TXV – 363 คุณค่าสิ่งของ !
TXV – 363 คุณค่าสิ่งของ !
ณ โรงแรมพาเลซ
"เทียนหยิน ที่นี่มีงานประมูลอย่างนั้นเหรอ?" อันซูฮยอนพูดขณะที่กำลังเดินไปหาเฉินตูเทียนหยินที่รออยู่ตรงบริเวณทางเข้า
ไม่ได้มีแค่เพียงเฉินตูเทียนหยินที่ยืนอยู่แต่ข้างกายของเธอยังมีกู๋เค่อเหวินและฟู่หมิงเหม่ยอยู่ด้วยทั้งสามคนยืนอยู่โดยมีเฉินตูเทียนหยินยืนนำหน้า ส่วนพวกเธอก็เป็นเหมือนกับผู้ติดตาม
เฉินตูเทียนหยินยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า "ใช่...เรื่องงานของเราเอาไว้ก่อน ฉันคิดว่าควรชวนคุณมางานประมูลเพื่อการกุศล"
"แล้วมันดีหรือไม่? ผมควรจะเข้าร่วมหรือเปล่า?" อันซูฮยอนถาม
เฉินตูเทียนหยินตอบกลับไปว่า "ฉันคิดว่าคุณควรจะเข้าประมูลซักหนึ่งหรือสองภาพเพื่อเป็นการทำบุญช่วยเหลือผู้ยากไร้"
"ได้เลย ไม่มีปัญหา พวกเราไปกันเลยดีกว่า" อันซูฮยอนพูดพร้อมเดินไปจับมือของเฉินตูเทียนหยิน
กู๋เค่อเหวินที่เห็นเหตุการณ์ เธอได้เดินเข้าไปแทรกตรงกลางระหว่างพวกเขาทำให้มือของอันซูฮยอนหลุดจากมือของเฉินตูเทียนหยิน
หลังจากนั้นอันซูฮยอนก็แสดงสีหน้าไม่พอใจเพียงแค่ครู่เดียวหลังจากนั้นก็กลับมาแสดงสีหน้าปกติ
จังหวะนี้กู๋เค่อเหวินก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า "ว่าแต่คุณอัน คุณพบเจอเซี่ยเหล่ยบ้างหรือไม่?"
อันซูฮยอนมองไปที่กู๋เค่อเหวินด้วยท่าทางตกใจเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปอย่างระมัดระวังว่า "ผมว่าคุณคงจะถามผิดคนแล้ว? ผมไม่เห็นเขาและไม่อยากจะได้ยินชื่อของผู้ชายคนนี้อีกด้วย อย่าพูดให้ผมได้ยินอีก"
กู๋เค่อเหวินยิ้มและพูดว่า "คุณอัน ไม่เห็นต้องใส่อารมณ์เลยนี่ ฉันก็แค่ถามเฉยๆ " พูดเสร็จเธอก็เดินไปทันที
คิ้วของอันซูฮยอนย่นจนแทบจะชนกันจากนั้นก็คิดในใจว่า "ทำไมจู่ๆผู้หญิงคนนี้ถึงได้ถามถึงเซี่ยเหล่ยกับเราหล่ะ? หรือว่าเธอจะรู้อะไรมาอย่างนั้นเหรอ? แต่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้.....”
