บทที่ 17 ลานประชุมโรงเรียน
บทที่ 17
ลานประชุมโรงเรียน
แปลโดย : ราตรีสีทา
เกลาสำนวนโดย : ราตรีสีเทา
แก้คำผิดโดย : ราตรีสีเทา
แรกเริ่มเดิมที เรื่องนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างง่าย เจียงซิ่วทุบตีผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักเรียน และด้วยเหตุนี้ เขาก็ควรจะถูกไล่ออกจากโรงเรียนอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ แต่ปัญหาก็คือ คำบอกเล่าว่าเกิดอุบัติเหตุของครูหวัง เขายืนกรานเป็นอย่างมาก ที่ว่าเขาล้มลงพื้นด้วยตัวเอง เรื่องนี้จึงทำให้ไม่ค่อยสะดวกในการดำเนินการนัก โรงเรียนไม่สามารถยื่นความผิดทางอาญาใส่หัวของเจียงซิ่วได้ ถ้าเกิดสิ่งนั้นไม่มีมูลความจริง และเขาก็จะไม่มีวันยอมรับมันด้วยตัวเองอย่างแน่นอน ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็จะไม่สามารถส่งเรื่องไปยังกระทรวงศึกษาธิการได้
แต่ในตอนนี้ มันแตกต่างออกไป ไม่ว่าจะเป็นตระกลูเย่หรือตระกลูเฉิง บรรดาผูที่ทำงานอยู่ในกระทรวงศึกษาธิการเคารพพวกเขาทั้งหมด หากมีข้อขัดแย้งเกิดขึ้น พวกเขาก็จะรีบจัดการให้กับสองตระกลูนี้ทันที
“นักเรียนเฉิงหลิงซู” ฉินหลินเกริ่นขึ้น “โปรดสบายใจ โรงเรียนของเราจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง อิทธิพลแย่ๆของเรื่องนี้ ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อนักเรียนที่กำลังเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัย แต่ยังส่งผลต่อความปลอดภัยส่วนตัวของครูในเซ็กเก้นไฮด้วย”
“มันเป็นเรื่องเหลวไหล เรื่องที่นักเรียนทุบตีคุณครูอย่างไร้เหตุผล ครูในโรงเรียนนี้ทั้งหมด แสดงความรู้สึกของตนเอง โดยการไม่กล้าที่จะเข้าไปสอนในชั้นเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้อง 5 ของมัธยมปลายปี 3 ที่เจียงซิ่วได้ศึกษาอยู่”
“อาจารย์ใหญ่วางแผนจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง?” เฉิงหลิงซูกล่าวถาม
ฉินหลินพึมพำกับตัวเองว่า “วันจันทร์ ด้านบนเวทีตอนที่ธงชักขึ้น ฉันจะทำให้เขาต้องขอโทษทั้งนักเรียนและคุณครูต่อหน้าทุกคน เพื่อให้เขาได้ตระหนักถึงความผิดพลาดตัวเอง ต่อจากนั้น โรงเรียนจะกล่าวถึงการไล่เขาออกต่อสาธารณะชน ไม่ว่าเขาจะเป็นนักเรียนมัธยมปลายปีที่3 หรือเป็นนักเรียนที่กำลังเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัย โรงเรียนก็จะไม่อดทนต่อเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้”
แม้ว่าเรื่องนี้ฟังดูโหดร้ายสำหรับนักเรียน แต่เรื่องนี้ก็ชัดเจนขึ้นเมื่อพิจารณาโทษ ตามสิ่งที่เจียงซิ่วได้ทำ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความผิดทางอาญาจริงๆ ดังนั้นเขาก็ควรที่จะถูกคุมขัง การไล่เขาออกไปก็จะง่ายดายมากขึ้น
เฉิงหลิงซูกล่าว “นั้นน่าจะดีที่สุดแล้ว”
เมื่อเขาถูกไล่ออกจากโรงเรียน เขาก็จะได้รู้ว่าสังคมนี้เป็นแบบไหน บทบาทไหนที่เขาจะได้รับจากสังคมอีกครั้ง? เขาจะเข้าใจว่ามนุษย์ไม่สามารถต้านกระแสน้ำในแม่น้ำได้ และนี้ก็เป็นวิธีเดียวที่จะยกเลิกการหมั้น เมื่อเขาทำมัน เมื่อนั้นเขาก็จะได้กลับมาเป็นนักเรียนที่นี่อีกครั้ง
เจียงซิ่ว... อ๊าห์.. เจียงซิ่ว นายและฉันเป็นคนของโลกที่แตกต่างกัน ต้องการที่จะข้ามชั้นสังคมนั้นเป็นเพียงการนำปัญหามาให้ตัวเองแล้ว
“ฉันไม่รบกวนอาจารย์ใหญ่แล้ว”
เฉิงหลิงซูค่อนข้างพอใจสำหรับการตัดสินของอาจารย์ใหญ่ เธอต้องรอสัปดาห์หน้า(พรุ่งนี้วันจันทร์ถือเป็นสัปดาห์ใหม่) ซึ่งเป็นการชุมนุมทั่วไปของโรงเรียนในเช้าวันจันทร์
จะเป็นผลลัพธ์แบบไหนก็สามารถเห็นได้จากเวลานั้น
และในพริบตา วันจันทร์ก็มาถึงแล้ว!
