บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 119 ผิดแผน
ตอนที่ 119
ผิดแผน
เปรี้ยง! ฝ่ามือของเฟยหลงศิษย์ของเฒ่าประทับสวรรค์แสดงแสนยานุภาพให้เป็นที่ประจักษ์อีกครั้งในการประลงอรอบแรกของวันใหม่ แม้วันนี้ไป๋จูเหวินจะไม่ได้ลงประลงองแต่มันก็อดที่จะมาดูการประลองของคนอื่นๆไม่ได้
ผลัก! ร่างของคู่ประลองของเฟยหลงนอนลงกับพื้นพร้อมชัยชนะของเฟยหลงที่ปรากฏแก่สายตาผู้ชม ทั้งๆที่คู่แข่งของมันเป็นยอดฝีมือรุ่นใหม่ด้วยกันแท้ๆ แต่มันกลับเอาชนะได้ง่ายดายอย่างมาก นั่นหมายความว่าพลังของมันเหนือกว่าคนรุ่นเดียวกันหลายขุม ทั้งๆที่มันพึ่งจะเข้าเป็นศิษย์ของเฒ่าประทับสวรรค์ได้ไม่นานแท้ๆ
นอกจากการประลองของเฟยหลงแล้ว เกือบทุกการประลองล้วนเป็นการประลองที่สูสีคู่คี่จนกระทั่งมาถึงการประลองของศิษย์เซียนดาบกับถังซิน
“มอออ”อสูรกระทิงส่งเสียงร้องออกมาเมื่อเห็นร่างของคู่ต่อสู้ตรงหน้า ระดับพลังของนางเหนือกว่าคุณหนูของมันมาก ชนิดที่ว่าไม่สามารถเทียบกันได้ แม้แต่พวกมันที่พึ่งอยู่ระดับหยกเองก็ไม่อาจเทียบกับนางได้เลย ศิษย์ของเซียนดาบนั้นแข็งแกร่งกว่าจนน่ากลัว
กริ้ง...เสียงกระดิ่งในมือของถังซินดึงความสนใจจากเหล่าอสูรกลับมาที่นาง พร้อมร่างของนางที่เดินเข้าไปเผชิญหน้ากับศิษย์ของเซียนดาบอย่างกล้าหาญ ตัวนางสัมผัสพลังของอีกฝ่ายได้ ทราบดีว่าพลังต่างกันแค่ไหน เพียงแต่นางต้องสู้เท่านั้น
กริ้ง..ก่อนที่ศิษย์เซียนดาบจะเริ่มเคลื่อนไหว ถังซินก็ชิงจังหวะนี้เริ่มโจมตีก่อน นางขยับไม้เท้าครั้งหนึ่งให้เกิดเสียงกระดิ่งก่อนจะปัดไม้เท้าไปทางศิษย์ของเซียนดาบในทันที
กริ้ง! เสียงกระดิ่งดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะถังซิน แต่เพราะดาบของศิษย์เซียนดาบตัดเอาไม้เท้าของนางขาดเป็นสองท่อนไปแล้วต่างหาก น่าเสียดายที่ไม้เท้าของถังซินไม่ใช่ของวิเศษแต่อย่างไรทำให้มันถูกตัดอย่างง่ายดาย
“......”แม้จะทราบแต่แรกแล้วว่าอีกฝ่ายพลังเหนือกว่า แต่ไม่คาดเลยว่าจะต่างชั้นกันขนาดนี้ เมื่อครู่นางยังไม่ได้เข้าระยะโจมตีของอีกฝ่ายทำให้ไม่คิดว่านางจะโจมตีได้ แต่เมื่อครู่ถังซินเห็นอย่างชัดเจนว่ามีคลื่นดาบสายหนึ่งพุ่งเข้ามาโจมตีจนเกิดภาพหลอนราวกับดาบของนางขยายใหญ่ขึ้นตอนฟาดลงมาโจมตีก็ไม่ปาน
ฟุบ....ดูเหมือนเหล่าอสูรของถังซินจะยังไม่ยอมแพ้ ลิ้นของอสูรกบพุ่งเข้ามัดแขนของศิษย์เซียนดาบเอาไว้ แต่ดูเหมือนศิษย์ของเซียนดาบจะไม่สะทกสะท้านเลย นางดึงแขนที่โดนอสูรกบจับเอาไว้ออก ก่อนจะง้างดาบขึนเตรียมฟันลิ้นของอสูรกบในทันที
“หยุด”ถังซินเห็นอีกฝ่ายเตรียมจะตัดลิ้นของอสูรกบออก ดวงตาของนางก็เบิกกว้างพลางบอกให้อีกฝ่ายหยุดการโจมตี
