บทที่ 24 ตอบแทนบุญคุณ 4 (1) [อ่านฟรี]
บทที่ 24 ตอบแทนบุญคุณ 4 (1)
มังกรดำค่อยๆคลานกลับเข้าไปทางเดิมที่มันออกมา ในขณะที่คาร์ลจ้องมองมังกรดำที่ไม่ยอมเชื่อฟังเขาอยู่ เขาก็ยังคงได้ยินเสียงแผ่วเบาที่ดังแทรกเสียงลมแรงเข้ามายังหูของเขาได้
“........ข.....ข้าแค่เดินผ่านมา”
“เตราะ!”
มังกรดำตัวน้อยสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียงเดาะลิ้นของเขา ในตอนนี้เขาไม่มีเวลาที่จะสนใจมันมากนัก ลมในถ้ำจะมีกำลังแรงที่สุด 3 ชั่วโมงและลมที่มีกำลังแรงน้อยที่สุด 3 ชั่วโมง และนี่เป็นช่วงเวลาที่แรงกำลังของมันเริ่มอ่อนลงแล้ว ถึงจะเป็นเช่นนั้นมันก็ยังคงมีกำลังที่แรงอยู่เมื่อเขาเข้าใกล้จุดศูนย์กลางของมัน
ฟิ้ว วิ้ว วิ้วว วิ้ว~~
“มันน่ากลัวมาก”
พายุที่พัดโหมกระหน่ำอยู่นี้ยังคงมีความรุนแรงมากแม้ว่ามันจะเข้าสู่ระยะที่ถูกเรียกว่า “ระยะอ่อนกำลังลง”แล้วก็ตาม ในนิยายได้กล่าวว่าชายชราที่มีอายุ 150 ปีได้ฝ่าเข้าไปในพายุเพื่อไปหาหอคอยศิลาในตอนที่มันอยู่ในระยะที่อ่อนกำลังลงนี้เช่นกัน
คาร์ลหันกลับไปมองบริเวณกลางถ้ำที่มีหลุมขนาดใหญ่ตรงกลางของมันมีหอคอยศิลากองซ้อนทับกันได้เพียงครึ่งทางดูเหมือนจุดนั้นจะไม่มีพายุพัดเข้าไปถึงและบริเวณรอบๆหอคอยศิลาที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์นี้ยังมีก้อนหินขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกับไปวางอยู่พื้นที่โดยรอบของมัน
‘ฉันต้องนำหินพวกนั้นไปวางลงบนหอคอยศิลาที่ยังสร้างไม่เสร็จนั่นสินะ’
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! ลมที่พัดแรงจากพายุกระทบเข้ากับโล่ ถึงแม้มันจะเป็นโล่ที่โปร่งใสจนแทบจะไม่สามารถมองเห็นมันชัดได้แต่เสียงที่ดังขึ้นก็เหมือนกับลมได้ปะทะเข้ากับโลหะจริงๆ
เสียงที่ดังขึ้นทำให้มังกรดำต้องหันกลับไปมองที่คาร์ลช้าๆ
“......แต่ร่างกายเจ้ามันอ่อนแอ”
มังกรดำมองเห็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของคาร์ล แม้ว่าโล่และปีกของมันจะสามารถปกป้องตัวเขาได้แต่มันก็ไม่สามารป้องกันลมได้ทั้งหมด ลมที่ลอดผ่านเข้าไปกระทบเข้ากับเสื้อผ้าของเขาส่งผลให้มันถูกสะบัดอย่างรุนแรง ลมที่ลอดผ่านด้านล่างของโล่ทำให้เขาห้องหยุดการเคลื่อนไหวเป็นระยะๆ
อย่างไรก็ตามคาร์ลก็ยังคงมุ่งมั่นเดินต่อไปข้างหน้าทีละก้าวอย่างมั่นคงและมังกรดำก็สามารถมองเห็นมันได้
คาร์ลกำลังยิ้มอย่างพอใจ มนุษย์ธรรมดาๆเช่นเขาไม่มีความแข็งแกร่งที่จะสามารถต่อกรกับพายุเฮอร์ริเคนนี้ได้ เขามันมีแต่ความอ่อนแอ ความแข็งแกร่งก็น้อยกว่าลูกแมวสองตัวนั้นหรือแม้แต่มนุษย์คนอื่นๆที่ร่วมเดินทางมาพร้อมกันเสียอีก เขากำลังก้าวฝ่าลมแรงนี้เข้าไปอย่างช้าๆด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
มังกรน้อยไม่เคยเห็นโล่เงินเช่นนี้มาก่อนรวมทั้งปีกสองข้างนั้นด้วย มังกรน้อยก้มมองดูปีกของมันซึ่งมีความแตกต่างจากปีกที่มันเห็นบนร่างของคาร์ลเป็นอย่างมาก ปีกนั่นมีความสวยงามและมีพลัง มันสงสัยว่าพลังนั่นมันคืออะไรกันนะ?
