บทที่ 13 ถูกสอดแนม
บทที่ 13
ถูกสอดแนม
แปลโดย : ราตรีสีทา
เกลาสำนวนโดย : ราตรีสีเทา
แก้คำผิดโดย : ราตรีสีเทา
(คำเรียกของถังเฉิ่นเชียนที่เรียกเจียงซิ่วว่า “นายเจียง” ขอเปลี่ยนเป็น “มิสเตอร์เจียง” อะไรประมาณนี้นะครับ ทับศัพไปเลยเพราะความหมายมันมีหลายความหมาย)
พร้อมกับเสียงที่ดังขึ้น เงาภาพออกมาอย่างช้าๆ ท่ามกลางเงามืดของตัวบ้าน ภายในเงานั้นดูแปลกแตกต่างมาก เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ภายนอก ใบหน้าของเงานั้นปราศจากความรู้สึก นัยน์ตาของเขากวาดผ่านไปทางชูวเที่ยนหนาน กวาดผ่านไปอย่างช้าๆ และไปตกลงอยู่ที่แอ่งเลือด
“เป็นแก!”
ชูวเที่ยนหนานมองเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าคนที่มานั้นคือเจียงซิ่ว และยังเป็นเด็กหนุ่มที่เขารู้สึกไม่ชอบอีกด้วย ถังเฉิ่นเชียนก็มองไปยังเจียงซิ่ว และรู้สึกค่อนข้างอึดอัด ฉันไม่ได้บอกให้อาด๊งคุมตัวเขาไว้?
เวลานั้นเองอาด๊งก็รีบไล่ตามออกมา เพื่อหยุดเขา “พ่อแก่ เขา...”
เขามึนงงกับฉากตรงหน้าที่ปรากฏในดวงตา เขารีบหุบคำที่จะพูดออกมาทันที บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยศพของทหาร บางคนก็ถูกแขวนอยู่บนต้นไม้ ในขณะที่คนอื่นๆ กระจัดกระจายอยู่บนพื้นดิน มีแม้แต่กระทั่งบนบันไดและหน้าต่าง
และชูวเที่ยนหนานเอง คนที่เขาเทิดทูนเป็นอย่างมาก และก็ผู้เชี่ยวชาญที่เขานำมาด้วย หลิวเฉิ้งจิน ทั้งคู่ต่างก็หายใจคล้ายกับคนที่กำลังใกล้ตาย นอนกองอยู่ตรงกลางของสระเลือด
พวกเขาพ่ายแพ้! มันเป็นการพ่ายแพ้แบบย่อยยับ!
“นะ นี่... ปะ เป็นไปได้อย่างไร?”
หลินเฉิ่นไบ๋ขวางเส้นทางของเจียงซิ่วด้วยกริชในมือ เลือดหยดลงไปบนพื้นเมื่อมันถูกชี้ลง เมฆสีดำปกคลุมดวงจันทร์ และท้องฟ้าก็พลันมืดลง แม้แต่ลมที่พัดมาก็ดูเหมือนจะหนาวเหน็บขึ้น
“ขออภัย”
เจียงซิ่วยกเท้าขึ้นและก้าวเท้าต่อไปข้างหน้า
มันเป็นระยะทางเพียงแค่ 1 เมตรระหว่างหลิวเฉิ้งจินกับเขา แต่ทว่าเจียงซิ่วในปัจจุบันก็ยังคงก้าวไปข้างหน้า เข้าไปใกล้กับหลินเฉิ่นไบ๋ หลินเฉิ่นไบ๋เองก็นับการย้ำเท้าแต่ละครั้งของเขาด้วยเหมือนกัน เพื่อรอโอกาสที่เหมาะสมที่จะใช้กริชของเขา
เจียงซิ่วกลายเป็นรวดเร็วขึ้นเมื่อถึงก้าวถัดไป
หลินเฉิ่นไบ๋เคร่งขรึม สายตาของเขาเพ่งไปที่ไหล่ของเจียงซิ่ว เพราะว่าไม่ว่าการเคลื่อนไหวของคนๆนั้นจะรวดเร็วแค่ไหน การเคลื่อนไหวต่อไปของพวกเขา ก็จะสามารถคาดการณ์ได้โดยการสังเกตที่ไหล่ของพวกเขา
ไหล่ขวาของเจียงซิ่วไปข้างหลังขณะที่ไหล่ซ้ายของเขาไปข้างหน้า
