ตอนที่ 159 อัตราการหลอมสำเร็จที่น่าสะพรึงกลัว
เก้าเม็ด!
เป็นไปได้อย่างไร?
ต้องเข้าใจก่อนว่า ถึงแม้อัตราการหลอมเม็ดยาได้สำเร็จของหลิงฮันจะอยู่ที่หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งทุกๆขั้นตอนของเขาจะไม่ทำให้สมุนไพรเสียเปล่าแม้แต่น้อย แต่จำนวนสมุนไพรที่ฟูหยวนเชิงนำมาให้นั้นเพียงพอที่จะหลอมเม็ดยาสร้างรากฐานได้เพียงแปดเม็ดเท่านั้น แต่ตรงหน้าพวกเขาทุกคนกลับมีเม็ดยาเรียงกันอยู่เก้าเม็ด! มันเป็นไปได้อย่างไร?
จะต้องเป็นเพราะการหลอม ล้มเหลวแน่นอน!
“เชิญพวกเจ้ามาดูเอง!” ฟูหยวนเชิงหยิบเม็ดยาขึ้นมาและส่งไปให้นักปรุงยาที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
นักปรุงยาที่รับเม็ดยาไปรีบทำการตรวจสอบอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดใบหน้าของนักปรุงยาคนนั้นก็กลายเป็นตกตะลึง “ถึงแม้ข้าจะมีพรสวรรค์ต่ำต้อยและมีความรู้เพียงผิวเผิน แต่ข้าก็สามารถยืนยันได้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่านี่จะต้องเป็นเม็ดยาสร้างรากฐานอย่างแน่นอน แถมยัง...”
“แถมยังอะไรรึ?” นักปรุงยาอีกคนรีบถามขึ้นมา
“...แถมคุณภาพของเม็ดยายังดูเหมือนจะสูงกว่าสิบดาวเสียด้วย!” หลังจากที่พูดติดอ่างไปชั่วขณะ ในที่สุดชายคนก็นั้นพูดออกมาได้
“อึก” พวกเขาทุกคนเกือบจะเป็นลมเพราะความตกใจ ทุกคนล้วนแต่ไม่อยากจะเชื่อ
ตามทฤษฎีแล้ว เมื่อนักปรุงยาระดับดำขั้นสูงหลอมเม็ดยาระดับดำขั้นสูง แค่พวกเขาสามารถหลอมเม็ดยานั้นให้มีคุณภาพประมาณห้าดาวก็ถือว่าดีมากแล้ว สำหรับอัจฉริยะ พวกเขาอาจจะสามารถหลอมให้เม็ดยามีคุณภาพแปดดาว ในขณะที่อัจฉริยะไร้ที่เปรียบจะมีบ้างบางครั้งบังเอิญหลอมเม็ดยาที่มีคุณภาพสิบดาวขึ้นมาได้
ส่วนสิบเอ็ดดาวหรือสิบสองดาวนั้น... มันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด มีเพียงแค่นักปรุงยาที่มีระดับสูงกว่าทำการหลอมเม็ดยาที่มีระดับต่ำกว่าตนเองเท่านั้นถึงจะเป็นไปได้
งั้นก็หมายความว่าความสามารถในการปรุงยาของหลิงฮันได้บรรลุถึงระดับปฐพีแล้วน่ะสิ?
“ฮึ่ม!” การตระหนักได้ถึงเรื่องนั้นทำให้นักปรุงยาทุกคนที่นี่สูดหายใจลึก
“ให้ข้าดูบ้าง!” นักปรุงยาที่เหลือเริ่มตะเกียกตะกายแย่งกันดูเม็ดยา
ฟูหยวนเชิงรีบพูดให้พวกเขาหยุด เม็ดยาสร้างรากฐานเป็นเม็ดยาที่ใกล้เคียงกับเม็ดยาระดับปฐพีอย่างมาก ดังนั้นมูลค่าของมันจึงสูงลิบลิ่ว ฟูหยวนเชิงบอกให้ทุกคนยืนต่อแถวและค่อยๆตรวจสอบเม็ดยากันทีละคน
“เป็นเม็ดยาสร้างรากฐานจริงๆ ทั้งกลิ่นและสีล้วนแต่ตรงกับที่ตำราปรุงยาอธิบายเอาไว้ทุกอย่าง”
“จริงด้วย ลองมองไปที่แสงที่เปล่งประกายอย่างงดงามนั่นสิ คุณภาพของมันจะต้องสูงกว่าสิบดาวแน่นอน”
“สวรรค์! เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้จริงๆงั้นรึ สติของข้าเริ่มจะเลือนรางแล้ว”
นักปรุงยาทุกคนอุทานด้วยความตะลึง ชายหนุ่มที่มีอายุเพียงสิบเจ็ดปีกลับสามารถหลอมเม็ดยาที่ใกล้เคียงกับเม็ดยาระดับปฐพีโดยมีคุณภาพเกินกว่าสิบดาวขึ้นมาได้ แถมอัตราหลอมเม็ดยาสำเร็จของหลิงฮันยังอยู่ที่หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์อีก!