ตามข้อตกลง ในวันจันทร์ของสัปดาห์ โรงเรียนจะทำพิธีชักธงขึ้น(เคารพธงชาติบ้านเรา) และทุกคนก็ยืนอยู่บนสนามกีฬาในเวลานั้น อาจารย์ใหญ่หรือผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักเรียนจะขึ้นพูดอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง
วันนี้ก็เหมือนกับวันปกติ ทุกคนรู้สึกง่วงและทยอยเดินเข้าไปในสนามกีฬาด้วยกลุ่มสามถึงห้าคน
เจียงซิ่วเองก็อยู่ท่ามกลางฝูงชน
เรื่องที่เกิดขึ้นในอาคารศิลปะการต่อสู้ ไม่ได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายอะไร ไม่นานจึงถูกลืมไป ส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะศิลปะการต่อสู้ได้รับความสนใจที่ค่อนข้างต่ำ ถ้าเจียงซิ่วบดขยี้คู่แข่งของเขาในการเล่นบาสเกตบอล หรือกางแข่งขันฟุตบอลแทน เขาก็จะกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงของโรงเรียนทันที อาจกลายเป็นผู้ชายที่ฮ็อตๆของโรงเรียนเลยทีเดียว ฉะนั้นทักษะที่เขาแสดงออกมาในอาคารศิลปะการต่อสู้ จึงยังไม่เข้าถึงหูของผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักเรียน เขาจึงไม่ได้รับความสนใจจากผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักเรียนแน่นอน
ในความเป็นจริง คนที่มาอาคารศิลปะการต่อสู้เมื่อวานนี้มีจำนวนน้อย ถ้าไม่ใช่เพราะครูกู่ฉีก็คงจะมีนักเรียนไม่กี่คนที่มาดู อาจเป็นไปได้ว่า ถึงขั้นไม่มีคนมาเชียร์เลยก็เป็นไปได้ พวกเขานอนหลับอยู่ในห้องของตัวเองเช่นเจียงซิ่ว หรือออกไปข้างนอกเพื่อเล่นเกมในร้านอินเตอร์เน็ต แม่แต้ผู้คุมสอบเฉินยุ่นหยางก็ยังออกไปที่ไหนซักที่ ในขณะที่เย่ปิงและหลิวเซี่ยวหยิ่นอาจหาสถานที่เพื่อที่จะได้ดื่มกาแฟ มันก็คงจะมีแต่คนที่งี่เง่าเท่านั้น ที่ไปดูการแข่งขันที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวพวกเขาเองเลย
“เจียงซิ่วรอก่อน!”
ครูผู้หญิงวัย 50 ปี เรียกเขาไว้
“หืมม?”
เจียงซิ่วมีเรื่องประทับใจนิดหน่อยเกี่ยวกับเธอ เธอเป็นรองอธิการบดีของโรงเรียน เธอยังเคยบรรยายบนเวทีทุกวันจันทร์อีกด้วย พวกเขาทำมันมาตลอด(เวรการพูดของอาจารย์หน้าเสาธงมีการเปลี่ยนกันตลอด)
ชื่อตระกลูของเธอสมควรเป็นเหว่ย ครูเหว่ย!
