บทที่ 50 มิสเตอร์เจียง
บทที่ 50
มิสเตอร์เจียง
ความโกรธที่ข่มไว้ในดวงตาของพี่สาวเอ๋อหลิน มันปะทุออกมาทันที เมื่อเห็นหวังเฮากำลังเดือดดาล “ใช่ ตะกละน้อย สารเลวนี้เป็นบ้าไปแล้ว มันไม่ได้เอาใจใส่แกแม้แต่น้อย หาคนมาสับเขาให้เป็นชิ้นๆซะ!”
ความโกรธมีอยู่ในน้ำเสียงของเธอ และความรุนแรงในการแสดงออกของเธอ ดูเหมือนจะบ้าคลั้งมากกว่าผู้คนที่มาจากโลกใต้ดินเสียอีก
คนที่ไม่รู้จักเธอ อาจจะคิดว่าเธอเคยทำงานในโลกใต้ดินมาก่อน
สำหรับหลินเยี่ยหลิง เธอแทบจะเป็นลม เมื่อเธอได้ยินคำพูดของลูกชายตัวเอง เรื่องนี้ จริงๆแล้วอาจถูกแก้ไขได้อย่างง่ายดาย แต่ทว่าในตอนนี้ แม้ว่าพี่สาวเอ๋อหลินจะยอมที่จะเลิกลาต่อกัน แต่หวังเฮาคงจะไม่แล้ว ผู้ที่มีอำนาจจะถือเรื่องศักดิ์ศรีเป็นที่สุด ดังคำกล่าวที่ว่า ‘ฆ่าได้แต่หยามไม่ได้’ เมื่อพวกที่มีอำนาจถูกข่มขู่ เธอมั่นใจได้เลย ว่าหวังเฮาจะต้องทำร้ายลูกของเธอ
เธอรู้สึกไม่สบายใจ ทำไมลูกไม่ยอมอดทนกับเรื่องพวกนี้? ทำไมเราถึงไม่ยอมจำนนพวกนนั้นไป?
แม่จะมีชีวิตอยู่ได้ยังไงกัน ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับลูก?
เจียงซิ่วเป็นทุกอย่างที่เธอมี
ไม่มีใครกล้าพูดคำใดๆ เมื่อหวังเฮากำลังโกรธ เรื่องราวของวันนี้ ได้กลายเป็นเรื่องที่ร้ายแรงจริงๆ แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ แต่เหงื่อที่ฝามือของพวกเขาก็เริ่มออก เมื่อเริ่มนึกถึงเจียงซิ่ว พวกเขาเชื่อว่าเจียงซิ่วจะสูญเสียแขนหรือไม่ก็ขาไปแน่นอน พวกเขาไม่ได้นึงถึงภาพที่เขาลอยนวลไปได้เลยซักนิด เขาจะมีชีวิตอย่างไร้ความสุขในฐานะคนพิการ
แต่เจียงซิ่วก็ยังคงไม่แยแสต่อเรื่องนี้ ทั้งหมดดูราวกับว่ามันไม่สำคัญสำหรับเขาเลย
“ซิ่วน้อย…”
ขณะนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น เขาหิ้วกระเป๋าหนังสีดำเหลี่ยมมาด้วย มันเป็นชายวัยกลางคน เขารู้สึกทึ่งมาก เมื่อเห็นคนมากมายอยู่ในร้านของโคชุ๋ยโหยงเขาพูด “อาโหยง ฉันไม่สามารถให้คุณเช่าร้านนี้ได้อีกต่อไปแล้ว”
โคชุ๋ยโหยงรู้สึกราวกับว่าเขาโดนสายฟ้าฟาดใส่ “ทำไมกัน? เฉิงไห่ ฉันจ่ายค่าเช่าครบแล้ว ธุรกิจของฉันไปได้ดีเมื่อเร็วๆ นี้ ทำไมคุณไม่ต้องการเช่าให้ฉันอีกต่อไปแล้วหล่ะ?”
“หรือคุณต้องการเพิ่มค่าเช่าให้มากขึ้น เมื่อธุรกิจของฉันเฟื้องฟู?”
