บทที่ 59 ใครบอกว่าไม่มีใครเหลือแล้ว?
บทที่ 59
ใครบอกว่าไม่มีใครเหลือแล้ว?
หลังจากการนำทาง หลินมี่และกลุ่มก็เข้าไปภายในวัดของหมู่บ้าน เจียงซิ่วและเพื่อนๆ ก็ตามเข้าไป ขณะนั้นเองก็มีบุคคลตะโกนออกมาจากภายใน “หลีกไป หลีกไป!”
กลุ่มวัยรุ่นแบกชายที่มีเลือดและขาแขนหักออกไป ผู้หญิงคนหนึ่งมาหาพวกเขาที่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก “แขนและขาของเขาหัก แม้ว่าจะรักษาได้ เขาก็จะเป็นคนพิการ”
อารมณ์ความรู้สึกมากมายเกิดขึ้นภายในตัวของเจียงซิ่ว เมื่อตอนที่เขาเห็นผู้หญิงคนนี้ เธออายุประมาณ 50 ปี แต่เธอดูสุขภาพดี เขาเรียกเธอออกไป “พี่สาวเซียง!”
ไม่ใช่ใครอื่น นอกเสียจากพี่เลี้ยงของเจียงซิ่ว แม่ของชวูเชียนเฉิง
พี่สาวเซียงหันไปรอบๆ ในที่สุดใบหน้าของเธอก็ฉายแววประหลาดใจ “ซิ่วน้อย!”
แม้ว่าเธอจะไม่ได้เห็นเขามาเป็นเวลา 3 ปี แต่พี่สาวเซียงก็สามารถจดจำเขาได้อย่างรวดเร็ว
ใบหน้าประหลาดใจของเธอ เปลี่ยนเป็นนิ่งเรียบในชั่วพริบตา ขณะที่เธอหันไปทางชวูเชียนเฉิงและฟาดเขาป “สารเลวน้อย ทำไมแกถึงพาซิ่วน้อยมายังสถานที่นี้? ออกไปกับเขาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
ชายที่แข็งแกร่งด้านข้างเข้ามาถาม “นั้นคือเด็กที่เคยอยู่อาศัยบ้านเธอ ใช่มั้ย?”
เจียงซิ่วยังจำเขาได้ เขาเป็นตาเฒ่าหัวหน้าหมู่บ้านของภูเขาทิศใต้ ทุกคนเรียกเขาเฒ่าศรีษะเหล็ก เขาชอบเดินไปรอบๆด้วยท่อยาสูบในมือของเขา
“ใช่ หัวหน้าหมู่ยังคงจดจำฉันได้”
นักสู้ที่ดีที่สุดในหมู่บ้านบางส่วน ก็ยืนอยู่ข้างๆหัวหน้าหมู่บ้าน
“เธอเรียกว่าเจียง... เจียงซิ่วใช่มั้ย?”
“ใช่แล้ว!”
“หลีกไป หลีกไป!”
ความวุ่นวายเกิดขึ้นภายในฝูงชนอีกครั้ง เมื่อมีเยาวชนอีกคนออกไปข้างนอก
“อะไร? พวกเราแพ้อีกแล้ว?”
พี่สาวเซียงไม่มีเวลาที่จะสอนบทเรียนให้แก่ลูกและเจียงซิ่ว
เจียงซิ่วถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
ชวูเชียงเฉิงตอบเขา “ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เกิดความขัดแย้งระหว่างหมู่บ้านของเรา หมู่บ้านภูเขาทิศเหนือกระทำเรื่องที่ชั่วร้ายมากเกินไป ตลอดระยะเวลาที่เทศการเต๋าไร้สิ้นสุดดำเนินไป แม้แต่กระทั่งหลายชีวิตก็ต้องสูญเสียไปด้วย เพื่อระงับเรื่องนี้ ทั้งสองหมู่บ้านก็จึงตกลงกันด้วยการต่อสู้ โดยมีการประลองจุดสูงสุดของโลกอาชญากรเป็นสื่อกลาง ใครพ่ายแพ้ก็จะสูญเสียผลประโยชน์ในระหว่างที่เทศการเต๋าไร้สิ้นสุดกำลังดำเนินอยู่ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับช่องทางทำมาหากินของพวกเขา และความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างกันและกัน ดังนั้นทุกก็ได้เพียงแต่ทำทุกิย่างให้ดีที่สุด”
ประเพณีและธรรมเนียมปฏิบัติของดงซง มีความเหี้ยมหาญอย่างมาก การสู้รบระหว่างหมู่บ้านเกิดขึ้นตั้งแต่ปีคศ. 1970 และก็เป็นเรื่องปกติที่มีคนตายทุกๆครั้ง
“หลีกไป หลีกไป...”