ในห้องโถงมีคนอยู่มากมาย พวกเขามาจากทั่วทุกพื้นที่ของประเทศจีน
ตอนนี้งานประมูลการกุศลยังไม่ได้เริ่มอย่างเป็นทางการจึงทำให้กลุ่มแขกที่มาถึงก่อนต่างพากันจับกลุ่มและพูดคุยกันอยู่ภายในงาน
ทันทีที่เฉินตูเทียนหยินและอันซูฮยอนเดินเข้าไปภายในห้องโถง เหล่าแขกที่มาร่วมงานต่างพากันพูดคุยถึงเขากันอย่างมากนั่นก็เพราะพวกเขารู้ว่าอันซูฮยอนเป็นใคร มันทำให้พวกเขามีท่าทีที่แตกต่างออกไปจากตอนที่จับกลุ่มคุยกัน
แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกของอันซูฮยอนเลยก็ว่าได้ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าบรรดาแขกในงานพูดอะไรกันแต่เมื่อเขาเห็นว่าแขกเหล่านั้นมองมาและกระซิบพูดคุยกันเอง มันก็ทำให้เขามีความรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นแฟนของเฉินตูเทียนหยินที่มาออกงานพร้อมกับเธอ
เมื่อไม่นานมานี้เฉินตูเทียนหยินเพิ่งให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับบริษัทเหวี้ยนเทียนและบริษัทก็อดโดเมนเกี่ยวกับโครงการผลิตโทรศัพท์มือถือของพวกเขาไปและตอนนี้เธอมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ จึงทำให้พวกเขาค่อนข้างจะได้รับความสนใจจากบรรดาแขกในงาน
เมื่อมองไปที่เฉินตูเทียนหยินและอันซูฮยอนแล้ว คิ้วของฟู่หมิงเหม่ยก็เหี่ยวย่นทันทีจากนั้นเธอก็พูดกับตัวเองว่า "เซี่ยเหล่ยกำลังทำอะไรอยู่? เขาทำให้ฉันผิดหวังอีกแล้ว เขาคิดอะไรของเขาอยู่กันแน่นะ..... "
กู๋เค่อเหวินเดินไปยืนอยู่ด้านข้างของฟู่หมิงเหม่ยก่อนจะพูดว่า "เทียนหยินและอันซูฮยอน ดูๆไปแล้วพวกเขาก็เหมาะสมกันดีนะ ไม่ว่าจะเป็นทั้งรูปร่างหน้าตาหรือแม้แต่ฐานะทางสังคม"
ฟู่หมิงเหม่ยมองไปที่กู๋เค่อเหวินก่อนจะพูดว่า "ไม่ใช่ว่าคุณอยากให้เฉินตูเทียนหยินได้ลงเอยกับพี่ของคุณอย่างนั้นเหรอ?"
ในความเป็นจริงกู๋เค่อเหวินก็อยากให้เป็นเช่นนั้นแต่ตอนนี้กู๋เค่อหวู่ยังอยู่ในคุกจึงไม่สามารถทำอะไรได้
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องตลกสำหรับเธอแม้ว่าเธอจะไม่พอใจแต่เธอก็ไม่ได้แสดงมันออกมา เธอยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า "จะเป็นไปได้อย่างไรกัน พี่ชายของฉันตอนนี้ก็อยู่ในคุก เขาไม่สามารถทำอะไรได้แล้วดังนั้นตอนนี้เมื่ออันซูฮยอนเข้ามา ฉันเลยคิดว่าพวกเขาเหมาะสมกัน
ฟู่หมิงเหม่ยมองไปที่กู๋เค่อเหวินด้วยท่าทางที่แปลกใจ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า "คุณเปลี่ยนไปจริงๆ"
กู๋เค่อเหวินถอนหายใจเบาๆก่อนจะพูดว่า "เปลี่ยนงั้นเหรอ…."
ในตอนนี้งานประมูลการกุศลได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว ประธานหอการค้าขึ้นกล่าวสุนทรพจน์โดยคอนเซ็ปต์ของงานนี้คือ “ความรักและการทุ่มเท” ซึ่งการประมูลครั้งนี้ไม่ได้จัดทำขึ้นเพื่อหวังผลกำไรส่วนตัวแต่เป็นการประมูลผลงานศิลปะเพื่อนำเงินไปบริจาคช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสและยากจนบนพื้นที่ทุระกันดาร
หลังจากประธานหอการค้ากล่าวสุนทรพจน์จบ บนจอโปรเจ็คเตอร์ก็ได้ฉายวีดีโอเด็กยากจนที่ด้อยโอกาสซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่พวกเขาจะนำเงินไปช่วยเหลือ
อันซูฮยอนไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้หรือการประมูลเลย เขาสนใจแค่เฉินตูเทียนหยินเท่านั้นแม้ว่าเขาจะต้องเสียเงินไปบ้างในการประมูลครั้งนี้แต่เขาก็ถือว่ามันคุ้มค่าสำหรับเขามาก!
ยังมีเรื่องอะไรจะสำคัญไปกว่าการทำให้ตัวเองมีความสุข?