หลินเฉิ่นไบ๋หัวเราะเยาะ ส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาไม่ใช่ความเร็ว หรือกริชที่อยู่มือ และมันก็ไม่ใช่ร่างกายที่ยืดหยุ่นของเขาอีกเช่นกัน แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว สิ่งที่ค่อนข้างหน้ากลัวสำหรับตัวเขา ก็คือการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของศัตรูตั้งหาก และมันก็ถูกใช้เพื่อหาจุดบอดอีกด้วย ในกะทันหัน เขาเคลื่อนที่ไปทางซ้ายในเวลาเดียวกัน
แต่เขาไม่ได้คาดหวังเลยว่าตัวเองจะต้องมาตื่นตกใจกับฉากตรงหน้า เจียงซิ่วที่อยู่ใกล้กับเขาไม่ถึงครึ่งเมตร กริชได้พุ่งไปยังข้างหน้าเพื่อต้อนรับเขา แต่ในฉับพลันเจียงซิ่วโฉบมาข้างหน้าอย่างไม่ทันระวัง ถ้าเขาไม่ถอย พวกก็เขาก็จะชนกัน
หลินเฉิ่นไบ๋โกธรแต่ก็ยังคงแทงกริชไปข้างหน้า
ร่างกายของเจียงซิ่วเกิดการเคลื่อนไหวอย่างลึกลับ แต่มันก็แค่เล็กน้อยมากจนไม่มีใครสังเกตการกระทำของเขา และสำหรับหลินเฉิ่นไบ๋ ที่ใครก็ไม่รู้ ที่อยู่ในสายตาของเขานั้น มันรู้สึกราวกับว่าการเคลื่อนไหวของศัตรูตรงหน้า กำลังมุ่งมายังเป้าหมายที่เป็นจุดอ่อนของตัวเขา ราวกับว่าเขาถูกทำนายการเคลื่อนไหวไปแล้ว และฝั่งนั้นเองก็เหมือนจะเข้าใจความตั้งใจทั้งหมดของเขาอีกด้วย นั้นยังรวมไปถึงการเคลื่อนต่อไปที่เขาจะทำ ทั้งหมดนี้เหมือนจะเกิดขึ้นโดยการที่ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรมากมายนัก สิ่งนี้มันยากที่เขาจะนึกถึงเสียจริงๆ มันน่ากลัวเกินไป
ในที่สุดหลินเฉิ่นไบ๋ก็ไม่สามารถเฉือนเขาได้ และเจียงซิ่วก็ได้ผ่านเขาไปเรียบร้อยแล้ว
ดวงตาของหลินเฉิ่นไบ๋เบิกกว้างราวกับสมองของเขาถูกฟ้าฝ่าและได้กลายเป็นอะไรที่คล้ายข้าวต้ม โดยเฉพาะตอนที่เจียงซิ่วได้ไปถึงหน้าของชูวเที่ยนหนาน ตอนนั้นเขาถึงตระหนักได้ว่าเจียงซิ่วได้ก้าวผ่านแนวป้องกันของเขาไปเรียบร้อยแล้ว ในขณะนั้นเอง เขาก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ มือของเขากลายเป็นสั่น
แข็งแกร่ง! แข็งเกร่งมาก!
ช่วงเวลานี้ เขารู้สึกอยากจะหนีไปจากที่แห่งนี้ในทันที แต่เขากลับไม่กล้า สัญชาตญาณของเขาเตือนเขาว่า วินาทีที่เขาก้าวออกไป มันก็จะเป็นช่วงเวลาแห่งความตายของเขาเอง
ชูวเที่ยนหนานเองก็รู้สึกตกใจอยู่ภายในใจเชกเช่นเดียวกัน หนุ่มน้อยคนนี้ได้ก้าวผ่านแนวป้องกันที่เข้มแข็งของหลินเฉิ่นไบ๋ได้ในทันที ถ้าเขาออกมาเร็วกว่านี้ ตัวเขาก็คงจะไม่ได้รับบาดเจ็บ และมีบาดแผลมากมายอย่างเช่นตอนนี้ และอัวยวะของเขาก็อาจไม่ได้ถูกแทง ความกลัวตายทำให้เขาพยายามอย่างเต็มที่ ในขณะที่เขากำลังพยายามอย่างมากในการเปิดปากของตัวเอง “ฉัน... ขอร้อง... ดะ ได้โปรด... ชะ ช่วยฉัน”
เจียงซิ่วหัวเราะเยาะ “นายไม่ยอมรับเทพคนนี้ และก็เคยพูดด้วยนิ ว่าไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือ?”
