ตอนที่ 152 แปลกประหลาด
วิญญาณคือหัวใจหลักที่ทำให้มนุษย์มีชีวิตได้ และเมื่อสัมผัสสวรรค์ถูกทำลาย สิ่งที่เหลืออยู่จะมีเพียงร่างกายเปลือกนอก
เมื่อสักครู่ หลิงฮันเกือบจะก้าวผ่านประตูนรกเข้าไปเสียแล้ว
‘ความสงสัยจะทำให้แมวเสียชีวิต!’ หลิงฮันส่ายหัว ถ้าในร่างของเขาไม่มีสัตว์ประหลาดอาศัยอยู่เหมือนกัน เขาคงตกอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้ไปแล้ว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสมุนไพรระดับพระเจ้าได้กระตุ้น‘พลัง’บางอย่างของฮูหนิวที่ควรจะปรากฏในอีกสี่หรือห้าปีข้างหน้าให้ตื่นขึ้นมา
ถึงจะอย่างนั้นความรู้สึกแปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของหลิงฮัน นั่นเพราะพลังที่หลิงฮันรู้สึกได้จากรากฐานวิญญาณหญิงสาวที่อยู่ในร่างของฮูหนิวนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าจอมยุทธระดับสวรรค์ทุกๆคน! ในชีวิตที่แล้ว จักรพรรดิดาบและสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์คือตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่จอมยุทธระดับสวรรค์ แต่ทั้งสองคนก็ยังไม่เคยทำให้เขารู้สึกกดดันเช่นนี้มาก่อน
เขารู้ตัวดีว่าถึงแม้เขาจะได้รับพลังระดับสวรรค์คืนมา เขาก็คงไม่สามารถต่อต้านจิตสังหารของสตรีนิทราที่งดงามคนนั้นได้ และร่างของเขาคงจะแหลกสลายเหมือนกับตอนที่โดนคลื่นกระแทกจากหอคอยทมิฬในชีวิตที่แล้ว
นี่ไม่ใช่พลังที่เป็นของดินแดนมนุษย์!
เมื่อเขาคิดเรื่องนี้ขึ้นมา ไม่ใช่ว่าเขากับนางคล้ายคลึงกันหรอกรึ?
ให้ตายเถอะ!
หลิงฮันใช้มือกุมหน้าผาก ชีวิตนี้มันจะแปลกประหลาดเกินไปแล้ว! เขาเพิ่งจะเห็นซากศพของจอมยุทธระดับทลายมิติที่เขาสงสัยว่าอาจจะเสียชีวิตจากการต่อสู้กับจอมยุทธระดับสวรรค์นับไม่ถ้วน เขาเพิ่งจะเห็นอาวุธวิญญารระดับเก้าจำนวนมากลอยออกไปจากลำธารใต้พิภพ และยังมีการปรากฏตัวขึ้นของสมุนไพรระดับพระเจ้ากับจิตวิญญาณเปลวเพลิงอีก
และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าภายในร่างกายของฮูหนิวจะมีบางสิ่งที่อยู่เหนือระดับสวรรค์อยู่ ในขณะที่ตัวเขาเองก็มีหอคอยทมิฬที่ทรงพลังสิงสถิตอยู่ในร่างกายเช่นกัน
มันดูราวกับว่าระดับดับทลายมิตินั้นกลายเป็นสิ่งที่บรรลุได้อย่างง่ายดาย...
แน่นอนว่าฮูหนิวไม่สามารถอดทนนั่งอยู่เฉยๆได้นาน นางบ่มเพาะพลังไปได้นิดเดียวก็ต้องหยุด และเมื่อนางเห็นว่าหลิงฮันกำลังจ้องมองมาที่นาง นางก็ยิ้มกว้างและกระโดดใส่อ้อมแขนหลิงฮัน นางลูบท้องของนางและพูด “หิว!”
ใช่แล้ว เด็กสาวคนนี้ไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว
“จงบ่มเพาะพลังอย่างว่าง่ายซะ แล้วข้าจะไปทำอาหารมาให้ ถ้าเจ้าไม่บ่มเพาะพลังเจ้าก็จะไม่ได้กินเนื้อ” หลิงฮันตั้งเงื่อนไขขึ้นมา
“บู่” ฮูหนิวทำแก้มป่องอย่างไม่พอใจ นางไม่ชอบบ่มเพาะพลัง มันไม่น่าสนใจและน่าเบื่อเกินไป
หลิงฮันเดินไปห้องครัวเพื่อทำอาหาร ในเมื่อจอมตะกละกลับมาแล้ว อาหารที่สะสมเอาไว้จนราวกับเป็นภูเขาลูกเล็กๆคงจะหมดภายในเวลาไม่กี่วัน เขาเดาว่าความอยากอาหารของฮูหนิวคงจะเพิ่มขึ้นหลังจากที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงเป็นแน่
ถึงแม้เขาจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ความอยากอาหารที่เพิ่มขึ้นของฮูหนิวก็ยังทำให้เขาหวาดกลัวอยู่ดี
ความอยากอาหารของนาง... เพิ่มขึ้นมาเกินกว่าสองเท่า!
“โชคดีที่ตอนนี้ข้ามีเงินแล้ว และสามารถใช้ประโยชน์จากความมีน้ำใจขององค์ชายสามได้ ไม่เช่นนั้นข้าคงจะไม่สามารถหาอาหารมาเลี้ยงเด็กสาวคนนี้ได้แน่ๆ” หลิงฮันพูดและส่ายหัว
ในขณะที่พวกเรากำลังอยู่ระหว่างทานอาหาร พี่น้องลิ่วก็ตื่นขึ้นมา เมื่อพวกนางมาถึงห้องครัว พวกนางตกตะลึงจนใบหน้ากระตุกไปมา
นั่นใช่เด็กสาวจริงๆรึ?
เมื่อฮูหนิวมองเห็นหญิงสาวทั้งสอง ฮูหนิวขยับตัวทำท่าทางเหมือนกับกำลังปกป้องอาหารของนาง ดวงตาของนางจ้องมองอย่างดุร้ายไปยังหญิงสาวทั้งสอง เสียงคำรามต่ำได้ดังออกมาจากลำคอของนาง และท่าทางอันดุร้ายของนางกำลังสื่อออกมาว่า ‘ถ้าพวกเจ้ากล้ายื่นมือออกมา ข้าจะขย้ำหัวของพวกเจ้าซะ’
“เจ้าวายร้าย เจ้าเป็นจอมลามกจริงๆด้วย!” ใบหน้าของลิ่วลู่เอ๋อกลายเป็นซีดเผือด เด็กสาวที่อาศัยอยู่ในบ้านของชายหนุ่ม เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่อย่างเห็นได้ชัด
“ข้าไม่ใช่คนลามก ข้าเป็นเพียงวายร้าย” หลิงฮันพูดโดยดัดแปลงคำพูดติดตัวของกู้เฟิ้งฮวา
“เด็กน้อย รีบมาทางนี้เร็ว พวกเราจะปกป้องเจ้าเอง!” ลิ่วลู่เอ๋อกวักมือไปทางฮูหนิว อย่างไรก็ตาม ในสายตาของฮูหนิว การกวักมือแบบนั้นคือการท้าทาย เด็กสาวกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะในทันที นางใช้แขนขายันโต๊ะเอาไว้และพร้อมที่จะลงมือได้ทุกเวลา
“เอาน่า อย่าไปทะเลาะกับคนโง่เขลาเช่นนั้นเลย” หลิงฮันอุ้มฮูหนิวและป้อนเนื้อใส่ปากเด็กสาว ทำให้เด็กสาวกลายเป็นมีความสุขและเริ่มเคี้ยวเนื้อในปากทันที
“เจ้าเรียกใครว่าโง่เขลา?” ลิ่วลู่เอ๋อถามขึ้นมาอย่างไม่ยอมรับคำที่หลิงฮันใช้เรียกนาง
หลิงฮันหัวเราะและพูด “พวกเจ้าทั้งสองฟื้นฟูบาดแผลในบ้านของข้ามันหลายวันแล้วสินะ? ไม่ใช่ว่ามันถึงเวลาที่พวกเจ้าต้องจ่ายค่าเช่าแล้วรึไง?”
“ฮึ เจ้าต้องการเงิน?” ลิ่วลู่เอ๋อพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก “เจ้าต้องการเท่าไหร่?”
“งั้นข้าจะขอเก็บจำนวนเท่านี้ต่อคนแล้วกัน” หลิงฮันชูหนึ่งนิ้วขึ้นมา
“หนึ่งล้านเหรียญ?” ลิ่วลู่เอ๋อเค้นเสียงดูถูก “ตกลง! อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้ารับเงินพวกเราไป พวกเราจะกลายเป็นผู้ว่าจ้างของเจ้า และพวกเรามีสิทธิที่จะออกคำสั่งกับเจ้า!”
“ชิ หนึ่งล้านเหรียญ?” หลิงฮันส่ายหัว “เจ้าต้องเข้าใจด้วยล่ะว่าถ้าข้าไม่ยื่นมือเข้าช่วย พวกเจ้าทั้งสองจะต้องตายแน่นอน และตอนนี้พวกเรากำลังพูดคุยกันถึงราคาในการขายตัวของเจ้าอยู่ เจ้าคิดว่าแค่หนึ่งล้านเหรียญมันเหมาะสมรึ?”