เจียงซิ่วชำเลืองมองดูคนที่ถูกหามออกไป โหนกแก้มของเขาบิดเบี้ยว และชายคนนั้นก็หมดสติไปแล้ว
“เฮ้อ เป็นคนที่สามแล้วที่ได้รับบาดเจ็บ”
พี่สาวเซียงถอยหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “หมู่บ้านของเราไม่มั่งคั่งมากพอ ที่จะเชิญผู้เชี่ยวชาญมาได้”
ขณะนั้นเธอก็ตระหนักได้ว่าเป้าหมายของเธอคือตักเตือนเจียงซิ่ว เธอกล่าว “ซิ่วน้อย เธอมาที่นี่ได้อย่างไร? พ่อแม่ของเธอรู้หรือเปล่า?”
“พวกเขาไม่รู้”
ถ้าเขาบอกว่าพวกเขารู้ และเมื่อกรณีที่พี่สาวเซียงโทรไปที่บ้านเพื่อถาม มันจะยุ่งยากเสียเปล่าๆ ดังนั้นเขาจึงพูดความจริงออกไป
“เธอ...”
“นี้ก็เหมือนกัน เด็กเหลือขอตัวเหม็น พาซิ่วน้อยออกไปจากที่นี่ รอจนกว่าพวกเราจะกลับไปที่บ้าน”
ชวูเชียนเฉิงกล่าว “แม่ ฉันแค่อยากจะช่วยให้เจียงซิ่วมีเงิน”
พี่สาวเซียงพึมพำกับตัวเอง เธอเข้าใจสถานการณ์ทางบ้านของเจียงซิ่วดีที่สุด พวกเขาเป็นครอบครัวที่มั่งคั่ง แต่ก็ตกต่ำลง จนกระทั่งต้องมาขายผลไม้ในตอนนี้ และรายได้ของพวกเขาเองก็มีขีดจำกัด เธอกล่าวอย่างหมดหนทาง “ไปพร้อมกัน ตกลงไหม?”
เสียงดังราวกับคลื่นสึนามิดังก้องไปรอบๆ บริเวณวัด
การประลองครั้งใหม่กำลังเริ่มขึ้นบนลานในตอนนี้
เจียงซิ่วไม่ได้รับผลกระทบจากมัน แต่ทว่าผิวของเฉินเซี่ยดูซีดเซียวลง เธอมาที่นี่เมื่อวานนี้แล้ว และเพียงแค่มองไปที่ฉากฆาตกรรมนี้ มันก็ทำให้เธอรู้สึกคลื่นไส้ เธอวิ่งหนีที่ๆมีเลือดอยู่ในตอนแรก แต่ตอนนี้ เธอมาหาเงิน มือเล็กๆของเธอที่จับเงินไว้ กำลังสั่นสะท้าน
นักสู้ที่ถูกเชิญมาจากหมู่บ้านภูเขาทิศใต้ได้มาถึงเส้นฟางสุดท้ายแล้ว เขานอนอยู่บนพื้นดิน รับหนึ่งหมัดและอีกหมัด มันจนกระทั่งหัวของเขามีเลือดไหลออกมา
มันเป็นฉากที่เปื้อนเลือด!
“พวกเรากำลังพ่ายแพ้อีกครั้ง!”
พี่สาวเซียงกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเห็นฉากนี้
“ผลกระทบจะมีมากแค่ไหน ถ้าพวกร่ายแพ้?” เจียงซิ่วถาม
“มากแค่ไหน?” ชวูเชียนเฉิงเบิกตากว้าง “นับตั้งแต่ที่ การพบปะผู้รับใช้เต๋า ได้เปลี่ยนเป็นการประลองจุดสูงสุดของโลกอาชญากร ธรรมชาติของมันเองก็ย่อมเปลี่ยนไป ตระกูลที่มีอิทธิพล แก๊ง นิกาย เช่นเดียวกับโลกใต้ดิน อำนาจของพวกเขามีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วย นับประสาอะไรเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเงินด้วยแล้ว บางคนแม้แต่กระทั่งเดิมพันชีวิตของพวกตัวเอง ด้วยการเดิมพันโชคลาภทั้งหมดของเขาลงไป”
“ถึงแม้ว่าหมู่บ้านของเราจะยังไม่ถึงขั้นที่ต้องเดิมพันกับช่องทางทำมาหากิน แต่มันก็ใกล้เข้ามาแล้ว”
“นายคิดว่าเรื่องแบบนี้ มันจะเป็นเรื่องเล็กไหมละ?”
