บทที่ 26 เจ้า 1 (1) [อ่านฟรี]
บทที่ 26 เจ้า 1 (1)
ไม่ใช่เพียงแค่สามที่ธรรมดาๆเหมือนคนทั่วๆไป หนึ่งคือมังกรดำที่ดูซื่อบื้อไปหน่อย สองคือนักบวชหญิงผู้บ้าคลั่งที่ปรารถนาการถูกคว่ำบาตรและสามบุตรชายที่ไร้ประโยชน์ของมาร์ควิสสแตน
“เฮ้อ...........”
คาร์ลไม่สามารถจะทำอะไรกับเรื่องนี้ได้นอกจากจะถอนหายใจยาวออกมา เขาก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนเงยหน้าขึ้นอีกครั้งเมื่อเขาสังเกตว่าบริเวณโดยรอบมันเงียบผิดปกติเกินไปก่อนจะมองไปที่ฮันส์
ฮันส์ยกยิ้มอย่างลำบากใจก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้กับคนขับรถม้าที่ชื่อ ‘ทอม’และ ‘เทย์เลอร์’ที่มองออกมาจากหน้าต่างรถม้า
เทย์เลอร์มีรอยยิ้มที่ขมขื่นบนใบหน้าของเขาก่อนเอ่ยขึ้น
“ถ้ามันไม่สะดวกสำหรับการพักแรมของพวกท่าน....พวกข้าต้องขอตัวก่อน”
บุตรชายคนโตของมาร์คควิสสแตนและเป็นบุตรชายที่ถูกผลักไสออกจากตระกูลหลังจากที่ขาของเขาทั้งสองต้องเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิต เรียกได้ว่าชีวิตของเขาพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือภายในเวลาชั่วข้ามคืนจากชีวิตที่หรูหราเรืองอำนาจกลับหมดไป เขาได้รับการช่วยเหลือจากคนในตระกูลเพียงหนึ่งคนให้เขาสามารถมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้
บรรดาขุนนางผู้ที่ใกล้ชิดกับตระกูลสแตนต่างทราบว่าหากผู้ใดที่ไม่สามารถสืบทอดตำแหน่งมาร์คควิสในอนาคตจะต้องถูกกำจัดทันที เหล่าขุนนางที่ให้การสนับสนุนเขาต่างถอยห่างจากเทย์เลอร์และเริ่มให้การสนับสนุนเวเนี่ยนหรือน้องๆคนอื่นของเขาแทนเพื่อพยายามเป็นที่โปรดปรานของว่าที่มาร์คควิสคนใหม่ให้ได้มากที่สุด และนั่นทำให้สถานะของเทย์เลอร์ในปัจจุบันยิ่งแย่และน่ากังวลกว่าบุตรชายนอกสมรสของตระกูลบารอนเสียอีก [1]
จากข้อมูลที่เทย์เลอร์รู้มาทำให้เขาคิดว่าตนรู้จักคาร์ลผู้เป็นเพียงขยะไร้ค่าของตระกูลเฮนิตัส เต่าสีทองหรูหราเป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูลเฮนิตัสเช่นเดียวกับใบหน้าที่หล่อเหลาตัดกับเส้นผมสีแดงสดนั่น ทำให้เทย์เลอร์ไม่คิดว่าจะเป็นคนอื่นได้นอกจากคาร์ล เฮนิตัส แต่ในสถานการณ์เช่นนี้แม้แต่ท่านเคาน์เฮนิตัสผู้ไม่เข้าร่วมกับฝ่ายใดก็อาจคิดได้ว่าครอบครัวตนอาจเดือดร้อนได้หากมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับตน พวกเขาทั้งหมดต่างก็เป็นเช่นเดียวกันหลังจากเห็นร่างกายที่ไร้ประโยชน์ของเขา
เทย์เลอร์ได้คำนึงถึงความจริงข้อนี้ได้เป็นอย่างดีหลังจากที่ได้ยินเสียงถอนหายใจของคาร์ล
“แล้วทำไมท่านจะต้องไป?”
