บทที่ 16 เฉิงหลิงซูเดือดดาล
บทที่ 16
เฉิงหลิงซูเดือดดาล
แปลโดย : ราตรีสีทา
เกลาสำนวนโดย : ราตรีสีเทา
แก้คำผิดโดย : ราตรีสีเทา
ฉากตรงหน้ามันช่างดูน่าเหลือเชื่อเกินไป มันเป็นแบบเดียวกันกับผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ชั้นสูง เจียงซิ่วที่ทำแค่เพียงเดินผ่าน พวกนั้นแต่ละคนก็ถูกส่งบินออกไปเอง บินลงไปกองกับพื้น ฉากเช่นนี้มันดูน่าเหลือเชื่อ และมันก็ทำให้พวกเขาตกตะลึง นี้มันเหมือนความฝันที่ถูกออกแบบมาจากฉากในภาพยนตร์
นักเรียนจากเฟริสไฮลงไปกองกับพื้นและสลบลงไป มีบ้าที่กลิ้ง หรือโอดครวญ บางคนกระทั่งร้องไห้ พวกเขาที่อวดเบ่งก่อนหน้านี้ไปไหนกันแล้ว?
“นี้…”
นักเรียนที่วิพากก์วิจารณ์เจียงซิ่วตอนนี้ก็กลายเป็นโง่งม
“วู้ว!”
หลังจากไม่กี่วินาทีของความเงียบงัน อาคารศิลปะการต่อสู้ก็มีเสียงโหร้องออกมาดุจคลื่นสึนามิ แม้แต่หลังคาก็ดูเหมือนจะสั่นสะเทือนไปด้วย มันเต็มไปด้วยเสียงของคนเชียร์ ความเศร้าโศกทั้งหมด ความโกรธ และความอัปยศ ดูเหมือนมันจะหายไปอย่างปลิ้ดทิ้ง นักเรียนทุกคนของเซ็กเก้นไฮดูตื่นเต้นมาก
มันดูไม่น่าเชื่อที่ว่า หน้าตาของเซ็กเก้นไฮถูกยกขึ้นไปอีกระดับ!
“นายกำลังมองอะไร? นายกำลังมองขยะจากเฟริสไฮ?!”
“นี้แหละคืออำนาจที่แท้จริงของเซ็กเก้นไฮ ของพวกเรา!”
ซือถูเชิงพูดที่มุมปากด้วยความเจ็บปวด “ชะ ช่วยฉันด้วย ซี่โครงของฉันหัก”
“ฮ่าฮ่าๆ…”
นักเรียนทั้งหมดของเซ็กเก้นไฮพากันหัวเราะ เมื่อเห็นกัปตันจากแผนกศิลปะการต่อสู้ของเฟริสไฮถามหาความช่วยเหลือ
“ฉันจะไปเรียกรถพยาบาลให้!” ครูกู่ฉีเข้าใจสถานการณ์ แต่อย่างไรก็ตามสายตาของเธอก็ยังคงยึดติดอยู่กับทิศทางที่เจียงซิ่วหายไป
“เซ็กเก้นไฮ!”
“เซ็กเก้นไฮ!”
นักเรียนทุกคนส่งเสียงเชียร์ออกมา เมื่อเห็นว่าพวกเขาได้รับชัยชนะที่ยิ่งใหญ่
หลิวเซี่ยวหยิ่นสะกิดเย่ปิงผู้ที่กำลังตกอยู่ในสถานะมึนงง พูดจาด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิว “แฟนของเธอคนจริงมาก เทียบกับกัปตันชมรมบาสเกตบอลได้เลย ถ้าเป็นผู้ชายเขาก็ควรที่จะมีความสามารถต่อสู้อยู่แล้วถูกไหม”
“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีคนได้ยิน?”
