บทที่ 34 เขาก็มาที่นี่ด้วยเหมือนกัน?
บทที่ 34
เขาก็มาที่นี่ด้วยเหมือนกัน?
แปลโดย : ราตรีสีทา
เกลาสำนวนโดย : ราตรีสีเทา
แก้คำผิดโดย : ราตรีสีเทา
เจียงซิวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่เคยแสดงอำนาจวิเศษต่อหน้าผู้คนของตระกูลถัง เขาจึงรู้สึกพิศวงค์ใจเล็กน้อย ว่าแรงจูงใจของพวกเขา ที่ชวนเขาไปงานจัดแสดงสิ่งปะดิษฐ์โบราณมันเพราะเหตุใดกัน
แต่เขาก็รู้สึกผ่อนคลาย หลังจากคิดซ้ำไปซ้ำมา เขาคาดเดาว่าพวกนั้นอาจจะต้องการมีความสัมพันธ์อันดีกับเขา เนื่องจากความแข็งแกร่งที่เขาได้เปิดเผยไปก่อนหน้านี้ มันถึงกับทำให้หลินเฉิ่นไบ๋หวาดกลัวอย่างไร้เหตุผล
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้มีความรู้สึกดีต่อตระกูลถังนัก เนื่องจากแนวทางที่ถังเฉิ่นเชียนกำลังใช้กับเขาอยู่ตอนนี้ คือกำลังเห็นเขาเป็นผู้มีพระคุณ เขากล่าวออกไปอย่างเย็นชา “เทพคนนี้ ไม่สนใจมัน”
“โปรดอย่าพูดแบบนั้น คุณเจียง!”
ถังเหวินชงเริ่มเป็นกังวล เมื่อเจียงซิ่วปฏิเสธข้อเสนอ เขาได้ให้คำสัญญาไว้กับปู่แล้ว ว่าเขาจะรับประกันในการชักชวนให้ให้เจียงซิ่วมางานจัดแสดงนี้ให้ได้ “การจัดงานแสดงสิ่งประดิษฐ์โบราณนี้ ได้กระบี่โบราณออกมานำเสนอ และมีของลึกลับอื่นๆ อีกมากมาย ตระกลูถังของผมจะให้ของทุกชิ้นที่คุณเจียงสนใจไปเลย แต่โดยธรรมชาติแล้ว คุณเจียงอาจจะไม่ชอบวัตถุธรรมดาๆ เหล่านี้ อย่างไรก็ตาม มันคงจะเป็นการดีอย่างยิ่ง ถ้าคุณเจียงสามารถไปแก้ไขความลึกลับของสิ่งประดิษฐ์ลึกลับโบราณเหล่าให้ มันอาจจะเป็นไปได้ที่มรกดกสืบสอดพวกนั้นอาจจะเลือกคุณ”
เจียงซิ่วหัวเราะเยาะ เขามีศิลปะการบ่มเพาะเพื่อความอมตะอยู่มากมายนับไม่ถ้วนอยู่ในความทรงจำของเขา และแต่ละอัน ก็อยู่ในระดับสูงสุด แม้ว่าเขาจะพบมรดกจริงๆ แต่พวกนั้นก็ไม่มีคุณค่าสำหรับเขามากนัก
“เทพคนนี้ไม่สนใจ”
เขาปฏิเสธด้วยโทนเสียงเย็นชาเช่นเดิม
ขณะที่เจียงซิ่วกำลังจะวางสาย ถังเหวินชงก็เร่งกล่าวออกมาอย่างเป็นกังวล “อย่า ได้โปรด อย่าเพิ่ง คุณเจียง... เราจะไม่ยอมให้คุณกลับไปมือเปล่า ถ้าคุณยอมรับที่จะเข้าร่วมงานจัดการแสดง คุณคิดค่าธรรมเนียมในการปรากฏตัวของคุณมาเลย นี้ดูเป็นอย่างไร?”
เจียงซิ่วหัวเราะออกมาดังลั่น ขาดเขลาและโง่เง่าอย่างมาก!