ถึงจะเป็นเช่นนั้นมังกรน้อยก็ไม่ได้มุ่งความสนใจไปที่โล่ศักดิ์สิทธิ์หรือปีกที่สวยงามคู่นั้น มันสนใจกับรอยยิ้มของคาร์ลต่างหากและตอนนี้เป้าหมายที่มันจ้องมองอยู่ก็ยิ่งเพิ่มรอยยิ้มกว้างอีกเท่าตัว
‘ต้องทำได้สิ.....มันยังคงปลอดภัย’
มันเป็นสิ่งที่ทำได้ค่อนข้างยากและล่าช้าเพราะแรงของลมที่ยังรุนแรงอยู่ แต่ถ้าให้เทียบกับบารอคที่ต้องเกือบตายจากการที่รอนสอนศิลปะการใช้ดาบให้แล้วนั้น สิ่งที่เขาเผชิญในตอนนี้อาจเป็นของเล่นเด็กๆได้เลยทีเดียว มันเป็นสิ่งที่ทำให้คาร์ลรู้สึกว่ามันดีที่สุดหากจะได้รับอะไรบ้างอย่างโดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก
ไม่มีความเคร่งเครียดทางร่างกายและจิตใจเมื่อเขาได้ใช้โล่นิรันดร์กาลนี้ มันอาจจะมีช่วงเวลาที่อาจแตกหักได้แต่ในตอนนี้ก็ยังไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่คับขันจนเกิดอันตรายได้เช่นนั้น
‘มันจะผลักฉันกลับออกไป’
โล่จะได้รับแรงผลักจากลมทำให้ถอยกลับไป จะให้พูดง่ายๆก็คือเขาจะถูกมันผลักอยู่แบบนี้หลายครั้งนั่นทำให้เขาลดพลังของโล่และขยายขนาดของมันให้เพิ่มขึ้นและเขาก็มีแผนที่จะค่อยๆลดขนาดของโล่หากเขาต้องการดันลมแรงนั้นกลับคืน
อย่างไรก็ตามโล่นิรันดร์กาลสามารถทำงานได้ดีเกินที่คาร์ลคาดไว้ส่งผลให้เขารู้สึกหงุดหงิดบ้างเล็กน้อย แต่เมื่อเขาเข้ามาถึงจุดกึ่งกลางพายุเฮอร์ริเคนนี้แล้วจึงต้องสลัดอาการหงุดหงิดเหล่านั้นออกไป
ในนิยายได้กล่าวว่าคุณจะได้ยินเสียงบางอย่างเมื่อใกล้มาถึงจุดศูนย์กลางของพายุเฮอร์ริเคนและมันควรที่จะเป็นเสียงชายชรา
คาร์ลกำลังรอคอยเสียงนั้นอยู่และพายุเฮอร์ริเคนจะต้องเพิ่มความรุนแรงขึ้นเมื่อมีเสียงนั้นดังขึ้น
-ข้าเสียใจ-
เขาได้ยินเสียงที่ดังขึ้นแต่มันรู้สึกแปลกๆเล็กน้อย
-ฮือๆๆๆๆๆ......ข้าเสียใจ-
มันเป็นเสียงชายชราที่แสนเศร้า
“เตราะ”
คาร์ลเดาะลิ้นของเขา ไม่มีพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่เป็นเรื่องธรรมดา ทำไมเทย์เลอร์จึงคิดว่าเสียงชายชราคนนี้เป็นเสียงที่กังวาลและจริงใจกัน? คาร์ลไม่สามารถเข้าใจความคิดของเทย์เลอร์ได้เลย
คาร์ลหยุดการเดาะลิ้นของตนและหยุดการเคลื่อนไหวใดๆ
-มันเป็นพลังที่ข้ารู้สึกคุ้นเคยยิ่งนัก ข้าขอให้เจ้าไม่ได้มีพลังนี้เถิด-
‘ฮึ้ม?’
