บทที่ 56 มหาพิธีกรรมผู้รับใช้แห่งเต๋า
บทที่ 56
มหาพิธีกรรมผู้รับใช้แห่งเต๋า
ฉับพลันเกินไป ชายชราที่ปรากฏขึ้นมาจากควัน ไม่ทันได้ตอบโต้ อีกฝ่ายก็ยื่นมือมาหาเขาแล้ว แต่ทว่าเขาก็ตกใจได้เพียงชั่วครู่ เพราะว่านี่มันไม่ใช่ร่างกายที่แท้จริงของเขา เพียงแค่ถูกสร้างขึ้นมาจากธูปควัน แม้ว่าเขาจะได้รับการโจมตี การโจมตีนั้นก็จะไม่มีอันตรายใดๆ กับตัวเขา มันเป็นช่วงเวลานี้เอง ที่เขาเผยรอยยิ้มเหยียดหยามออกมา
มนุษย์ที่โฉดเขลา
อย่างไรก็ตาม เมื่อมือของเจียงซิ่วคว้ามาที่เขา เขารู้สึกราวกับว่าวิญญาณของเขาถูกจับได้ ทันทีอาการเจ็บปวดก็พุ่งผ่านเข้ามาหาเขา ท่าทางของเขากลายเป็นซีดเผือก แทบจะเวลาเดียวกันหลังจากนั้น เขาก็กรีดร้องออกมา คล้ายกับหนูที่ถูกจับกุมโดยมนุษย์
“ทักษะกักขังพระเจ้า”
รูม่านตาของเจียงซิ่วแผ่ขยาย ดวงตาของเขากลายเป็นสีดำสนิท เผยให้เห็นประกายแวววาวที่น่าสยดสยองจากดวงตา เขาร่ายคาถาออกมาจากปากของเขา
“เจ้า... ไม่ใช่มนุษย์”
ร่างจำแลงของชายชราพยายามที่จะต่อต้านด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี ประกายแสงเข้มข้นเกิดขึ้นจากหมอกควัน เจียงซิ่วเค้นพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากภายใน ส่งผลทำให้ชายชรารู้สึกตื่นตระหนก เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน ว่ามีใครบางคนที่มีวิธีการคว้าจิตวิญญาณของบุคคลผ่านร่างจำแลงที่ทำจากควันได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า...”
เจียงซิ่วหัวเราะด้วยท่าทางที่ตื่นเต้น และก็เปิดปากของตัวเองออก ภายใต้การจ้องมองอันน่าตื่นตระหนกของชายชรา เขาเริ่มดูดลมเข้าทันที นั้นจึงส่งผลทำให้แสงรอบๆ ถูกดูดเข้าไปในปากของเขา
เขากำลังวางแผนที่จะกินวิญญาณทั้งๆที่ยังมีชีวิตอยู่
นี้เป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ สำหรับชายชรา
“อ๊ากกกก!”
ชายชราอกสั่นขวัญหาย เขากรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว พลังงานที่อยู่ตรงปากของเจียงซิ่วเพิ่มแรงดึงดูดขึ้นด้วยอัตราที่น่าสะท้านใจ แสงถูกรวบรวมไปยังจุดๆ เดียวนั้นก็คือปากของเขา แสงสว่างไสว่เกิดขึ้นภายในห้องน้ำชาแห่งนี้ ส่งผลทำให้ราวกับว่ามันเป็นเวลากลางวัน
จากนั้นในวินาทีถัดไป การแสดงออกของเจียงซิ่วก็กลายเป็นแปลกพิกล แสงริบหรี่ที่อยู่รอบๆ กลายเป็นดับลง วิญญาณเทพเจ้าคว้าโอกาสนี้เพื่อหลบหนีออกไป ร่างจำแลงควันของเทพเจ้าเข้าไปในหน้ากาก และก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
“แม่มันเถอะ!”
