ตอนที่แล้วภาค 1 ตอนที่ 8 ศิษย์น้องเป็นเจ้าที่เข้าใจข้าที่สุด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปภาค 1 ตอนที่ 10 เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะฟ้องเรื่องเจ้า?

ภาค 1 ตอนที่ 9 ศิษย์ยอดเยี่ยมผู้เปี่ยมด้วยศีลธรรมปัญญา


 

“คุณชาย ด้านหน้ามีหมู่บ้าน!”

หลังจากที่ผ่านดงหมอกหนาทึบออกมาได้ สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาของทั้งสองคือหมู่บ้านไม่เล็กไม่ใหญ่หมู่บ้านหนึ่ง เด็กรับใช้ตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วผงะถอยหลังกรูด

หวังลู่ตบไปที่บ่าของเขา “เกิดอะไรขึ้น? ไหนเจ้าบ่นนานสองนานว่าหิวและกระหายน้ำ นี่แหละคือจุดเติมเสบียง”

เด็กรับใช้มุ่นคิ้ว กล่าวด้วยสีหน้าหวาดผวา “คุณชาย ท่านไม่รู้สึกว่ามันดูพิกลหรือ เหตุใดจึงมีหมู่บ้านตั้งอยู่ตรงนี้?”

“เดินมาตั้งสองชั่วยาม ทั้งเหนื่อยทั้งหิว แน่นอนว่าควรมีหมู่บ้านสิ ไม่อย่างนั้นจะให้เราหิวตายรึ?”

“แต่ว่า...อย่างไรก็รู้สึกไม่ชอบมาพากลอยู่ดี ดูนั่น! มีคนในหมู่บ้าน!?”

เด็กรับใช้ชี้ไปยังหญิงชราคนหนึ่งที่กำลังแบกฟืนเดินบนถนนสายเล็กในหมู่บ้านอย่างเชื่องช้า

“คะ...คุณชาย เหมือนเมื่อครู่หญิงชราคนนั้นจะจ้องมาที่พวกเรานะ!?”

“แล้วอย่างไร? ถูกนางจ้องแล้วหัวใจเจ้าเต้นถี่แรงจนทะลุออกมาจากอกรึ?”

“ขะ...ข้าหมายถึง นั่นคนเป็นๆ เชียวนะ!”

“เพ้อเจ้อ ถ้าไม่ใช่คนแล้วจะให้เป็นผีหรือไร!?”

“ข้ารู้สึกว่าสถานที่แบบนี้ เจอผียังปกติกว่าเจอคนเสียอีก...”

“เช่นนั้นเจ้าก็เข้าไปทักแล้วเรียกนางว่ายายผีแก่สิ”

หวังลู่ถอนหายใจเฮือกกล่าวต่อไปว่า “ถ้าเจ้ากลัวนักก็เดินตามหลังข้าเงียบๆ ข้าเดาว่าหมู่บ้านนี้ต้องมีตำนานเรื่องเล่าไม่น้อยแน่ ช้าๆ พวกเราไม่ต้องรีบ”

————

หมู่บ้านที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังของดงหมอกหนาทึบ ไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่เด็กรับใช้จินตนาการ หลังจากพูดคุยกับชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาจึงได้ทราบว่า ที่นี่คือหมู่บ้านดอกท้อ ชาวบ้านแยกตัวออกมาอาศัยอยู่ที่นี่หลายพันปี ตัดขาดไม่ถามไถ่ทางโลก ทรัพยากรในเขาเซียนนั้นอุดมสมบูรณ์ ชีวิตความเป็นอยู่หลายพันปีมานี้จึงรุ่งเรืองและสงบสุข

คนในหมู่บ้านดอกท้อมีน้ำใจไมตรี ตั้งแต่ช่วงบ่ายที่เดินทางมาถึง ผู้นำหมู่บ้านของหมู่บ้านดอกท้อก็จัดงานเลี้ยงต้อนรับสองนายบ่าวในบ้านของเขา และสมาชิกกว่าครึ่งหมู่บ้านต่างยกพลกันมาเข้าร่วม ภายในงานอึกทึกครื้นเครง หวังลู่และเด็กรับใช้ดื่มกินอย่างอิ่มหนำสำราญ เมื่อได้ลิ้มสุราหอมหวานที่หมักจากน้ำแร่ภูเขาและผลไม้ป่าอย่างหนำใจ ความเหนื่อยล้าจากแผนที่คลื่นเมฆาก็มลายหายไปหมดสิ้น