“เธอไม่จำเป็นต้องยืนในแถวสำหรับการบรรยายในวันนี้ ไปตรงนั้น และไปยืนอยู่ด้านข้างเวที” สายตาของครูเหว่ยเต็มไปด้วยความรังเกียจ ราวกับว่าตัวเจียงซิ่วเป็นสิ่งโสโครก
เมื่อเจียงซิ่วได้ไปอยู่ในทวีปการต่อสู้นิรันดร์ แม้แต่กษัตริย์ก็ต้องคุกเข่าลงและให้ความเคารพต่อเขา แต่ในตอนนี้ แม้แต่ครูก็ยังมาตักเตือนเขาได้ เรื่องนี้มันทำให้เขาโกรธมาก แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกเหนือจากการเชื่อฟัง
สถานะปัจจุบันของเขาคือการเป็นนักเรียน
“ทำไม?”
ครูเหว่ยหัวเราะแบบแปลกๆ “เธอมีหน้าที่จะถามว่าทำไม? เธอจำไม่ได้รึไงว่าเธอทำผิดพลาดอะไรไป? เธอไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง และออกไปขอโทษต่อหน้านักเรียนทุกคนซะ”
เจียงซิ่วกล่าว “อะไร ต้องการให้เทพคนนี้ออกไปให้คำขอโทษ?”
ครูเหว่ยเพ่งมองด้วยความโกรธ “เธอได้ทุบตีครูอาจารย์ และจะมีเหตุผลอะไรอีก?”
“ถ้าเธอไม่ขอโทษด้วยใจจริง ทั้งฉัน และครูทุกคนของเซ็กเก้นไฮ จะไม่เข้าสอนในชั้นเรียน ถ้าเธออยู่ที่นี่ เราก็จะรู้สึกไม่ปลอดภัย แล้วเราจะสอนต่อไปได้อย่างไร?”
เจียงซิ่วเพียงให้คำว่า ‘โอ้’ เป็นคำตอบ
“คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้รอบครอบ....” หลังจากพูดแบบนี้แล้ว ครูเหว่ยก็ไม่กังวลเกี่ยวกับเจียงซิ่วอีก เธอหันกลับและจากไป เมื่อนักเรียนด้านข้างเห็นเธอ ทุกคนเรียกพวกของตัวเองออกมาทักทายเธอ
สายตาของเจียงซิ่วกวาดเข้าไปในกลุ่มคน และรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักเรียน หวังซือบิ๋น เขาเห็นในที่ๆ ไกลห่างออกไป เจ้าเพื่อนยากคนนี้ ถูกกระทบกระเทือนทางสมอง? และเขาก็ไม่กระดูกซี่โครงหัก? เขายังคงมาโรงเรียนทั้งแบบนั้น?
เพียงแต่ว่า ลักษณะที่ดูน่าสลดใจของเขานั้นเป็นของแท้
“เขารู้รึเปล่าที่โรงเรียนต้องการให้ฉันออกไปกล่าวคำขอโทษต่อหน้าสาธารณะชน?”
เจียงซิ่วคิดว่ามันเป็นไปได้ที่เขาจะรู้ และก็เป็นไปได้ที่เขาจะไม่รู้ด้วยเช่นกัน แต่ไม่ว่าอะไรก็ตาม เขาก็คงจะไม่สามารถหยุดยั้งมันได้ ปัญหาเรื่องครูถูกทุบตีเป็นที่รู้กันอยู่แล้วสำหรับทุกคน และแม้ว่าเขาจะบอกว่ามันเป็นเรื่องโกหก แต่ในชั้นเรียนคนจำนวนมากได้เห็นอย่างชัดเจนด้วยตาของพวกเขาเอง โรงเรียนไม่อาจละเลยเรื่องนี้ได้
บางที แม้แต่หวังซือบิ๋นก็ถูกบังคับให้มาที่โรงเรียน ตามสถานการณ์ปกติ เขาควรจะได้รับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลหรืออยู่ที่บ้าน เพื่อพักผ่อนร่างกาย
“เทพคนนี้ต้องการที่จะเห็น ว่าพวกแกจะจัดการกับฉันได้อย่างไร!”