โทสะเต็มอยู่ในดวงตาของเจียงซิ่ว ขณะนี้ พลังงานศักดิ์สิทธิ์ของเขามีไม่พียงพอ ทักษะกลืนกินพระเจ้า เป็นทักษะศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง มันกระทั่งเป็นไปได้ที่จะกลืนวิญญาณเทพเจ้าลงไป และสามารถหล่อเลี้ยงสายเลือดพระเจ้าได้ มันอาจทำให้เขาก้าวเข้าสู่ขั้นที่ 3 ขอบเขตในตำนานเลยก็ได้ และนั้นก็จะนำไปสู่การก่อสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ 3 แต่เทพซิ่วกลับลืมไปว่าเขาไม่ใช่เทพซิ่วเหมือนเมื่อกาลก่อน ในปัจจุบัน พลังงานศักดิ์สิทธิ์ของเขามีไม่เพียงพอในการใช้ทักษะกลืนกินพระเจ้า
ผลที่ตามมา ก็คือทักษะดำเนินไปได้เพียงครึ่ง และมันก็ไม่หลงเหลือพลังงานศักดิ์สิทธิ์ใดๆให้ใช้อีก ให้อีกฝ่ายจึงหลุดรอดไปได้
แคร๊ก!
เกิดเสียงสะท้อนอยู่ในห้อง หน้ากากแตกออก และแยกออกเป็นสองชิ้นส่วน
สิ่งนี้โดยธรรมชาติย่อมเป็นเรื่องน่าสงสัย โดยแทบไม่ต้องคิดเลยว่าชายชรากลัวมากแค่ไหน ก็ในเมื่อมีใครสักคนเรียกเขาไป และต้องการจะจับวิญญาณของเขากินทั้งเป็น นั้นมันแทบจะกลายเป็นฝันร้าย
“หึ่ม!”
เจียงซิ่วรู้สึกหงุดหงิด เพราะเขาสูญเสียโอกาสที่จะยกกระดับการบ่มเพาะของตัวเองไป
“เหยื่อที่เทพคนนี้หมายตาไม่เคยหนีรอดไปได้”
เขาหยิบหน้ากากขึ้นมา ศรัทธาพระเจ้าที่แทบจะไม่มีเหลือก่อนหน้านี้ มันหายไปทั้งหมด มันเป็นแค่เศษโลหะแล้วในตอนนี้ มันถูกทำด้วยทองสัมฤทธิ์และมีอายุมากกว่าหลายศตวรรษ บางที ถังเฉิ่นเชียนอาจจะขายมันได้ สำหรับสิ่งประดิษฐ์โบราณ ถ้าอ้างนู้นอ้างนี้อีกนิด ก็อาจจะได้มาซักหนึ่งถึงสองล้าน
หลังจากโยนหน้ากากทิ้งไป เขาก็กลับไปที่ห้อง และเริ่มการบ่มเพาะ
ผ่านไปซักพัก เขาก็เริ่มดูดกลืนพลังงานที่เหลือจากไข่มุก และจากนั้นก็เริ่มที่จะปรับแต่งพลังงานศักดิ์สิทธิ์ เขาเลือกทักษะบ่มเพาะศักดิ์สิทธิ์ฉบับดั้งเดิมมา ทักษะเต๋าแก่นเม็ดพันธ์ศักดิ์สิทธิ์
ทักษะเต๋าแก่นเม็ดพันธ์ศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นรูปแบบแรกของการสกัดกลั่นพลังงานศักดิ์สิทธิ์ มันก็เหมือนกับการเพาะปลูกเมล็ดพันธ์ บำรุงมันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะงอก หลังจากที่มันสุกงอม นั้นก็หมายความว่าทุกสิ่งอย่างจะต้องถูกควบแน่นลงไปในเมล็ดพันธ์เรียบร้อยแล้ว และเมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนก่อนหน้า ก็บ่มเพาะเมล็ดพันธ์นี้อีกครั้ง จนกระทั่งมันแตกหน่อ และรอจนมันสุดงอมอีกรอบ กระบวนการนี้จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก พลังงานศักดิ์สิทธ์ก็จะบริสุทธิ์ก็จะขึ้นอย่างไม่รู้จักจบ
ปุปุปุปุปุ!
