บทที่ 26 เจ้า 1 (2) [อ่านฟรี]
บทที่ 26 เจ้า 1 (2)
คาร์ลไม่คิดว่าการตัดสินใจขององค์ชายรัชทายาทจะเป็นเรื่องที่ผิด ใครเป็นคนสามารถตัดสินได้ว่าเขาควรใช้พลังของตัวเองแก่ผู้อื่นกัน? แน่นอนว่าหากเป็นเชวฮันหรือโรสลินก็อาจจะเลือกใช้มันเพื่อช่วยชีวิตชายชราได้
“ไม่ว่าอย่างไร....น้องชายมังกรก็ยังคงติดตามเราต่อไปใช่หรือไม่?”
คาร์ลพยักหน้าตอบรับกับคำถามของฮง
‘ถ้ามันเป็นเช่นนี้ฉันก็อาจจะใช้มังกรน้อยนั่นให้เป็นประโยชน์ได้’
แผนเดิมของเขาคือการช่วยชีวิตมันและปล่อยให้มันมีชีวิตตามที่มันต้องการ แต่ถ้าตอนนี้มังกรเลือกที่จะติดตามเขาไปทั่วเมืองเหมือนลูกสุนัขตัวเล็กๆแล้วล่ะก็...เขาก็อาจนำมันไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ เขาคิดถึงวิธีการที่จะใช้งานมันในช่วงหลายคืนที่ผ่านมานี้แล้ว
คาร์ลรู้ตำแหน่งของระเบิดพลังเวทย์ทั้ง 5 ตำแหน่งที่เชวฮันหาพบในนิยายแต่เขาไม่แน่ใจกับตำแหน่งระเบิดพลังเวทย์ที่เหลืออีก 5 แห่งได้ การที่พวกเขาพบกับตำแหน่งระเบิดพลังเวทย์ได้5แห่งก็มาจากฝีมือนักเวทย์อัจฉริยะเช่นโรสลินที่ใช้พลังในการตรวจหาที่ตั้งของระเบิดไปทีละจุดนั่นเอง
แต่ตอนนี้คาร์ลมีตัวเลือกที่ดีกว่าโรสลินเป็นอย่างมากมันเป็นนักเวทย์ระดับสูงที่สามารถตรวจหาพลังเวทย์รอบๆได้ไม่ต่างจากการตามจับเป็ดที่หลุดหายไป
“มันอาจจะเป็นงานที่ยากสักหน่อย”
ลูกแมวทั้งสองต่างชะงักกับคำพูดของคาร์ลแต่เขามองไม่เห็นมัน เขากำลังคิดถึงงานที่จะให้เจ้ามังกรน้อยทำเมื่อเดินทางไปถึงเมืองหลวงแล้ว ส่วนเจ้ามังกรน้อยนั้นไม่ได้คิดถึงสิ่งใดมากนักมันเพียงแค่คิดจะหาหมูป่าไปส่งให้พวกมนุษย์ที่พักค้างแรมอยู่นี่ก็เท่านั้นเอง
คาร์ลผู้ที่เผลอหลับไป เมื่อตื่นขึ้นมาเขาก็วางแผนอย่างรอบคอบในสิ่งที่ต้องทำในอนาคตเมื่อเดินทางถึงเมืองหลวงแล้วและออกไปเพื่อตรวจดูซากหมูป่าก่อนจะเริ่มสังเกตเห็นบรรยากาศที่แปลกไป
เขากินและนอนหลับไปในรถม้าเมื่อคืนนี้เขาพยายามทำให้มันดีที่สุดในการไม่พูดคุยกับเทย์เลอร์และคณะเดินทางของตน นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่เข้าใจกับบรรยากาศที่แปลกๆและอึมครึมเช่นนี้
“ฮันส์ เกิดอะไรขึ้น?”
ฮันส์ยิ้มให้เขาอย่างอึดอัดใจและเอ่ยทักทายเขา คาร์ลรู้สึกว่าฮันส์และคนอื่นๆในคณะเดินทางของตนมีความสงสัยเกี่ยวกับเนื้อสัตว์และผลไม้ต่างๆที่ถูกส่งมาให้พวกเขา แม้ว่าคาร์ลจะไม่รู้ว่ารอนมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรเมื่อทั้งเขาและเชวฮันเอ่ยเพียงแค่ว่ามันเป็นเรื่องที่ดีและให้สนุกไปกับมัน ส่วนบารอคยิ่งโน้มน้าวใจได้ง่ายเนื่องจากเขารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นวัตถุดิบที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมในทุกๆเช้า
“ฮาฮ่าๆๆๆ นายน้อยตื่นแล้วหรือขอรับ?”
