บทที่ 33 ก่อนที่จะไปหาสิ่งอัศจรรย์
บทที่ 33
ก่อนที่จะไปหาสิ่งอัศจรรย์
แปลโดย : ราตรีสีทา
เกลาสำนวนโดย : ราตรีสีเทา
แก้คำผิดโดย : ราตรีสีเทา
เมื่อถึงเวลา เย่ปิงก็มาสวนป่าข้างสนามเด็กเล่น เจียงซิ่วกำลังยืนรอเธออยู่ตรงนั้น เธอเพ่งสายตามองดูเขา “นายมาค่อนข้างเร็วมาก”
แม้ว่าฉัน เทพซิ่ว จะมีความภาคภูมิใจเป็นของตัวเอง แต่ฉันก็ไม่สามารถใช้วิธีพูดแบบเหนือกว่าคนที่กำลังจะไปยืมเงินได้ “มันจำเป็นต้องทำ เพื่อที่จะได้รับความโปรดปราน...” เขาไม่ลืมที่จะพูดคำๆนี้ไปด้วย ในส่วนท้ายของประโยค “จากพี่สาวใหญ่!”
เย่ปิงหน้าแดงไปถึงหู เมื่อได้ยินสิ่งที่เขากล่าว “ฮึ นายไม่ได้เปลี่ยนไปเลย นายเรียกมันช้ามาก”
“พี่สาวใหญ่ คุณเอาเงินมาด้วยรึเปล่า?” ในวินาทีถัดไป เธอก็เผยท่าทีที่เป็นปรปักษ์ออกมา
เย่ปิงกล่าวอย่างไม่มีความสุข “เลดี้คนนี้เดินเข้าไปที่ธนาคาร ก็เพื่อที่จะให้นายยืมเงินเป็นกรณีพิเศษเลยนะ” กล่าวได้ดังนั้น เธอก็เอาเงินออกจากกระเป๋ามา แล้วเอามันไปให้เจียงซิ่ว
โดยปกติแล้ว ผู้คนจะไม่มาที่สวนป่าข้างสนามเด็กเล่น อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ที่หน้าต่างของห้องสภานักเรียน สามารถมองเห็นป่าจากจากหน้าต่างได้ เฉิงหลิงซูยืนอยู่ใกล้ๆหน้าต่าง และมันเป็นเวลาเดียวกันกับที่เจียงซิ่วและเย่ปิงได้เดินมาพบเจอกัน
“ซูซู เธอกำลังมองอะไร?”
เฉิงหลิงซูแสดงท่าทีที่มีพิรุจ เธอหันศีรษะกลับมาอย่างกังวลใจ “ฉะ ฉันมองไม่เห็นอะไรเลย!”
ความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเกิดขึ้น โอหยางเชียนและหลี่ดั่นเดินเข้ามา และพวกเธอก็เห็นเจียงซิ่วยืนอยู่กับเย่ปิง ผ่านทางหน้าต่างห้องสภานักเรียน สำหรับเจียงซิ่วในตอนนี้ เจ้าเพื่อนยากคนนั้น กำลังนับเงินอยู่ “มันเป็นเขาจริงๆ ฉันเคยได้ยินที่คนพูดกันว่า เย่ปิงอยู่ใกล้ชิดกับเขามาก แต่ฉันก็ไม่เคยเชื่อมันเลยนะ แต่ดูนี่แล้ว มันเหมือนจะเป็นเรื่องจริง”
“เย่ปิงเธอโง่เง่าจริงๆ เธอไปชอบเขาได้อย่างไร? มันเป็นการซื้อขายที่ขาดทุน!”
การดูถูกปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลี่ดั่นเช่นกัน “ถูกแล้ว เขาเป็นเพียงคนที่ยากจน บ้านของเขาเข็นผลไม้ขาย และเหมือนเขาจะมีความสามารถต่อสู้อยู่นิดหน่อย แต่ทว่าคนในยุคนี้สามารถต้องเอาชีวิตรอดด้วยการต่อสู้รึไง? ฉันหล่ะรู้สึกเสียใจแทนเย่ปิงจริงๆ”
“พวกเขามีความสัมพันธ์แบบนั้นกันเหรอ?” เฉิงหลิงซูถามอย่างประหลาดใจ
“ใช่แล้ว นี่เธอไม่รู้เหรอ?”