เลือดภายในร่างกายของเจียงซิ่วเริ่มส่งเสียงเหมือนน้ำที่กำลังเดือด
“หืม?”
เจียงซิ่วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จากการตัดสินของเขา เวลาที่ใช้ในการควบแน่นพลังงานศักดิ์สิทธ์ ลงเมล็ดพันธ์ในร่างกายของเขา จากสภาพของเมล็ดพันธ์ศักดิ์สิทธ์ แต่เดิมแล้วควรต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งถึงสองชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ความเร็วของมันเกินความคาดหมายเขาไปมาก เนื่องจากว่ามันใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น แม้แต่ระดับการสุกงอมของพลังงานศักดิ์สิทธิ์ในเมล็ดพันธ์ศักดิ์สิทธิ์ ก็เกินจากที่เขาคาดคะเนไว้
“สิ่งนี้ ทำให้เทพคนนี้ตกใจจริงๆ”
ร่างกายของเจียงซิ่วไม่ค่อยเหมาะกับทักษะจำพวกชำระล้างซักเท่าไหร่ แต่เทพซิ่วก็เปิดเผยรอยยิ้มพึงพอใจ เมื่อเขารู้สึกถึงความเร็วในการบ่มเพาะของตัวเอง
ความเร็วของการบ่มเพาะ เกี่ยวข้องกับพรสวรรค์ตามธรรมชาติ ความเร็วในการบ่มเพาะที่รวดเร็ว นั้นก็หมายความว่าระดับสายเลือดพระเจ้าที่เจียงซิ่วจะปลุกตื่นขึ้น ก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย แม้ว่าจะเป็นการยากที่จะวัดศักยภาพในช่วงแรกของการบ่มเพาะสายเลือดพระเจ้า และก็ยาก ที่จะคาดคะเนว่าตอนโตเต็มวัยเป็นอย่างไร แต่นี่ก็เป็นสัญญาณที่ดี
สิ่งนี้กระตุ้นความชื่นชอบของเจียงซิ่วในการบ่มเพาะขึ้นมากกว่าเดิม ขณะที่แต่เดิมเขาก็เป็นคนที่คลั่งไคล้การบ่มเพาะอยู่ก่อนแล้ว
เมื่อถึงเวลาที่เขาเสร็จสิ้นการโคจรรอบใหญ่ พลังศักดิ์สิทธิ์ก็บริสุทธิ์ขึ้น สำเร็จลุล่วงในการชำระล้างมัน อนุภาคที่เล็กที่สุดของเขากระปี้กระเป่า ราวกับว่าพวกเขามันกำลังจะหลุดพ้นห่วงโซ่บางชนิด
“มันกำลังพัฒนา?”
อารมณ์ของเทพซิ่วเปลี่ยนไปเป็นกระวนกระวาย
ก่อนที่เขาจะได้มีโอกาสโต้ตอบ มันดูราวกับว่าสายเลือดพระเจ้าของเขา เช่นเดียวกันกับพวกเมล็ดยีน พวกมันกำลังระเบิดออกอย่างมีนัยยะสำคัญ
พลังงานศักดิ์สิทธิ์ด้านพละกำลังของเขา ราบกับว่ามันกำลังขยายขอบเขตขึ้น
ถ้ามีใครซักคนมองไปที่เจียงซิ่วตอนนี้ พวกก็จะสังเกตได้ถึงเปลวไฟที่เปล่งประกายจากชั้นนอกของผิวกายเขา
“ดูเหมือนว่าสายเลือดพระเจ้านี้ใช้ได้เลยทีเดียว”
เจียงซิ่วมีประสบการณ์และความรู้มากมาย แต่เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับการปลุกตื่นระหว่างที่กำลังชำระล้างพลังงานศักดิ์สิทธิ์ ที่มันจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผ่านพ้นคอขวดไปซักระยะเวลนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม เวลาดังกล่าว เขากลับทะลวงมันได้ด้วยการโคจรแค่เพียงครั้งเดียว
“นี้เทพคนนี้ เข้าใจผิดอะไรหรือไม่?”