‘คนที่พลังที่คุ้นเคยเช่นนั้นหรือ?’
ประโยคนั้นเรียกความสนใจได้จากคาร์ลเป็นอย่างดี ในเวลาเดียวกันนั้นลมก็เริ่มรุนแรงเพิ่มขึ้นและปกคลุมเข้าเต็มพื้นที่ที่คาร์ลยืนอยู่
เคร้ง!เคร้ง!เคร้ง!เคร้ง! เสียงลมยังคงกระทบกับโล่ที่โปร่งใสจนเกิดเสียงดังขึ้น แต่สิ่งที่คาร์ลสนใจไม่ใช่เสียงที่เกิดจากลมนี้แม้ว่าเสื้อผ้าและเส้นผมจะยังคงพลิ้วไปกับความเร็วลมก็ตาม
‘เขากำลังพูดถึงเกี่ยวกับโล่นิรันดร์กาลใช่หรือไม่?’
สิ่งเดียวที่คาร์ลพอจะเดาได้เกี่ยวกับ ‘พลังที่คุ้นเคย’ น่าจะเป็นโล่นิรันดร์กาลที่อยู่ในตัวเขาในตอนนี้ มันไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้กับเทย์เลอร์ตามเนื้อหาในนิยาย หรือว่าเจ้าของพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณนี้อาจจะรู้จักกับเจ้าของโล่นิรันดร์กาล? ความเป็นไปได้หลายอย่างต่างวิ่งเข้ามาในห้วงความคิดของเขา
อย่างไรก็ตามคาร์ลยังคงเลือกที่จะก้าวไปข้างหน้าต่อไปอีกครั้ง หากเขาช้าไปกว่านี้ลมอาจจะทวีความรุนแรงขึ้นได้
-ข้าทรยศต่อสหายของข้า! ข้ามันเลว!ฮือๆๆๆแต่ตัวข้าก็ยังคงมีชีวิตอยู่เพียงลำพังและแก่ตายในที่สุดมันน่าอายมากแค่ไหนเจ้ารู้หรือไม่?-
คาร์ลยังคงได้ยินเสียงของชายชราอย่างต่อเนื่องซึ่งมันค่อนข้างลำบากในการก้าวเท้าไปข้างหน้าทีละก้าวเช่นนี้
-ข้าหวังว่าทุกคนจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นความปรารถนาของข้าก็ไม่สามารถเป็นไปได้ ข้าทำได้เพียงแต่........เสียใจและร้องไห้! นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าไม่สามารถสร้างหอคอยศิลาให้สำเร็จได้-
‘มันน่ารำคาญ’
คาร์ลพบว่าเสียงร้องไห้คร่ำครวญของชายชราเป็นสิ่งที่น่ารำคาญมาก เสียงแบบนี้เป็นเสียงของคนที่อยากจะตายซึ่งมันเป็นแบบที่เขาเกลียดเป็นอย่างมาก คนที่ฟุ้งเฟ้อเจ้าสำราญเช่นเขายังดีกว่าเสียอีก
คาร์ลหันกลับมาสนใจกับร่างกายของตนเมื่อรู้สึกถึงแรงลมผลักเขากลับไปด้านหลังอีกครั้งความแรงของมันทำให้เขาได้รับแรงกระแทกไปที่ขาของเขาแต่เขาก็ยังคงก้าวต่อไปพร้อมกับเสียงชายชราที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความสามารถในการฟื้นฟูร่างกายในตอนนี้เป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ มันมีเพียงความสามารถในการปกป้องร่างกายเขาเท่านั้นไม่ได้มีประโยชน์ในลักษณะอื่นอีก ฉันมันเป็นขยะไร้ค่าจริงๆ!