นอกจากดื่มกินอย่างเอร็ดอร่อย บนโต๊ะอาหารก็ยังเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะพูดคุย หากว่ากันตามที่หวังลู่ได้กล่าวไว้ นี่เป็นโอกาสที่ดีในการเก็บข้อมูล ทว่าสิ่งที่แปลกก็คือ การที่หมู่บ้านดอกท้อตัดขาดจากโลกภายนอกนั้นช่างเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายอย่างมาก ไม่ต้องพูดถึงอาณาจักรแผ่นดินเก้าแคว้นอะไรนั่น ดีไม่ดียังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองอาศัยอยู่ในหุบเขาเซียน อย่างไรก็ตาม สำหรับชาวบ้านแล้ว น้ำใสเขาเขียวอันงดงามอุดมสมบูรณ์รอบกายก็คือโลกทั้งใบของพวกเขา

ที่น่าแปลกกว่านั้นคือ ชาวบ้านมิได้แสดงอาการประหลาดใจต่อการมาเยือนของคนแปลกหน้าแม้แต่นิด แม้ว่าผู้คนจะมีไมตรีรวยน้ำใจ ทว่าพวกเขากลับไม่ได้ให้ความสนใจโลกภายนอกเลย

“อะไรนะ? ข้างนอกยังมีเทพเซียนหรือ? กระบี่เหินฟ้าสุดยอดจริงๆ! เอ้า นี่คือปลาเหลือง อาหารจานเด็ดของหมู่บ้าน ลองชิมดูสิ...”

“จักรพรรดิ? จักรพรรดิคืออะไร? ใหญ่กว่าผู้นำหมู่บ้านรึ? อะไรนะ เจอจักรพรรดิต้องก้มหัวคุกเข่า ถ้าไม่ระวังอาจถูกบั่นคอ? เป็นหมู่บ้านที่ป่าเถื่อนอะไรเยี่ยงนี้? ข้าว่ามาลองหมั่นโถที่เมียข้านึ่งดีกว่า...”

สถานการณ์ที่หวังลู่ประสบอยู่ก็ประมาณนี้ แม้จะพยายามปูทางชี้นำ แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ความคิดของชาวบ้านเป็นสิ่งที่มิอาจเปลี่ยนแปลงได้เลยจริงๆ

 

ค่ำนั้น ทั้งสองได้พักในบ้านของผู้นำหมู่บ้าน ท่านปู่ผู้นำหมู่บ้านเปิดห้องพักตรงหลังสวนห้องหนึ่งให้พวกเขาโดยเฉพาะ สภาพดีกว่าห้องพักพิเศษของโรงเตี๊ยมตระกูลหรูยิ่งยวด เพียงแต่สองนายบ่าวต่างก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้

จิตใจของเด็กรับใช้ว้าวุ่น เส้นทางบรรลุเซียนจะมีปลาและเนื้อชิ้นใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไร? ตามเรื่องเล่าที่เคยได้ยินมา คนที่บรรลุเซียนนั้นต้องผ่านความลำบากยากเข็ญต่างๆ มากมาย หากเดินอย่างสุขสบายเช่นนี้ไปตลอดทางจนถึงยอดเขาเร้นลับ ศิษย์ชุดน้ำเงินขาวจากยอดเขาเสรีสองคนเมื่อครู่จะเคราะห์ร้ายเกินไปหน่อยไหม?

ส่วนหวังลู่ เขากำลังสับสนงุนงนกับปฏิกิริยาของชาวบ้านในการสนทนาระหว่างมื้ออาหารของวันนี้

เมื่อวิเคราะห์ตามหลักการของนักผจญภัย หากเส้นทางบรรลุเซียนเป็นการผจญภัย เมืองธาราวิญญาณต้องเป็น ‘เมืองสำหรับมือสมัครเล่น’ อย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนสะพานทองคำและม่านเมฆหมอกนั้นคือการผจญภัยยาวครั้งแรก และหมู่บ้านดอกท้อก็คงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ต้องทำต่อให้แล้วเสร็จ และจะเป็นจุดเริ่มต้นของโครงเรื่องทั้งหมดหลังจากนี้ คล้ายคลึงกับเรื่องราวการผจญภัยมากมายที่เกิดขึ้น ทว่าการตัดขาดตัวเองจากโลกภายนอกของชาวบ้าน ได้ยุติความเป็นไปได้ของข้อสันนิษฐานทั้งหมด

งานเลี้ยงตอนหัวค่ำ เขาได้พูดคุยกับคนในหมู่บ้านจำนวนไม่น้อย ทว่าไม่เห็นมีสัญลักษณ์ของภารกิจใดๆ ปรากฏขึ้น

“จิ๊ ไฉนความคืบหน้าจึงช้าลงล่ะ?”