ความเป็นจริงมักโหดร้ายเสมอ นี่มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กับกฎหมามที่สงบสุขของสังคมปัจจุบัน สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น มันเป็นตั้งแต่ที่เต๋าศรัทธาสวรรค์เกิดขึ้นมาในช่วงเวลาแห่งภัยพิบัติ มันได้ทำการหลอกล่อผู้คนในท้องถิ่นบริเวณนั้นๆ
“หลีกไป หลีกไป...”
คนที่พ่ายแพ้ถูกนำตัวออกไปด้วยเปล
ชวูเชียนเฉิงถาม “แม่ ไม่ใช่ว่านักสู้คนต่อไปคือ เฉินยี่ปิง?”
“ใช่ มันคือเฉิงยี่ปิง”
“เขาแข็งแกร่งไหม?”
“หมู่บ้านภูเขาทิศใต้ของเราใช้จำนวนเงินมหาศาลเพื่อเชื้อเชิญเขามา แม้ว่าเขาจะค่อนข้างหยิ่ง แต่พวกเราก็ได้แต่พึ่งเขาแล้วในขณะนี้ และก็ได้แต่เพียงหวัง ว่าเขาจะชนะ”
เจียงซิ่วกล่าวกับพี่สาวเซียง “ถ้าคุณรู้สึกไม่มั่นใจ เทพค- ฉันสามารถช่วยได้”
พี่สาวเซียงตื่นตระหนก คิดถึงสิ่งบ้าๆที่เด็กคนนี้คิด เธอรับกล่าว “ฉันขอบใจกับความใจดีของเธอ แต่ชีวิตจะถูกเดิมพันในการประลองนี้ เธอก็เห็นคนที่ออกจากลานมาแล้วนิ ใช่ไหม? ถ้าเธอโชคดี เธอจะจบลงด้วยการขาหรือแขนหัก แต่ถ้าเธอโชคร้าย เธอก็จะตายในที่นั้น แค่มองไปที่รูปร่างอ้อนแอ่นของเธอ ไปดูแลพ่อแม่ของเธอเองจะดีกว่า แทนที่จะมาคิดแบบนี้ เข้าใจใช่ไหม?”
ผมของเจียงซิ่วพลิ้วไหว ดวงตาของเขาเปลี่ยนไป และเสียงของเขาก็กลายเป็นนุ่มลึก ขณะที่เขากล่าวออกมาเบาๆ “พี่สาวเซียง ฉันมีความแข็งแกร่งและสามารถต่อสู้ได้ดี”
“การประลองเล็กๆเช่นนี้ ฉันสามารถจบมันได้ด้วยการโบกมือเพียงครั้งเดียว”
พี่สาวเซียงไม่ทราบว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “เอาหล่ะ อย่าสร้างปัญหาในตอนนี้ เชื่อฟังกันหน่อย”
“พี่สาวเซียง…”
“จริงๆนะ…”
เทพซิ่งรู้สึกมืดมน และแม้แต่กระทั่งกำลังหงุดหงิดอยู่ ทำไมคุณถึงไม่เชื่อคำที่เทพคนนี้กล่าออกมาอย่างจริงจังหล่ะ คุณคิดว่าเทพคนนี้โกหกคุณหรือไม่?
เหลือเชื่อ นี้มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
“พี่ชายปิง! พี่ชายปิง!”
เฉิงยี่ปิง ความสูงอยู่ที่ประมาณ 180 ซม. ท่อนบนของเขาเปลือยเปล่า มันจึงเผยให้เห็นรอยสักรูปหัวเสือที่ปรากฏอยู่บนร่างกายเขา และรอยแผลเป็นที่อยู่บนหน้าผากนั้น มันส่งผลทำให้เขาดูชั่วร้าย
ดูเหมือนว่าเขาจะมีอายุประมาณ 20 ถึง 30 ปี
ดวงตาของเขาดูไม่ใหญ่นัก แต่นันตาก็เต็มไปด้วยความชั่วร้าย
เพียงแค่มองไปที่เขาหนึ่งครั้ง ก็เพียงพอแล้วที่จะระบุได้ว่า เขาเป็นคนที่โฉดชั่วอำมหิต
เจียงซิ่วถามด้วยอารมณ์ที่ไม่ดี “พี่สาวเซียง หมู่บ้านจ่ายเงินเท่าไรเพื่อเชิญเขามา?”
“สามล้าน!”