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ตระหนักถึงข้อเท็จจริงที่ว่าเทพซิ่วได้สละเงิน10ล้านหยวนไปในเวลานั้น และเขาทำแม้แต่กระทั้งสับแขนของถังเฉิ่นเชียนทิ้งไป
ได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นของเจียงซิ่ว ซึ่งดูเหมือนจะมีความโกรธอยู่ในนั้นปะปนอยู่ด้วย ฉับพลันขาของถังเหวินชงกลายเป็นอ่อนนุ่ม เนื่องจากความกลัว การใช้เงินจ้างผู้เชี่ยวชาญเช่นเจียงซิ่ว มันเหมือนจะเป็นจะเป็นการดูถูกเขามาก
แต่ใครจะจิตนาการได้ว่า ผลที่ตามมา จะแตกต่างกันอย่างลี้ลับ “หนึ่งล้าน?”
“ได้!” ถังเหวินชงพูดออกมาอย่างกังวลใจ “หนึ่งล้าน พวกเราสามารถเพิ่มขึ้นให้คุณเจียงได้ ถ้าหากคุณต้องการ ตระกูลถังของผม เชิญคุณเจียงมาด้วยความบริสุทธิ์จริงๆ”
เจียงซิ่วระเบิดเสียงหัวเราะดังขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาต้องการใช้เงินเพื่อโน้มน้าวเทพคนนี้!
“คุณจะเพิ่มมันให้มากขึ้น?”
“ใช่!” ถังเหวินชงเหงื่อออกที่ฝ่ามือ เนื่องจากความกระวนกระวายใจที่มีอยู่มากมาย “เพียงแค่คุณยินดีที่จะเข้าร่วม คุณสามารถเลือกจำนวนเงินเองได้เลย”
เจียงซิ่วเงยหน้าขึ้น มองไปยังเมฆที่เลื่อนลอยอยู่บนท้องฟ้า ความเย่อหยิ่งอันไร้สิ้นสุด มันซ่อนตัวอยู่ภายในสายตาของเขา แต่โดยธรรมชาติแล้ว มันเหมือนจะเป็นความเหงาอย่างรุนแรงเสียมากกว่า ฉันกำลังขาดแคลนเงิน และก็มีคนนำเงินมาให้
หึ ฉันถูกผูกมัดกับชะตากรรมนี้ไว้แล้ว!
“แม้ว่าคุณจะค่อนข้างที่จะขลาดเขลาและโง่เง่า แต่ก็ดูเหมือนว่า... คุณค่อนข้างจริงใจ”
ในฐานะที่เป็นทายาทของถังเฉิ่นเชียน ถังเหวินชงโดยธรรมชาติแล้วเขาย่อมไม่ใช่คนโง่ เขาเกือบจะร้องไห้ออกมา เนื่องจากความตื่นเต้นที่มากล้น “ขอบคุณมาก คุณเจียง!”
“ผมจะไปรับคุณออกมาจากเซ็กเก้นไฮเดี๋ยวนี้!”
หลังจากเหตุการณ์คราวก่อนของหลินเฉิ่นไบ๋ พ่อแกได้บอกว่า การบ่มเพาะเต๋าแห่งการต่อสู้ของเจียงซิ่วนั้นมากกว่าชูวเที่ยนหนานกว่ามาก และแม้แต่หลินเฉิ่นไบ๋ก็ยังออกห่างด้วยความหวาดกลัว บุคคลที่เหมือนดาวหาง(แทนคำว่าอนาคตไร้ขีดจัด,พุ่งทะยานได้ไม่มีสิ้นสุด)คนแบบนี้ จะเป็นคนประเภทไหนกัน? อาด๊งยืนยันอย่างหนักแน่น ว่าคุณเจียงจะต้องไม่เข้าร่วมด้วยอย่างแน่นอน แต่เขาก็ได้ทำความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่ไปแล้ว ด้วยการเชิญตัวเขามาได้อย่างไม่คาดฝัน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสงบสติอารมณ์ลงได้
“อืมม!”
มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ที่ไม่มีใครอยู่ในโรงเรียนแล้ว เมื่อถึงเวลา ถังเหวินชงก็มาถึง รถอันหรูหรามารับตัวเจียงซิ่ว แต่ก็ไม่มีผู้ชมคนใดได้เห็นฉากนี้แม้แต่คนเดียว มันช่างน่าผิดหวังเสียจริงๆ
“คุณเจียง!”