นี้มันเร็วกว่าการบ่มเพาะเพื่อเป็ฯอมตะเสียอีก แม้แต่อัตราความเร็วที่เจียงซิ่วบ่มเพาะในทวีปการต่อสู้นิรันดร์ ความเร็วที่ส่งผลทำให้คนนับไม่ถ้วนต้องก้มศรีษะให้ ก็ไม่ได้รวดเร็วขนาดนี้
“นี้... เกิดอะไรขึ้น?”
สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์อีกรอย ได้ปรากฏขึ้นอยู่บนแขนของเจียงซิ่ว ในตอนนี้มันมีทั้งหมดสามสัญลักษณ์ และมันสุ่มที่ๆมันจะปรากฏ นี้ก็เป็นอีกหนึ่งลางบอกเหตุที่ดี
สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์จะมีน้อยก็ต่อเมื่อสายเลือดพระเจ้านั้นๆอ่อนแอ่ สัญลักษณ์ที่มีก็อาจจะเล็กลงด้วยเช่นกัน ตามความเป็นจริง ลวดลายมันเห็นได้อย่างชัดเจนในสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่3 แต่มันก็ไม่ชัดเจนสำหรับเจียงซิ่ว สายเลือดพระเจ้านี้จะต้องมีสัญลักษ์มากกว่านี้ และมันก็เป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาสามัญเลยแม้แต่นิดเดียว
“เชื้อสายพระเจ้าของคนธรรมดา มีพลังมากกว่าปกติ?”
ตามสิ่งที่เจียงซิ่วได้รู้มา พลังทางจิตวิญญาณบนโลกนี้หมดไปแล้ว ไม่มีสมุนไพรวิเศษอยู่อีกต่อไป และทุกคนก็เป็นคนธรรมดา แม้ว่าจะมีบรรพบุรุษที่เป็นเชื้อสายแห่งพระเจ้า แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเป็นคนมีพลังและอำนาจเสมอไป ด้วยเหตุนี้ เจียงซิ่วจึงรู้สึกไร้อำนาจเมื่อตอนที่เขาเลือกการบ่มเพาะแห่งพระเจ้ามา แต่ดูเหมือนว่าเขาผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไป
“มันไม่สมเหตุสมผล!”
เจียงซิ่วมั่นใจเกี่ยวกับสิ่งหนึ่ง โลกดำรงอยู่มาเป็นระยะเวลานานแล้ว และเพียงแค่ประวัติศาสตร์มนุษย์อย่างเดียว ก็ย้อนหลังกลับไปได้นับหมื่นปี กล่าวกันว่าการล่มสลายของมนุษย์ชาติเกิดขึ้นสองครั้งบนโลก แน่นอน ว่ามันเป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ที่แสนน่าเบื่อพวกนั้น ได้อนุมานการไว้
“นักวิทยาศาสตร์เหล่านั้น คาดเดาได้ไม่ถูกต้อง ใช่มั้ย?”
