บทที่ 24 ตอบแทนบุญคุณ 4 (2) [อ่านฟรี]
บทที่ 24 ตอบแทนบุญคุณ 4 (2)
ชายชราคนนี้พูดแต่เรื่องไร้ประโยชน์ คาร์ลเดาะลิ้นของเขาอีกครั้งก่อนที่จะก้มลงมองโล่นิรันดร์กาลที่หน้าอกของตนเอง แสงสีเงินรอบๆตัวเขาหายไปอย่างรวดเร็ว
เขามุ่งหน้าไปยังหอคอยศิลาที่ถูกสร้างไว้เพียงครึ่งและคุกเข่าลงตรงหน้าของมัน
มันเป็นหอคอยศิลาที่ทำมาจากหินที่หาได้ง่ายๆตามภูเขาเหล่านี้ อย่างไรก็ตามหินทั้งหมดล้วนเป็นสีดำมันไม่ได้มีความต่างจากต้นไม้กินคนเพราะมันคือสิ่งที่มีตั้งแต่อดีตต่างจากหินทั่วไปรวมไปถึงพายุที่โหมกระหน่ำในถ้ำนี้ก็เป็นสิ่งที่มีมาตั้งแต่อดีตเช่นกัน
“เอาแบบนี้ล่ะกัน”
คาร์ลผู้ที่มีความคิดว่าจะก่อหอคอยศิลาให้มีความสวยงามที่สุดจำต้องเปลี่ยนความคิดทันที สถานการณ์ในตอนนี้มันชวนหงุดหงิดจนไม่มีอารมณ์สุนทรีย์ในการสร้างมันให้สวยงามแล้ว เขาหยิบถุงมือสองข้างออกจากกระเป๋าและสวมมันเข้าไป ก่อนที่จะค่อยๆหยิบก้อนหินวางซ้อนขึ้นไปเรื่อยๆตามแนวของหอคอยศิลาที่มีอยู่เดิม
แกร็ก! แกร็ก! แกร็ก! หอคอยศิลาถูกสร้างให้สูงขึ้นด้วยหินทีละก้อน
มันใช้เวลาไม่นาน แม้เทย์เลอร์จะใช้เวลาในการสร้างหอคอยศิลานี้ไม่นานนักแต่สำหรับเคจที่รออยู่ด้านนอกตาพายุนี้ก็กระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก มันเป็นเหมือนกันหมดไม่ว่าจะพลังศักดิ์สิทธิ์ใดผู้ที่ต้องการพลังของมันจะต้องเป็นผู้ที่อยู่ในพื้นที่นั้นเพียงผู้เดียว
“มันก็ง่ายดีนี่นา”
คาร์ลหยิบก้อนหินสีดำก้อนสุดท้ายขึ้นมาและวางมันไว้บนยอดของหอคอยศิลา
ในตอนนั้นเอง.............
ชิ้ง!
หินสีดำค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีขาวซึ่งเป็นเวลาเดียวกับตอนที่ขาลุกขึ้นยืนก่อนมองไปรอบๆบริเวณนั้น
ลมค่อยๆลดความแรงลงอย่างช้าๆ
“.....ห๋า?”