คำเหล่านี้ได้ทิ่มแทงชูวเที่ยนหนาน
การจ้องมองของเขากลายเป็นยุ่งเหยิง และประกายความเสียใจพาดผ่านดวงตาของเขา สาปแช่งปากหมาๆของเขาด้วยการถลึงตา ชูวเที่ยนหนานคลานไปหาเจียงซิ่วด้วยความยากลำบาก “ฉันมันเป็นคนตาบอด...”
“ฉัน ฉัน... ข้อร้อง... โปรดช่วยฉัน...”
เจียงซิ่วกล่าว “เทพคนนี้ถูกล็อคอยู่ภายในห้อง 3 นาที ถ้านายสามารถทนได้อีก3นาที นายก็จะรอด”
บูมม!
ชูวเที่ยนหนานหรี่ตาอย่างมืดมน ราวกับว่าหัวใจของเขาได้ถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง มีบาดแผลมากมายในร่างกายของเขา เลือดของเขาจะต้องหมดภายในไม่กี่นาทีนี้แน่ ปล่อยให้อยู่ลำพังหลังจากผ่านไป3นาที สิ่งที่เหลืออยู่ก็คงจะเป็นซากศพของเขา
“ชะ ช่วยด้วย…”
ชูวเที่ยนหนานกระแทกมืออย่างไร้พลังลงไปที่พื้นดิน รูม่านตาของเขาขยายขึ้นด้วยความรู้สึกผิด ร่องรอยของชีวิตทั้งหมดหายไปจากภายใน
“ชะ ช่วยฉัน... เรื่องนี้.... มะ ไม่เกี่ยวกับฉัน”
หลิวเฉิ้งจินใช้ลมหายใจสุดท้ายของเขาในการพูด
“ตามที่เทพคนนี้ได้ทำสัญญา เหลือเวลาอีก2.5นาที”
“ไม่... จริง....”
หลิวเฉิ้งจินแห้งผากไปด้วยความสิ้นหวัง
“ฉันขอถามได้ไหมว่าท่านคือใคร?” หลินเฉิ่นไบ๋ถาม “ทำไมท่านต้องมาแปดเปื้อนไปกับพวกสกปรกเหล่านี้ ฉันหลินเฉิ่นไบ๋ ท่าน ได้โปรดปล่อยผ่านสำหรับเรื่องนี้ด้วย และให้ฉันได้ทำตามความเกลียดชังของฉันเถอะ”
ท่าทางของถังเฉิ่นเชียนเปลี่ยนไปเป็นวิตกกังวล หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความสำนึกผิด พลาดไปแล้วจริงๆ! ถ้าฉันสามารถมีชีวิตอยู่ต่อจากนี้ได้ แน่นอนฉันจะไม่ล่วงเกินเยาวชนลึกลับคนนี้อีก ถ้าเขาออกมาจากห้องด้วยความโกธร ชีวิตของเขาก็คงจะหายไปแล้ว ดูจากทัศนคติที่เขาใช้กับชูวเที่ยนหนานและก็หลิวเฉิ้งจิน นั้นมันก็ชัดเจนแล้ว ฉันสามารถตำหนิได้แต่ตัวเองเท่านั้น ผู้กระทำความผิดสมควรได้รับการลงโทษ เขาช่วยชีวิตของฉันไว้ และบแม้แต่กระทั่งยอมรับคำขอที่ต้องต่อสู้กับศัตรูของฉัน แต่แล้วฉันก็ได้ไปลบหลู่เกียรติของเขา นี่คือการลงโทษอย่างที่แท้จริง
“ท่าน...”