เฉิงหลิงซูส่ายหัวของเธอ และสีผิวของเธอเหมือนจะเปลี่ยนไป
“ฉันขอเดา ว่าเย่ปิงจะทิ้งเจียงซิ่วไป ในไม่ช้าก็เร็ว ทุกคนรู้เกี่ยวกับภูมิหลังครอบครัวของเย่ปิง เธอเป็นลูกสาวของตระลูที่มีอิทธิพล เธอเป็นหญิงสาวที่เพอร์เฟคอย่างแท้จริง เจียงซิ่วไม่เหมาะกับเธอเลยสักนิด ดังนั้นแล้ว การที่เขาจะถูกเขี่ยทิ้ง มันก็เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น”
“ใช่ เย่ปิงยังเด็กอยู่ในขณะนี้ เธอจะเข้าใจเองว่าผู้ชายที่ยอดเยี่ยมที่แท้จริง นั้นเป็นยังไง มันก็ต่อเมื่อเธอได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยไปแล้วเท่านั้น”
เวลานี้เอง เย่เหวินเฉินและคนอื่นๆก็ได้กลับมา
หลิวชวูถูกปล่อยตัวจากโรงพยาบาลหลังจากวันนั้นสามวัน และเย่เหวินเฉินเองก็เข้ารับรักษาตัวในโรงพยาบาล เป็นเวลาถึงหนึ่งอาทิตย์ แก้มอันหล่อเหล่าของเขา ยังคงบวมเป่งอยู่นิดหน่อย
“ในที่สุด นายก็กลับมา!”
โอหยางเชียนและหญิงสาวคนอื่นๆ ต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้ม
หญิงสาวเหล่านี้ได้ไปเยี่ยมพวกเขา เมื่อพวกเขาอยู่ในโรงพยาบาล เพื่อที่จะให้พวกเขา ได้รู้ถึงสถานการณ์ปัจจุบันของโรงเรียน ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงไม่ค่อยได้ไปข้องเกี่ยวกับเรื่องพวกผู้ชายนัก ในความเป็นจริง พวกเขาและสาวๆ ที่เคยผ่านประสบการณ์อันขมขื่นนั้นมา ก็ไม่เต็มใจที่จะพูดถึงเรื่องของเย่เหวินเฉินที่โดนทำร้ายในตอนนั้นอีกต่อไป
นั้นมันโชคร้ายมาก!
“อย่าพูดถึงมันอีกเลย เราจะไม่กลับไป พื้นที่ที่ไร้อารายะธรรมนั้นอีกต่อไปแล้ว” พูดได้แบบนั้น เย่เหวินเฉินจึงพูดถึงคำเชิญที่ได้รับมา และแสดงบางอย่างให้ทุกคนได้ดู “คำเชิญไปงานจัดแสดงสิ่งประดิษฐ์โบราณ พวกเธอสนใจสิ่งสวยงามไหม? พวกมันเหล่านั้น เป็นสิ่งที่หาดูได้ยากมาก”
ไม่มีสาวๆ คนใด ตอบเลย
“พวกเธอทั้งหมด ไม่รู้ว่าอะไรคือของดี คำเชิญนี้ถูกขายให้กับภายนอกถึง 100,000 หยวน วัตถุที่ขายมีข่าวลือว่ามันเป็นสิ่งประดิษฐ์โบราณ ซึ่งสมบัติของเหล่าเทพเจ้าที่ยังหลงเหลือทิ้งไว้ให้อยู่บนโลกใบนี้ พวกมันเป็นของวิเศษและมหัศจรรย์มากและ ราคาเริ่มต้นประมูลของมัน สูงกว่าการประมูลพวกอัญมณีซะอีก”
สาวๆเริ่มเกิดความสนใจ เมื่อเย่เหวินเฉินอธิบายเพิ่มเติมให้ “มันเป็นของจริงหรือปลอม?”
เย่เหวินเฉินกล่าว “แม้ว่าเธอจะมี100,000 แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ ที่สามัญชนฐานะสังคมต่ำ จะเข้าร่วมได้ เธอคิดดูสิ ว่าการเรียกร้องเงื่อนไขที่สูงลิวแบบนั้น ของภายใน มันจะเป็นของจริงหรีอของปลอม?”