หวังลู่ขยับพลิกตัวไปมานอนไม่หลับ จนเช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เขากำลังแปรงฟันข้างลำธารอยู่นั้น สถานการณ์ก็มีเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง

“คนเราจากกันแล้วย่อมมีโอกาสพบกันอีก”

เมื่อเห็นคนที่เดินออกมาจากดงป่านอกหมู่บ้าน หวังลู่แทบจะกลืนน้ำที่กำลังกลั้วปากลงคอ

“เจ้าไห่น้อย!?”

รอยยิ้มของไห่อวิ๋นฟานค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความกระอักกระอ่วน “ไห่น้อย...ก็ไห่น้อย พี่หวังลู่ นึกไม่ถึงว่าจะได้เจอท่านที่นี่”

หวังลู่วางกระบอกน้ำและแปรงสีฟันลง สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ข้าก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าจะเจอเจ้าที่นี่ หรือว่านี่จะหมายความว่าเราได้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน?”

——

ในขณะเดียวกันนั้นเอง หัวหน้าผู้รับผิดชอบงานชุมนุมของยอดเขาเร้นลับก็ใกล้จะเป็นบ้าเต็มที

“มะ...หมู่บ้านดอกท้อนี่มาจากไหน?”

“...ท่านอาจารย์ ต่อให้ถามข้าอีกพันหน ข้าก็ไม่สามารถให้คำตอบแก่ท่านได้”

ศิษย์พี่น้องชุดขาวดำที่ถูกผู้อาวุโสแห่งเขาเร้นลับไล่บี้ถามด้วยสายตาแดงก่ำวาวโรจน์ กำลังแบกรับความกดดันอันมหาศาลจนแทบอยากจะดึงกระบี่วิญญาณที่ตนพกอยู่ออกมาเป็นเครื่องเซ่นสังเวยเพื่อรักษาชีวิตจากการบีบขยี้ของอาจารย์

ก่อนหน้านี้ไม่นานท่านเจ้าสำนักได้ซัดเมฆหมอกเบื้องหน้ากระจายด้วยความเดือดดาลสุดขีดและในตอนนี้ความเกรี้ยวโกรธของหลิวเสี่ยนก็แทบจะไม่ต่างอะไรจากเจ้าสำนัก จิตแห่งเต๋าแผ่พลังออกมา หอเวิ่นเจี้ยนบนยอดเขาเร้นลับทั้งหลังสั่นสะเทือนไม่หยุด ทะเลเมฆรอบทิศบนยอดเขาม้วนตลบพลิกหมุนคล้ายถูกมือล่องหนจำนวนมหาศาลคว้าฉวยแล้วฉีกทึ้งอย่างดุเดือดรุนแรง... และในระยะรัศมีสามสิบจั้งรอบตัวหลิวเสี่ยน ผู้ฝึกตนที่ยังมีตบะไม่ถึงขั้นพิสุทธิ์ต่างไม่อาจพยุงตัวยืนหยัดได้

“ศิษย์น้องใจเย็นๆ”

ผู้อาวุโสโจวหมิงส่ายศีรษะพลางยื่นมือไปตบบ่าของหลิวเสี่ยน กระแสคลื่นกระบี่เจตนาอันเย็นสบายระลอกหนึ่งซึมแทรกเข้ามา ทันใดนั้นแววตาของหลิวเสี่ยนก็พลันสว่างวาบ ตื่นจากอาการโกรธ “ขออภัย ข้ามิอาจควบคุมตัวเองได้”

โจวหมิงยิ้มอย่างขื่นๆ “ไม่แปลกใจเลยที่ศิษย์พี่จะโกรธ หมู่บ้านดอกท้อนี้... ทำให้คนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกจริงๆ”

ทีแรกเขาคิดว่าหมู่บ้านแห่งนี้เป็นเพียงสถานการณ์ร้ายกาจที่ใครบางคนสร้างขึ้นมาเล่นๆ เท่านั้น ทว่าคนกลุ่มสองที่เดินออกมาจากแผนที่คลื่นเมฆาก็ถูกส่งไปยังหมู่บ้านดอกท้อเช่นเดียวกัน หลิวเสี่ยนก็ตระหนักได้ว่าเหตุการณ์เริ่มอยู่เหนือการควบคุม