ฮันส์เหลียวไปมองเทย์เลอร์และเคจ ก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้คาร์ล
“อย่างที่เห็นขอรับ กระผมคิดว่านายน้อยเทย์เลอร์อาจจะเข้าใจผิด”
“เข้าใจผิด?”
คาร์ลสามารถมองเห็นซากหมูป่าเช่นเดียวกับเทย์เลอร์ที่อยู่บนรถเข็นและเคจที่กำลังจับรถเข็นอยู่ด้านหลังของเขา คาร์ลเดินเข้าไปใกล้ซากหมูป่าและหยุดยืนใกล้กับรถเข็นของเทย์เลอร์ก่อนเอ่ยขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น?”
โดยปกติหมูป่าที่มังกรส่งมาให้พวกเขาจะมีขนาดที่ใหญ่เสมอ มันมีขนาดใหญ่กว่าเสือเสียอีกซึ่งนั้นทำให้บารอครู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยและตามปกติก็มักจะมีภาพวาดที่อยู่ถัดไปจากซากหมูป่าเหล่านี้เขาคิดว่ามังกรน่าจะรู้สึกยุ่งยากหรือขี้เกียจในการวาดส้อมในครั้งนี้มันจึงวาดเพียงรูปมีดไว้เท่านั้น
“ข้าต้องขอโทษท่านจริงๆ..นายน้อยคาร์ล”
‘หืม.....นี่มันเรื่องไร้สาระอะไรกัน?’
เทย์เลอร์มีรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยคำว่าขอโทษส่งมาให้แก่เขาก่อนที่จะหันกลับไปมองซากหมูป่า
“ดูเหมือนการเคลื่อนไหวของพวกข้าจะถูกพบเสียแล้ว”
‘การเคลื่อนไหว’ คาร์ลได้ยินเสียงเคจพึมพำเบาๆอยู่ด้านหลังเทย์เลอร์ ตอนนี้เธอกำลังโกรธ
“การเดินทางครั้งนี้มันเป็นความลับไม่มีทางที่ใครจะรู้เรื่องนี้ได้? มีคนสามารถหลุดรอดการตรวจพบของข้าได้หรือนี่? มันมากเกินไปแล้ว!”
‘แล้วคนในระดับพวกเจ้าจะไปตรวจพบมังกรได้อย่างไรกัน’
คาร์ลอาจต้องเป็นคนจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้อย่างเร่งด่วน
มีบางสิ่งหรือบางอย่างหรือใครบางคนสามารถจับตัวหมูป่าขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดายและนำมันมาทิ้งไว้บริเวณที่ค้างแรมของพวกเขาโดยไม่ถูกจับตัวจากพลังของเคจหรือคนอื่นๆได้ ความแข็งแกร่งและการลอบทำเช่นนี้เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ผู้เชี่ยวชาญพึงมี ถัดจากความสามารถเหล่านี้ยังมีการวาดรูปมีดนั่นอีก
มันเป็นมีดขนาดเล็กสำหรับคาร์ลแต่มันอาจจะดูเป็นมีดที่มีขนาดใหญ่มากสำหรับ....คาร์ลหันกลับไปมองเทย์เลอร์ผู้ที่กำลังมองมาที่เขาด้วยความสิ้นหวังและทุกข์ใจยิ่ง
“.....นายน้อยคาร์ล....ส...สำหรับเหตุการณ์นี้”
“บารอค” คาร์ลเรียกบารอคโดยทันที
บุตรชายคนที่สองของมาร์ควิสสแตนเช่นเวเนี่ยนอาจจะยุ่งมากในตอนนี้เขาคงไม่มีเวลามาสนใจกับบุตรชายคนโตที่ไม่สามารถใช้งานได้อีก?แล้วไม่ใช่ว่าเขาจะรู้ถึงพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ‘ดาราแห่งการเยียวยา’ที่อยู่เมืองหลวงเสียเมื่อไหร่กัน
“ขอรับ...นายน้อย?”