เธอปิดปากหลิวเซี่ยวหยิ่นอย่างรวดเร็ว เธอประหลาดใจมากที่เจียงซิ่วมีความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ มันน่าตกใจจริงๆ
หลิวเซี่ยวหยิ่นผลักมือของเย่ปิงออกไป “ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้ แต่ลุงและป้าก็คงจะไม่เห็นด้วยอยู่ดี ถ้าเขาถูกยอมรับก็คงมีแต่ต้องเข้ามหาลัยในเมืองจักรพรรดิให้ได้ เขาสามารถเป็นนักกีฬาประเภทศิลปะการต่อสู้แบบผสมได้
“มันอาจจะดูดีสำหรับคนทั่วไปก็จริง แต่จากมุมมองของครอบครัวเธอ คนประเภทนี้ไม่เหมาะกับเธอมากเท่าไหร่นัก ปิงปิง เธอต้องคิดมันอย่างรอบครอบ”
“เก็บคำพูดของเธอให้ตัวเองเถอะ ฉันไม่ค่อยชอบเขาสักเท่าไหร่” เธอเสริมด้วยประโยคถัดไป “เขาไม่หล่อแม้แต่นิดเดียว!”
เอ๋.. สาวน้อย งั้นเธอก็คงมีปัญหากับความหล่อแล้วหล่ะ
นักเรียนเหล่านี้ ส่วนใหญ่ถูกพิจารณาว่าเป็นนักกีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสม และไม่ค่อยเชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริง พวกเขาเรียนรู้การเคลื่อนไหวพื้นฐานของวิชามวยเบื้องต้นเท่านั้น และอาจกล่าวได้ว่าพวกเขาไม่แม้แต่จะมองศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริงอยู่ในสายตา แต่เจียงซิ่วผู้ที่เดินทางข้ามไปยังทวีปการต่อสู้นิรันดร์เป็นเวลามากกว่า3พันปี และมีประการณ์ต่อสู้ความเป็นตายมากมายนับไม่ถ้วน ดังนั้นถึงแม้แต่ตอนที่เขาเสียพลังอำนาจมากที่สุดอย่างเช่นตอนนี้ เขาที่ได้บ่มเพาะพลังแห่งพระเจ้า ได้ปลุกตื่นระดับที่ 1 ขอบเขตในตำนาน เขามีค่าเสมอภาคกับเทพเจ้าโบราณกาลในอดีต เมื่อเขายืนอยู่ต่อหน้ามนุษย์ธรรมดาเหล่านี้
เจียงซิ่วตัดสินใจที่จะนอน ดังนั้นในทันทีที่เขากลับไปถึงห้องของเขา เขาก็ล้มลงบนเตียง แต่ในเวลาเดียวกันกับที่เขากำลังจะร่องลอยไปในความฟัน โทรศัพท์มือถือของเขาก็เริ่มดังขึ้น
มันมาจากเฉิงหลิงซู ดังนั้นเขาจึงกดรับมัน “มีบางอย่างที่จะพูดกับเทพคนนี้?”
เฉิงหลิงซูกำลังถือกระเป๋าเสื้อผ้าของเขาอยู่ เสื้อผ้าแสนสกปรกภายในก่อนหน้านี้ ได้ถูกซักล้างเรียบร้อยแล้ว และแม้แต่ถุงผ้าที่นำไป ก็ถูกซักมาด้วย “เราจะเจอกันที่ไหน? ฉันจะส่งคืนเสื้อผ้าของนาย พวกมันทั้งหมดถูกล้างเรียบร้อยแล้ว”
เจียงซิ่วกล่าว “พวกมันทั้งหมดเลย?”
เฉิงหลิงซูตอบ “อื้ม!”