“คนดังจากเมืองเจียง และคนจากเมืองหลวงในตัวจังหวัดก็จะเข้าร่วมด้วย นี้มันจึงเป็นการชุมนุมของพวกระดับสูงไปโดนปริยาย”
“พวกเราจำเป็นต้องไปสัมผัสประสบกาณ์แบบนั้น”
“ซูซู เธอกำลังมองอะไรอยู่กัน?”
เย่เหวินเฉินค้นพบว่าเฉิงหลิงซูให้ความสำคัญกับนอกหน้าต่างเป็นอย่างมาก เขาจึงรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา ดังนั้นแล้วเขาจึงเดินไปดูด้วยตัวเอง เขาพบเจอเจียงซิ่วและเย่ปิงแทบจะพร้อมๆกัน “นั้นไม่ใช่เย่ปิง? ทำไมเธอถึงอยู่กับเจียงซิ่ว?”
เขามองเห็นเจียงซิ่วเป็นหนามบ่มที่คอยทิ่มแทงชีวิตของเขาอยู่ และเขาก็ตำหนิความอัปยศอดสูทั้งหมดที่เขาได้รับมาในเมืองสถานบังเทิง ทั้งหมดนั้นเขาตำหนิให้เจียงซิ่ว และคิดว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะเขาคนเดียว
แต่เขาก็เลือกที่จะปล่อยเจียงซิ่วไป เพราะเขาคิดว่า ถ้าเขาไปเผชิญหน้ากับเจียงซิ่วโดยตรง มันก็เหมือนเป็นการดูถูกตัวเองมากเกินไป
“ซูซู เธอต้องการชวนเขามา? คนอย่างเจียงซิ่วคงไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมการจัดแสดงนี้หรอก แม้ว่าจะใช้โอกาสทั้งชีวิตของตัวเองให้หมดไปก็ตาม”
เทพเจ้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ครุมเครือ แต่พวกเขาก็ผู้ปกครองโลกใบนี้
เฉิงหลิงซูหันกลับมา และเผยรอยยิ้มที่งดงาม “แน่นอน ว่าฉันจะไปด้วย”
“สมบัติที่ถูกทิ้งไว้โดยเทพเจ้า มันเป็นสิ่งที่ต้องไปชมดูสักครั้ง”
ตามตำนาน มนุษย์นั้นเป็นลูกหลานของเทพเจ้า แต่พวกเขาถูกทอดทิ้งไว้ยังเบื้องล่างนี้ ตามเรื่องตามราวแล้ว ทั้งหมดนี้ก็ยังเป็นเพียงแค่ตำนานโบราณอยู่ดี มันไม่มีหนทางใดเลย ที่จะพิสูจน์ถึงการมีตัวตนของเทพเจ้าได้ ดังนั้นสุดท้ายแล้ว ทุกๆคนจึงไม่มีคำสรุปคำถามในข้อสุดท้ายนี้
เมื่อดวงอาทิตย์ตกดิน การนัดเจอกันระหว่างเจียงซิ่วและเย่ปิงในที่สุดก็จบลง ทั้งคู่เดินไปตามทางของใครของมัน เฉิงหลิงซูกล่าวกับคนอื่นๆ “เดี๋ยวฉันกลับมานะ”
“ซูซู จะไปไหนกัน?”
หลังจากที่ยืมเงินได้เรียร้อยแล้ว เจียงซิ่วจึงเดินกลับไปที่หอพักโรงเรียน อย่างไรก็ตาม ก็มีเงาที่สวยงามปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขา เขาไม่ได้รู้สึกอึ่งหรือรู้สึกอะไร เพราะไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะต้องเจอกันในโรงเรียนเป็นบางครั้ง ดวงตาของเขาเปลี่ยนไปเป็นเฉยเมย เขาได้ลงนามข้อตกลงใบนั้นแล้ว ดังนั้น เขาจึงไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเฉิงหลิงซูอีกต่อไป
ในอดีตที่ผ่านมา ทั้งสองคนจะทำตัวราวกับว่าพวกเขาไม่ได้รู้จักกัน และพวกเขาก็เดินผ่านกันไปมาเหมือนลมที่พัดผ่านไปไปมา แต่คราวนี้ เฉิงหลิงซูเป็นฝ่ายปิดกั้นเส้นทางของเขาก่อน เจียงซิ่วเปลี่ยนทิศทางเดิน ด้วยความคิดที่อยากจะเดินให้ผ่านๆไป แต่เธอก็ปิดกั้นทางของเขาอีกครั้ง เจียงซิ่วจึงยกศรีษะของตัวเองขึ้น “หมายความว่าไง?”