บารอคกำลังยืนอยู่ที่นั่นพร้อมกับมีดทำครัวคู่ใจและใบหน้าที่ถูกประดับไปด้วยความตื่นเต้น
“ดูเหมือนว่าเราจะได้กินสเต็กสำหรับเช้านี้”
“ใช่แล้วนายน้อย...ดูเหมือนว่าเราจะได้กินสเต็กชั้นเลิศกันอีกครั้งขอรับ”
เทย์เลอร์มองมาที่คาร์ลด้วยสีหน้าว่างเปล่าก่อนจะเริ่มพูด
“........อีกครั้งอย่างนั้นหรือ?”
คาร์ลพยักหน้าและตอบกลับ
“เรามีคนในคณะเดินทางที่ทำหน้าที่ในการหาวัตถุดิบเช่นนี้มาให้”
“.....เขาคือใครหรือ?”
คาร์ลพ่นลมออกจากจมูกอย่างหงุดหงิดและเอ่ยตอบ
“เขาเป็นคนที่ขี้อายเป็นอย่างมากดังนั้นพวกท่านจะไม่สามารถพบเขาได้”
คาร์ลมองเห็นใบไม้จากต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากที่เขายืนอยู่นักมีการสั่นไหวขยับขึ้นและลงเป็นจังหวะช้าๆก่อนที่เขาจะส่ายศีรษะของตนเองเบาๆ เมื่อเห็นคาร์ลส่ายศีรษะเช่นนั้นเทย์เลอร์และเคจมีสีหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความอาย
“...เอ่อ....เร...เรา...เราดูเหมือนว่าจะเข้าใจผิดเสียแล้ว”
“ไม่ใช่ความผิดของพวกท่านหรอก อ้อ...บารอคเป็นพ่อครัวที่มีฝีมือมากดังนั้นขอให้พวกท่านได้ทานสเต็กนี้ก่อนออกเดินทางแล้วกัน”
บารอคหยุดชะงักไปกับการลูบไล้ซากหมูป่านั้นก่อนเงยหน้าขึ้นมามองคาร์ลทันทีแต่เขาไม่ได้มองตอบบารอคได้เพราะประโยคถัดมาของเทย์เลอร์
“นายน้อยคาร์ล...ข้าได้ยินมาว่าพวกท่านกำลังเดินทางไปยังเมืองหลวง...หากท่านไม่มีปัญหาอะไรขอให้พวกข้าได้ติดตามพวกท่านไปได้หรือไม่?”
‘ก็คิดไว้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้’
มันเป็นไปตามที่คาร์ลได้คาดไว้
“โปรดอย่าลังเลที่จะทำทุกอย่างที่ดีที่สุดสำหรับท่านเถิด”
ไม่มีทางที่พวกเขาจะรู้ว่าคนที่ร่วมเดินทางไปด้วยจะเป็นคนเดียวกับที่ส่งจดหมายให้พวกเขา หากมันต้องเป็นแบบนี้ตนก็อาจจะดูแลพวกเขาจนกว่าจะถึงเมืองหลวงและนั่นจะทำให้พวกเขารู้สึกเป็นหนี้ตนอย่างแน่นอนและทั้งสองคนนี้อาจมีประโยชน์ต่อเขาในอนาคตข้างหน้าได้
“ขอบคุณท่านมาก...เราจะอยู่ภายใต้ความดูแลของท่านจนกว่าเราจะเข้าใกล้เมืองหลวง”
คาร์ลอมยิ้มให้กับคำพูดของเทย์เลอร์
‘อย่างน้อยเขาก็ยังเป็นคนมีเหตุผล’
เพียงแค่เดินทางเข้าใกล้เมืองหลวง นั่นคือสิ่งที่เทย์เลอร์ขอความช่วยเหลือเพียงแค่ถึงตำแหน่งที่จะไม่ทำให้ส่งผลกระทบต่อคาร์ลและท่านเคานต์เฮนิตัสได้
หากเวเนี่ยนหรือมาร์ควิสสแตนทราบว่าพวกตนยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเทย์เลอร์ มันอาจส่งผลกระทบเป็นวงกว้างได้หากพวกเขาเดินทางเข้าเมืองหลวงพร้อมกัน
“แล้วเราค่อยตัดสินใจกันอีกครั้งในภายหลัง”
คาร์ลมีความคิดที่ต่างออกไป เขายังคงมีเครื่องมือเวทย์อีกหลายอย่างภายในกล่องเวทย์นั่น
“ได้...โปรดแจ้งให้พวกเราทราบได้ทุกเมื่อหากเป็นเวลาที่สะดวกที่สุดสำหรับนายน้อยคาร์ล”
“อืม...แน่นอน”