“ฉันกำลังรออยู่ที่ร้านกาแฟหน้าทางเข้าโรงเรียน ฉันจะส่งเสื้อผ้าคืนให้นาย”
เจียงซิ่วตอบ “โอเค” (ผมว่าอย่างเทพซิ่วแล้วต้องมีอะไรแน่นอน)
ดูเหมือนว่าที่เฉิงหลิงซูนัดเจอกันที่ร้านกาแฟหน้าโรงเรียนนั้นค่อนข้างอันตราย มันอาจเป็นไปได้ที่ใครบ้างคนจะเห็นเธอและจับได้ แต่คิดว่าเธอกังวลมากเกินไป เมื่อนึกดูแล้วเธอสามารถยุติการหมั้นระหว่างเขากับเธอได้แล้ว เธอก็เริ่มใจร้อนและไม่อยากจะรออีกต่อไป
เธอใส่เสื้อกันหนาวสีดำที่ดูทันสมัยมาในวันนี้ มีเข็มขัดที่มีสีเดียวกัน ทำให้เอวของเธอดูอ้อนแอ่นยิ่ง เธอสวมรองเท้าใส่สบายๆสีขาวที่เท้าของเธอ แสดงให้เห็นถึงความบอบบางของเท้าเล็กที่สวยงามของเธอ ด้วยใบหน้าที่บริสุทธิ์และงดงาม เมื่อสวมเสื้อผ้าเหล่านี้ จึงทำให้เธอดูเหมือนดอกลิลลี่ในฤดูที่ใบไม้ผลิบาน ทำให้คนรู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังถูกชำระล้างด้วยฤดูใบไม้ผลิ มันดูสวยงามอย่างมาก
เมื่อใดก็ตามที่ๆ เฉิงหลิงซูไป เธอก็มักจะดึงดูดความสนใจของผู้อื่น
“เฉิงหลิงซู เทพคนนี้อยู่ที่นี้!”
เจียงซิ่วมาถึงก่อนหน้านี้อย่างไม่คาดคิด โบกแขน ราวกับว่าเขากลัวว่าเธอจะไม่สังเกตเห็นเขา
ทุกคนในร้านกาแฟ อย่างแรก มองไปทางเจียงซิ่ว ก่อนจะหันหาเฉิงหลิงซู หน้าของเฉิงหลิงซูแดงขึ้น(แน่นอนส่วนเทพซิ่วหน้า3พันปีคงหนาเท่าภูเขา555) นายตั้งใจทำมัน ใช่ไหม? กลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าเรารู้จักกัน นายรู้สึกภูมิใจที่สาวสวยได้มาพบนายใช่ไหม? เฉิงหลิงซูก้มหัวของเธอลง และเดินไปทางเจียงซิ่ว
“เสื้อผ้าของนาย!”
เจียงซิ่วเปิดกระเป๋า กลิ่นหอมลอยออกมาจากข้างใน มันเป็นกลิ่นหอมของดอกมะลิ เฉิงหลิงซูใช้น้ำยาซักผ้าที่ดีที่สุดในบ้านของเธอ กลิ่นหอมของมันทำให้คนมึนเมา เสื้อผ้าเก่าๆ เหล่านี้ รู้สึกราวกับว่าพวกมันกลายเป็นเสื้อผ้าใหม่ไปเลย
เจียงซิ่วพูด “เธอซักพวกมันได้ดี สะอาดกว่าร้านซักรีดซะอีก”
เฉิงหลิงซูนำกระดาษสัญญาออกมา และเอามันไปให้เจียงซิ่วพร้อมกับปากกา “ลงชื่อของนายด้านล่าง และความสัมพันธ์ระหว่างเราจะสิ้นสุดลงตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”
นี่คือร่างสัญญาที่ทำโดยทนายความ
“ในที่สุดมันก็จะจบลง”
ตอนนี้ ในขณะที่เฉิงหลิงซูพูดคำเหล่านี้ เธอค่อนข้างรู้สึกเห็นใจสำหรับผู้ชายคนนี้ เธอพบว่าเธอรู้สึกไม่อยากที่จะทำร้ายเขา ในตอนนั้น เขาเป็นเพื่อนเล่นที่เธอเคยเล่นด้วยในวัยเด็ก แต่เป็นเพราะโลกใบนี้ จึงทำให้เธอตระหนักได้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ระหว่างเขาและเธอ และเนื่องจากเป็นเช่นนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องลีลาอีกต่อไป
นี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับตัวเขาเอง!
เจียงซิ่วหยิบสัญญาขึ้นมาและมองไปที่มัน ในทันทีเขาก็เสียงดังขึ้น “เมื่อไหร่กันที่เทพคนนี้เห็นด้วยว่าจะยกเลิกการหมั้น?”(นั้นไงว่าละ555)
เฉิงหลิงซูเปลี่นท่าทางทันที “เจียงซิ่ว นายหมายความยังไง?”