หลังจากวีดีโอเล่นจนจบการประมูลก็ได้เริ่มต้นขึ้น เจ้าหน้าที่ได้นำภาพวาดขึ้นแสดงโชว์ พวกเขาใช้กล้องถ่ายภาพและต่อมันเข้ากับจอโปรเจ็คเตอร์ขนาดใหญ่ เพื่อให้ทุกคนภายในงานสามารถเห็นรายละเอียดได้อย่างชัดเจนและครบถ้วนทุกคน
ภาพแรกนี้ถูกนำมาประมูลนี้เป็นภาพวาดที่วาดขึ้นโดยจิตรกรที่ไม่ได้มีชื่อเสียง ดังนั้นราคาเริ่มต้นจึงยังไม่ได้สูงเท่าไหร่
เฉินตูเทียนหยินพูดอย่างตื่นเต้นขึ้นว่า "มันสวยงามจริงๆ พ่อของฉันเคยไปสักการะบูชาที่แห่งนี้ถ้าฉันประมูลได้มาก็จะนำไปให้เขา ฉันคิดว่าเขาน่าจะชอบมันแน่ๆเลย
"คุณลุงชอบงั้นเหรอ?" อันซูฮยอนพูดอีกว่า "งั้นผมจะประมูลมันมาเอง"
เฉินตูเทียนหยินแค่เกริ่นขึ้นมาเท่านั้นแต่ดูเหมือนว่าอันซูฮยอนจะเข้าใจผิดและคิดไปเอง เธอจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆให้กับเขา
แต่ดูเหมือนรอยยิ้มของเธอจะไปกระตุ้นความตื่นเต้นของเขา อันซูฮยอนจึงพูดขึ้นทันทีว่า "หนึ่งล้านหยวน!"
แม้ว่าในความเป็นจริงเจ้าหน้าที่จะเปิดประมูลเพียงแค่หนึ่งหมื่นห้าพันหยวนและยังไม่ได้โฆษณาสินค้าชิ้นนี้เลยด้วยซ้ำแต่อันซูฮยอนกลับเสนอราคามากถึงหนึ่งล้านเลยทีเดียว
เจ้าหน้าที่รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่มีคนเปิดราคาประมูลสูงขนาดนี้ เขาจึงพูดโฆษณาสินค้าต่ออีกว่า "ตอนนี้ราคาเสนออยู่ที่หนึ่งล้านหยวน เจ้าของผลงานตอนนี้ได้เสียชีวิตไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่ภาพวาดของเขายังคงอยู่ กรอบรูปนี้เป็นกรอบไม้ที่สั่งทำเป็นพิเศษและตัวเนื้อไม้มีอายุกว่าห้าสิบปีแล้ว มัน..... "
"หนึ่งล้านหนึ่งแสน" จู่ๆใครบางคนก็เสนอราคาเพิ่ม
"โอ้โห ตอนนี้ราคาขึ้นไปอยู่ที่หนึ่งล้านหนึ่งแสนแล้ว!" เจ้าหน้าที่พูดด้วยความตื่นเต้น
อันซูฮยอนขมวดคิ้วพร้อมพูดขึ้นอีกว่า "2 ล้าน!"
ในความเป็นจริงแม้ว่าภาพวาดชิ้นนี้จะค่อนข้างมีราคาเพราะเป็นภาพวาดที่มีอายุกว่าห้าสิบปีมาแล้วนั่นรวมถึงราคาของไม้ที่สั่งทำพิเศษด้วยแต่ราคามันก็ไม่ได้สูงถึงหนึ่งล้าน แต่ตอนนี้ราคาของมันกลับสูงถึงสองล้านหยวนแล้ว...
เจ้าหน้าทียังคงดำเนินการต่อไป เขาพูดขึ้นต่อว่า "สุภาพบุรุษท่านนี้เสนอราคาอยู่ที่สองล้าน สองล้านหยวนครั้งที่หนึ่ง สองล้านหยวนครั้งที่สอง”
"ผม ผม ... เสนอราคาที่ห้าล้านหยวน!" เสียงของใครคนหนึ่งพูดขึ้น มันสามารถดึงดูดความสนใจของบรรดาแขกในงานได้เป็นจำนวนมาก
ใครที่เป็นคนเสนอราคาที่สูงขนาดนี้?
ภายใต้อยู่ในแสงสลัวๆ มีไฟสปอร์ตไลท์ส่องไปที่เขา เขาแต่งกายชุดพนักงานเสิร์ฟ เขายืนอยู่พร้อมกับเม็ดเหงื่อมากมายที่อยู่บนหน้าผากของเขา
อันซูฮยอนรู้สึกแปลกใจ จากนั้นก็พูดว่า "นี่มันเรื่องอะไรกัน? เขาก่อกวนงั้นเหรอ? "
เจ้าหน้าที่ได้พูดขึ้นว่า "พนักงานเสิร์ฟคนนั้นหน่ะถ้าคุณตั้งใจจะก่อกวนละก็ ผมจะดำเนินการกับคุณขั้นเด็ดขาดแน่"
พนักงานเสิร์ฟคนนั้นได้พูดขึ้นว่า "ผมมีเงินมากพอที่จะจ่ายตามที่ผมพูดออกไป ผมไม่มีสิทธิเข้าร่วมประมูลงั้นเหรอ? ขนาดคนเกาหลีใต้คนนั้นยังเข้าร่วมได้เลยนี่ เขาดูเป็นคนที่ร่ำรวยแต่กลับไม่รู้ว่าของชิ้นไหนมีคุณค่าหรือราคาเท่าไหร่เลย ดังนั้นผมจึงคิดว่าเขาควร..... "
อันซูฮยอนพูดด้วยความไม่พอใจไปว่า "ควรอะไร?"