คาร์ลไม่ได้สนใจเสียงของมังกรที่ร้องขึ้นด้วยความแปลกใจและยืนรอจนลมเงียบสงบลงในที่สุด ก่อนที่จะยกมือกอดอกเมื่อได้ยินเสียงชายชราอีกครั้ง เขาคงไม่ทางเลือกจริงๆสินะ
-ข้าพยายามต่อสู้กับพวกเขา แต่ข้าไม่รู้ว่าข้าอ่อนแอมากเกินไปต่อความเจ็บปวด พวกเขาไม่ใช้ผู้รับใช้พระเจ้าด้วยซ้ำ ข้ารู้เพียงว่าหลังจากที่เราได้แยกทางกัน ข้าก็อยู่เพียงลำพัง-
คำพูดของชายชราทำให้คาร์ลสนใจมัน จู่ๆเขาก็นึกถึงคำพูดของเจ้าของโล่นิรันดร์กาลขึ้นมาได้
~ข้าถูกเนรเทศออกจากที่นั่น พวกมันกล่าวว่าข้าเป็นคนตะกละโลภมาก! ตะกละตูดมันสิ...แน่นอนว่าข้าออกมาพร้อมกับเพื่อนของข้า..พวกเรากำลังวางแผนที่จะทำให้โลกนี้กลับสู่ทิศทางที่ถูกต้อง ......~
~ ข้าไม่คิดว่าข้าจะยอมแพ้ต่อการได้ทดลองลิ้มลองรสชาติแสนอร่อยต่อให้ข้าจะอ้วนเพียงใดก็ตาม....แต่มันไม่ยุติธรรมที่ข้าได้กินเพียงแต่ของสกปรกและจบลงด้วยความตาย ~
~ พวกคนที่อยู่ในป่าแห่งความมืดเรียกตัวเองว่าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าแต่พวกเขาให้ข้ากินเพียงอาหารขยะเท่านั้น ~
เขารู้สึกแย่ที่ได้รับรู้อะไรบางอย่างที่เขาไม่ควรจะรู้ เขารู้สึกแปลกๆว่าสิ่งที่เขาได้ยินมานั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่ควรบอกใครไปตลอดชีวิต
คาร์ลเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อเสียงของชายชรายังคงดังต่อไป นั่นเป็นเสียงที่คาร์ลได้ยินเพียงคนเดียวจึงทำให้มังกรเกิดความงุนงงเมื่อลอบมองมาที่คาร์ลอย่างเงียบๆ
-ข้าเรียงหินพวกนั้น ข้าเรียงพวกมันเพราะหวังว่าจะทำให้ข้าย้อนเวลากลับไปได้ ข้าหวังว่าข้าจะมีความสุขแต่แล้วข้าก็พังมันลง-
-ข้าเกลียดตัวเองที่เป็นคนเห็นแก่ตัว คิดถึงแต่ความสุขของตัวเอง หลังจากที่ข้าทรยศต่อเพื่อนที่ข้ารักและหนีออกมาจากเขา-
“เฮ้อ...”
คาร์ลถอนหายใจยาว ชายชราคนนี้ช่างหน้าผิดหวังเสียจริงก่อนที่คาร์ลจะเอ่ยขึ้นด้วยความหงุดหงิด
“ธรรมชาติของมนุษย์ก็มักจะเห็นแก่ตัวเป็นเรื่องธรรมดา”
เสียงของชายชราเงียบหายไปครู่ใหญ่
‘มันจบแล้วสินะ?’
คาร์ลเริ่มยิ้มออกมาได้ เขามั่นใจว่าเสียงของชายชราจะหายไปในที่สุด แต่...
-เอ่อ.....พี่สาวของข้าก็พูดอย่างเดียวกัน เธอเป็นพี่สาวที่ยอดเยี่ยมจริงๆ เธอน่าเชื่อถือมากกว่าคนอื่นอา..พี่สาวของข้า ฮือๆๆๆๆๆ-
ชายชรากำลังร้องไห้อย่างน่าเวทนา
“ข้าละอยากจะบ้าตาย”
ปัง!ปัง! คาร์ลใช้เท้าของตนกระทืบไปที่พื้นอย่างแรง เขาไม่ต้องการที่จะยืนอยู่ที่นี่อีกแล้ว หลังจากที่ชายชราร้องไห้ได้ครู่หนึ่งเขาก็หยุดร้องและแสดงความขอบคุณต่อคาร์ล
-เจ้าคือคนที่มีพลังที่ข้าคุ้นเคย บุคลิกที่หยาบคายเช่นนี้มันทำให้ข้าคิดถึงพี่ชาย ข้ารู้สึกอิจฉาเจ้ามากที่เป็นคนหยาบคายเช่นนี้-
และในที่สุดชายชราก็กล่าวประโยคสุดท้ายที่คาร์ลรอคอยนี่เป็นคำพูดสุดท้ายที่ชายชราพูดกับเทย์เลอร์ในนิยาย
-ทำลายมันซะแล้วเจ้าจะเอาชนะขีดจำกัดของตัวเจ้าได้-
คาร์ลยกยิ้มด้วยความสมใจก่อนจะใช้เท้าเตะไปยังหอคอยศิลาทันทีโดยไม่มีอาการลังเลใดๆ
เคร้ง!