คนร้ายกาจคนนี้แก้ไขเส้นทางบรรลุเซียนทั้งหมด เพิ่มหมู่บ้านประหลาดเข้ามาแทรกระหว่างแผนที่คลื่นเมฆากับแดนอเวจีอย่างเหิมเกริม กลายเป็นเส้นทางอุปสรรค์ที่มิอาจเลี่ยงหนีได้

บนแผนที่คลื่นเมฆา ไม่ว่าจะเลือกทางใดสถานีต่อไปล้วนต้องไปตกอยู่ที่หมู่บ้านดอกท้อทั้งสิ้น

แม้ว่า... การแก้ไขส่วนสำคัญของเส้นทางบรรลุเซียนด้วยตัวคนเดียวโดยที่ไม่มีใครล่วงรู้จะเป็นความสามารถที่น่าชื่นชมสรรเสริญ แต่หากใช้พรสวรรค์นี้สร้างความฉิบหายให้กับคนในสำนักแล้ว ย่อมเป็นเรื่องหายนะชัดๆ

โจวหมิงถอนหายใจกล่าวว่า “...ไม่รู้ว่าครั้งนี้ศิษย์พี่เจ้าสำนักจะลงโทษนางอย่างไร?”

หลิวเสี่ยนแค่นเสียง “ลงโทษบ้าอะไร หลายปีมานี้ศิษย์พี่ไหนเลยจะเคยตำหนินางจริงจัง!?”

“เฮ้อ... ไม่รู้เหมือนกันว่าครั้งนี้ศิษย์พี่ห้าตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ หมู่บ้านดอกท้อแห่งนี้ยิ่งดูก็ยิ่งประหลาดพิสดาร”

หลิวเสี่ยนเริ่มไม่สบอารมณ์ “ก็น่าจะเป็นการเล่นพิเรนทร์ที่ไม่มีใครสามารถเข้าใจได้เหมือนเคย...”

“จิ๊ ในสายตาท่านการออกแบบอันแสนอัจฉริยะเช่นนี้ของข้าเป็นเพียงการเล่นพิเรนทร์รึ? ศิษย์พี่ รสนิยมของท่านยังคงย่ำแย่เหมือนเดิม ร้อยปีผ่านไปก็ยังมั่นคงไม่กระเทือน”

“โอ๊ะ เจ้า!!!”

หลังจากได้ยินเสียงคุ้นเคยที่มักปรากฏขึ้นนับไม่ถ้วนในฝันร้าย ความใจเย็นและสงบนิ่งที่ถูกบ่มเพาะโดยสำนักเซียนแห่งยอดเขาเร้นลับของหลิวเสี่ยนผู้มีชื่อเสียงสั่นสะเทือนอาณาจักรเก้าแคว้นก็ปลิวหายไปในอากาศทันที แสงกระบี่ในมือสว่างวาบ คลื่นพลังมหาศาลดั่งว่าล้มภูเขาคว่ำทะเลได้ขุมหนึ่งพุ่งไปยังต้นทางของเสียงที่มาจากเบื้องหลังอย่างรวดเร็ว

แววตาของโจวหมิงวาวโรจน์ “การโจมตีที่ผสานเข้ากับความโกรธได้ดี คลื่นพลังของกระบี่ทองคำกิ่งฟ้าลำดับเจ็ดนี้ เหนือกว่าตบะกำเนิดใหม่ขั้นสูงเลยทีเดียว... ดูแล้วศิษย์พี่ต้องทะลวงขึ้นสู่ขั้นต่อไปได้ภายในห้าสิบปีแน่ๆ”

เพียงแต่น่าเสียดาย คลื่นพลังที่ทะลุขีดจำกัดสูงสุดเช่นนี้ต้องมาเจอกับคู่ต่อสู้ที่ไม่คู่ควร

พลังของคมดาบที่ไม่มีสิ่งใดสามารถเทียบได้ของกระบี่ทองคำกิ่งฟ้าลำดับเจ็ดที่สว่างไสวพราวระยับก็ละลายสลายไปราวหิมะตรงเบื้องหน้าเงาสีขาวร่างนั้น ในที่สุดทุกอย่างก็สงบลงไร้สุ้มเสียง หญิงสาวอาภรณ์ขาวเดินอาดๆ เข้ามาพร้อมสะบัดข้อมือไปมา “ศิษย์พี่ นี่ท่านกำลังทำอะไร? รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหรือ?”