เจียงซิ่วสูดลมอย่างหนาวเหน็บ เขารู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว มหาเทพซิ่วพร้อมที่จะปรากฏตัวอย่างฟรีๆ แต่ถึงกระนั้น พวกเขาทั้งหลายก็ยังปฏิเสธเทพอย่างเขา ในทางกลับกัน พวกเขาเต็มใจที่จะจ่ายเงิน 3 ล้าน ให้กับบุคคลแบบนี้ เจียงซิ่วรู้สึกปวดฟัน
ชวูเชียนเฉิงนำเงินทั้งหมดของเขาออกมา มันมีมากถึง 10,000 หยวน และก็เขาเดิมพันข้างเฉิงยี่ปิงทั้งหมด
เฉินเซี่ยชบปากของเธอ และก็วางแผนที่จะเดิมพันด้วยเงิน 3,000 หยวนที่เธอมีด้วยเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม มือของเธอกลับหยุดกะทันหัน มันเป็นเพราะเจียงซิ่ว “เธอจะต้องไม่เดิมพัน!”
“เขาจะแพ้!”
เจียงซิ่วมองไปทางผู้เชี่ยวชาญที่หมู่บ้านภูเขาทิศใต้เชิญชวนมา คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีกำลังภายในอยู่ในร่าง ขณะเดียวกัน เฉินยี่ปิงกลับไม่มีกำลังภายใน มันจึงเห็นได้ชัดเจน ว่าเฉินยี่ปิงจะพ่ายแพ้
“เอ๋!... หยุดพูด ระ เรื่องเหลวไหล”
การต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้น เขาก็ยังพูดสิ่งที่บั่นทอดกำลังใจเช่นนี้มาอีก
“ฉันพูดความจริง...”
เขายังไม่ทันพูดจบ เฉินซี่ยก็ปิดปากเขา ด้วยมือของเธอ “เด็กน้อย อย่าพูดถึงสิ่งนั้นอีก ไม่งั้นฉันจะตีนาย”
“… …”
เทพซิ่วโกรธมาก เพราะผลที่ตามมาค่อนข้างหนักหนา เทพคนนี้จึงต้องการช่วยเธอ แต่เธอกลับไม่เชื่อเทพคนนี้จริงๆ
ผู้คนจากหมู่บ้านภูเขาทิศใต้เริ่มเป็นกังวล หลังจากที่การต่อสู้ได้เริ่มขึ้น
“เขาจะชนะ เขาจะต้องชนะ”
ชวูเชียนเฉิงและเฉิงเซี่ยก็พึมพำกับตัวเอง พวกเขาเดิมพันทุกสิ่งที่ตัวเองมี ในการประลองครั้งนี้
“พี่ชายปิง คุณสามารถทำมันได้...”
จากสายตาของเจียงซิ่ว ที่จ้องมองไปยังบนเวที เขากล่าวอย่างไม่แยแส “อีก 7 การเคลื่นไหว!”
ทักษะกำลังภายใน แตกต่างจากทักษะการต่อสู้ทั่วไปมาก เมื่อทักษะต่อสู้ธรรมดาๆ สามารถเฉือนก้อนหินได้ให้เป็นรอยคล้ายใบมีดได้ แต่ไม่ว่ามันจะแข็งแกร่งแค่ไหน มันก็จะสร้างความเสียหายให้ได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ทักษะกำลังภายใน โดยเฉพาะอย่างผู้ที่มีการบ่มเพาะที่ลึกซึ้ง พวกเขาสามารถใช้ใบมีดเพื่อแยกหินก้อนใหญ่ออกจากกันได้
ความแตกต่างระหว่างความแข็งแกร่งนี้นั้น แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ปั๊ง!
พลังเจอกับพลัง กำปั้นของพวกเขาเข้าปะทะกัน ตามมาด้วยเสียงกระเพื่อมของอากาศ เฉินยี่ปิงถอยออกไปหลายก้าว ขณะที่ใบหน้าของเขาฉายแววความเจ็บปวด แขนที่เขาชกออกไปสั่นเครื่อ ขณะที่กำปั้นของพวกเขาได้ปะทะกัน เขารู้สึกราวกับว่าพลังบางอย่างของฝ่ายตรงข้ามกำลังบุกรุกเข้ามาที่แขนของเขาดุจระลอกคลื่นของน้ำ ส่งผลทำให้กระดูกของเขาสั่นสะเทือน
“ฮ๊าาาาห์!”
ฝ่ายตรงข้ามตะโกน ขณะที่เขากำลังพุ่งกระโจนเข้าไปทางเขา เฉินยี่ปิงรีบวิ่งหลบไปด้านข้าง ขณะที่ปล่อยลูกเตะออกไปยังฝ่ายตรงข้ามพร้อมๆกัน ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้หลีกเลี่ยง แต่เขาส่งหัวเข่าของตัวเองออกไปปะทะแทน เฉินยี่ปิงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“อีก 2 การเคลื่อนไหว!”