เจียงซิ่วเดินไปที่เวทีตามที่ครูเหว่ยได้บอก และเขาก็ได้เดินผ่านมัธยมปลายปี 3 ห้อง 1 ในขณะที่กำลังไป เฉิงหลิงซูก็ได้ปรากฏตัวขึ้นข้างๆ เขา
“อาจารย์ใหญ่จะขับไล่นายออกไปในวันนี้” เฉิงหลิงซูได้พุ่งเข้ามาเตือนเขาเกี่ยวกับเรื่องในวันนี้และเธอได้พูดกับเขาต่อหน้าที่สาธารณะ “ยังมีเวลามากพอที่นายจะเสียใจ ยังมีสัญญาของฉันอยู่ นายแค่ลงชื่อเท่านั้น อาจารย์ใหญ่ก็จะเลิกทำทันที”
“ทุกคนที่เคยขู่เทพคนนี้ มักมีจุดจบที่ไม่ดี”
เขาไม่ได้แม้แต่ชำเลืองมองไปยังเฉิงหลิงซูเลย
เจียงซิ่วเดินไปที่เวทีด้วยการสาวเท้า ก้าวใหญ่ๆ ถ้าเป็นนักเรียนที่กำลังเผชิญหน้ากับการปรับทัศนคติ พวกเขาจะก้มหัวตัวเองลง แต่เขานั้นแตกต่างกัน ยังไม่ได้พูดถึงความจริงที่ว่าเขาเดินไปที่นั่นด้วยการก้าวที่รวดเร็วอย่างมาก เขาทำมันได้น่าประทับใจมาก ผู้ที่ไม่ได้ตั้งใจคิด อาจจะนึกว่าเขากำลังไปรับรางวัล
ขณะที่เขาก็เขาก็นำมือไปไพร่ไว้ข้างหลัง ราวกับว่ามันเป็นการก้าวเดินของกษัตริย์ (ทำไมขำ555)
อย่างไรก็ตามมันเป็นการไปกระตุ้นความกลัวของครูทั้งหมดที่อยู่ที่นี่
ทุกคนต่างก็สังเกตเห็นเจียงซิ่วบนเวที และเคยได้ยินมาว่าเขาได้ทุบตีคุณครู แม้กระทั่งลงมือกระทำอย่างโหดเหี้ยม สำหรับรุ่นน้องชายและรุ่นน้องหญิงจากปี2 และปี1 พวกเขาไม่ได้รู้เรื่องนี้และค่อนข้างที่จะสนใจเขามาก
“ฉันคิดว่าเจียงซิ่วกำลังเจอปัญหาในตอนนี้!” หลิวเซี่ยวหยิ่นที่อยู่ในกลุ่มคนกล่าว
เย่ปิงกล่าว “เขาจะไม่ถูกไล่ออกจากโรงเรียน ใช่ไหม?” ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่ชอบเขาและแม้แต่กระทั่งเหม็นขี้หน้า แต่เขาก็ยังเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเธอ ดังนั้นหัวใจของเธอจึงไม่สามารถทนเห็นเขาถูกไล่ออกอย่างน่าสังเวชได้
“เขาทำร้ายคุณครู ทำไมเขาถึงจะไม่ถูกไล่ออกหล่ะ?” นักเรียนหญิงคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างถาม
อีกด้านนึงที่มัธยมปลายปี 3 ห้อง 1 เฉิงหลิงซูได้กลับมาอยู่ในกลุ่มแล้ว เหนื่อยหอบด้วยความโกรธ “นายไม่เข้าใจอะไรเลย จนกว่าจะได้เจอกับของจริงนั้นแหละ”
“อย่ากล่าวโทษฉันเลย นายทำมันด้วยตัวนายเอง”
เธอสวมชุดนักเรียนในวันนี้ แต่แม้แค่ชุดธรรมดาๆ ก็ยังไม่สามารถซ่อนความงามตามธรรมชาติของเธอได้ กลับกัน มันกลับเพิ่มมากขึ้น เสน่ห์ของเธอราวกับว่าเธอได้กลายเป็นราชินีของนักเรียน ดูบริสุทธิ์ผุดผอง มันดูราวกับภาพวาด (คนเขียนมันอวยตัวละครนี้มากไปรึเปล่าฟ่ะ 555) สำหรับนักเรียนมัธยมปลาย เรื่องเดียวที่น่าดีใจในการประชุมหน้าเสาธงตอนเช้าวันจันทร์ ก็คือได้เห็นเฉิงหลิงซูจากระยะไกล