"ควรเริ่มจากการไปศึกษาวิธีการเลือกผักในตลาด" พนักงานเสิร์ฟตอบ
"ฮ่าฮ่า ...... " อันซูฮยอนหัวเราะออกมาอย่างหยาบคาย
ตอนนี้บรรดาแขกภายในงานต่างพากันพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่กำลังเกิดอยู่
เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนจ่ายเงินให้กับเขาเพื่อประมูลแข่งกับอันซูอยอนเพราะดูเหมือนว่าที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้อยากได้ภาพวาดภาพนั้นเลย
อันซูฮยอนเป็นคนฉลาด เขามองไปรอบๆห้องโถงที่จัดงานประมูลขึ้นทันทีเพื่อมองหาบุคคลที่น่าสงสัยที่อยู่เบื้องหลังการกระทำครั้งนี้แต่น่าเสียดายที่เขาไม่เจอใครน่าสงสัยเลย
"ห้าล้านหยวนครั้งที่หนึ่ง" เจ้าหน้าที่พูดขึ้น เขายังคงทำหน้าที่ประมูลต่อไป
อันซูอยอนพูดขึ้นอย่างเยือกเย็นออกไปว่า "หกล้านหยวน!"
"สิบล้านหยวน!" พนักงานเสิร์ฟพูด เขาเองก็ยังคงเสนอราคาแข่งกับอันซูฮยอนต่อไป!
พวกเขาไม่ได้บ้าไปแล้วใช่ไหม?
"สิบเอ็ดล้านหยวน!" อันซูฮยอนเสนอราคาสู้ต่อเช่นกัน
"สิบห้าล้านหยวน!" พนักงานเสิร์ฟยังคงเสนอราคาอย่างต่อเนื่อง
"ยี่สิบล้านหยวน!" อันซูฮยอนเสนอราคาที่สูงมากดูเหมือนเขาจะสูญเสียความเยือกเย็นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"อืม.... " พนักงานเสิร์ฟพูดต่อว่า "เอาล่ะ คุณเอาภาพวาดนี้ไปได้เลย มันเป็นของคุณแล้ว"
อันซูฮยอนตะลึงอย่างมากที่ได้ยินพนักงานเสิร์ฟพูด เขาตัวแข็งถื่อทันที
"ยี่สิบล้านครั้งที่หนึ่ง ยี่สิบล้านครั้งที่สอง ยี่สิบล้านครั้งที่สาม!" เจ้าหน้าที่ประมูลพูดขึ้นพร้อมเคาะปิดราคาเพื่อแสดงให้เห็นว่าได้สิ้นสุดการประมูลภาพวาดชิ้นนี้แล้ว ในความเป็นจริงภาพวาดนี้มีราคาอยู่ที่ราวๆห้าแสนหยวนเท่านั้นแต่ราคาประมูลในครั้งนี้กลับสูงถึงยี่สิบล้านหยวน!!
เหล่าผู้เข้าร่วมประมูลต่างพากันปรบมือให้กับเขา
การปรบมือนี้เป็นการแสดงความยกย่องให้กับอันซูฮยอนแต่ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยภูมิใจเลย ใบหน้าของเขาค่อนข้างจะดูเศร้าหมอง เขาหันไปมองที่พนักงานเสิร์ฟคนนั้นก็รู้สึกคุ้นๆหน้า แต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นเขาที่ไหน
เฉินตูเทียนหยินยิ้มและพูดขึ้นว่า "อันซูฮยอน ฉันไม่รู้เลยว่าคุณต้องการจะร่วมประมูลเพื่อการกุศลจริงจังขนาดนี้ คุณยอดเยี่ยมจริงๆ"
อันซูฮยอนยิ้มแห้งๆก่อนจะพูดขึ้นว่า "ตราบเท่าที่มันเป็นสิ่งที่คุณลุงชอบ ผมก็พร้อมจะจ่ายและมันก็จะเป็นการดีสำหรับเด็กยากจนเหล่านั้นด้วย"
"ขอบคุณมาก" เฉินตูเทียนหยินพูดพร้อมรอยยิ้ม
ติดตามตอนต่อไป.........