เมื่อได้ฟาดกระบี่ออกไป หลิวเสี่ยนก็ใจเย็นลง ทว่าภายในใจก็ยังโมโหโทโสไม่คลาย “แหกตาดูเรื่องงามหน้าที่เจ้าก่อ! งานชุมนุมคัดเลือกเซียนฉิบหายไปหมดแล้ว!”

“ท่านไปเอาคำพูดพวกนี้มาจากไหน? ข้าเพียงแค่ทำให้งานชุมนุมคัดเลือกเซียนมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น เพื่อสร้างหมู่บ้านดอกท้อแล้ว ข้าถึงกับควักศิลาวิญญาณชั้นสูงจากกระเป๋าตัวเองออกมาใช้เชียวนะ พอไปขอเงินค่าทำงานล่วงเวลา ศิษย์พี่ก็ไม่ยอมอนุมัติ...”

หลิวเสี่ยนกล่าวอย่างมีน้ำโห “ใครจะไปจ่ายเงินให้กับเรื่องไร้สาระของเจ้า!? เจ้าคิดดีๆ แม้สำนักกระบี่วิญญาณจะไม่ได้จัดงานชุมนุมคัดเลือกเซียนมาหลายปี ทว่าแผนการทุกอย่างล้วนถูกกำหนดมาแล้วหลายร้อยปี และทุกกระบวนการขั้นตอนล้วนกลั่นกรองมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน…”

กล่าวยังไม่ทันจบ ก็ถูกขัดขึ้นอย่างไร้ความปรานี “กลั่นกรองมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ประสิทธิภาพก็ยังอยู่ได้แค่ระดับกลางๆ เท่านั้น แผนที่คลื่นเมฆาเป็นตัววัดความมั่นคงแน่วแน่ในการเลือกทิศทางที่จะเดินต่อไป ในขณะที่สันเขาผาชาด ถนนสู่แดนอเวจีและด่านอื่นๆ ก็เป็นตัวชี้วัดคุณสมบัติในแต่ละด้านของคนคนหนึ่งเช่นกัน แต่พวกท่านบำเพ็ญเซียนมากี่ร้อยปี หนำซ้ำยังเป็นถึงผู้บำเพ็ญขั้นกำเนิดใหม่ ไม่รู้จริงหรือว่าสิ่งสำคัญที่สุดของการบำเพ็ญเซียนไม่ใช่รากวิญญาณ แล้วก็ไม่ใช่จิตใจ หรือชะตาวาสนาอะไรนั่น!”

หลังจากเจอการโต้กลับที่มีเหตุผลเพียงพอ หลิวเสี่ยนก็อ่อนลง “เช่นนั้นเจ้าคิดว่าเป็นอะไร?”

“แน่นอนว่าต้องเป็นความฉลาดทางอารมณ์!”

“…”

“ตอนนี้ไม่ใช่ยุคมหาสงครามระหว่างเทพอสูร แผ่นดินเก้าแคว้นสงบสุขและกำลังเติบโต ความป่าเถื่อนโหดร้ายอะไรพรรค์นั้นเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ดังนั้นการคบค้าหาสหายถึงจะสิ่งจำเป็นที่สุดบนโลกบำเพ็ญเซียน! การที่ข้าออกแบบหมู่บ้านดอกท้อขึ้นมา ก็เพื่อต้องการทดสอบมนุษยสัมพันธ์ของว่าที่ศิษย์ใหม่ หากแค่ชาวบ้านในหมู่บ้านที่แสนเรียบง่ายธรรมดายังไม่สามารถอยู่ร่วมได้ ก็อย่าหวังว่าจะมีชีวิตรอดอยู่ในโลกบำเพ็ญเซียนที่โหดร้ายกว่าร้อยพันเท่านี้เลย!

พวกท่านคงยังไม่ลืมตำนานเทพนักรบไร้เทียมทานแห่งสำนักจอมทัพกษัตริย์เมื่อร้อยปีก่อนหรอกนะ? จิ๊ๆ อีกครึ่งก้าวก็จะเหยียบขั้นมหายาน เป็นหนึ่งในอาณาจักรเก้าแคว้น แต่กลับมีคนเกลียดชังจำนวนมาก และเมื่อคราภัยพิบัติมาเยือนชีวิตของเขาก็สลายหายไปกลายเป็นเถ้าถ่าน... หากไม่มีความฉลาดทางอารมณ์ พวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรกัน!”