มองไปที่ท่าทางอันเยาะเย้ยบนใบหน้าของเขา เฉิงหลิงซูลุกขึ้นยืน เธอรู้ทันทีว่าเจียงซิ่ว บางทีอาจจะแค่ล้อเล่นกับเธอ “เห็นได้ชัดว่านายสัญญาเมื่อวานนี้! นายต้องการมากลับคำตอนนี้?”
เย็นเมื่อวานนี้ เธอได้ซักเสื้อผ้าทั้งหมดของเขาจนถึงเวลา 23.00น. ล้างแต่ละชิ้นด้วยตัวของเธอเอง แขนของเธอล้า และก็เจ็บปวดมากในตอนเช้า แม้แต่ตัวก็สั่นเล็กน้อย เธอไม่สามารถถือปากกาได้อย่างมั่นคง
เขาไม่ได้ต้องการยกเลิกมันตอนนี้?
เจียงซิ่วกล่าว “กลับคำ? เทพคนนี้แน่นอนว่าต้องพูดความจริง!”
เขาเอนตัวไปหาเธอ กล่าวเสียงต่ำ เสียงนั้นคล้ายกับปีศาจ ในขณะที่เขาพูดเบาๆ เข้าไปที่หูของเธอ “โรงเรียนไม่ได้ขับไล่ฉัน และตำรวจก็ไม่ได้มาหาเทพคนนี้”(สมควรเป็นมารมากกว่าเทพนะผมว่า อิอิ)
เฉิงหลิงซูรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอถูกฟ้าผ่า ใช่แล้ว! มันเป็นไปได้ยังไง? ตามหลักเหตุผลแล้ว เจียงซิ่วควรจะถูกกักขังเป็นคนร้ายตั้งแต่เมื่อวานนี้ แล้วทำไมเขาถึงเข้าออกโรงเรียนได้อย่างอิสระอยู่ละ?
ถ้า... ถ้าเขาไม่ได้ถูกไล่ออกหรือถูกคุมขัง นี่ไม่ได้หมายความว่าเธอซักเสื้อผ้าให้เขาอย่างเปล่าประโยชน์หรอ?
“ไม่ นี่มันไม่สมเหตุสมผล นายเขาให้เขาบาดเจ็บอย่างหนัก เป็นไปไม่ได้ที่โรงเรียนจะเงียบ เป็นไปไม่ได้ที่ครูหวังจะไม่ฟ้องร้องนาย โดยเฉพาะการทำผิดกฏหมายอาญาแบบนี้” เฉิงหลิงซูไม่เชื่อมัน และเธอก็มีความเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ แต่ข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุดคือเจียงซิ่วที่นั่งข้างหน้าของเธอ ไม่ได้มีอันตรายอะไรเลย
“เธอได้ล้างพวกมันมาอย่างดีจริงๆ ฉันจะไปหาเธออีกครั้งเมื่อพวกมันสกปรก!”
หลังจากที่พูดสิ่งที่ต้องการแล้ว เจียงซิ่วดื่มกาแฟบนโต๊ะ หยิบกระเป๋าขึ้นมาและจากไป(…คนจริง)
“นี่เป็นไปได้ไง...”
เฉิงหลิงซูไม่กล้าที่จะเชื่อมัน เกิดอะไรขึ้นกับโรงเรียน? พวกเขาไม่ทำอะไรเลย แม้ในขณะที่นักเรียนคนนี้ได้ก่ออาชญากรรมอย่างร้ายแรงลงไป
“นี้ไม่ปกติ ฉันจะไปคุยกับอาจารย์ใหญ่!”
“นี่ คุณผู้หญิง! คุณยังไม่ได้จ่ายเงินเลยนะ?”
เฉิงหลิงซูหันกลับมามอง ที่นั่งอันว่างเปล่า มีเพียงแค่แก้วและจานกาแฟแต่เพียงเท่านั้น
“เจียงซิ่ว ไอ้ชาติชั่ว!”