“เจ้าจะยอมแพ้งั้นหรือ”ศิษย์ของเซียนดาบถามพลางชะงักดาบของตนเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าหากนางไม่ขอยอมแพ้ศิษย์ของเซียนดาบจะตัดลิ้นของอสูรกบออก และนั่นก็ไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างไร
“เข้าใจแล้ว ข้ายอมแพ้”ถังซินว่าพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย นาไงม่อาจปล่อยให้อสูรกบเสียลิ้นไปได้ แถมนางก็ไม่มีโอกาสชนะเลยมาแต่แรกแล้ว
“ท่าทางจะเป็นการชิงชัยระหว่างศิษย์ของเฒ่าประทับสวรรค์และศิษย์ของเซียนดาบแน่ๆ”เหล่าผู้คนต่างเริ่มมีความคิดเห็นไปในทางเดียวกัน เพราะมีแต่ศิษย์ของเฒ่าประทับสวรรค์และเซียนดาบเท่านั้นที่ฝีมือโดดเด่นจากยอดฝีมือรุ่นใหม่คนอื่นๆ หากจะหาคนมาเทียบกับ 2 คนนี้อาจจะต้องรอให้ศิษย์ของเซียนกระบี่มาที่นี่ก็เป็นไปได้ หรือไม่แม้แต่ศิษย์ของเซียนกระบี่ก็คงไม่อาจเทียบกับ 2 คนนี้ได้กระมัง
“ไม่ต้องรีบร้อนไป พรุ่งนี้เจ้ารีบจัดการคู่แข่งซะ แล้วเจ้าจะได้ประลองกับพวกมันเอง”อาวุโสเทียนหมิงพูดพลางมองไป๋จูเหวินที่นั่งอยู่ข้างๆ ทันทีที่เห็นการประลองของศิษย์เฒ่าประทับสวรรค์และศิษย์ของเซียนกระบี่ พลังวิญญาณและพลังอสูรในร่างของไป๋จูเหวินก็คุกรุ่นออกมาทันที เนื่องเพราะพลังอสูรของไป๋จูเหวินเข้มข้นมาก ทำให้มีแต่เหล่าอสูรและผู้สามารถสัมผัสพลังอสูรได้อย่างอาวุโส 7 และอาวุโสเทียนหมิงเท่านั้นที่รู้ว่าตรงนี้ยังมีอีกคนหนึ่งที่กำลังอยู่ไม่สุขเพราะการประลองของอีก 2 คน
เปรี้ยง! ในวันที่ 3 ผู้ลงประลองเหลือเพียง 6 คนเท่านั้น และคู่แรกของวัน เฟยหลงก็จัดการอีกฝ่ายลงได้ในพริบตาเช่นเดิม ฝ่ามือประทับสวรรค์นั้นเร็วจนน่ากลัวเช่นเดิม
เคร๊ง!! ในคู่ที่ 2 ศิษย์ของเซียนดาบเองก็จัดการปลดอาวุธของอีกฝ่ายในพริบตาเช่นเดิม ท่าทางวิชาของนางจะเน้นทำลายอาวุธของอีกฝ่ายก่อนกระมัง แน่นอนว่าเสียงชื่นชมของทั้ง 2 คนต่างดังอย่างไม่ขาดสาย ความเหนือชั้นของพวกมันทำเอาแม้แต่คนที่แพ้ไปก่อนหน้านี้ยังอดชื่นชมไปด้วยไม่ได้
“ตาเจ้าแล้ว”อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางตบบ่าของไป๋จูเหวินครั้งหนึ่ง ในที่แห่งนี้คนที่ทราบฝีมือจริงๆของไป๋จูเหวินคงมีแต่ตัวอาวุโสเทียนหมิงเท่านั้นเพราะแม้แต่อาวุโส 7 ที่เดินทางร่วมกับมันมาพักหนึ่งยังไม่ได้เห็นยามมันต่อสู้เลย
“เจ้านี่โชคดีจริงๆนะ วันแรกก็ได้สู้กับเด็ก วันที่สองก็ไม่ต้องลงประลอง”คู่แข่งของไป๋จูเหวินว่าพลางถือหอกทองแดงเข้ามาอย่างองอาจผ่าเผย ตัวมันแต่เดิมมีฝีมือระดับเดียวกับศิษย์ของเซียนดาบ แต่อยู่ๆนางก็พัฒนาตัวเองไปอย่างรวดเร็วจนมันโดนทิ้งห่างไปไกลโข ทำให้มันอดหัวเสียไม่ได้ที่มีแต่คนชื่นชม 2 คนนั้นโดยมองข้ามมันไปเสียสนิท แถมคู่แข่งของมันยามนี้ก็คงไม่สามารถทำให้มันแสดงฝีมือออกมาได้เสียอย่างนั้น