“ขายตัวพวกเรา? ขายตัวเจ้าน่ะสิ!” ลิ่วลู่เอ๋อสีหน้าซีดเผือดแต่ก็พูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “งั้นเจ้าต้องการเท่าไหร่ สิบล้าน? ยี่สิบล้าน?” แม้แต่ตัวนางก็ยังต้องตกตะลึงในขณะที่พูดว่าสิบล้าน
ไม่ใช่ว่าพวกนางไม่สามารถหาเงินจำนวนนี้มาได้ แต่เป็นเพราะนางเพิ่งจะเริ่มทำงานนักฆ่า นางจึงไม่มีเงินเก็บอยู่มากเท่าไหร่
“ผิดแล้ว สาวงามเช่นเจ้าควรจะมีราคาอยู่ที่หนึ่งร้อยล้าน ไม่ต้องถ่อมตัวหรอก ทำไมข้าไม่ลองส่งพวกเจ้าทั้งสองไปยังศาลาบุปผางามและถามพวกเขาว่าสาวงามระดับก่อเกิดธาตุเช่นพวกเจ้าจะมีราคาเท่าไหร่ล่ะ?” หลิงฮันดูท่าทางเอาจริงอย่างมาก
ลิ่วลู่เอ๋อกระพริบตา นางรู้สึกว่าทั้งการยอมรับและไม่ยอมรับคำพูดของหลิงฮันไม่ใช่ทางเลือกที่ดี
ถ้านางยอมรับ นางจะไปหาเงินจำนวนมากขนาดนั้นมาจากไหน? ถ้านางไม่ยอมรับ นั่นก็ไม่ได้หมายความว่านางลดค่าตัวเองให้ต่ำลงหรอกรึ?
นางไม่รู้จะทำยังไง และกลายเป็นตะกุกตะกักจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
“พี่ชายหลิง อย่ารังแกน้องสาวข้ามากนักสิ” ลิ่วเฟิงเอ๋อยิ้มจางๆ
“เจ้าวายร้าย เจ้าบังอาจล้อเล่นกับข้า!” ในที่สุดลิ่วลู่เอ๋อก็ตอบสนอง สีหน้าอันเกรี้ยวกราดปรากฏอยู่บนใบหน้าของนาง
“เด็กโง่” หลิงฮันส่ายหัว “ถ้าเจ้าอยากจะอยู่ที่นี่ เจ้าก็ต้องทำตามกฎของข้า การทำอะไรอย่างเช่นเข้าห้องโดยไม่เคาะประตูก่อนคือสิ่งที่คนไม่ดีเขาทำกัน”
ลิ่วลู่เอ๋อรู้ว่าหลิงฮันกำลังพูดถึงเรื่องที่นางบังเอิญแอบมองเขาอาบน้ำเมื่อคืนก่อน นางจึงอดที่จะรู้สึกเขินอายไม่ได้ นางทำแก้มป่อง นางไม่ใช่คนไม่ดีซักหน่อย ใครจะไปเดาได้ล่ะว่าจะมีคนอาบน้ำในห้องครัวตอนกลางดึก?
“ในอนาคต การเตรียมอาหารจะเป็นหน้าที่ของเจ้า” หลิงฮันพูด
หลังจากที่เขาบอกฮูหนิวว่าอย่าไปมีเรื่องกับสองสาว เขาบอกนางด้วยเช่นกันว่าให้บ่มเพาะพลังอย่างเชื่อฟัง ในตอนแรกเขาคิดจะไปหาม่อเกา แต่เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าม่อเกาน่าจะกำลังเก็บตัวบ่มเพาะพลังเพื่อทะลวงผ่านระดับก่อเกิดธาตุอยู่ เขาจึงทำได้เพียงล้มเลิกความคิดที่จะไปหาอีกฝ่าย
หลิงฮันเปลี่ยนไปบ่มเพาะพลังในสถานที่ห่างไหลเพื่อหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้เด็กสาว ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะต้องต่อสู้แย่งชิงพลังวิญญาณในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งจะเป็นการทำให้รากฐานวิญญาณของพวกเขาแสดงความสามารถออกมาได้ไม่เต็มที่
หลังจากบ่มเพาะพลังไปได้ครึ่งวัน หลิงฮันก็ยิ้มขึ้นมาอย่าพึงพอใจ อีกประมาณห้าหรือหกวันเขาจะสามารถทะลวงขั้นต่อไปได้ และหลังจากนั้นอีกไม่นาน เขาจะสามารถสร้างความตกตะลึงครั้งใหญ่ให้กับเฟิงหยางได้
ในช่วงบ่าย หลิวอู๋ตงกับหลีซื่อฉางได้มาถึงที่พักของเขาพร้อมกับนำข่าวใหญ่มาด้วย