คาร์ลไม่สนใจเสียงของชายชราที่ยังคงพล่ามเข้ามาในห้วงความคิดของคาร์ลตลอดทางที่เขาก้าวเดิน พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ปกป้องเขาคือสิ่งที่สำคัญที่สุดใครจะไปสนใจในเรื่องที่ทำให้ตัวเองเป็นเพียงขยะไร้ค่ากันไม่มีสิ่งใดที่สำคัญตราบเท่าที่เขายังมีชีวิตอยู่
เพียงแค่ห้าก้าวเท่านั้นเขาก็จะถึงจุดศูนย์กลางของพายุเฮอร์ริเคนนี้แล้ว
บูม!บูม!บูม!บูม!บูม!
เสียงลมที่ประทะกับโล่มีเสียงที่ดังรุนแรงขึ้นมันเหมือนกับมีคนเข้ามาต่อยกับโล่นี้ด้วยแรงมหาศาล
‘เหมือนมันกำลังจะแตกให้ได้’
คาร์ลคิดว่าตอนนี้ลมมีความรุนแรงที่จะสามารถทำให้โล่แตกได้ แต่มันก็ยังไม่มีความเสียหายใดๆนอกจากว่าจะผลักให้เขากลับหลังไปเท่านั้น เมื่อเขามีความรู้สึกว่าตอนนี้ลมเหมือนจะสามารถตัดร่างกายของเขาให้ขาดออกได้โดยง่ายเขาก็จะเปลี่ยนไปตระหนักถึงสิ่งอื่นเช่นกัน
‘ฉันจะไม่ตายแม้ว่าลมจะตัดฉันเหมือนมันเป็นใบมีดก็ตาม’ และความจริงอีกเรื่องที่ไม่สามารถปฏิเสธได้คือชายชราเจ้าของพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณนี้เป็นคนที่พูดมากเหลือเกิน
คาร์ลรีบปรับลดขนาดของโล่ลง บูม!บูม! ตอนนี้โล่มีขนาดเล็กลงแต่พลังมันกลับแกร่งขึ้นกว่าเดิม มันสามารถปะทะและต้านแรงลมที่กำลังโหมกระหน่ำนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม
คาร์ลเอื้อมมือไปจับจุดที่โปร่งใสของด้านในโล่ พร้อมกับก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
ก้าวที่หนึ่ง
-การสร้างมันขึ้นมาใหม่คือคำสาปแช่ง-
ก้าวที่สอง
-หัวใจของข้ายังคงเต้นอยู่ตลอดแต่ข้าไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้-
ก้าวที่สาม
-นั่นเป็นเพราะข้ากลัวว่าข้าจะตาย-
ก้าวที่สี่
-ข้ากลัวความเจ็บปวดเพราะข้าได้รับบาดเจ็บอยู่ตลอดเวลาและแม้แต่ความตายที่ทำให้ความเจ็บปวดนั้นหายไปข้าก็ยังกลัว-
ในที่สุด.............
เขาก็ก้าวเข้าสู่ก้าวสุดท้ายในก้าวที่ห้า
ซ่า!ซ่า!ซ่า!
ในจุดศูนย์กลางของพายุมีเสียงคล้ายฝนตกกระทบลงมารอบๆตัวของคาร์ล นี่คือตาของพายุจุดศูนย์กลางของมันคือจุดที่ลมอ่อนกำลังที่สุด มันสงบมาก เขายังคงได้ยินเสียงชายชราแทรกผ่านเข้ามาตามสายลมที่พัดอย่างช้าๆนี้อยู่ดี
-ข้าเลือกที่จะโยนทิ้งทุกสิ่งเพื่อให้ข้ามีชีวิตอยู่ต่อไป-
นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ชายชราได้กล่าวออกมา
“เตราะ”
‘ใครจะสนใจเรื่องอื่นกันเล่า ชีวิตต้องมาก่อนเสมอ’