เขาเปิดเผยความคลางแคลงเช่นเดียวกันกับที่พี่สาวเอ๋อหลินเคยคิดมาก่อน
เฉิงไห่หัวเราะและส่ายหัว “คุณคิดว่าฉันเป็นคนน่ารังเกียจแบบนั้น? ไม่ใช่ว่าฉันต้องการเพิ่มค่าเช่า แต่ฉันขายร้านไปแล้ว ฉันมาเพื่อแจ้งให้คุณทราบ สำหรับที่ว่าคุณจะได้เช่าต่อหรือไม่นั้น มันขึ้นอยู่กับเจ้าของคนใหม่ นี้คือทั้งหมดจากฉัน ฉันจะไปแล้ว”
“ขายไปแล้ว?” โคชุ๋ยโหยงรู้สึกว่าคอของเขากำลังเจ็บ ถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ไม่มีอะไรสามารถทำได้ เขาไล่ตามไปถาม “คุณขายให้ใคร?”
คุณเฉิงตอบกลับ “มิสเตอร์เจียง”
“มิสเตอร์เจียง?”
ทุกคนมองไปที่โคชุ๋ยโหยงด้วยความเห็นอกเห็นใจ ธุรกิจของเขารุ่งเรืองมาก นับตั้งแต่ที่เขาเปิดร้านขึ้นที่นี่ เนื่องจากลูกค้าไม่มีสถานที่ที่จะนั่ง เขาจึงกำลังวางแผนที่จะซื้อร้านค้า ที่ครอบครัวของเจียงซิ่วเช่าอยู่ ใครจะคาดหวังว่าการเรื่องดังกล่าวจะเกิดขึ้น?
ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีเสียงอื่นเข้ามา “อาเฟิง เป็นเรื่องดีที่คุณอยู่ที่นี่!”
“หืออ ครูหวัง คุณมาที่นี่ได้อย่างไร? เกิดอะไรขึ้น?”
“อาเฟิง ฉันขอโทษ ฉันไม่สามารถให้คุณเช่าร้านของฉันได้อีกแล้ว”
“ทำไม?”
“ฉันขายให้มิสเตอร์เจียงไปแล้ว”
นี้...
ทุกคนมองไปที่กันและกัน และก็คิดไปในทิศทางเดียวกัน ขายให้มิสเตอร์เจียงอีกครั้ง?
หวังเฮากล่าว “ใครคือมิสเตอร์เจียง? ทำไมเขาต้องซื้อร้านค้ามากมาย?”
“เขามีเงินมากเกินไป?”
แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เมื่อมีข่าวที่คล้ายคลึงกันมาถึง
“อาซุ๋ย ฉันไม่สามารถเช่าให้คุณเช่าร้านได้อีกต่อไป ฉันขายให้กับมิสเตอร์เจียงแล้ว”
“ขอโทษจริงๆ พี่ชายดิ๋ง ฉันขายร้านให้กับมิสเตอร์เจียงไปแล้ว”
“…”
ขณะนั้นเอง ทั้งถนนสายธารเมฆาก็ถูกท้วมไปด้วยคำสองคำ ‘มิสเตอร์เจียง’
“ขายให้มิสเตอร์เจียง”
“มิสเตอร์เจียง…”
นี่มันช่วยไม่ได้ที่มีบางคนต้องพูด “โอ้พระเจ้า มิสเตอร์เจียงนี่มาจากทีไหนกัน? ประเมินจากสิ่งที่เขาซื้อไป เขาวางแผนที่จะซื้อถนนสายธารเมฆาทิศใต้ทั้งหมดหรือไม่?”
ข่าวยังคงมาเรื่อยๆ
“อาบิ๋ง ฉันขายร้านของตัวเองให้กับมิสเตอร์เจียงไปแล้ว”
“…”
ตามข้อมูลข่าวสารที่ได้รับมา มิสเตอร์เจียงคนนี้ซื้อไปแล้วมากกว่า 20 ร้าน เขากำลังกลืนทุกอย่างดังเช่นพายุ มันเป็นการรวบรวมร้านค้าทั้งหมดในถนนสายธารเมฆาทิศใต้
“ทุกคน ฟังฉัน คุณควรทราบข่าวนี้โดยเร็วที่สุด ฉันได้ยินมาจากสภาว่า ถนนทั้งหมดถูกซื้อโดยมิสเตอร์เจียงแล้วในตอนนี้” เวลานี้ เพื่อนบ้านทุกคนที่มาชุมนุมกันภายในร้าน และพวกที่อยู่ข้างนอก เกิดความสับสนวุ่นวายขึ้นมา
“การใช้จ่ายเงินครั้งใหญ่!”
“นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก”
ร้านค้าบนถนนสายธารเมฆานี้มีมูลค่าประมาณ 20,000 หยวน รวมร้านค้าทั้งหมดประมาณ 200 ล้าน นี่ไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย เศรษฐกิจในปี 2008 ยังไม่เติบโตดีนัก เพียงแค่ได้ยินคำว่าเศรษฐี ก็พอเพียงที่จะทำให้ทุกคนลุกขึ้นแล้ว นับประสาอะไรกับจำนวนเงินในหน่วย 100 ล้าน
“ดูเหมือนว่าท้องฟ้าในสายธารเมฆาทิศใต้กำลังจะเปลี่ยนไป”
“แน่นอน!”
“นับจากนี้ไป มิสเตอร์เจียงจะเป็นเจ้านายของเรา ชะตากรรมของทุกคนอยู่ในมือของเขา ฉันหวังว่ามิสเตอร์เจียงจะเป็นคนใจดี ที่เห็นอกเห็นใจกับครอบครัวที่ยากจนอย่างพวกเรา”
ในขณะนั้น ก็มีบางคนกล่าว “นี้มันแปลก ดูเหมือนว่าร้านค้าของพี่สาวเอ๋อหลินจะไม่ได้ถูกซื้อใช่หรือไม่?”
“นั้นหมายความว่าเขาไม่ได้ซื้อทุกอย่างในถนนนี้หรือ?”
เมื่อไม่นานมานี้ ลูกชายที่โง่เขลาของหลินเยี่ยหลิงได้ประกาศว่าเขาจะซื้อถนนสายธารเมฆาทิศใต้ทั้งสาย ดูนี่ เหมือนจะมีบางคนเหมือนซื้อทั้งถนนไปทั้งถนน
ยิ่งไปกว่านั้น ร้านค้าของพี่สาวเอ๋อหลินไม่ได้ถูกซื้อ
พี่สาวเอ๋อหลินเองก็ประหลาดใจ แต่ทันทีก็ปฏิเสธความคิดนั้น นั้นเป็นไปไม่ได้ ต้องเป็นเรื่องบังเอิญ
แกกำลังล้อฉันเล่นใช่ไหม?
สารเลวยากจน แม่งแค่ขายผลไม้ ไม่มีทางที่เขาจะมีเงินมากพอที่จะซื้อถนนได้ทั้งสาย
พี่สาวเอ๋อหลินกล่าว “ตะกละน้อย แกไม่ได้จะเข้าไปสอนบทเรียนแก่สารเลวนี่?”
“แกไม่สามารถลอยนวลจากเรื่องนี้ไปได้แน่”
“มันแม้แต่กระทั้งพูดกับแกว่าให้แกออกไปให้พ้น”
หวังเฮาเลิกคิ้วขึ้น แน่นอน ว่าเขาย่อมไม่ลืมเรื่องนี้
แต่ทว่าในขณะนั้นเอง มันก็มีเสียงดังขึ้นอยู่ด้านหน้าของร้าน ก้อนเนื้อชายวัยกลางคน โดนธรรมชาติการที่เขาสวมใส่แว่นสายตาทำให้เขาดูเป็นคนเซ่อซ่า
พี่สาวเอ๋อหลินกล่าว “ใครกัน... อั๊ยหย๊า..”
เพี๊ยะ!
หวังเฮาโดนตบใบหน้าบวมเป่ง เธอกลายโง่และถามอย่างอึกอัก “ตะกละน้อย เกิดอะไรขึ้น?”
“ปิดปากลงไปต่อหน้าพ่อคนนี้”
หวังเฮาสวมรอยยิ้ม และรีบวิ่งไปต้อนรับชายคนนั้นด้วยเสียงประจบประแจง “ปู่เหล่ย คุณมาที่นี่ได้อย่างไร? เป็นเกียรติจริงๆ”
ผู้คนที่อาศัยอยู่ในสายธารเมฆาตกใจกับการเปลี่ยนแปลงของหวังเฮา ผู้ที่มาคือใคร? แม้แต่หวังเฮาก็ยังกลายเป็นเคารพนอบน้อม
“ปู่เหล่ย?”
“มันคือยิ่งใหญ่เหล่ย?”
เมื่ออธิบายได้ดังนั้น มันไม่น่าแปลกใจนายน้อยเฮาจะแสดงกิริยาท่าทางแบบนั้น ก็เมื่อเขาเองก็อยู่ภายใต้เขา ถ้ามีคนบอกว่าโลกใต้ดินของสายธารเมฆา อยู่ใต้นายน้อยเฮามากกว่าครึ่ง งั้นโลกใต้ดินของเมืองเจียงมากกว่าครึ่ง ก็อยู่ในมือของยิ่งใหญ่เหล่ย
“พี่ใหญ่มีธุระอะไรกับที่ที่เล็กเช่นสายธารเมฆาแห่งนี้?”