ขณะนั้นเอง หลิวเสี่ยนและโจวหมิงก็ตะลึงอ้าปากค้าง

ความฉลาดทางอารมณ์? คบสหาย? จะ...เจ้า จอมวายร้ายน่าเดียดฉันท์ เหตุใดจึงเอ่ยคำพูดเหล่านี้ออกมาได้อย่างหน้าไม่อาย!?

“อีกอย่าง หมู่บ้านดอกท้อของข้ามิใช่จะผ่านไปได้ง่ายดายขนาดนั้น หมู่บ้านเป็นผลต่อเนื่องจากแผนที่คลื่นเมฆา ผู้ทดสอบจะได้จุดเริ่มต้นที่แตกต่างกันออกไป และด้วยอุปนิสัยและวาสนาที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นภารกิจที่ได้ก็จะแตกต่างกันออกไป เมื่อภารกิจจบรางวัลที่ได้ก็จะแตกต่างกันตามลำดับ เช่น หากระดับความพึงพอใจของผู้นำหมู่บ้านอยู่ในขั้นดีมาก รางวัลที่ได้ก็จะเป็นการผ่านสันเขาผาชาดด้วยการใช้เรี่ยวแรงเพียงครึ่งเดียว... เอ๋...นี่พวกท่านตั้งใจฟังที่ข้าพูดอยู่หรือไม่?”

————

หมู่บ้านดอกท้อ ไห่อวิ๋นฟานรู้สึกอิจฉาในวาสนาของหวังลู่เป็นอย่างมาก

ออกมาจากดงหมอกหนาทึบในแผนที่คลื่นเมฆาได้เหมือนกัน ในฐานะคนกลุ่มที่สองที่มาถึงหมู่บ้าน สิ่งที่ไห่อวิ๋นฟานได้รับช่างแตกต่างจากหวังลู่เหลือเกิน แม้จะมีชาวบ้านต้อนรับและดูแลอย่างดี ทว่าอย่าหวังว่าจะมีงานเลี้ยง ส่วนที่พักก็เป็นเพียงห้องธรรมดาเท่านั้น

โดยเฉพาะเมื่อยามที่อยู่กับหวังลู่ รอยยิ้มของชาวบ้านล้วนส่งไปให้หวังลู่ ไห่อวิ๋นฟานเหมือนคนไร้ตัวตน

“แต่...พอคิดว่าคนที่ตามมาหลังจากนี้จะได้รับการดูแลที่แย่กว่าข้า ก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย”

หวังลู่พลันพูดด้วยสีหน้าถมึงทึง “ด้านหลังยังมีคนอีกหรือ?”

ไห่อวิ๋นฟานยิ้มกล่าว “คนที่สามารถเดินออกมาจากแผนที่คลื่นเมฆา อย่างไรก็ต้องมีสักห้าสิบหกสิบคนได้ เพียงแต่ หากใช้เวลามากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งอยู่ในหมู่บ้านนี้ได้ยากขึ้นเท่านั้น... แปลกจริงๆ  หมู่บ้านนี้คืออะไรกันแน่? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยแฮะ”

ฟังถึงตรงนี้ คิ้วของหวังลู่ก็ขมวดเป็นปม ไห่อวิ๋นฟานรู้จักเส้นทางบรรลุเซียนดีเกินไปแล้ว

“เจ้ารู้จักเส้นทางบรรลุเซียน?”

“ถ้าพูดถึงงานชุมนุมคัดเลือกเซียนทั้งหมด ข้ารู้เพียงน้อยนิดเท่านั้น... พี่หวังลู่ ท่านอยากฟังหรือไม่?”

“ไม่อยาก”

ไห่อวิ๋นฟานไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับปฏิกิริยานี้ “เช่นนั้นแล้ว ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรต่อหมู่บ้านนี้?”

“ก่อนหน้านี้ไม่มี แต่ตอนนี้เริ่มมีเบาะแสนิดหน่อย... ทว่าต้องรออีกสักหน่อยจึงจะยืนยันได้”

ไห่อวิ๋นฟานพยักหน้า “เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ต้องฝากท่านแล้ว สำหรับหมู่บ้านนี้ ข้าไม่มั่นใจเลยว่าจะทำคะแนนออกมาได้ดี”

“เดี๋ยวนะ ฝากข้าคืออะไร? ข้าไม่ได้จะรับเลี้ยงเจ้าสักหน่อย!”

“ฮ่าๆ พวกเราเป็นเพื่อนกันนี่!”

“ฮ่าๆ พวกเราจะเป็นเพื่อนกันตลอดชีวิต”

.........................................

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด