บทที่ 14 ครูศิลปะการต่อสู้
บทที่ 14
ครูศิลปะการต่อสู้
แปลโดย : ราตรีสีทา
เกลาสำนวนโดย : ราตรีสีเทา
แก้คำผิดโดย : ราตรีสีเทา
หลังจากผ่านไป10นาที เจียงซิ่วก็ออกมาจะห้องพัก สิ่งที่สวยงามกำลังรออยู่ที่ทางเดินของห้องพัก จ้องมองเขาเหมือนเสือที่เฝ้าเหยื่อของมัน นอกจากเจียงซิ่วแล้ว มีนักเรียนประมาณ10คนยืนอยู่รอบๆที่ด้านนอก เขายี่หยาง(Yiyang)จากห้องพักที่อยู่ติดกันก็มีอยู่หนึ่งในนั้น พวกเขาแต่ละคนถูกก้มศีรษะลงเช่นเดียวกับนักเรียนประถมที่กำลังถูกตักเตือน
“ลองดูที่ตัวคุณเอง ที่เป็นนักเรียน? ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว และคุณยังนอนหลับอยู่เหมือนหมู พวกคุณต้องการให้ฉันเขียนอะไรในการประเมินผล เมื่อพวกคุณเรียนจบ?” สิ่งที่สวยงามกำลังดุพวกเขา เสียงของเธอนั้นเข้มงวดมาก
เจียงซิ่วงงงวย ผู้หญิงคนนี้คือใคร? ทำไมทุกคนจึงกลัวเธอ?
“เธอคือใคร? เธอคือใครบางคนที่น่าอัศจรรย์?”
ยี่หยางดึงแขนเขาอย่างเงียบๆ “หัวหน้าแผนกศิลปะการต่อสู้ โค้ชกีฬา กู่ฉี!(Gu Xi)”
“มันเป็นเธอ!”
นอกจากวรรณคดี เหนือจากนี้ยังมีนักเรียนที่มีความเชี่ยวชาญบางอย่าง และหนึ่งในวิชาเฉพาะเหล่านั้น ก็คือศิลปะการต่อสู้ สิ่งนี้ค่อนข้างผิดแผกมาตรฐานปกติทีเดียว หลายโรงเรียนไม่ได้มีศิลปะการต่อสู้อยู่เป็นเรื่องเป็นราว แต่ครูคนนี้เหลือเชื่อนัก เธอไม่ได้เป็นครูที่มีแต่ความสวยงามแต่เพียงเท่านั้น ที่มีมากไปกว่านั้น คือแม้แต่ตัวตนของเธอก็ยังผิดปกติ เธอมาจากกองพลทหารในตำนาน กองทหารมังกรประจัญบาน เมืองนี้ใช้ความพยายามอย่างมากในการสัญหาเธอมาและได้จัดให้เธอสอนในโรงเรียนมัธยมที่ดีที่สุดของเมืองเจียง เซ็กเก้นไฮ
เพราะการมาถึงของเธอ ผู้นำเมืองและผู้นำโรงเรียนได้ให้ความสำคัญกับศิลปะการต่อสู้เป็นอย่างมาก หวังว่าบางส่วนของนักเรียนชั้นนำอาจจะได้รับการคัดเลือก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากมหาลัยที่อยู่ในเมืองหลวงจักรพรรดิ
ครูศิลปะการต่อสู้ไหนบ้างที่ไม่รุนแรงหรือขี้โวยวาย? เพิ่มตัวตนที่มีอิทธิพลของเธอไป แม้แต่ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักศึกษาก็ไม่มีอะไรเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทุกคนกลัวเธอมาก
ในระยะเวลาก่อนหน้านี้ ปฏิสัมพันธ์ของเจียงซิ่วในด้านศิลปะการต่อสู้เป็นศูนย์ แม้ว่าตอนนี้เขาได้เห็นครูหญิงสุดสวยแล้ว เขาก็ไม่สามารถจำอะไรได้เลย
“มันเป็นครูนั้นเอง!”
คิดถึงปฏิกิริยาของเขาก่อนหน้านี้ เทพซิ่วหน้าแดงด้วยความอายโดยจิตสำนึก เขาใส่ใจไปที่ความอดทน เขาได้แต่สาปแช่งอยู่ในใจ แม้ว่าเธอจะเป็นครู แต่ความกล้าหาญของเธอก็ดูเหมือนจะเป็นของจริง เนื่องจากเธอเป็นครู เธอก็ควจที่จะไม่คิดถึงการแสดงก่อนหน้านี้ของเขาใช่ไหม? เทพคนนี้ไม่มีหน้าเหลืออยู่แล้ว นั้นก็เพราะเธอ
ยี่หยางเขากล่าวอย่างขี้ขลาด “มีการแข่งขันในวันนี้ เราตัดสินใจว่าชั้นเรียนของเราจะไปที่นั่นเพื่อเชียร์”
“นั้น ดูน่ารำคาญมาก”
สังเกตเห็นว่าเจียงซิ่วกำลังกระซิบกระซาบกับนักเรียนคนหนึ่งที่เธอเคยตักเตือน ระดับความเย็นคล้ายน้ำแข็ง เหมือนจะปกคลุมไปทั่วใบหน้าที่น่ารักของเธอ เธอก้าวเข้ามาขวางเขา เจียงซิ่วสูดกลิ่นและรู้สึกวิงเวียนศีรษะ กลิ่นหอมอันประณีต ทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ ปีศาจกู่ฉีกำลังมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา
ใบหน้าของเจียงซิ่วเริ่มร้อนขึ้น “เทพคนนี้ไม่ได้ตั้งใจทำ!”
เด็กชายคนนี้ได้สัมผัสจุดสะเทือนของเธอ การแสดงออกอย่างเย็นชาของครูกู่ฉีกลายเป็นเรื่องเลิกลั่ก เธอหันไปหาคนอื่นๆ และพูดว่า “อย่างแรกไปที่อาคารศิลปะป้องกันตัว เจียงซิ่ว นายอยู่นี้ก่อน”
ได้ยินครูปีศาจบอกให้พวกเขาออกไป พวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขาได้รับการรับการอภัยโทษ
เพื่อนร่วมชั้นเจียงซิ่ว นายเป็นคนดี มันน่ากลัวสำหรับนายที่จะต้องรับโทษทั้งหมด
ในพริบตา พวกเขาทั้งหลาย รวมทั้งยี่หยาง เขาวิ่งหนีออกไป ไม่มีใครอยู่ข้างหลังเขา เพื่ออยู่ร่วมกันผ่านทางนรกภูมิแห่งนี้เลย
เจียงซิ่วตำหนิ่พวกเขา ยายมันเถอะ กลุ่มเหาเหล่านี้ไม่ได้มีแม้แต่ความจงรักภักดี พวกเขากล้าที่จะละทิ้งเทพคนนี้ไป ในลักษณะเช่นนี้
ทันทีที่คนอื่นๆ เดินออกไป กู่ฉียกคิ้วระหงทรงงามของเธอขึ้น ดวงตาของเธอเหมือนนกฟีนิกซ์ที่แสดงให้เห็นถึงศักดิ์ศรี “เจียงซิ่ว นายเป็นเด็กจากตระกูลที่ต้อยต่ำ มันเป็นโอกาสที่ดี ที่นายได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงเช่น เซ็กเก้นไฮ เพื่อที่จะรับการศึกษา ทำไมนายถึงไม่ให้ความสำคัญกับมัน? ท่าทางขี้เกียจของนายจะส่งผลให้นายมีผลการศึกษาที่ต่ำลง”
เจียงซิ่วรู้สึกเบื่อหน่ายต่อการวิพากก์วิจารอย่างฉับพลันของเธอ เขาย่นคิ้วของเขา “คุณคงจะไม่ใส่ไฟเทพคนนี้มากมาย เพียงเพราะการตื่นสายครั้งนึง ใช่ไหม? คุณเข้าใจวลีนี้หรือไม่ ‘ผู้ชายไม่ใช่นักบุญ พวกเขาสามารถเป็นอิสระได้จากความผิดพลาด’?”
“คุณไม่สามารถใช้วิธีการแทงเพื่อฆ่า และฉะนั้นคุณจำเป็นต้องให้เทพคนนี้ มีโอกาสที่จะแก้ไขข้อพิดพลาด”
กู้ฉีไม่ได้คาดหวังว่าเด็กคนนี้จะไม่แสดงความเคารพต่อเธอ กลับกันเขาแม้แต่ให้เหตุผลกลับมา “นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของการที่นายหลับไป นี่เป็นปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรมของนาย นอนและโดดชั้นเรียนโดยไม่มีเหตุผลใดๆ และยังไม่แสดงความเคารพต่อครูอีก...”
เจียงซิ่วหัวเราะ “อะไรคือความสัมพันธ์ระหว่าง การไม่เคารพครูและการเรียนหนังสือ? คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรแล้ว เหตุผลที่คุณมาที่โรงเรียนนี้ โดยธรรมชาติไม่ใช่เพราะการที่เป็นคุณครู แต่เป็นเพราะตัวคุณเองต่างหากที่อยากมา”
“นาย…”
กู่ฉีกลายเป็นไร้คำพูด
เจียงซิ่วกล่าวต่อ “กลับมาที่หัวข้อหลักของพวกเรา เทพคนนี้นับถือครูกู่ฉีอย่างมาก เคารพอาจารย์จากส่วนลึกของหัวใจ” เขาทำสิ่งที่คิดอยู่จริงๆ คือการคำนับ “ถ้าครูยังไม่พอใจ ฉันรับประกันได้เลยว่าจะเคารพคุณมากกว่านี้เป็นสองเท่า!”
“หยุดคำพูดกะล่อนนี่” กู่ฉีเตือน “ฉันเคยเห็นนักเรียนที่แย่กว่านายมาก่อน”
อาการวิงเวียนหายไปด้วยคำเตือนเหล่านี้
“เทพคนนี้เป็นเด็กดีแน่นอน”
กู่ฉีสามารถรู้ได้เลยว่า เจียงซิ่วที่อยู่ต่อหน้าดวงตาเธอคนนี้ เป็นสุนัขจิ้งจอกเฒ่า ความกลัวในฐานะครูของเธอไม่มีผลต่อเขา “เจียงซิ่ว ฉันได้ยินเรื่องเมื่อวานนี้แล้ว ไม่ว่านายจะปฏิบัติกับผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักเรียนอย่างไร แต่นายจะทำให้เกิดปัญหากับตัวเอง ถ้านายยังทำแบบนี้ต่อหน้าของฉัน”
“แน่นอนว่าวันนี้ฉันก็ไม่ได้ทำอะไร!”
นี่เธอเป็นครูหรือหัวหน้าแก๊งมาเฟีย? เธอข่มขู่เขาตรงๆเลย
“มากับฉันเราจะไปที่อาคารศิลปะการต่อสู้”
กู่ฉีเดินล่วงหน้าไปก่อน และเจียงซิ่วก็เดินตามหลังเธอ สายตาของเขาโดยธรรมชาติแล้ว ก็ต้องมองไปที่ด้านหลังของเธอ เอวของกู่ฉีค่อนข้างสมส่วน ก้นของเธอมีเส้นโค้งที่สง่างามและมีขนาดที่กำลังพอดี เธอสวมรองเท้าส้นสูงสีขาวขนาดเล็ก โดยที่มีน่องขาอันสมบรูณ์แบบอยู่รอบๆ พูดอย่างง่ายๆ ก็คือเธอนั้นได้ครอบครองหุ่นของนางแบบอย่างแท้จริง
“เอาเลย! นายทำมันได้! ...”
เสียงเชียร์ได้ยินออกมาจากข้างในอาคารศิลปะการต่อสู้ ที่อยู่ห่างไปไกลลิบ วันนี้มีการแข่งขันแห่งเกียรติยศ เกียรติยศเหล่านี้มีความสำคัญสำหรับนักศึกษาศิลปะการต่อสู้ที่ถูกคัดเลือกมาเป็นพิเศษ นี่เป็นเกณฑ์เพียงหนึ่งเดียวสำหรับพวกเขา
พวกเขาเดินเข้าไปในตึกศิลปะการต่อสู้ นักเรียนทุกชั้นเรียนได้อยู่ที่นั่นแล้ว ที่นี่เป็นที่ๆครูกู่ฉีอันโหดร้ายอาศัยอยู่ เด็กมัธยมปลายปีที่ 3 พวกเขาย่อมรู้สึกกังวลใจในจากการศึกษาของพวกเขา และการได้รับวันอาทิตย์มาฟรีๆ ก็ลำบากมากเช่นเดียวกัน ถึงวันนี้พวกเขาจะว่าง แต่พวกเขาก็ถูกลากมาที่นี่เพื่อเชียร์อยู่ดี
เย่ปิงและหลิวเซียวหยิ่นโดยธรรมชาติก็ต้องอยู่ที่นี้เช่นเดียวกัน และยังอยู่แถวหน้าสุดอีกด้วย มันถูกจัดแจงไว้ที่จะให้เด็กสาวน่ารักได้นั่งอยู่ข้างหน้า เพื่อที่จะเป็นการกระตุ้นศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายในตัวเด็กผู้ชาย
“ทำให้ดีที่สุด!”
“…”
มีสัญลักษร์อยู่ที่นั้น ไม้ที่ดูพองตัวและไม้ที่เรืองแสง
“การแข่งขันเป็นไงบ้าง?”
กู่ฉีที่เดินนำอยู่ข้างหน้า เดินเข้าไปถามนักเรียนคนนึงของแผนกศิลปะการต่อสู้ด้วยใบหน้าที่ดูน่ากลัว
“เซี่ยวไฮ่(Xiaohai)กำลังทำให้ชายคนนั้นต้องยกมือยอมแพ้” นักศึกษาศิลปะการต่อสู้ตื่นเต้นมาก
การแข่งขันศิลปะการต่อสู้เป็นสิ่งเร้าใจยิ่ง พวกเขาสามารถทุบตีกันด้วยกำปั้นและใช้ขาตวัดเตะได้อย่างซื่อตรง
“ปั๊ง ปั๊ง...”
ผลของการต่อสู้รุนแรงมาก หนึ่งเคลื่อนหนีหนึ่งเคลื่อนที่ตาม ขณะที่พวกเขากำลังแลกเปลี่ยนหมัดกันไปด้วย
ด้านตรงข้าม เยาวชนในชุดกีฬาสีขาวกำลังดูการแข่งขันในสนามกีฬาอย่างจริงจัง เขาเป็นกัปตันกีฬาของเมืองเจียง ในโรงเรียนเฟริสไฮ และเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลายปีที่ 3 เขาถูกเรียกว่า ซือถูเชิง(Situ Sheng) เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโรงเรียนมัธยมของเมืองเจียง มันกล่าวได้อย่างแน่นอนว่าเขานั้นได้เข้ากองทหารเรียบร้อยแล้ว
เขามีโอกาสได้เข้าไปในกองพลมังกรประจัญบาน
ฮูว!
การชกของเซี่ยวไฮ่ตามมาด้วยเสียงอากาศที่ถูกแยกออกจากกัน มันมีพลานุภาพมาก ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตัวเอง ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะสามารถจินตนาการได้ว่า นักเรียนระดับมัธยมปลายสามารถชกได้อย่างน่ากลัวเช่นนี้ หมัดนั้นหนักแน่นและแน่วแน่ เต็มไปด้วยรากฐานอันมั่นคง
และฝ่ายตรงข้ามของเขาเองก็ดูเหมือนจะไม่ได้อ่อนข้อให้ ส่งผลให้เคลื่อนไหวนั้นดูกล้าหาญและดูมีพลังขึ้น
“เซี่ยวไฮ่น้ำหนักหมัดนั้นอยู่ที่ประมาณ43กิโลกรัม และฝ่ายตรงข้ามนั้นมีน้ำหนักประมาณ 50 กิโลกรัม หมัดคู่นั้นรุนแรงกว่าของเซี่ยวไฮ่ แต่เซี่ยวไฮ่นั้นค่อนข้างหนักแน่นมั่นคง เมื่อพละกำลังของฝ่ายตรงข้ามหมดลง เซี่ยวไฮ่จะได้รับเกียรติยศไปอย่างง่ายดาย” แผนกศิลปะการต่อสู้ได้วิเคราะห์สถานการณ์ในช่วงท้าย
“อืมม” ครูกู่ฉีพยักหน้า
หลิวเซี่ยวหยิ่นก็ได้ยินเรื่องนี้เช่นเดียวกัน เธอกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น “เราจะชนะ”
เย่ปิงเองก็รู้สึกตื่นเต้นมาก “นักเรียนเซี่ยวไฮ่ คุณสามารถทำมันได้!”
นักเรียนหญิงเริ่มดึงพลังออกมาใช้มากขึ้น
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเกียรติยศของโรงเรียน พวกเขารู้สึกตื่นเต้นโดยธรรมชาติตั้งแต่ที่รู้ว่าพวกเขากำลังจะชนะ
“เขาแพ้ไปเรียบร้อยแล้ว”
การได้ยินประโยคเชิงลบเช่นนี้ นักเรียนหญิงที่เชียร์อยู่หันกลับมาตรวจสอบ
“เจียงซิ่ว นายจะเข้าใจอะไร? นายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าศิลปะการต่อสู้คืออะไร”
เจียงซิ่วกล่าว “การโจมตีของฝ่ายตรงข้ามนั้นมีน้ำหนักมากกว่าเซี่ยวไฮ่ เขาเองก็ไม่ได้มีทักษะที่โดดเด่น ดังนั้นแล้วเขาจะเปลี่ยนสถานการณ์ได้อย่างไร? รอให้ฝ่ายตรงข้ามใช้พละกำลังของเขาจนหมด นั้นมันเป็นอะไรที่โง่และงี่เง่า”
“เซี่ยวหยิ่นอย่าไปยุ่งกับเขาเลย” เย่ปิงแทรกขึ้น “ถึงแม้ว่าเขาจะพูดว่าพวกเรากำลังจะแพ้ก็ตาม!”
พูดได้ดังนั้น เธอก็รักษาความสงบไว้ต่อหน้าเจียงซิ่ว เหมือนภูเขาน้ำแข็งที่งดงาม
“ห๊ะ…เฮ้เฮ้…”
เทพซิ่วฉุนเฉียวมากเลยทีเดียว เสียงของเธอดูเหมือนราวกับจะพูดว่า เขากำลังพยายามที่หาหัวข้อพูดคุย เพื่อสนทนากับพวกเธอ ความงดงามนับไม่ถ้วน ต้องการโยนตัวเองเข้ามาหาฉันเพื่อที่จะให้เทพคนนี้ได้เป็นเจ้าของ เธอนั้นอวดดีมากเกินไปแล้ว
“ให้อภัยเทพคนนี้สำหรับการพูดโผงผาง แต่ เซี่ยวไฮ่จะพ่ายแพ้ในอีก10หมัด”
เย่ปิงเลิกคิ้วของเธอขึ้น “อย่างน้อยก็ควรมีความหวังสำหรับเพื่อนร่วมชั้นตัวเองบ้างสิ?”
เจียงซิ่วหัวเราะเบาๆ
หมัดที่ 1!
หมัดที่ 2!
ที่3 , ที่4 , ที่5…
การแลกหมัดค่อนข้างเป็นไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันกับที่เย่ปิงพูดเสร็จ ก็มีการชกกันไปสองสามครั้งแล้ว การชกแต่ละครั้งทำให้ร่างกายของเซี่ยวไฮ่ถอยล้นออกมา เป็นการผลักดันให้เขาล่าถอยไปทีละก้าวๆ
คนๆ นั้นกระโดดไปยังข้างหน้า และชกหมัดใบยังบริเวณด้านหน้าของเซี่ยวไฮ่ เจียงซิ่วยิ้มขึ้นในขณะที่เขาเห็นสิ่งๆ นี้ มันเป็นช่วงเวลานี้แหละ!
สภาพของเซี่ยวไฮ่เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้ว ท่าทางเจ็บปวดปรากฏขึ้น เขาพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะยืนหยัดอยู่ต่อ กำปันของเขาสั่นในขณะที่เหวี่ยงมันออกไปหาศัตรู มันสมควรเป็นการท้าทายความอดทนของตัวเอง ในการที่ฝืนรับน้ำหนักหมัดที่มากกว่า50กิโลกรัม หมัดนั้นได้พุ่งผ่านแขนเขาเข้ามา เพื่อจะมุ่งต่อไปยังด้านหน้า และการชกก็ได้สิ้นสุดลงด้วยการที่หมัดนั้น ได้ปะทะลงไปที่หน้าอกของเขา ทำให้เขาต้องบินกลับมาด้วยเสียงดังปั๊ง
ไม่น้อยหรือมากไปกว่าหนึ่ง ไม่เกินจากนี้ มันคือ10หมัดอย่างสมบรูณ์แบบ
เสียงเชียร์ในที่สุดก็เงียบลง
เย่ปิงและหลิวเซี่ยวหยิ่นมองหน้ากันและกัน ความตกใจเห็นได้อย่างชัดเจน ภายในดวงตาของพวกเธอ
ติดตามข่าวสารได้ก่อนใครที่ เพจ INdy-Novel