ถังเหวินชงลงมาจาก Rolls-Royce(โร-ร๊อยซ์) เขาสวมชุดสูทที่ดูสุภาพและถูกรีดมาอย่างดี เขารู้สึกทึ่ง เมื่อมองไปที่เจียงซิ่ว ซึ่งใส่เสื้อผ้าข้างถนน ซึ่งมีมูลค่าไม่ถึง 300 หยวน ชายหนุ่มคนนี้ดูดีจริงๆ ไหนหล่ะความน่าสยดสยองที่ปู่บอก? ไม่ใช่ว่าปู่กำลังเข้าใจผิดอยู่ ใช่ไหม?
“โปรดเข้ามาด้านในก่อน!”
สายตาของเจียงซิ่วกวาดผ่านรถยนตร์
ตระกูลถังจัดงานแสดงสิ่งประดิษฐ์โบราณนี้ขึ้น โดยการชวนพวกที่อยู่ในระดับเดียวกันมา แต่เงินการสนับสนุนการจัดงานแสดงครั้งนี้ มาจากอนันทรัพย์ ชิงเหว่ยผิง สถานที่ๆจัด เป็นสโมสรระดับสูง ถูกเรียกว่าเบลเด็น มันอยู่ใกล้กับโครงการอนันทรัพย์ในตัวเมือง
ขณะที่รถกำลังผ่านถนนเหลียงหือ เจียงซิ่วเห็นตำรวจจราจรยืนปิดกั้นเส้นทางอยู่
“เกิดอะไรขึ้นที่นั้น?”
ถังเหวินชงกล่าว “คุณไม่รู้? อนันทรัพย์รื้อวัดร้างเก่าทิ้ง จึงส่งผลทำให้เทพเจ้าต้องพิโรธ เหตุการณ์มหัศจรรย์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และก็เกิดอุบัติเหตุก็เกิดขึ้นบ่อยครั้งในถนนเหลียงหือแห่งนี้ในช่วงกลางคืน รัฐบาลไม่สามารถทำอะไรกับมันได้อีก จึงต้องปิดถนนไปเป็นการชั่วคราว”
“ทำให้เทพเจ้าต้องพิโรธ?”
ถังเหวินชงกล่าว “ใช่แล้ว หมอผีหลายคนถูกเชิญมาจัดการกับปัญหานี้ แต่ก็ไม่มีผู้ใดประสบความสำเร็จเลย ทุกคนเดาว่านั้นไม่ใช่วิญญาณที่ชั่วร้าย แต่ช่วยกันคิด ว่านั้นเป็นเทพเจ้าในวัดร้าง ที่กำลังพิโรธอยู่ เป็นคนทำเรื่องพวกนั้น”
เจียงซิ่วหัวเราะออกมาเบาๆ ปฏิเสธที่จะออกความเห็น
ถังเหวินชงและเจียงซิ่วลงจากรถ หลังจากที่มาถึงตึกสโมสรเบลเด็นแล้ว
กระแสผู้คนที่กำลังเข้าไปในสโมสร ทุกๆคนล้วนส่วมใส่เสื้อผ้าที่สวยงาม ผู้ชายสวมชุดสูทแต่งตัวเนียบ ผู้หญิงสวมชุดราตรีแพรวพราว พวกเขาถือการ์ดเชิญไว้ในมือของพวกเขาเอง
“สักครู่นึงนะ คุณเจียง!”