ตอนนี้เฉิงหลิงซูต้องจ่ายเงินสำหรับแค่กาแฟอีกครั้ง
ภายในสำนักงานของอาจารย์ใหญ่ ฉินหลินกำลังเรียกดูไฟล์ของเจียงซิ่ว มองไปที่เยาวชนขี้อายในรูปถ่าย มือที่ถือถือบุหรี่ของเขาเริ่มสั่น
นักเรียนคนนี้เคยทุบตีผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักเรียนของเขา ขณะที่มีการตรวจสอบบาดแผล เขาได้รับแจ้งว่ามันเป็นการกระแทกกับสมองประเภทB(เลือดออกในสมอง) กระดูกซี่โครงทั้งหมดหัก และมีรอยช้ำทั่วตัว สิ่งที่น่าชังมากขึ้นก็คือ แม้ว่าจะเป็นฝ่ายผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักเรียนที่ถูกทุบตีอย่างรุนแรง แต่เขาก็ยังบอกว่าเขาลื่นล้ม และไม่ยอมรับว่าตัวเขาเองโดนทุบตี
“เจียงซิ่ว…”
อาจารย์ใหญ่ได้พลิกดูความสำเร็จในอดีตของเจียงซิ่ว เขาเป็นนักเรียนที่อ่อนแอ เกรดของเด็กยากจนทั้งหมดนั้นค่อนข้างดี แต่เขากลับแตกต่าง เกรดของเขาอยู่ที่อันดับล่างๆ
ด้วยเกรดรูปแบบนี้ เขาคงจะไม่ได้เข้าเรียนในระดับชั้นปริญญาตรี
“ไอ้พยาธิเอ่ย ไอ้เศษ*ตี๊ด*!”
อาจารย์ใหญ่สบถใส่เขา
“เจียงซิ่ว ชื่อตระกลูเล็กๆ นี่คุ้นเคยอยู่เล็กน้อย ฉันเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ที่ไหนกันนะ?” อาจารย์ใหญ่พยายามที่จะนึกย้อนความทรงจำ และก็จำได้ว่าคุณนายเย่เคยกล่าวถึงชื่อนี้ในบทสนทนาที่คุยกันก่อนหน้านี้ เธอต้องการให้ขับไล่นักเรียนที่ชื่อเจียงซิ่วคนนี้ออก เธอบอกว่าเขาได้ล่วงเกินลูกสาวของเธอ “นี่แหละ! มันคือเขา ที่อยู่ชั้นเรียนเดียวกันกับเย่ปิง!”
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูผ่านเข้ามา
“เข้ามา!”
“นักเรียนเฉิงหลิงซู”
เฉิงหลิงซูระงับความโกรธของเธอ แต่เธอก็ไม่สามารถใจเย็นได้อยู่ดี “อาจารย์ใหญ่ ทำไมคุณไม่ไล่เขาออกไป? เขาทุบตีครูหวังจนย่ำแย่ และแพร่กระจายอิทธิพลที่ไม่ดีออกไป ทำไมคุณถึงไม่ไล่เขาออกไป?”
อาจารย์ใหญ่รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเฉิงหลิงซูโกรธมาก “เขาก็ล่วงเกินเธอเหมือนกัน?”
เฉิงหลิงซูมึนงงและตระหนักได้ว่าเธอได้ลืมมารยาทของเธอไป เธอจับไปที่ปลายผมและสงบใจลง “ว่าอะไรนะ? จะมีความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฉันได้อย่างไร? ฉันก็เพียงแต่ไม่สามารถทนเห็นนักเรียนคนหนึ่งทำร้ายครูด้วยวิธีแบบนี้ได้ อาจารย์ใหญ่ คุณต้องจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่เช่นนั้น พวกเราจะไม่สามารถเรียนได้อย่างอิสระแน่”
“ฉันจะจัดการกับมัน และแน่นอนว่าฉันจะจัดการกับมันอย่างจริงจังด้วย!”
อันดับแรก เขาได้ทุบตีครูของเขา และแม้แต่กระทั่งล่วงเกินคนตระกลูเย่ ตอนนี้ก็ยังล่วงเกินตระกลูเฉิงอีก เจียงซิ่วคนนี้ กำลังพัวพันกับความตาย
ติดตามข่าวสารได้ก่อนใครที่ เพจ INdy-Novel