“แต่โชคของเจ้าคงหมดเท่านี้แล้วล่ะ”ชายผู้ถือหอกทองแดงว่าพลางตั้งท่าหอกอย่างแน่วแน่ หากมันเอาจริงละก็ แม้แต่ศิษย์ของเซียนดาบหรือศิษย์ของเฒ่าประทับสวรรค์ก็ไม่อาจเอาชนะมันได้ง่ายๆอย่างแน่นอน
เปรี้ยง! ทันทีที่การประลองเริ่ม เสียงฝ่ามือประกายอัสนีก็ดังขึ้นทันที ทำเอาเหล่าผู้ชมทั้งสนามต่างพากันมองตาค้าง
ตุบ....ทั้งร่างกายของชายหนุ่มทั้งหอกทองแดงต่างนอนลงบนพื้นราวกับต้นไม้ที่ต้านแรงลมไม่ไหว ด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นมาหลายขั้นและเคล็ดวิชารางสถิตมังกรทำให้พลังของไป๋จูเหวินเพิ่มขึ้นมาหลายเท่าตัว ยามนี้เพียงฝ่ามือประกายอัสนีก็มากพอจะสร้างความเสียหายร้ายแรงได้แล้ว แถมมันยังสามารถซัดออกไป 1 ห้วง 20 ฝ่ามือได้แล้วหลังจากครั้งแรกสุดที่มันใช้ออกมายามคับขัน
“ไวมาก...”เสียงอื้ออึงของเหล่าผู้ชมต่างดังขึ้นในทันที แม้แต่เหล่ายอดฝีมือเองก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและทบทวนสิ่งที่มันเห็นเมื่อครู่
“เร็วมากจริงๆ บางที.......”ชายคนหนึ่งเหมือนจะพูดอะไรออกมา แต่ก็ต้องชะงักปากเอาไว้เพราะนึกขึ้นได้ว่ามันเสียมารยาท
“ไม่แน่...มันอาจจะไวกว่าฝ่ามือประทับสวรรค์เสียอีก”ชายผู้ไม่รู้กาละเทสะพูดขึ้นพลางยิ้มออกมาอย่างอารมดี ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นมันคืออาวุโสเทียนหมิงนั่นเอง ตัวมันอายุห่างจากเฒ่าประทับสวรรค์ไม่มาก และได้เห็นยามเฒ่าประทับสวรรค์ออกมาโลดแล่นใหม่ๆ ยามมันยังหนุ่ม ฝ่ามือประทับสวรรค์ยังไม่รวดเร็วเท่านี้เลย
“เป็นฝ่ามือที่รวดเร็วจริงๆ”เฒ่าประทับสวรรค์หลับตาลงพลางถอนหายใจออกมา ตัวมันมีดวงตาที่ยอดเยี่ยม มันเห็นได้ชัดเลยว่าฝ่ามือของไป๋จูเหวินเร็วกว่าของเฟยหลงอยู่นิดหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ระดับที่จะตัดสินแพ้ชนะได้แต่อย่างไร
“แต่ฝ่ามือประทับสวรรค์ไม่ได้มีดีที่แค่ความเร็วหรอกนะ”เฒ่าประทับสวรรค์ว่าพลางยิ้มออกมา มันมองว่าฝ่ามือประกายอัสนีนั้นเน้นไปที่ความเร็วจนขาดกำลัง ซึ่งนั่นก็เป็นความจริงที่ไม่อาจโต้แย้งได้ เพียงแต่ไป๋จูเหวินไม่ได้ใช้ฝ่ามือเป็นท่าเดียวเสียด้วย
“เช่นนั้นการประลองในวันพรุ่งนี้คงน่าสนใจไม่เลวเลย”อาวุโสเทียนหมิงยิ้มพลางมองเฒ่าประทับสวรรค์นิ่ง
“แน่นอน”เฒ่าประทับสวรรค์ว่าพลางหัวเราะออกมา จริงๆแล้วงานประลองคราวนี้จัดขึ้นเพื่ออวดศิษย์ใหม่ของมันเท่านั้น แถมยังเป็นช่วงโอกาสเหมาะมากๆเพราะอาวุโสเทียนหมิงพึ่งส่งศิษย์ตนเองออกไปฝึกฝนคนเดียวแถมศิษย์ของเซียนดาบยังธาตุไฟเข้าแทรกอีกต่างหาก แม้จะผิดแผนนิดหน่อยเพราะศิษย์ของเซียนดาบกลับหายดีตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ เพียงแต่มันก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีคนรุ่นใหม่น่าสนใจเช่นนี้มาจากกลุ่มที่พึ่งเชิญเข้าร่วมเป็นครั้งแรกอย่างกลุ่มนักล่าอสูร
.