ยิ่งใหญ่เหล่ยเห็นแต่เจียงซิ่วอยู่ในสายตาแต่เพียงเท่านั้น เขาผลักหวังเฮาออกไปง และเข้าไปตรงหน้าของเจียงซิ่ว เขาคุกเข่าลงกับพื้น เขาไม่พูดอะไรสักคำ และเริ่มตบตัวเอง
หลินเยี่ยหลิงรู้สึกงงงวยเมื่อเห็นสิ่งนี้
เจียงซิ่วยังคงสงบ ยิ่งใหญ่เหล่ยเข้าไปรับการรักษาในโรงพยาบาลหลังจากวันนั้น และได้รับการปล่อยตัวออกมาเมื่อสองวันก่อน นั้นก็ทำให้เขาค้นพบสถานะของเจียงซิ่ว หลังจากที่เขาได้รับการปล่อยตัวออกมาข้างนอกแล้ว
ยิ่งใหญ่เหล่ยต้องการรักษาความสัมผันธ์กับตระกูลถัง ดังนั้นเขาจะต้องได้รับการให้อภัยของ เจียงซิ่วมาก่อน เขาเรียนรู้จากการที่พี่ชายด๊งได้กระทำในวันนั้น เจียงซิ่วก็ยอมรับตระกูลถังหลังจากนั้น เขาเชื่อว่าวิธีนี้ดีที่สุดแล้ว
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
ร่างกายของเขายืดตรง แต่ก็แสดงความเคารพด้วยอย่างพอสมควร เขาตบตัวเองอย่างเต็มกำลัง ทำให้แก้มของเขาบวมขึ้นอย่างรวดเร็ว เลือดไหลออกจากปากของเขาโดยที่เขาไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว
เงียบ สถานที่แห่งนี้ราวกับตายไปแล้ว
กล่าวให้ถูกต้องก็คือมีแต่เฉพาะเสียงตบที่ดังขึ้น
ทุกคนรู้สึกงุนงง ในขณะที่พวกเขากำลังมองฉากที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ หวังเฮาตาแทบจะหลุดออกมาด้วยอาการตกใจ เขารู้สึกตกใจเหมือนที่ยิ่งใหญ่เหล่ยเคยรู้สึกเมื่อตอนที่เขาเห็นอาด๊งคุกเข่าลงต่อหน้าเจียงซิ่วและก็ตบตัวเอง
นี่แม่งเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?
“ปู่เหล่ย ทำไมคุณถึง...” ผิวพรรณของหวังเฮาดูซีดจางลง แม้แต่คนงี่เง่าก็ยังรู้ได้ว่ายิ่งใหญ่เหล่ยกำลังคุกเข่าลงต่อหน้าเจียงซิ่ว
เจียงซิ่วไม่ได้พูดอะไร เขาดึงหลินเยี่ยหลิงมาและออกไปพร้อมกัน
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! ….
ยิ่งใหญ่เหล่ยไม่กล้าที่จะหยุดตบ
แต่ทว่าเวลานั้นเอง..
มีเสียงดังมากมายเกิดขึ้นจากทางเข้าถนน ทั้งสองด้านของถนนสายธารเมฆาทิศใต้เต็มไปด้วยผู้ชายในชุดสูทสีดำ พวกเขาสวมแว่นตากันแดดและเงียบสงบดุจรูปปั้น
พวกเขาดูคล้ายกับบอดี้การ์ดที่ปรากฏอยู่ในละครโทรทัศน์
พวกเขามีประมาณ 200 – 300 คน
ทั้งถนนเต็มไปด้วยกลิ่นอายมืดครึ้ม
ในทันทีที่พวกเขาเห็นเจียงซิ่วออกมา ทั้งหมดของพวกเขาคำนับและตะโกนพร้อมกัน “มิสเตอร์เจียง!”
“อะไรนะ?”
“เขาคือมิสเตอร์เจียง?”
พลเมืองที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้เกือบที่จะสูญเสียสติของพวกเขา
ทั้งถนนสายธารเมฆากลายเป็นเงียบราวกับคนที่ตายไปแล้ว เงียบจนแม้แต่กระทั้งเข็มหล่นก็ยังได้ยิน เพื่อนบ้านทุกคน หันไปมองที่เจียงซิ่วด้วยความที่ไม่อยากจะเชื่อ
หลินเยี่ยหลิงและผู้คนทั้งหมดตกลงสู่ความงงงวย