ก่อนที่เขาจะตระหนักถึงมัน ท้องฟ้าก็สว่างแล้วที่ภายนอก เขามองไปที่นาฬิกา และมันเป็น 9 โมงเช้า เขาสายในชั้นเรียนไปแล้ว แต่เทพซิ่วไม่ได้ที่วางแผนที่จะทำตัวเป็นเด็กดีดุจชั้นวางรองเท้าที่เงียบสงบ เขาเตรียมตัวให้พร้อม และก็เดินออกจากบ้านพัก
หลังจากที่ได้เป็นพี่ใหญ่ เจียงซิ่วก็เข้าไปในโรงแรมระดับ 5 ดาวเพื่อกินอาหารเช้าแบบหรูหราแล้วก็เข้าโรงเรียน วิชาตอนเช้าสิ้นสุดลงแล้ว
หลังจากที่เขาเข้ามา เย่ปิงก็ปิดกั้นขวางทางเขาไว้ “อืมม! อะไร? นายใช่กลัวเลดี้คนนี้รึเปล่า และไม่กล้าที่จะมาโรงเรียน?”
เมื่อมีนักเรียนคนนึงรังแกนักเรียนอีกคนนึง ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ที่จะได้ยินว่าคนไม่อยากมาโรงเรียนเพราะความกลัว
ตอนเช้า เมื่อเย่ปิงเห็นว่าเจียงซิ่วไม่ได้มาโรงเรียน ก็มีฉากประกายแวบผ่านอยู่ในใจเธอ – เธอจะกลายเป็นนักเรียนที่ไม่ดีแล้วใช่ไหม ที่ทำให้นักเรียนบางคนต้องหลีกเลี่ยงการเข้าชั้นเรียนแบบนี้ – และสิ่งนี้ ทำให้จิตใจของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
ในที่สุดเธอก็ผ่อนคลาย เมื่อเห็นเจียงซิ่วปรากฎตัวขึ้น และตัดสินใจที่จะลืมสิ่งที่เธอเคยพูดไปก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับการที่จะตีเขาทุกครั้ง ที่เขาปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเธอ
เจียงซิ่วมองไปยังความงามที่ไร้เหตุผลตรงหน้าเขา ผู้หญิงที่ซื่อจนเซ่อ ส่วนมากมักจะทำให้ผู้คนต้องบาดเจ็บที่ตับ “เทพคนนี้กลัวมาก!”
ฉันกลัวจริงๆ!
กลัวว่าฉันจะตายเพราะความโง่เง่าของเธอ!
“นั้นหล่ะดีแล้ว ลองดูสิว่านายจะกล้ายั่วโมโหเลดี้คนนี้อีกหรือไม่ ฉันจะปล่อยนายไปในเวลานี้ แต่นายต้องไมเข้ามาใกล้บ้านฉันอีก เพียงแค่ส่งข้อความหาฉัน หากมีบางอย่างเกิดขึ้น”
หลังจากพูดแบบนี้แล้ว เธอก็สะบัดผมสีดำขลับของเธอกลับไป และก็เดินออกไปอย่างพึงอกพึงใจ มีความสุข
“ยัยโง่ เธอมันทึ่ม!”
วันเวลาผ่านไปตามปกติ โดยที่ไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น ชั้นเรียนดำเนินไปตามปกติ มันก็เป็นเพราะการสอบเข้ามหาวิทยาลัยใกล้มาถึงแล้ว ดังนั้นบรรกาศในห้องเรียนจึงค่อนข้างกดดัน
ภายใต้อิทธิพลของบรรยากาศนี้ เจียงซิ่วจึงหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านเป็นครั้งแรก
ความทรงจำและสติปัญญาของเชื้อสายพระเจ้าอยู่ในระดับสูง มันกระทั่งเป็นไปได้ ที่เชื้อสายแห่งพระเจ้าจะทำให้ความเข้าใจเกี่ยวกับเต๋าสวรรค์ และนับประสาอะไรกับการจดจำคำศัพท์และสมการ นั่นเป็นเรื่องที่ง่ายดายทีเดียว
วันนี้ เจียงซิ่วก็เรียนไปตามปกติ แต่ถังเหวินชงก็ได้โทรมาหาเขา
มหาพิธีกรรมเต๋าศรัทธาสวรรค์ที่จัดให้แก่ผู้รับใช้แห่งเต๋า กำลังจะเริ่มขึ้น