“ไสหัวไป!” เจียงซิ่วเปิดปากของเขาและพูดคำเหล่านี้อย่างไม่แยแส
ท่าทางของหลินเฉิ่นไบ๋กลายน่าเกลียด นึกถึงการเคลื่อนไหวของเจียงซิ่วเมื่อไม่นานมานี้ เขากลายเป็นสั่นสะท้าน เขาไม่กล้าพูดคำใด และก็ไม่ได้มองไปทางศัตรูเขาเองด้วยเช่นกัน ถังเฉิ่นเชียน ถอยกลับ ขาของเขาแทบจะเหมือนเยลลี่(อ่อนยวบ) ทำให้เขาดูน่าสงสาร
“ฮูว!”
ถังเฉิ่นเชียนผ่อนคลายลมหายใจ ในตอนนี้เขาเกือบจะสำลักออกมา
คนขับรถอาด๊ง เทียบดูแล้วรู้สึกเหมือนกำลังกลายเป็นคนโง่ หลินเฉิ่นไบ๋ที่ฆ่าชูวเที่ยนหนานและหลิวเฉิ้งจินได้อย่างง่ายดาย แต่เขากลัวเหมือนคนขลาดเขลาด้วยประโยคเดียวของเจียงซิ่ว?
เช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าเจียงซิ่วนั้นแข็งแกร่งกว่าชูวเที่ยนหนานหรอกหรือ?!
ปะ เป็นไปได้อย่างไร?
ท่าทางขวัญผวาของหลินเฉิ่นไบ๋ก็เพียงพอที่จะอธิบายต่อทุกสิ่งแล้ว
ถังเฉิ่นเชียนก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว “มิสเตอร์เจียง คำพูดไม่กี่คำคงไม่เพียงพอต่อการขอบคุณของฉันจริงๆ ฉัน ถังเฉิ่นเชียน ไม่เคยลืมที่จะตอบแทนบุญคุญ เป็นอย่างไรที่จะรับรางวัลเหมือนผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้? มันเป็นจำนวน10ล้าน!”
ในปีปัจจุบัน 2008 จำนวน10ล้านเป็นราคาที่ค่อนข้างมาก แม้แต่วิลล่าของครอบครัวเย่ปิงก็อยู่ที่ราคา2-3ล้าน มันเพียงพอต่อการซื้อ 20-30 ยูนิต ในโกลเด้นโซนของเมืองเจียง
“ถ้ามิสเตอร์เจียงยังไม่พอใจสำหรับเรื่องนี้ เราสามารถเพิ่มมันขึ้นได้อีก!”
เจียงซิ่วยังคงสงบนิ่ง และเคลื่อนไหวไปหาถังเฉิ่นเชียน เขาหยิบขึ้นมีดจากพื้นดินในระหว่าง ถังเฉิ่นเชียนไม่ทราบถึงสิ่งที่เขารจะทำ จึงทำได้เพียงแต่เฝ้าดูเขา เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งภายในใจของเขา
“เทพคนนี้ไม่ได้ต้องการ10ล้าน แต่ฉันต้องการ...”
“อ๊ากก!”
ถังเฉิ่นเชียนกรีดร้องออกมากะทันหัน มันคล้ายกับหมูที่ถูกเฉือด มือข้างซ้ายของเขาบินออกไปและเลือดไหลพุ่งออกมาเหมือนบ่อน้ำพุ
“พ่อแก่!” อาด๊งตกใจอย่างสุดซึ้ง
การจ้องมองของเขาต่อเจียงซิ่วนั้น เต็มไปด้วยความกลัวและความตื่นตระหนก กล้ามเนื้อบนใบหน้าของถังเฉิ่นเชียนนั้นกระตุกอย่างเจ็บปวด เหงื่อเย็นๆ เปียกโชกทั่วร่างกายของเขา
เจียงซิ่วโยนมีดออกไป และหันไปรอบๆ ก่อนจะจากไป
“เดินทางอย่างปลอดภัย มิสเตอร์เจียง!”
หลังจากที่เจียงซิ่วหายตัวไปจากสายตาของเขา ถังเฉิ่นเชียนไม่สามารถทนได้อีกต่อไป และล้มลงไปกับพื้น อาด๊งรีบไปประคองเขาในทันที “พ่อแก่ มันไม่เป็นไร... หมอ หมอ...”
