!
“สุดยอด!” เทียนถังดีใจอยู่ในใจ เขาเพิ่มไปที่พละกำลังอีก 10 จุดทำให้เขาอยู่ “ขั้น 3 ขอบเขตเริ่มต้น” ของกำลังภายนอก! “นี่สิเรียกต่างโลกกก!” เทียนถังแทบกระโดดโลดเต้นตอนแรกเขาคิดว่าจะต้องเป็นคนธรรมดาเพราะไม่สามารถฝึกปราณได้ (ก็บอกว่า ไม่อยากฝึกเอง!)
“อ่ะ แฮ่มๆ” เทียนถังกระแอมออกมาในขณะมองไปที่หลิงอี้ที่ไม่สวมเสื้อผ้ามันกระตุ้นต่อมราคะเขาอีก นี่ถ้ายัยนี่ไม่อยู่ในสภาพที่น่ารักเชื่อฟังเขาแบบนี้คงหักคอทิ้งไปแล้ว ถึงจะไม่เคยฆ่าคนก็เถอะนะแต่ทุกคนต้องมีครั้งแรกกันทั้งนั้น.. เทียนถังอุ้มหลิงอี้ในท่าอะไรสักอย่าง
และยืนขึ้นก่อนจะนั่งลงเตียงและเอาท่อนเนื้อที่แข็งดุจเหล็กกล้าแทงทะลุทะลวงประตูสู่เส้นทางวิถีเซียนของเทียนถังคนเดียวโดยเฉพาะ แม้เขาจะเริ่มทำเรื่องอย่างว่าแต่หน้าตาเขาจริงจังขึ้นกล่าว “เอาล่ะเรามาคุยเรื่องจริงจังกันเถอะ!”
แม้จะพูดแบบนั้นแต่เทียนถังก็ยังยกร่างของหลิงอี้ขึ้นลง หลิงอี้ร้องเสียงครางกระเส่าอย่างน่ารักออกมา.. นี่ขนาดมันชวนคุยเรื่องจริงจังนะ… “เอาล่ะหลิงอี้ ใครสั่นเจ้ามาสังหารข้า” เทียนถังใช้คำว่า ‘สังหารข้า’ อย่างหน้าไม่อายถ้าทุกคนรู้ความจริงพวกมันต้องสบถว่า ‘ใครจะสังหารเจ้ากันแม้แต่รู้จักยังไม่เลย!’ เพราะคนที่เขาต้องการสังหารคือเฟิงเทียนถัง!
“อ๊ะ อ๊า ผ.. ผู้อาวุโส .. อ๊าา.. เฟิงหยาง.. อ๊าา” เสียงนางกระเส่าตอบอย่างน่าหลงใหลกระตุ้นราคะผู้คนเทียนถังฟังเข้าใจอย่างง่ายเขาถามต่อ “ผู้อาวุโสเฟิงหยาง คือใคร?”
“อร๊างง ผ..ผู้อาวุโส.. ลำดับ 19 ของตระกูลหลัก ตระกูลเฟิง.. อ๊ะอ๊าาา” เทียนถังคิด “ผู้อาวุโสตระกูลเดียวกันเนี่ยนะ? เพราะอะไรล่ะเนี่ย” เทียนถังจึงถามต่อว่า “ทำไมเขาถึงต้องการสังหารข้า?”
“อ๊า.. ร.. เรื่องนี้.. มันซับซ้อน. อร๊างงง. ทะ อ๊าา ท่านหยุดก่อน..” นางเริ่มเข้าจุดสูงสุดแล้วใกล้จะถึงจุดสุดยอดจนพูดไม่เป็นภาษาเทียนถังหยุดลงทำให้นางหน้าบุ้ยน้อยๆ คิดในใจว่า “อย่างน้อยท่านก็สมควรให้ข้าเสร็จก่อนไม่ได้หรือไง!” ทางด้านเทียนถังคิดว่า “โหว ล้างสมองนี่สุดยอดจริงๆ”
“เอาล่ะเจ้าเล่ามา ถ้าเจ้าเล่าเสร็จข้าจะจัดจนกว่าเจ้าจะพอใจ” เทียนถังกล่าวทำไมเขาจะไม่รู้ความอยากของสตรีได้เล่าเขาไม่ใช่คนกระจอกเรื่องผู้หญิงต้องการมีเรื่องอย่างว่าแต่ดูไม่ออก เพราะเขามีจมูกที่ดมกลิ่นความต้องการของสตรีได้ (ได้เหรอ) หลิงอี้พยักหน้าอย่างพอใจและกล่าว
“ที่ผู้อาวุโสเฟิงหยางต้องการสังหารท่านความจริงแล้วเป็นเพราะว่าท่านจะแต่งงานกับเสี่ยวเซี่ย แห่งตระกูลเสี่ยวถ้าหากข้าจำไม่ผิดงานแต่งสมควรจะจัดขึ้นวันมะรืนนี้…” ก่อนที่จะกล่าวต่อเทียนถังกล่าวขัด “Stop! งานแต่ง? งานแต่งข้า?”