.
เพราะการประลอง 3 รอบแรกจบลงไวมาก เรียกได้ว่าพริบตาเดียวกันทั้ง 3การประลองเลยก็ว่าได้ ทำให้เฒ่าประทับสวรรค์เลื่อนการประลองชิงที่ 4 และ 5 มาแข่งกันทันที แต่เพราะเรื่องของไป๋จูเหวินและความสามารถของเหล่าศิษย์เป็นที่เรื่องลือเกินไป ทำให้การประลองชิงอันดับ 4 และ 5 ออกจะเงียบเหงาไปสักหน่อย เพราะเหล่าคนดูแทบไม่ได้พูดถึงการประลองในสนามเลย
ส่วนทางด้านไป๋จูเหวินนั้นมันไม่ได้อยู่ดูการประลองชิงอันดับ 4 และ 5 แต่อย่างไร มันเลือกที่จะช่วยถังซินพาเหล่าอสูรลงมากินน้ำที่ตีนเขาเสียมากกว่าเพราะเหล่าอสูรต่างยอมเชื่อฟังที่มันพูดทุกอย่างราวกับมันเป็นผู้เลี้ยงดูเหล่าอสุรฝูงนี้มาก็ไม่ปาน
“ทำไมพวกมันถึงเชื่อฟังเจ้านักนะ”ถังซินว่าพลางเหล่มองไป๋จูเหวินที่กำลังเดินนำพวกอสูรระดับต่ำลงมายังลำธารที่อยู่ตีนเขา
“เรื่องนั้นข้าก็ไม่ทราบเหมือนกัน”ไป๋จูเหวินว่าพลางหัวเราะออกมา แม้จะมีพลังนี้มาตั้งแต่เกิด แต่มันก็ไม่ได้เข้าใจเลยว่าพลังเช่นนี้เกิดมาได้อย่างไร
“พี่ซิน ท่านหลบออกไปห่อนได้หรือไม่”ไป๋จูเหวินว่าพลางชะงักเท้าลง ก่อนจะหันไปมองด้านหลังของมัน
“มีอะไรงั้นเหรอ”ถังซินถามพลางถอยห่างออกจากไป๋จูเหวินอย่างว่าง่าย
“เหมือนจะมีคนตามเรามา...”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองเหล่าอสูรรอบๆ พวกมันไม่รู้ตัวเลยทั้งๆที่สัมผัสของอสูรจะไวกว่ามนุษย์เสียอีก แสดงว่าคนที่ตามมาปกปิดตัวตนเอาไว้เป็นแน่
“แม้แต่ข้า เจ้าก็ยังสัมผัสได้งั้นหรือ”ชายในชุดเสื้อขนสัตว์ว่าพลางเดินออกมาจากเงาของต้นไม้
“เป็นท่านนี่เอง”ไป๋จูเหวินว่าพลางลดท่าทีคุกคามลง มันคืออาจารย์ของคู่ประลองคู่แรกของไป๋จูเหวินนั่นเอง
“ท่าทางเนตรจิตของเจ้าจะไม่ใช่เนตรจิตธรรมดาเสียแล้ว”ชายสวมเสื้อขนสัตว์ว่าพลางยิ้มออกมา มันเอื้อมมือไปหยิบอาวุธที่ด้านหลังพลางปล่อยจิตสังหารออกมานิดหน่อย พรบิตานั้นมันแอบคิดว่าหากปล่อยไป๋จูเหวินไปมันต้องเป็นภัยอันตรายกับมันเป็นแน่ หากปล่อยให้ผู้ที่สามารถสัมผัสตัวตนของมันได้ไปจนมันขึ้นมาระดับเทียนเซียนละก็ ตัวมันคง....
วูบ...คิดได้ครู่หนึ่งชายในชุดขนสัตว์ก็ชะงักมือของตนเอาไว้แล้วเก็บอาวุธเข้ามิติของมันไปทันที นี่มันคิดบ้าอะไรกัน หากทำเช่นนั้นมันคงโดนหัวเราะไปอีกนานแน่ๆ
“ข้าขอตัวก่อน”ชายสวมเสื้อขนสัตว์ว่าพลางถอยห่างออกไป แม้จะไม่ทราบว่าทำไมไป๋จูเหวินถึงสามารถสัมผัสถึงมันได้ แต่หลังจากนี้มันคงต้องเลี้ยงงานที่จะชัดแย้งกับกลุ่มนักล่าอสูรเอาไว้เสียแล้ว