คาร์ลเดินเข้าไปใกล้รถม้าของเทย์เลอร์ด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์
“ที่นี่ไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของข้าและตัวข้าเองคงไม่ทำตัวเป็นเด็กเช่นนั้นหรอกเมื่อพวกเราอาจได้กลายเป็นเพื่อนร่วมทางกัน”
คาร์ลสบสายตากับเทย์เลอร์ครู่หนึ่งก่อนจะมองเข้าไปในรถม้าของเทย์เลอร์
‘เธออยู่ที่นั่นสินะ’
‘เคจ’นักบวชหญิงผู้บ้าคลั่งกำลังลอบสังเกตเขาจากในรถม้า คาร์ลรู้ว่าคำสาปแช่งของเธอร้ายกาจเพียงใดบางคนได้กล่าวว่าคำสาปแช่งของเธอเทียบได้กับพ่อมดหมอผีมืออาชีพทีเดียว
คาร์ลละสายตาจากเคจก่อนยื่นมือออกไป
“ข้าคือ คาร์ล เฮนิตัสจากตระกูลเฮนิตัส”
เทย์เลอร์จ้องไปที่มือที่ถูกยื่นออกมาจากด้านนอกรถม้าก่อนที่หันไปมองใบหน้าที่ปราศจากอารมณ์ใดๆของคาร์ล
คลิ๊ก!
เทย์เลอร์เปิดประตูรถม้าออกมา มารยาทที่ดีและเหมาะสมคือการที่เขาจะต้องก้าวออกจากรถม้าเพื่อส่งคำทักทายกลับไป
“มันเป็นเรื่องยากสำหรับข้าที่จะสามารถก้าวออกไปได้ด้วยขาคู่นี้”
“อืม....ข้ารู้”
เทย์เลอร์มองไปที่คาร์ลอีกครั้งกับท่าทีที่ไม่ได้สนใจเรื่องมารยาทที่เหมาะสมมากนักและยื่นมือไปจับมือเขา ทันทีมันเป็นเพียงการจับมือกันในเวลาสั้นๆ
“ยินดีที่ได้รู้จักนายน้อยคาร์ล”
‘ไม่เลย...ไม่ยินดีเลย’
คาร์ลไม่พอใจกับการพบกันในครั้งนี้เลยสักนิด เขารีบหันหน้าหนีทันทีเพราะไม่อยากต้องทำความรู้จักกับเคจแต่น่าเสียดายที่เทย์เลอร์เป็นคนที่ให้เกียรติเพื่อนตัวเองจนเกินไป
“นี่คือเคจเพื่อนนักบวชของข้า นางเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าแห่งการหลับใหลตลอดกาล”
‘หลับใหลตลอดกาล’ เรียกง่ายๆมันก็คือพระเจ้าแห่งความตายสินะ คาร์ลถอนหายใจอีกครั้งและมองไปที่เคจเธอเอ่ยทักทายเขาด้วยความสง่างามเช่นเดียวกับสิ่งที่นักบวชพึงมี
“ยินดีที่ได้พบท่าน...นายน้อยคาร์ล...ข้าชื่อเคจ....ขอให้ค่ำคืนที่สงบสุขจงสถิตอยู่กับท่านไปตลอดกาล”
‘ขอให้ค่ำคืนที่สงบสุขจงสถิตอยู่กับท่านไปตลอดกาล’นั่นคือคำกล่าวอวยพรปกติธรรมดาของนักบวชที่รับใช้พระเจ้าแห่งความตายจะกล่าวแก่ประชาชนทั่วไป
‘...ค่ำคืนที่สงบสุข....ตูดแกนะสิ’
ลืมมันซะเถอะค่ำคืนที่สงบสุข คาร์ลรู้สึกเหมือนว่าเขาไม่สามารถนอนหลับได้สนิทในค่ำคืนนี้ได้อย่างแน่นอน เขารู้สึกเหมือนกำลังดื่มน้ำมะนาวเมื่อมองไปยังเคจที่กำลังส่งรอยยิ้มที่อ่อนโยนมาให้ตน
‘เธอสามารถแสดงออกได้ดีและเป็นธรรมชาติแม้ว่าเธอจะมองว่ามันเป็นเรื่องที่น่ารำคาญเพียงใดก็ตามนั่นเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่เธอต้องการการถูกคว่ำบาตร’
เธอเป็นนักแสดงที่ดีจริงๆ คาร์ลยิ้มตอบให้เคจที่ยังคงมีรอยยิ้มของนักบวชผู้เพียบพร้อมประดับบนใบหน้าก่อนเอ่ยต่อด้วยความมั่นใจ
“และข้า...ไม่เชื่อในพระเจ้า”
การจ้องมองของเคจคือสิ่งที่น่าสนใจ การจ้องมองของเธอดูเหมือนจะถามว่าคาร์ลกำลังบ้าคลั่งและนับถือนักบวชใช่หรือไม่? แต่คาร์ลรู้สึกยินดีไปกับมัน....คาร์ลอยากให้เธอคิดว่าเขาเป็นเพียงขยะไร้ค่าเท่านั้น