“ใช่แล้ว.. ท่านหยุนไป๋ไม่ได้บอกท่าน?” หลิงอี้ถามอย่างงุนงงเทียนถังพยักหน้า หลิงอี้ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะทำท่าทางเข้าใจ เทียนถังที่ยังงงอยู่ว่าทำไมนางต้องปิดบังเขาหลิงอี้จึงเริ่มอธิบาย “สมควรเป็นแบบนั้นเพราะว่าปกติท่านไม่สนใจที่จะแต่งงานแต่โชคดีที่ท่านเสียความทรงจำพอแบบนั้นจึงจะจับท่านลากไปแต่งงานโดยที่ท่านไม่รู้ตัว”
เทียนถังเข้าใจทันที… หลิงอี้ไม่ปกปิดแถมยังอธิบายอีกทำให้เทียนถังยิ่งรู้สึกขอบคุณทักษะล้างสมองขึ้นทุกวินาที.. หลิงอี้จึงกล่าวต่อ “ใช่เป็นเพราะงานแต่งนี้มันจะทำให้ตระกูลเสี่ยวกับตระกูลเฟิงเป็นพันธมิตรต่อกัน สองตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจขนาดใหญ่ ตระกูลเสี่ยวก็เป็นตระกูลทางด้านแม่ทัพสงคราม หากเป็นพันธมิตรมันจะเป็นผลร้ายต่อสองตระกูล และราชวงศ์อีกด้วย..ผู้อาวุโสเฟิงหยางตัวจริงถูกสังหารและแทนที่ด้วย ผู้อาวุโสตระกูล ฝู.. ผู้อาวุโสลำดับ 3 ฝูเซียง และถ้าหากข้าเดาไม่ผิดอีกสองอำนาจใหญ่คงแทรกซึมเข้าตระกูลเฟิงและเสี่ยวเหมือนกัน.. จากที่ข้ารับข่าวมา ทางด้านคุณหนูเสี่ยวเซี่ยโดนลอบสังหารไปแล้วหลายรอบ..”
“เดี๋ยวก่อนนะ” เทียนถังกล่าวขัด “อะไรงั้นเหรอคะ?” นางถามอย่างสงสัย.. เทียนถังกล่าว “การจะลอบเข้าตระกูลเฟิงที่แข็งแกร่งเป็นไปได้ด้วยเหรออีกอย่างมันสมควรมีวิธีตรวจด้วยไม่ใช่เหรอ”
หลิงอี้ยิ้มกล่าว “อันที่จริงก็ตามนั้นแต่ว่าการจะแทรกซึมเขามามันเงียบเชียบและรวดเร็วจนไม่สังเกตเห็นได้ .. จึงไม่ดูแปลกอะไรจากเดิมมาก เขาจึงไม่คิดที่จะตรวจนั่นเอง” เทียนถังพยักหน้าพวกมันใช้แผนเดียวกันกับเขานี่เองประมาณว่าทำตัวกลมกลืนจนไม่แปลกเลยไม่คิดที่จะตรวจเลือด
“ตระกูลฝู.. เดียวนะ แล้วเจ้าคือ …” เทียนถังงุนงงมองไปที่หลิงอี้.. หลิงอี้ยิ้มกริมแล้วกล่าว “ในที่สุดท่านก็ถาม ใช่ข้าเป็นคนตระกูลฝู.. อันที่จริงข้าเป็นคุณหนูแห่งตระกูลฝู ฝูหลิงอี้ นั่นคือนามแท้จริงของข้า .. ข้าลักลอบเข้ามาในตระกูลสาขาเป็นคนรับใช้ในปัจจุบัน… ที่ไม่เอะใจเพราะข้าสวมหน้ากากอยู่”
เทียนถังคิ้วกระตุก “เอาจริงดิ?” ในใจขบคิด ‘นี่ตูเปิดซิงว่าที่ผู้นำตระกูลใหญ่ของหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งอาณาจักรเลยเรอะ ตูคงไม่โดนไล่ฆ่าหรอกใช่ไหม แล้วไอ้ที่แอบลักลอบเข้ามาเนี่ยเรียก หนอนบ่อนไส้ สินะ!’