“มันไม่ใช่หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ สมุนไพรที่มีควรจะหลอมเม็ดยาขึ้นมาได้แปดเม็ดเท่านั้น แต่ทำไมถึงมีเก้าได้?” หนึ่งในนักปรุงยาชี้ประเด็นนี้ขึ้นมา
ฟูหยวนเชิงตรวจสอบเม็ดยาอีกแปดเม็ดและพูดอย่างมั่นใจ “ข้าขอรับประกันด้วยชื่อเสียงของข้า เม็ดยาสร้างรากฐานแปดเม็ดนี้ไม่ใช่เพียงหลอมขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่คุณภาพของพวกมันยังไม่ต่ำกว่าอีกหนึ่งเม็ดนั่นแม้แต่น้อย!”
ฟูหยวนเชิงใช้ชื่อเสียงและเกียรติของนักปรุงยาระดับดำขั้นสูงในการรับประกัน... งั้นก็หมายความว่าเม็ดยาอีกแปดเม็ดต้องไม่มีข้อบกพร่องแน่นอน
“อัจฉริยะ นายน้อยฮันเป็นอัจฉริยะแห่งศาสตร์ปรุงยาอย่างแท้จริง!”
“ข้าเข้าใจแล้ว ขั้นตอนการชำระล้างสมุนไพรของนายน้อยฮันสามารถทำให้แก่นแก้ของสมุนไพรมีความบริสุทธิ์อย่างมาก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงสามารถหลอมเม็ดยาสร้างรากฐานเม็ดที่เก้าขึ้นมาได้!”
“ใช่แล้ว ข้อจำกัดแปดเม็ดนั้นถูกอ้างอิงมาจากวิธีการชำระล้างสมุนไพรธรรมทั่วไป แต่ด้วยทักษะการชำระล้างที่พิเศษของนายน้อยฮัน จึงทำให้สามารถหลอมเม็ดยาให้มากกว่าข้อจำกัดนั่นได้”
“สวรรค์!”
นักปรุงยาทุกคนเอามือกุมหัวและอุทานออกมา พวกเขามองไปยังหลิงฮันด้วยสายตาเร่าร้อนราวกับพวกเขากำลังมองไปยังเทพพระเจ้าแห่งการปรุงยา
ที่จริงถึงแม้การคาดเดาของพวกเขาจะไม่ถูก แต่ก็ไม่ไกลกับความเป็นจริงนัก
หลิงฮันยืนขึ้นและพูด “เอาล่ะข้ารวบรวมเงินมาได้แล้ว และพวกเจ้าก็สังเกตการปรุงยาของข้าแล้ว งั้นข้าคงต้องขอตัวก่อน” หลิงฮันเดินไปหยิบเม็ดยาใส่ขวดหยกและหันไปพูดกับฟูหยวนเชิง “เมื่อการยืนยันสถานะนักปรุงยาของข้าเสร็จแล้ว ส่งเหรียญตรามาให้ข้าด้วย”
ฟูหยวนเชิงรีบตอบรับอย่างสุภาพ ราวกับตัวเองเป็นเพียงผู้ช่วยนักปรุงยาที่เพิ่งจะเริ่มเรียนรู้ศาสตร์แห่งการปรุงยา
หลิงฮันเดินออกไปโดยอุ้มฮูหนิวไว้ที่แขน เด็กสาวหลับไปตั้งแต่ตอนอยู่ในอ้อมแขนของหลิวอู๋ตงเพราะความเบื่อแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขามาถึงภัตตาคารและนางสัมผัสถึงได้กลิ่นหอมของอาหาร จมูกของเด็กสาวเริ่มขยับและตื่นขึ้นมาทันที
“เนื้อ! เนื้อ!” นางพูดออกมาด้วยความดีใจ
หลังจากหาอาหารเติมเต็มท้องของฮูหนิวแล้ว ทั้งสองคนได้เดินไปยังตำหนักสมบัติวิญญาณ หลิงฮันไม่คิดจะเก็บเม็ดยาสร้างรากฐานทั้งเก้าเม็ดเหล่านี้ไว้ใช้เอง แต่ตั้งใจจะนำพวกมันไปขาย โดยเฉพาะเม็ดยาประเภทนี้นั้นถูกจัดอยู่ในเม็ดยาประเภทที่มีผู้คนมากมายต้องการซื้อแต่ไม่มีใครต้องการขาย แล้วราคาของมันจะถูกได้อย่างไร? แน่นอนว่าเขาต้องนำพวกมันไปประมูลเพื่อให้มีราคาสูงขึ้นไปอีก