มีเพื่อนสนิทของถังเหวินชงหลายคนที่อยู่ภายในสโมสร ดังนั้นแล้ว เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นนายน้อยถังเหวินชงเข้ามาข้างใน พวกเขาก็รีบเข้ามาประจบประแจงทันที สำหรับเจียงซิ่วที่แต่งเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย เขาเหมือนจะไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ไปทำธุระของคุณเถอะ เทพคนนี้จะเดินไปรอบๆ”
เวลานี้เทพซิ่วไม่อยากทำอะไรให้มันยุ่งยาก แต่มันก็ถูก ที่จะบอกว่าเขามาที่นี่ ก็เพื่อที่จะต้องการรับเงินหนึ่งล้าน แต่สำหรับส่วนที่เหลือนั้น เจียงซิ่วไม่ได้สนใจอะไรเป็นสำคัญ เขาเพียงแค่ต้องการดูว่ามันจะมีสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นของแท้หรือไม่ แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม คำที่เขากล่าวไป เป็นการฆ่านกสองตัวด้วยปืนนัดเดียว จริงๆแล้วเขาก็ยังต้องการสมบัติล้ำค่า เพื่อที่จะนำมาเร่งความเร็วในการบ่มเพาะอยู่
มีกลุ่มคนสามหรือสี่คนอยู่ภายในสโมสร ความสัมพันธ์มีความสำคัญในแวดวงสังคมชั้นสูงมาก การเข้าร่วมงานชุมนุมแบบนี้ จะช่วยให้พวกเขาสามารถติดต่อกันและกันได้ และนั่นก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อธุรกิจ หรือเรื่องอื่นๆ ของพวกเขาเอง
เป็นโอกาสอันดีสำหรับเยาวชนรุ่นใหม่ ที่จะหาช่องทางสำหรับพวกเขาด้วยตัวเอง
“มองไปตรงนั้นสิ เชาชิเซี่ยง จากห้างสรรพสินค้า ไบลุนด้า”
“เทียนเหรินผู้อำนวยการฝ่ายเภสัชกรรม นั้นเจ้ากรมหวู!”
“แม้กระทั่งชาวต่างชาติ ไม่ใช่ว่าเป็นผู้อำนวยการของBenz?”
โอหยางเชียนดวงตาแวววาว ในขณะที่เธอโบกมือไปมาอย่างตื่นเต้น “ว้าว มีนักธุรกิจจำนวนมากมาที่นี่ในวันนี้... ไม่น่าแปลกใจเลย ที่นายน้อยเฉินจะกล่าวว่าคำเชิญนี้มีค่าจำนวนถึง100,000”
หลี่ดันตื่นเต้นมาก “เราทำถูกแล้วที่เข้าร่วมการจัดการแสดงในวันนี้”
“นั้นคือนายน้อยไบ๋ ไบ๋เฟิง?!”
การได้ยินคำพูดนั้น เฉิงหลิงซูเอง ก็ต้องมองไปที่นั่นอย่างอย่างช่วยไม่ได้ ชายคนนั้นสวมชุดสูทสีขาวทันสมัย มันขับให้เขาดูสง่างามและหล่อเหลามาก นายน้อยคนนี้เป็นคนที่มีพรสวรรค์ และเป็นอันดับ 1 ในหมู่เยาวของชนชั้นสูงในเมืองเจียง
ยิ่งใหญ่เหล่ยกล้าที่จะทำร้ายเย่เหวินเฉินในทันที แต่เขาคงจะไม่กล้าพูดอะไรสักคำ ต่อหน้านายน้อยไบ๋
“จะเอายังไงดีหล่ะ? ต้องการเข้าไปพูดคุยกับเขารึเปล่า?”
เย่เหวินเฉินดันแว่นตาของเขา และสังเกตเฉิงหลิงซูอย่างระมัดระวัง กลัวว่าเทพธิดาที่เขาชื่นชมจะถูกดึงดูดโดยนายน้อยไบ๋ เพราะเนื่องจากนายน้อยคนนั้นโดดเด่นมากเกินไป
“ซูซู...”
มีเสียงจากด้านหลังดังขึ้น เฉิงหลิงซูหันกลับมามอง และค้นพบสาวสวย ที่ส่วมใส่ชุดราตรีสีดำอยู่ ใบหน้าของเฉิงหลิงซูปั้นยากขึ้นเล็กน้อย “แม่!”