ถังเฉิ่นเชียนกล่าว “อาด๊ง จำไว้อย่างหนึ่ง มือของฉันถูกสับโดยหลินเฉิ่นไบ๋ ไม่ใช่เจียงซิ่ว”
“แต่ทำไม? เห็นได้ชัดว่ามันเป็น...”
ถังเฉิ่นเชียน “ฉันกลัวว่าพวกเขาจะไม่สามารถแยกแยะระหว่างความถูกต้อง และความผิดของเรื่องนี้ได้ มิสเตอร์เจียงได้กรุณาอย่างยิ่งในเรื่องนี้แล้ว”
“หึม! ฉันจะจำมันไว้!”
เมื่อถึงเวลาที่เจียงซิ่วกลับมายังหอพัก ดวงจันทร์ก็ถูกบดบังไปด้วยหมอกพร้อมกับท้องฟ้าที่สดใส เขานอนลงบนเตียงและหลับ
ภายในหมอกควัน ใครบางคนใช้มือผลักมายังไหล่ของเขา “ตื่นได้แล้ว!”
เจียงซิ่วเปิดดวงตาของตน ฉากมือครึ้มจางลง ก่อนที่ดวงตาของเขาจะชัดเจนขึ้น มันเป็นใบหน้าที่สวยงาม ผมยาวมีระเบียบ และมีมวยผมเป็นก้อนอยู่ที่ด้านบน ขนคิ้วทั้งสองที่เหมือนใบไม้วิลโวล์ เผยให้เห็นถึงจิตวิญญาณอันกล้าหาญ ที่ไม่ค่อยได้เห็นในตัวสตรี คู่ดวงตากลมใหญ่ที่มองมา กระจางใสดุจน้ำในทะเลสาบที่เงียบสงบ ความสดใสที่ดูเต็มไปด้วยเหตุผลและภูมิปัญญา เธอมีจมูกที่ราวกับถูกสร้างมาจากสวรรค์ และได้คู่กับริมฝีปากที่ดูเซ็กซี่ของเธอ
สิ่งที่สวยงามเบิกตาของเธอออกด้วยความตำหนิที่มีต่อเขา “เกิดอะไรขึ้นกับนาย? มันเป็นเวลา 9โมงแล้ว และนายก็ยังคงนอนอยู่ในหอพัก นายไม่ได้อยากเข้าชั้นเรียน?”
เจียงซิ่วรู้สึกเหนื่อยมาก “เธอหน้าหนามาก ที่กล้ารบกวนการนอนของเทพคนนี้”
สิ่งที่งดงามย่นจมูกของเธอลงด้วยความโกธร เธอไม่เคยเห็นนักเรียนประเภทนี้มาก่อน เธอกัดริมฝีปากและคว้าไปยังเตียง และยกมันขึ้น “ตื่นได้แล้ว!”
อ๊าห์ เธอกล้าหญาถึงกับขั้นที่ดึงผ้าหม่ของนักเรียนชายออก
ในวินาทีถัดไป ครูที่สวยงามหันหลังกลับทันที มันเป็นช่วงเช้า และมันเป็นช่วงที่วัยรุ่นกำลังผ่านวัยแรกรุ่น ดังนั้นสิ่งที่เห็นได้ประจำของเด็กชายก็ผงาดขึ้นสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ทันที ใบหน้าของครูคนสวยกลายเป็นสีแดง เธอพูดออกด้วยความไม่ชอบใจ “เร็ว สวมเสื้อผ้าของนายและออกมา”
“เทพคนนี้...”
เจียงซิ่วกำลังจะพลิกกลับ แต่แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเขาได้กลับมายังบ้านเกิดของเขาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขากำลังเปลือยเปล่าอยู่ เขาก้มลงมอง เทพซิ่วกลายเป็นอึดอัดใจ และในทันทีเขาใช้ผ้าห่มเพื่อปกปิดตัวเอง
เธอกล้าสอดแนมความลับของเทพนี้! เธอจะต้องตาย!
ติดตามข่าวสารได้ก่อนใครที่ เพจ INdy-Novel