ในเมืองจักรพรรดิ ไม่มีสถานที่ประมูลใดที่ดีไปกว่าตำหนักสมบัติวิญญาณแล้ว แต่ถ้าเขาตัดสินใจจะนำพวกมันไปประมูล ทางตำหนักจำเป็นจะต้องใช้เวลานิดหน่อยเพื่อที่จะประกาศให้สาธารณชนได้รู้ ดังนั้นเขาจะไม่ได้รับเงินทันทีเมื่อนำเม็ดยาไปฝากประมูล แต่นั่นก็ไม่มีปัญหา หลิงฮันเพิ่งจะได้รับเงินมามากกว่าสิบล้านเหรียญ ซึ่งเพียงพอแล้วที่จะใช้สนับสนุนร้านเสื้อผ้าของเขาไปสักพัก
“คุณลูกค้าผู้มีเกียรติต้องการจะซื้ออะไรรึ?” คนรับใช้ของตำหนักรีบเดินเข้ามาทักทายพวกเขา
หลิงฮันยิ้มและพูด “ข้ามีเม็ดยาบางอย่างมาประมูล ไปเรียกนักประเมินของเจ้าให้มาตรวจสอบเม็ดยาข้าด้วย”
“เม็ดยา? ฮ่าๆ” ชายหญิงคู่หนึ่งที่บังเอิญยืนอยู่ตรงนั้นได้หัวเราะขึ้นมา ฝ่ายชายดูแล้วมีอายุประมาณสี่สิบปี มันทำสีหน้าดูถูกและพูด “เด็กน้อยแบบเจ้าจะครอบครองเม็ดยาที่ดีแค่ไหนกันเชียว? อย่ามาทำตัวน่าอายในที่แห่งนี้ดีกว่า!”
มันกวาดตามองไปยังหลิวอู๋ตง และสีหน้าตกตะลึงก็ได้ปรากฏขึ้นที่หน้าของมัน
“นี่คือฟานต่งปิง ปรมาจารย์ฟาน นักปรุงยาระดับเหลืองขั้นกลาง!” หญิงสาวที่อยู่ข้างมันรีบพูดแนะนำตัวขึ้นมา นางเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างดูดีแต่แต่งหน้าหนาไปหน่อย
คนรับใช้รู้สึกอับอายเล็กน้อย ที่ตำหนักสมบัติวิญญาณนั้น ลูกค้ามีอิสระที่จะตัดสินใจว่าต้องการจะนำอะไรมาประมูล ตราบใดที่สิ่งของที่พวกเขานำมาประมูลผ่านเกณฑ์ของตำหนักสมบัติวิญญาณ ทางตำหนักจะตัดสินค่านายหน้าการประมูลอีกทีหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม นักปรุงยาระดับเหลืองขั้นกลางไม่ใช่ตัวตนที่คนรับใช้อย่างเขาจะสามารถล่วงเกินไป ดังนั้นเขาจึงยกมือประสานไปทางฟานต่งปิงและพูด “ข้าไปบอกให้นักประเมินหม่ามาที่นี่” คนรับใช้รีบเดินหายไปอย่างรวดเร็ว
ฟานต่งปิงมีท่าทางหยิงยโสอย่างมาก มันชำเลืองมองหลิวอู๋ตงด้วยหางตาและหวังว่าจะเห็นสีหน้าตกตะลึงจากนาง แต่สุดท้ายมันก็ต้องผิดหวัง สีหน้าของสาวงามคนนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงราวกับนางเป็นน้ำแข็งอันเยือกเย็น
หญิงสาวแต่งหน้าฉูดฉาดจ้องไปยังหลิวอู๋ตงด้วยความอิจฉา หลิวอู๋ตงนั้นทั้งงดงามและมีเสน่ห์กว่านางมากนัก ที่สำคัญเลยคือหลิวอู๋ตงเยาว์วัยกว่านาง!