“เธอยังไม่ได้เห็นใบข้อตกลง?”
เฉิงหลิงซูกล่าว “ฉันเห็นมันแล้ว ฉันไม่ได้มาหานายเพราะเรื่องนั้น”
เจียงซิ่วกล่าว “แล้ว?”
ดวงตาที่กระจ่างใสของเฉิงหลิงซู มองไปยังเจียงซิ่ว ชายหนุ่มที่อยู่ในดวงตาเธอตอนนี้ เริ่มห่างไกลจากเด็กชายที่อยู่ในความทรงจำของเธอไปไกล เขาเปลี่ยนไปมาก จนกลายเป็นไม่คุ้นเคย
ก่อนหน้านี้ เจียงซิ่วเป็นคนที่ไม่มีอะไรดีเลย และเมื่อมองไปที่เขา จะมีความรู้สึกที่ว่าเขาด้อยกว่าอยู่ชัดเจนมาก แต่เจียงซิ่วที่อยู่ข้างหน้าเธอคนนี้ เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ ความเย่อหยิ่งของเขานั้น แบบทีอาจยิ่งใหญ่กว่าเย่เหวินเฉินซะอีก แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเขามั่นใจตัวเองมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าผู้ชายตรงที่อยู่ตรงหน้าเธอคนนี้ ดูน่าสนใจอย่างมาก
แม้แต่รูปร่างลักษณะของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ใบหน้าของเขาดูคมเข้มมากขึ้น สายตาของเจียงซิ่วก่อนหน้านี้นั้น บริสุทธิ์และดูขี้อาย แต่สายตาของเจียงซิ่วในตอนนี้ ดูล้ำลึกยิ่ง มันดูเหมือนสระน้ำลึก ที่ไม่สามารถมองเห็นไปยังก้นบ่อได้
นี่ไม่ใช่สิ่งที่เฉิงหลิงซูคิดไปเอง อารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงของเขา เกิดจากการประสบการณ์ที่มีของเขา และรูปลักษณ์ของเจียงซิ่วที่เปลี่ยนไป ก็เพราะเขาได้ปลุกตื่นสายเลือดแห่งพระเจ้าขึ้น ดังนั้นแล้ว เขาจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่ดูเหมือนพระเจ้ามากขึ้นแบบนี้ (…)
แต่ไม่ว่าเขาจะเปลี่ยนไปยังไง เจียงซิ่วก็ยังเจียงซิ่วอยู่วันยังค่ำสำหรับเธอ เขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ตราบใดที่พ่อแม่ของเขายังคงเป็นเหมือนเดิมอยู่
เฉิงหลิงซูกล่าว “ฉันหวังว่านายจะตนักรู้มันได้ด้วยตัวนายเอง”
“นายและเย่ปิงไม่ใช่คนจากโลกเดียวกัน!”
เสียงของเจียงซิ่วยังคงสงบและตั้งมั่น “เธอมาหยุดฉัน ก็เพราะเรื่องนี้?”
เฉิงหลิงซูกล่าว “ใช่แล้ว!”
“ตระกลูของเย่ปิงไม่แตกต่างจากฉันมากนัก... ฉันหวังว่านายจะตื่นขึ้นมาจากความฝันได้ และนายก็ห้ามฝันถึงเรื่องที่ไม่มีทางเป็นจริงนี้อีก ฉันหวังให้นายหันกลับไปมองตัวเองดูบ้าง และก็คิดอย่างรอบครอบ ว่าผู้หญิงแบบไหน ที่จะเหมาะกับตัวนายเอง มันจะเป็นการทำร้ายนายมากเกินไป ถ้านายพยายามสุ่มสี่สุ่มห้า ที่จะหาทางปีนลัดขึ้นไปบันไดสังคมไป”
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตั้งแต่ที่เฉิงหลิงซูไม่ได้ชอบเจียงซิ่วแล้ว เธอก็เชื่อเหมือนกัน ว่าเย่ปิงต้องไม่มีทางชอบเขา นอกจากนี้ของเย่ปิง ยังมีปัจจัยของครอบครัวเข้ามาเอี่ยวด้วย ทั้งเธอและเจียงซิ่วต่างไม่ได้รับแรงกดดันจากพ่อแม่ มันเป็นเพาะเธอเองที่ต้องการกำจัดเจียงซิ่วออกไป ซึ่งกรณีของเย่ปิงมันต่างจากของเธอมาก เธอมีแรงกดดันจากพ่อแม่ของเธอ พวกเขาจะยอมรับการแต่งงานระหว่างลูกสาวเธอกับพ่อค้าผลไม้ได้อย่างไร?