เทย์เลอร์และเคจมองไปยังคาร์ลที่มีปฏิกิริยาตอบรับอย่างง่ายๆก่อนที่คาร์ลจะเลี่ยงจากสายตาที่จ้องมองมายังเขาเพื่อเอ่ยกับฮันส์
“นำอาหารของข้าไปที่รถม้าด้วยแล้วกัน”
“ขอรับ....นายน้อย”
คาร์ลกำลังจะเดินหันหลังกลับไปยังรถม้าแต่เป็นเวลาเดียวกับที่มีคนเรียกเขาไว้ก่อน
“นายน้อยคาร์ล”
นั่นคือเสียงของเคจ ดูเหมือนว่าเธอจะมีอาการปวดศีรษะจากการที่เอามือจับศีรษะของตนพร้อมกับคิ้วที่ขมวดมุ่นบนใบหน้านั่นก่อนที่เคจจะเดินเข้ามาใกล้เขามากขึ้น คาร์ลรู้สึกว่าน้ำลายของตนเหนียวข้นจนกลืนลำบากขึ้นเมื่อเห็นอาการเช่นนั้นของเคจ
“มีอะไรกับข้าเช่นหรือท่านนักบวชหญิง?”
“ท่านไม่เชื่อในพระเจ้าสักองค์...เช่นนั้นหรือ?”
‘ต้องการอะไรจากฉันกันเนี่ย?’
“อืม...เป็นเช่นนั้น”
“.....อ่า....ข้าเข้าใจแล้ว”
คาร์ลรีบมุ่งหน้าไปยังรถม้าของตนทันทีหลังจากได้ยินคำตอบรับจากเคจ เทย์เลอร์เข้ามาใกล้เคจเมื่อเห็นว่าคาร์ลได้เดินจากไปแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น?”
เคจมักไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับใครนอกจากนักบวชที่มาจากวิหารเดียวกันหรือเพื่อนสนิทของเธอเท่านั้น นั่นทำให้เขารู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาที่เคจมีต่อคาร์ล เธอสั่นศีรษะของเธอเบาๆและเอ่ยตอบด้วยท่าทางขมขื่น
“มันแปลก...”
“แล้วมันคืออะไร?”
“มันเหมือนกับ.....” เคจพูดขึ้นก่อนจับศีรษะของตนเบาๆและเอ่ยต่อโดยทันที
“....ข้ารู้สึก...ในหัวของข้า....ข้ารู้สึก...มันเหมือนกับว่าพระเจ้าแห่งความตายคอยห่วงใยและเห็นอกเห็นใจข้าอยู่ตลอดเวลา”
“....มันเป็นความรู้สึกเช่นไร?..เจ้าพักผ่อนไม่เพียงพอใช่หรือไม่?”
“อาจจะเป็นเช่นนั้น...”
เคจยังคงรู้สึกเช่นนี้ทุกครั้งเมื่อมองไปที่คาร์ล มีเพียงแค่ครั้งเดียวที่เธอรู้สึกเช่นนี้ มันเป็นตอนที่เธอถูกบังคับให้ใช้แรงงานในการสร้างวิหารแห่งใหม่ เธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนั้นจากพระเจ้าแห่งความตายที่มองมายังเธอด้วยความห่วงใย
‘ไม่มีทางที่นายน้อยคาร์ลจะสั่งให้ข้าทำเช่นเดียวกับวิหารบ้านั่น’
เคจคิดว่าสิ่งที่เทย์เลอร์คิดเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เธอเพียงแค่พักผ่อนไม่พอก่อนที่จะสลัดเรื่องนี้ออกไปจากหัวของตน
นั่นคือเหตุผลที่คณะเดินทางของคาร์ลมีการเติบโตขึ้นและพวกเขายังคงมุ่งหน้าต่อไปยังเมืองหลวงโดยไม่มีอุปสรรคใดๆ
ทุกครั้งที่คาร์ลรู้สึกเหนื่อยกับการนั่งในรถม้าที่คับแคบเป็นเวลานานๆเขาก็เลือกที่จะเดินออกจากรถม้าเพื่อยืดแข้งยืดขาของตนบ้าง กลุ่มของเทย์เลอร์ยังคงมองมาที่เขาแต่ไม่ได้สนทนาใดๆต่อกัน
พวกเขายังคงเดินทางต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงโรงแรมแห่งหนึ่งก่อนจะเดินทางเข้าเมืองหลวงในวันรุ่งขึ้น
“นายน้อยคาร์ล...ท่านชอบเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์ใช่หรือไม่?”