หลังจากนั้นสักพัก คนรับใช้ก็ได้พาชายวัยกลางคนที่ดูมีอายุสี่สิบกว่าปีมาถึง ชายวัยกลางคนคนนี้มีพลังอยู่ที่ระดับรวมธาตุขั้นเจ็ดเท่านั้น แต่ออร่าบางอย่างที่เขาปลดปล่อยออกมาทำให้คนอื่นรู้สึกผ่อนคลาย
“นี่คือหม่าเที่ยนเฉิง นักประเมินหม่า” คนรับใช้พูดแนะนำ
หลิงฮันไม่ได้สนใจอะไรมากและยื่นขวดเม็ดยาไปทางหม่าเที่ยนเฉิง “งั้นข้าขอรบกวนนักประเมินหม่าด้วย!”
“ข้าทำเอง!” ฟานต่งปิงยืดมือออกไปและคว้าขวดเม็ดยามา จากนั้นมันก็พูดกับหม่าเที่ยนเฉิงด้วยเสียงหัวเราะ “ข้าคือนักปรุงยาระดับเหลืองขั้นกลาง และถ้าพูดถึงเรื่องการประเมินเม็ดยา ข้าคงไม่ด้อยไปกว่าพี่ชายหม่าสินะ?”
ท่าทางไม่พอใจปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของหม่าเที่ยนเฉิง แต่เพราะสถานะนักปรุงยาของฟานต่งปิงเขาจึงไม่ได้ระบายความไม่พอใจออกไป และพยักหน้าตอบรับด้วยสีหน้ามืดมนพร้อมกับพูด “เชิญเลย”
ฟานต่งปิงมีท่าทางพอใจอย่างมาก มันจงใจพยายามแสดงฝีมือเพื่อดึงดูดความสนใจของหลิวอู๋ตง
มันดึงจุกไม้ออกจากปากขวด และด้วยการสูดดมเพียงครั้งเดียว สีหน้าของมันได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว มันมองเข้าไปข้างในและรีบปิดจุกขวดพร้อมกับเก็บใส่เข้าไปในกระเป๋าของมันทันที จากนั้นมันหันไปหาหลิงฮันและพูด “เจ้าหนู เม็ดยารวมวิญญาณเหล่านี้ไม่ได้มีค่ามากเท่าไหร่ นี่คือสัญญาเงินตรามูลค่าหนึ่งหมื่นเหรียญ ข้าจะซื้อมันจากเจ้าเพราะความเมตตาแล้วกัน”
หลิงฮันตกตะลึง เขารู้ว่าฟานต่งปิงเป็นคนที่ไร้ยางอาย แต่ไม่นึกเลยว่าความไร้ยางของมันจะมากถึงขนาดนี้ การกระทำของมันต่างอะไรกับการลักขโมย?
หม่าเที่ยนเฉิงไม่รู้ว่าเม็ดยาในขวดคือเม็ดยาอะไร แต่ดูจากท่าทางร้อนใจของฟานต่งปิง เขาเดาได้ว่าพวกมันจะต้องไม่ใช่เม็ดยาธรรมดาแน่ ทันใดนั้นเอง ความเกรี้ยวกราดได้ปรากฏบนใบหน้าของเขาและพูดออกไป “นั่นเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการให้ตำหนักสมบัติวิญญาณของเราทำการประมูล ดังนั้นข้าจะต้องเป็นที่ประเมินมันด้วยตัวเอง!”
“เฮ้อ จะทำดีนี่มันยากจริงๆ งั้นก็เอาไป!” ฟานต่งปิงหยิบขวดเม็ดยาออกมาจากกระเป๋าและโยนไปทางหม่าเที่ยนเฉิง
หลิงฮันกวาดสายตาผ่านขวดเม็ดยาที่มันโยนมาและอดที่จะยิ้มอย่างเย็นชาไม่ได้ นั่นเพราะขวดเม็ดยาถูกฟานต่งปิงสลับไปแล้ว
ช่างอุกอาจเสียจริง!