เจียงซิ่วหัวเราะอย่างเย็นชา และความโกรธก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
“เธอคิดว่าเทพคนนี้ต้องฟังคำแนะนำของเธอใช่รึเปล่า?”
เฉิงหลิงซูถลึงตา “จะบอกว่า นายจะเมินคำพูดของฉัน?”
“นั้นคือทั้งหมดที่ฉันจะพูด เจียงซิ่ว ดูแลตัวเองด้วย!”
พูดได้ดังนั้น เฉิงหลิงซูก็ผ่านเขาไปเหมือนเหมือนเมื่อกาลก่อน ผ่านไปดุจเจ้าหญิงผู้เย่อหยิ่งจองหอง เธอทำตัวราวกับว่าตัวเธอเอง กำลังมองผู้คนลงมาจากที่ๆสูงกว่า สายลมเบาบางในช่วงเวลายามค่ำ พัดพานสยายผมที่สละสลวยสวยงามของเธอออก มันทำให้เกิดกลิ่นหอมแทรกซึมออกมาตามตามสายลม
มองดูเธอแล้ว เธอช่างงดงามมาก เงาลางๆของสภาพแวดล้อมนั้น มันเหมือนจะเบลอไปเลย
เฉิงหลิงซู เธอไม่ได้เข้าใจการดำรงอยู่ของเทพคนนี้เลย
“ฮัลโหล นี่คือมิสเตอร์เจียง ใช่มั้ย?”
เจียงซิ่วกล่าว “คุณเป็นใคร?” โทนเสียงของเขาเหมือนจะเป็นคนแก่ เขาคุ้นเคยกับมันดี ก็ในเมื่อเขาพูดในลักษณะนี้มาเป็นเวลากว่า3000ปีว และการพูดในลักษณะนั้น มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนกลับไปมาได้ในระยะเวลาอันสั้นด้วย “ทำไมถึงโทรหาเทพคนนี้?”
รู้สึกได้ว่าเหมือนอีกฝ่ายกำลังตื่นเต้น หลังจากที่ยืนยันได้แล้วว่า เขาเป็นเจียงซิ่วตัวจริง “มิสเตอร์เจียง ฉันคือถังเฉิ่นเชียน!” โทรมาหาเทพคนนี้ทำไม?
“ผิดเบอร์แล้ว!” เขาวางสาย
มีข้อความส่งมาในทันที หลังจากที่เขากดปุ่มวางสาย คุณเจียง โปรดยกโทษให้กับแก่ความหยาบคายของผม ผมเป็นหลานชายของถังเฉิ่นเชียน เรียกผมถูกเรียกว่าถังเหวินเฉิ่น คุณเคยช่วยผมตอนที่รถกำลังจะตกลงไปในผา ที่ภูเขาชงหมิ๋ง คุณยังจำได้มั้ย?
เมื่อเขาเห็นข้อความนี้ เจียงซิ่วก็จำได้ทันที ว่าเหมือนจะมีเยาวชนยืนอยู่ข้างๆถังเฉิ่นเชียนในเวลานั้น
มีการโทรติดต่อมาอีกครั้งหลังจากนั้นซักครู่ “ดังนั้นแล้วมันจึงเป็นคุณ ทำไมถึงโทรหาเทพคนนี้?”
ถังเหวินเฉิ่นกล่าว “เป็นเช่นนี้ ปู่ กำลังจัดงานแสดงสิ่งประดิษฐ์โบราณ เพราะแบบนั้นแล้ว เขาจึงอยากชวน คุณเจียง ให้มาเข้าร่วมด้วย”