“ท่านเป็นคนที่น่าสนใจยิ่ง”
“ข้าก็คิดว่า...ข้าเป็นคนน่าสนใจเล็กน้อย”
คาร์ลพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเธอก่อนหันไปมองรอบๆรถม้าของพวกเขามันดูแย่มากสำหรับบุตรชายคนโตของมาร์ควิสสแตนและมีเพียงหนึ่งองครักษ์ที่ทำหน้าที่ทั้งคนขับรถม้าและผู้คุ้มกันของทั้งสองคน
‘ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ค่อยมีเงินกันสินะ’
เทย์เลอร์อาจใช้เงินเป็นจำนวนมากในการติดเครื่องสัญญาณเตือนภัยพลังเวทย์รอบๆบ้านของเขาที่เมืองพัซเซิลแล้วและเขาไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากมาร์ควิสสแตนอีกต่อไปทำให้เขาไม่มีเงินมากพอสำหรับการใช้ในกรณีฉุกเฉินได้ทำให้เขาต้องลดภาระค่าใช้จ่ายทุกวิถีทาง
เทย์เลอร์หลับตาของเขาลงเพื่อระงับความอดสูในใจเมื่อมองเห็นสาตาของคาร์ลที่กำลังจ้องมองไปยังรถม้าของตนอยู่
คาร์ลไม่ได้คิดเช่นเดียวกับที่เทย์เลอร์คิดเมื่อมองไปที่รถม้าของเทย์เลอร์แต่เขากำลังคิดถึงประเด็นอื่น
‘พวกเขาคงจะมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงตามจดหมายของฉันสินะ’
มันเห็นได้อย่างชัดเจนว่าจุดมุ่งหมายของพวกเขาอยู่ที่ไหนหากไม่ใช่เมืองหลวงเพื่อเข้าเฝ้าองค์ชายรัชทายาท
“ฮันส์”
“ขอรับ..นายน้อย?”
คาร์ลเรียกให้ฮันส์เข้ามาใกล้ตนก่อนเอ่ยต่อ
“ช่วยนำทางพวกเขาที”
“ได้ขอรับนายน้อย”
“จัดเตรียมสำรับอาหารแยกไปให้กับพวกเขาด้วย....อ้อ!...พาพวกเขาไปหาที่ตั้งพักแรมด้วยเช่นกันให้ห่างจากที่พักของพวกเราไปสักเล็กน้อย”
เขาไม่ต้องการที่จะทานข้าวร่วมกันกับพวกเขาหรือแม้แต่ตั้งที่พักใกล้กันก็ไม่ต้องการ
“แล้วไม่ต้องเรียกหาข้าอีก...เรื่องทุกอย่างให้เจ้าจัดการได้เลย”
เขาไม่ต้องการสร้างสถานการณ์ให้พวกเขามาใกล้ชิดกับตนมากนักและแน่นอนว่าเขารู้สึกว่าสิ่งต่างๆอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ใจเขาต้องการ
“ขอรับ...กระผมจะดูแลพวกเขาเหมือนกับที่ดูแลนายน้อยขอรับ”
“แล้วอย่าลืมหาเหล้ามาให้ข้าดื่มด้วย”
‘ทำไมเขาถึงช่างเป็นคนที่หลงใหลกับการได้ดูแลใครนักนะ’
คาร์ลมองไปที่ฮันส์ผู้ที่หลงใหลการดูแลผู้อื่นอยู่เสมอและโค้งศีรษะให้กับเทย์เลอร์เพื่อเอ่ยขอตัว
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนายน้อยเทย์เลอร์”
“ขอบคุณสำหรับความเมตตาของท่าน...นายน้อยคาร์ล”
“ไม่เป็นไร”
คาร์ลหันหน้าหนีจากสีหน้าที่เหมือนมีอาการแปลกใจของเทย์เลอร์ ก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับไปที่รถม้าของตนทันทีโดยไม่คิดที่จะเหลียวมองสิ่งอื่นอีกและแน่นอนว่าเขาได้มอบคำสั่งให้กับรองหัวหน้าองครักษ์ที่เดินเคียงข้างเขามาเช่นกัน
“พวกเขามีองครักษ์ติดตามมาแค่คนเดียว เจ้าก็จัดการดูแลความปลอดภัยให้พวกเขาด้วยแล้วกัน”
“ได้ขอรับ...นายน้อย”
เมื่อคาร์ลแน่ใจว่ารองหัวหน้าองครักษ์เข้าใจคำสั่งของตนดีแล้วจึงเดินกลับขึ้นรถม้าไป
ปัง!