เป็นเทย์เลอร์และเคจที่ได้เข้ามาหาคาร์ลในตอนนี้
“พวกท่านมีอะไรกับข้าเช่นนั้นหรือ?”
คาร์ลรู้สึกแปลกใจว่าทำไมทั้งสองคนถึงเข้ามาหาเขากลางดึกเช่นนี้ แต่การแสดงออกของคนทั้งคู่ก็ไม่ได้มีสิ่งที่ผิดปกติไป เทย์เลอร์ส่งยิ้มให้คาร์ลเมื่อเห็นท่าทางของเขา
“คาร์ล เฮนิตัส ขยะไร้ค่าที่ไม่สามารถใช้ชีวิตโดยปราศจากแอลกอออล์ได้”
เมื่อครั้งที่เทย์เลอร์คือผู้สืบทอดตำแหน่งมาร์คควิสนั้น เขาได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับขุนนางต่างๆมากมายรวมถึงข้อมูลของคาร์ลเพราะนั่นคือข้อมูลที่ไม่เหมือนใครและยากที่จะลืมเลือนได้
“แต่ข้าคิดว่านั่นมันไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด...”
อย่างไรก็ตามคาร์ลตัวจริงช่างแตกต่างจากข้อมูลที่เขาได้รับมากนัก คาร์ลอยู่บนรถม้าทั้งวันเพื่อให้พวกเขารู้สึกไม่อึดอัดและมีน้ำใจในการให้ความช่วยเหลือพวกเขาอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ อีกทั้งผู้ใต้บังคับบัญชายังให้เกียรติและนับถือปฏิบัติตามคำสั่งของเขาอย่างเคร่งครัด และที่สำคัญที่สุดคือเขาปฏิบัติต่อพวกตนอย่างเช่นคนธรรมดาทั่วไป
“ท่านช่างแตกต่างจากข่าวลือยิ่งนัก”
ตอนนี้พวกเขาอยู่ด้านหน้าของเมืองหลวงแล้ว เทย์เลอร์และเคจจะต้องลอบออกไปจากโรงแรมนี้ตั้งแต่เช้าตรู่ และแน่นอนว่าพวกเขาจะต้องเดินเข้าไปในพระราชวังด้วยความมั่นใจแต่ยังคงมีหลายสิ่งที่พวกเขาจะต้องเตรียมพร้อมและหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนที่จะรับมือกับเรื่องที่ตั้งใจไว้ อย่างไรก็ตามพวกเขาตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแผนเดิมของพวกเขาเล็กน้อย
เทย์เลอร์และเคจได้เฝ้าดูคาร์ล เฮนิตัสเป็นเวลานานมากกว่าหนึ่งสัปดาห์และสิ่งนี้ก็ยังอยู่ในความคิดของพวกเขาอยู่ตลอดเวลา
“นายน้อยคาร์ล...ท่านสนใจที่จะร่วมดื่มเหล้ากับพวกเราก่อนที่จะแยกย้ายกันหรือไม่?”
[1] บรรดาศักดิ์ของขุนนางทางตะวันตกประกอบไปด้วยบรรดาศักดิ์เรียงจากสูงไปต่ำดังนี้
ทำให้สถานะของเทย์เลอร์อยู่ในขั้นที่ตกต่ำยิ่งกว่าลูกนอกสมรสของขุนนางที่มียศต่ำสุดเสียอีก
ฝากกดไลค์ติดตามเพจด้วยนะค่ะ ขยะแห่งตระกูลเคานต์ - นิยายแปล