“เป็นหนูจริงๆ แม่ก็นึกว่าตัวเองกำลังเข้าใจผิดซะอีก”
ผู้หญิงที่มาถึง ก็คือแม่ของเฉิงหลิงซู ซันเสี่ยวหง ในความเป็นจริงแล้ว วันนี้มีเรียนช่วงเย็นอยู่อีก ดังนั้นแล้วเฉิงหลิงซูจึงถือได้ว่าเธอโดดเรียนมา ใบหน้าของเธอกลายเป็นเหนื่อยหน่าย เพราะแม่ของกำลังเธอจับมือของเธอจนแดง
แต่ซันเสี่ยวหงไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไรเลย “หนูเข้ามาได้ยังไง? การเข้าสถานที่นี้มันค่อนข้างยากอยู่มาก” แม้แต่เธอก็พึ่งพาเพื่อนของเพื่อนเธอเพื่อขอรับบัตรเชิญ
นอกจากนี้ นี่เป็นงานจัดแสดงสิ่งประดิษฐ์โบราณ ไม่ใช่การชุมนุมธุรกิจ
เฉิงหลิงซูวิ่งไปที่แขนของเธอและกอดมันไว้ “เพื่อนคนหนึ่งได้รับบัตรเชิญมา ดังนั้นฉันก็เลยมาร่วมสนุกด้วย”
“หงน้อย นี่เป็นลูกสาวคนสุดท้องของเธอหรอ”
สองผู้หญิงวัยกลางคน ที่เป็นเพื่อนสนิทของซันเสี่ยวหงยืนอยู่ข้างๆเธอ
“ใช่แล้ว!” ซันเสี่ยวหงมองไปยังลูกสาวของเธอ ที่เติบโตขึ้นมาอย่างสดใส และสายตาก็ยังเต็มไปด้วยเสน่ห์ “ดูสิว่าเด็กๆในปัจจุบันนี้เป็นยังไงกัน ยังมีการเรียนในตอนเย็นอีก และพวกเขาก็มาที่นี่เพื่อเข้าร่วมในงานเลี้ยงแล้ว”
เฉิงหลิงซูแลบลิ้นของเธออกมาอย่างซุกซน เมื่อเย่เหวินเฉิน และคนอื่นๆ เห็นด้านที่น่ารักของเธอ ตาของพวกเขาก็เบิกกว้างขึ้น
ซันเสี่ยวหงบีบจมูกของเธอ “ลูกโตขึ้นแล้ว ลูกมีสายสัมพันธ์ และก็สามารถเข้าร่วมงานนี้ได้ด้วยตัวหนูเอง”
คำพูดของเธอดูเหมือนจะวิพากษ์วิจารณ์เธอ แต่เสียงก็ยังคงเต็มไปด้วยความชื่นชม เพื่อนทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกอิจฉาเธอ การ์ดเชิญนี้ค่อนข้างนากที่จะได้รับ นายหญิงคนที่ 2 ของตระกูลเฉิงเป็นอะไรที่สุดยอดจริงๆ
“ลูกสาวของเธอมีทักษะดีจริงๆ”
“เธอหลอกลวงไปรอบๆ”
เย่เหวินเฉินจับหน้าอกของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ นั้นก็เพราะมันเป็นเขา ที่เป็นคนได้รับคำเชิญมา อัตตะของเขาเริ่มสูงขึ้น(หรืออีโก้สูงขึ้น)
“ลูกของฉันก็อยากมา แต่โชคร้าย ที่มันไม่มีบัตรเชิญเหลือแล้ว...”
ซันเสี่ยวหงสายตาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ เมื่อเห็นว่าเพื่อนทั้งสองของเธอกำลังอิจฉา แม้แต่กระทั่งเฉิงหลิงซู ก็รู้สึกราวกับว่าใบหน้าของเธอกำลังแดงก่ำขึ้น สายตาของเธอที่มองไปยังเย่เหวินเฉินก็ยังดูอ่อนโยนขึ้น
แต่ในวินาทีถัดไป รอยยิ้มของซันเสี่ยวหงและใบหน้าของเฉิงหลิงซูก็ถูกทำให้กลายเป็นแข็งทื่อ ในที่ๆ ห่างไกลออกไปจากพวกเธอ มีโต๊ะพร้อมชุดอาหารวางไว้อยู่ ชายหนุ่มผู้สวมเสื้อผ้า สินค้าจากข้างทางถนน กำลังนั่งรับประทานเค้กอยู่ที่นั่นอย่างสบายใจ
“เจียงซิ่ว? เขาก็มาที่นี่ด้วยเหมือนกัน?”