บางคนก็กล้าที่จะแอบลอบมองเธอ ในขณะที่บางคนกล้าหาญมากยิ่งขึ้น จ้องมองเธอโดยตรงเลย
แต่ทว่าในตอนนี้ เฉิงหลิงซูมีเพียงแต่เจียงซิ่วอยู่ในสายตาของเธอเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าทุกคนพร้อมแล้ว อาจารย์ใหญ่ฉินหลินเองจัดไมโครโฟนเพื่อจะพูด เขาแสดงออกอย่างหยาบคายและน่ารังเกียจ “นักเรียน สองวันก่อหน้านี้ นั่นคือวันเสาร์ที่ผ่านมา เรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นในโรงเรียนของพวกเรา เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ และรายละเอียดของเรื่อง มันก็ยิ่งแย่ไปกว่านั้น เขาทำให้ผมของฉันต้องลุกชัน”
ได้ยินว่าเรื่องนี้ร้ายแรง นักเรียนที่ไม่สนใจทั้งหมดเริ่มสนใจเรื่องนี้
“เกิดอะไรขึ้น?”
“นายยังไม่รู้? ผู้อำนวยการกิจการนักเรียน ถูกทำร้ายโดยรุ่นพี่มัธยมปลายปี3”
“อั๊ยหยา จริงหรอ? รุ่นพี่คนนี้โครตเจ๋ง”
ชื่อเสียงของหวังซือบิ๋นนั้นย่ำแย่จริงๆ
“พวกเธอคงอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในเซ็กเก้นไฮ” ฉินหลินยังคงเกริ่นนำต่อไป “ด้วยโรงเรียนที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดในเมืองเจียง ถึงแม้ฉันบอกไป พวกเธอก็จะต้องไม่เชื่อมันแน่ หลังจากที่ฉันได้ฝั่งเรื่องราวมาอย่างละเอียด ฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อมัน ว่าเรื่องดังกล่าวได้เกิดขึ้นที่โรงเรียนของเรา”
ฉินหลินกล่าวด้วยความเศร้าโศก “คุณครูของเรา ครูที่น่าเคารพของเรา หวังซือบิ๋น ถูกนักเรียนคนนึงทำร้าย มันแย่ถึงขั้นที่ศีรษะของเขามีเลือดไหลออกมา!”
ทุกๆคนมองไปที่หวังซือบิ๋น ผ้าพันแผลสีขาวยังคงห่อรอบศีรษะของเขา และถูกจับคู่กับใบหน้าที่น่าเกลียดอันนั้น เขาดูเหมือนคนบ้าจริงๆ
“และพวกเธอรู้ไหมว่าใครเป็นผู้ร้าย? มันคือ... มัธยมปลายปี3 ห้อง5 เจียงซิ่ว!” เมื่อฉินหลินประกาศชื่อของเจียงซิ่ว เขาหวังว่าจะตะโกนให้ไมโครโฟนแตกเป็นเสี่ยงๆได้ “ฉันสอนมานานแล้ว แต่ก็ไม่เคยเห็นนักเรียนที่เลวร้ายเช่นนี้ มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างแท้จริง ที่นักเรียนชั่วร้ายแบบนี้ยังอยู่ในโรงเรียนเซ็กเก้นไฮของเรา”
“โรงเรียนได้ตัดสินที่จะเอาโทษเจียงซิ่ว ดังนั้นแล้วเขาจะต้องถูกไล่ออก!”
ฮือฮา ที่แห่งนี้ทั้งหมดกลายเป็นโกลาหล
ติดตามข่าวสารได้ก่อนใครที่ เพจ INdy-Novel