พลั่ก!
บูม!
ก้อนหินสีขาวหลุดออกไปกระแทกที่พื้นและผนังถ้ำ มังกรที่เฝ้ามองคาร์ลอยู่สะดุ้งตกใจพลางคิดว่าเขาบ้าไปแล้วหรือไง? แต่สิ่งที่ปรากฏต่อหน้ามันในเวลาต่อมาก็ทำให้มันอ้าปากค้างแทบทันที
“ว้าววววววว”
หอคอยศิลาถูกพังลงแล้ว
มีแสงสีขาวลอยขึ้นมาจากด้านล่างของหอคอยศิลา
ครืดดดดดดดดดด
การสั่นสะเทือนอย่างแผ่วเบาที่กระเพื่อมขึ้นตลอดทั้งถ้ำและคาร์ลสามารถสัมผัสถึงแรงสั่นสะเทือนของมันได้ และตอนนั้นแสงสีขาวก็พุ่งตรงไปยังตำแหน่งของหัวใจเขาทันที
“เฮือกกกกกก”
คาร์ลปล่อยลมหายใจออกมาช้าๆก่อนจะก้มลงไปแหวกเสื้อตรงหน้าอกของตนออก รอยสักโล่สีเงินที่อยู่บนหน้าอกของเขาได้หายไปและถูกแทนที่ด้วยรอยสักรูปหัวใจสีแดง
คาร์ลรู้สึกได้ทันทีถึงพลังความแข็งแกร่งของร่างกายตนเองในตอนนี้ พลังที่ได้รับมานี้คือ ‘พละกำลังแห่งดวงใจ’มันจะทำให้โล่นิรันดร์กาลแข็งแกร่งขึ้น เขาจะสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าคนปกติแม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บก็ตาม ถึงแม้ว่าโล่นิรันดร์กาลนับว่าเป็นพลังที่เป็นจุดแข็งของร่างกายมนุษย์มากเช่นกันพลังความแข็งแกร่งที่เขาได้รับมาใหม่นี้มันก็มีมากจนสามารถทำให้พลังโล่นิรันดร์กาลที่เขาได้รับก่อนหน้านี้หายไปชั่วครู่ได้
คาร์ลได้นำโล่นิรันดร์กาลกลับมาอีกครั้ง
“เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ”
คาร์ลยกยิ้มเต็มใบหน้า ลวดลายบนโล่ได้เปลี่ยนเป็นลายหัวใจซึ่งมีจุดต่างกับรอยสักที่อยู่บนหน้าอกของเขาเพียงแค่มันเป็นหัวใจสีเงินไม่ใช่สีแดงก่อนที่จะเก็บโล่กลับเข้าไปและเริ่มเดินออกจากตำแหน่งนั้นทันที
“เจ้า....”
คาร์ลเดินเข้าไปหามังกรที่กำลังทำท่าไม่รู้ไม่ชี้เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นและมันยังคงจ้องมองไปที่ผนังถ้ำอยู่เช่นนั้น สายตาของคาร์ลยังคงจ้องไปที่มังกรที่เปลี่ยนจากการมองไปที่ผนังถ้ำมาเป็นคลานบนพื้นดินแทน เขาตัดสินใจเอ่ยถามมันด้วยความหนักใจเหมือนกับว่าเขาได้ขว้างก้อนหินลงทะเลสาบเสียแล้ว [1]
“เจ้า...ต้องการที่จะติดตามข้าไปงั้นหรือ?”