หลังจากนั้น เจียงซิ่วก็ไม่ได้หันไปมองที่ลานประลองอีก
คนจากหมู่บ้านภูเขาทิศใต้หันมา และเงียบลง ความมั่นใจของพวกเขาก่อนหน้านี้ หายไปอย่างสมบูรณ์ แม้แต่คนตาบอด ก็สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าเฉินยี่ปิงไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของฝ่ายตรงข้าม
“พี่ชายปิง... ไม่ เขาจะไม่แพ้ ใช่ไหม?”
เสียงของเฉินเซี่ยสั่นเล็กน้อย
“นะ แน่นอน”
ชวูเชียงเฉิงต้องการร้องไห้ เขาเงินทั้งหมดของเขาเกี่ยวข้องกับผลตัดสิ้นครั้งนี้
“อ๊ากกก!”
ตามมาด้วยเสียงกรีดร้อง เฉินยี่ปิงถูกเตะกระเด็นออกมาหลายเมตร และก็หมดสติไปทั้งๆ อย่างงั้น แขนและขาของเขาหัก เป็นหรือตาย ไม่อาจทราบได้
มันจบลงภายใต้เจ็ดการเคลื่อนไหว
“เร็ว เอาเขาออกมา”
“หลีกไป...”
หัวหน้าหมู่บ้านภูเขาทิศใต้ และคนอื่นๆ กลายเป็นโง่งม ความหวังสุดท้ายของพวกเขา ได้หายไปแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องจบสิ้นลง
ขาของหัวหน้าหมู่บ้านกลายเป็นใช้การไม่ได้ ขณะที่เขาล้มลงกระแทกพื้น
ที่ด้านข้าง หมู่บ้านภูเขาทิศเหนือ โห่ร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“เฒ่าศรีษะเหล็ก หมู่บ้านภูเขาทิศใต้ของแกจะหายไป แกจะไม่ได้รับการอนุญาตให้มีส่วนร่วมรับผลประโยชน์จากเทศการเต๋าศรัทธาสวรรค์ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ไม่เช่นนั้น พวกเราจะไม่อยู่เฉยๆ แน่ และทุบตีแม่งจนกว่าแกจะออกไป”
“ไม่ใช่ว่าแกมีเงินเหลืออยู่? แกออกไปทำธุรกิจที่แกคิดซะสิ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า...”
คนทุกคนจากหมู่บ้านภูเขาทิศเหนือหัวเราะอย่าหยาบคาย
“ทุบร้านค้าทั้งหมดที่หมู่บ้านภูเขาทิศใต้ตั้งขึ้น อย่าปล่อยพวกมันไปแม้แต่แผงเดียว และก็นำสิ่งของที่ใช้การได้ทั้งหมดกลับมา”
“ได้เลย!”
คนที่มาจากหมู่บ้านภูเขาทิศใต้ แสดงความท้อแท้ออกมา พี่สาวเซียงกล่าวอย่างไร้หนทาง “หมู่บ้านทิศใต้พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว พวกเราได้แต่ตำหนิเรื่องที่เราไม่มีเงินมากพอจะเชื้อเชิญผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงมาได้”
หลายคนอยากจะร้องไห้ แต่ก็อดทนไว้
ชวูเชียนเฉิงและเฉิงเซี่ยก็หมดหวังเช่นเดียวกัน เงินของพวกเขาหายไปแล้ว และต่อไปก็เป็นช่องทางทำมาหากินของพวกเขา
ไม่ทราบเป็นที่แน่ชัด ว่าหมู่บ้านภูเขาทิศใต้จะเป็นอย่างไรต่อ บางทีพวกเขาอาจจะต้องออกจากหมู่บ้านเพื่อไปหางานทำ อย่างไรก็ตาม มันเห็นได้ชัดเจน ว่าหมู่บ้านภูเขาทิศเหนือจะเจริญรุ่งเรือง และหมู่บ้านภูเขาทิศใต้ก็จะกลายเป็นยากจน
ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวัง ก็มีเสียงลอดผ่านเข้ามา “ใครบอกว่าหมู่บ้านภูเขาทิศใต้ ไม่มีใครเหลือแล้ว?”
“เจียงซิ่ว!”
เขาออกไปที่ลานประลองด้วยการก้าวท้าวอย่างมั่นคง
พี่สาวเซียง และชวูเชียนเฉิง ตระโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนกตกใจ “เขาไปบ้าแล้วรึไง?!”
“หืม? มี่มี่ นั้นคือสารเลวที่นำทางเรามา”