เสียงปิดประตูรถม้าดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมองยังรถม้าที่มีสัญลักษณ์เต่าสีทองประดับอยู่ก่อนจะหันกลับมาสนใจกับงานของตนต่อไปคงมีเพียงแค่เทย์เลอร์และเคจที่ไม่มีอะไรทำเป็นกิจลักษณะทำให้ยังคงมองไปที่ประตูรถม้าคันนี้อยู่เช่นเดิม
ลูกแมวสองตัวที่คอยบนรถม้าเอ่ยทักคาร์ลทันทีเมื่อเขากลับเข้ามาในรถม้า
“ข้าเคยเห็นพวกเขามาก่อนหน้านี้”
“ใช่แล้วฮง....พี่ก็อยู่ที่นั่นด้วย”
ลูกแมวที่เฝ้ามองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านหน้าต่างรถม้า เมื่อพวกมันเห็นคาร์ลเดินเข้าใกล้พวกตนอย่างช้าๆจึงเริ่มพูดคุยกันขึ้นไม่แน่ใจว่าพวกมันเพียงแค่พูดคุยกันเท่านั้นหรือตั้งใจถามคำถามตนกันแน่ แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นคำถามที่ถามเขามากกว่าจะพูดคุยกันเอง
คาร์ลเอ่ยตอบคำถามของลูกแมวทั้งสองที่มีไหวพริบแพวพราว
“แกล้งทำเป็นไม่รู้ซะ”
“เหมือนมังกรนะหรือ?”
“อืม....”
ลูกแมวทั้งสองพยักหน้าตอบรับกับคำบอกของคาร์ลเมื่อเห็นว่าพวกมันเข้าใจดีแล้วเขาจึงกอดอกและหลับตาของตนลง
‘ดาราแห่งการเยียวยา’
นั่นคือพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่เขาเขียนในจดหมายให้แก่เทย์เลอร์และเคจ เหตุผลที่คาร์ลทราบถึงพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณนี้ก็มาจากเหตุการณ์ก่อการร้ายใจกลางเมืองนั่นเอง
‘ดาราแห่งการเยียวยา’ คือพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นมันสามารถรักษาอาการบาดเจ็บหรือความเจ็บป่วยต่างๆที่เกิดต่อร่างกายของคุณให้หายขาดได้ องค์ชายรัชทายาทเป็นผู้ครอบครองพลังดังกล่าวซึ่งตกทอดมาจากอดีตราชินีพระมารดาผู้ล่วงลับของเขา
การก่อการร้ายขององค์กรลับได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเหล่าเชื้อพระวงศ์เสด็จมาถึงยังใจกลางเมือง ระเบิดพลังเวทย์ได้ระเบิดขึ้นในเมืองหลวงพร้อมๆกับที่มันหยุดการทำงานของมันลงอีกครึ่งเช่นเดียวกัน
ในนิยายได้กล่าวว่าเชวฮันสามารถหยุดการทำงานของมันได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น มันคือสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งผู้คนในอาณาจักรต่างยกย่องว่าเขาคือวีรบุรุษแต่เชวฮันกลับคิดถึงแต่ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อกับการวางระเบิดในครั้งนี้จนเพิ่มความโกรธแค้นของตนต่อองค์กรลับเพิ่มยิ่งขึ้น
‘ในตอนนั้นพวกองค์กรลับก็ได้ติดตั้งระเบิดพลังเวทย์ไว้บนร่างกายของชาวเมืองบางส่วนด้วยเช่นกัน’
เชวฮัน พร้อมกับนักเวทย์อัจฉริยะเช่นโรสลินได้ปกป้องและช่วยเหลือชาวเมืองที่อยู่ในเหตุการณ์ให้หลบหนีจากระเบิดพลังเวทย์ให้ได้ แต่ในเวลานั้นมีชายชราคนหนึ่งที่เชวฮันไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้
ชายชราคนนั้นสูญเสียแขนและขาขวาในตอนที่พยายามทิ้งระเบิดพลังเวทย์ออกจากร่างกายของตนและจากเหตุการณ์นี้ทำให้เชวฮันมีอาการหัวเสียเป็นอย่างมากเมื่อเห็นอาการบาดเจ็บของชายชราผู้โชคร้ายคนนั้น
เมื่อองค์ชายรัชทายาทได้เห็นเหตุการณ์นี้ก็ทำให้เขานึกถึงพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ‘ดาราแห่งการเยียวยา’ขึ้นมา นั่นคือสิ่งที่นิยายได้กล่าวถึงพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณในตอนนี้นั่นเอง
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นองค์ชายรัชทายาทก็ไม่ได้ใช้พลังนี้กับชายชราผู้นั้น เขาทำเพียงแค่ปลอบขวัญเชวฮันที่เสียใจอย่างหนักกับการตายของชายชราและได้ยกย่องเขาขึ้นเป็นวีรบุรุษต่อไป
‘มันเป็นเรื่องธรรมดา...’
ฝากกดไลค์ติดตามเพจด้วยนะค่ะ ขยะแห่งตระกูลเคานต์ - นิยายแปล