“.....เจ้ามันเป็นคนที่อ่อนแอจนต้องได้รับการคุ้มครอง..แต่..ข้าไม่ชอบมนุษย์”
มังกรตอบแบบนั้นก่อนที่ร่างของมันจะค่อยๆเลือนหายไป มันกลับมาใช้มนตร์ล่องหนอีกครั้งหนึ่ง คาร์ลแทบจะตะโกนออกมาเมื่อเห็นมังกรค่อยๆหายไป
“...มันไม่เข้าท่าเลยนะ...เจ้ามังกรบ้านี่”
คาร์ลยังไม่แน่ใจว่าตนจะรับมือกับคำถามของคนอื่นอย่างไรดีเกี่ยวกับมังกรตัวนี้ มันไม่เข้าท่าเท่าไหร่เพราะมังกรค่อนข้างเป็นสิ่งอันตรายแต่เขาก็ไม่สามารถละเลยมันไปได้ภาพที่มันพยายามกระโดดมาช่วยเหลือเขายังคงติดตาเขาจนถึงตอนนี้
คาร์ลมองไปรอบๆถ้ำอีกครั้ง ตอนนี้ไม่มีลมพายุพัดโหมกระหน่ำอีกแล้ว ก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับไปยังเส้นทางเดิมเพื่ออกจากถ้ำไป แน่นอนว่าเขาต้องคลานออกไปยังปากถ้ำที่มีเถาวัลย์เลื้อยบังไว้โดยคลานตามร่องรอยของตนที่ปรากฏให้เห็นก่อนหน้าและสามารถออกจากถ้ำได้อย่างถูกต้องตามตำแหน่งเดิม
เขามองไปรอบๆและเริ่มพูดขึ้นในตอนที่กำลังก้าวเดินอยู่ สายตาของเขาจ้องไปยังพื้นดินที่มีหญ้า
“ข้าเห็นเจ้ายืนอยู่ที่พื้นหญ้า....”
เขาสามารถมองเห็นรอยเท้าเล็กๆสี่เท้าบนพื้นหญ้าได้ สิ่งที่ปรากฏบนนั้นเป็นอุ้งเท้าของมังกรทั้งสี่เท้า ก่อนที่รอยเท้าทั้งสี่จะหายไปอย่างรวดเร็ว มังกรได้บินขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้ว คาร์ลเริ่มส่ายหัวของตนเบาๆ
‘นี่ครอบครัวของฉันจะเริ่มขยายใหญ่ขึ้นแล้วสินะ’
คาร์ลไม่รู้จะช่วยเรื่องนี้ได้อย่างไร เขาถอนหายใจยาว.....เห็นได้ว่ามังกรยังคงติดตามเขาไปในสภาพล่องหนอยู่ ทำไมมังกรตัวนี้ถึงได้อ่อนหัดกับการใช้มนตร์ล่องหนนะ? เขาคิดว่ามังกรทุกตัวจะฉลาดแต่ก็คงต้องยกเว้นมังกรตัวนี้ไว้ตัวหนึ่งละกัน
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เดินลงมาถึงปากทางขึ้นภูเขา คาร์ลได้มองเห็นสีหน้าของเชวฮันที่มองเขาอย่างเงียบๆก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาเหมือนทนไม่ได้
“ท่าน....ไปกลิ้งรอบภูเขามาเหรอ?”
‘ฮึ...ให้ตายสิ’
ลมที่พัดอย่างรุนแรงทำให้ผมของเขายุ่งเหยิงไปหมดและเสื้อผ้าของเขาก็สกปรกหลังจากที่คลานผ่านทางเข้าถ้ำที่มีทั้งหินดินและทรายนั่น ก่อนจะเอ่ยตอบเชวฮันอย่างเคร่งขรึม
“ใช่....ข้าไปกลิ้งรอบภูเขามา”
เชวฮันมองมาที่คาร์ลด้วยความห่วงใยก่อนที่คาร์ลจะเลี่ยงหลบสายตานั้นของเชวฮัน
คืนนั้นคาร์ลสั่งให้ลูกแมวเป็นไปรษณีย์ส่งจดหมายโดยตัวอักษรที่เขียนในจดหมายถูกเขียนขึ้นด้วยพลังเวทย์ทำให้ไม่สามารถกำหนดรูปร่างของลายมือผู้เขียนได้แน่ชัด
“ให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครเห็นพวกเจ้าได้”
จดหมายฉบับนั้นเป็นความหวังใหม่ของนักบวชหญิง’เคจ’ และบุตรชายคนโตของมาร์ควิสสแตนนามว่า ‘เทย์เลอร์’
[1] หมายความว่าลงทุนทำในสิ่งที่เปล่าประโยชน์คล้ายกับสุภาษิตไทยตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