บทที่ 23 ตอบแทนบุญคุณ 3 (2) [อ่านฟรี]
บทที่ 23 ตอบแทนบุญคุณ 3 (2)
“นั่นคือเหตุผลที่ข้าตัดสินใจบอกท่านในวันนี้”
“โอ้..จริงเหรอ? ข้าไม่รู้มาก่อนว่ารอนเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก”
เชวฮันเอ่ยถามคาร์ลอีกครั้งหลังจากได้ยินคำตอบที่แสนใจเย็นแบบนั้นของคาร์ล
“ทำไมท่านยังให้เขาอยู่ข้างกายท่าน? ทั้งที่เขาดูเป็นคนชั่วร้ายเช่นนั้น?”
คาร์ลพ่นลมออกทางจมูกเบาๆกับคำพูดที่ได้ยินจากเชวฮัน เขาจะเก็บรอนไว้ข้างตัวงั้นเหรอ?เขากำลังวางแผนที่จะส่งรอนไปให้เชวฮันเมื่อตอนที่ไปถึงเมืองหลวงต่างหากเล่า
“ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหรือรอน”
“อะไรนะ?”
“เจ้าบอกว่ารอนเป็นอันตรายแต่เจ้าก็ยังออกไปกับเขาเพียงลำพังไม่ใช่เหรอ?”
“นั่นเป็นเพราะ..........” เชวฮันไม่สามารถพูดอะไรต่อไปได้
“นั่นเป็นเพราะเขาไม่ทำอะไรเจ้า”
เชวฮันไม่สามารถหาคำโต้แย้งกับคำพูดของคาร์ลได้ มันมีเพียงความเข้าใจผิดกันจนเกิดการต่อสู้เล็กน้อยและหลังจากนั้นรอนก็ช่วยเขาหาดาบที่เหมาะสมกับตนเองหรือแม้กระทั่งช่วยดูแลปัญหาต่างๆของหมู่บ้านแฮร์ริสให้
คาร์ลเงียบไปชั่วครู่เมื่อลอบสังเกตเชวฮัน
ไม่ใช่เฉพาะเชวฮันเท่านั้น รอนไม่เคยทำร้ายอะไรให้ใครสิ่งเดียวที่รอนทำคือการทำน้ำมะนาวให้คาร์ลทุกครั้งที่มีโอกาสมันเป็นการกลั่นแกล้งเล็กๆที่เขาทำให้แก่คาร์ลรวมถึงซุปเนื้อกระต่ายนั่นด้วย แต่มันก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเลย
“รอนรับใช้ข้ามา 18 ปีแล้ว”
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นรอนก็พยายามที่จะซ่อนตัวตนที่แท้จริงของตนและทุ่มเทกับการแสดงเป็นคนใช้ แม้แต่รองหัวหน้าองครักษ์ก็ไม่รู้สึกโกรธที่เขาเป็นผู้ยืนอยู่เคียงข้างคาร์ลหรือแม้แต่ฮันส์ก็ไม่โกรธที่เขามาทำหน้าที่แทนเขา เป็นเพราะรอนเป็นคนมีฝีมือและเป็นที่ชื่นชอบของคนในคฤหาสน์เฮนิตัส
“เจ้าเกลียดรอนงั้นหรือ?”
เชวฮันตกใจไปชั่วขณะก่อนส่ายศีรษะหลังจากหยุดชะงักไปครู่ใหญ่
“ไม่...”
“ถ้าเช่นนั้น.................”
“ข้าแค่คิดว่ามันจะดีกับท่านหากรู้ว่าเขาเป็นคนอันตรายจึงตัดสินใจบอกท่านในวันนี้”
“ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหรือรอน”
เชวฮันมองคาร์ลหลังจากที่ได้ยินประโยคนั้น
“เจ้าทั้งสองเหมือนกันกับข้าในแง่ของการเป็นคนที่อันตราย”
คาร์ลมองไปที่เชวฮันด้วยท่าทางอดทนและพูดต่อไป
“เจ้าเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก”
“อ่า......”
เชวฮันชะงักค้างอีกครั้งแต่คาร์ลไม่รู้ถึงปฏิกิริยานี้เพราะเขาหันกลังให้กับเชวฮันแต่เขาก็พูดต่อทันที
“และทั้งหมดนั้นมันเป็นเหมือนกับข้า”
เขาไม่รู้เหตุผลของรอนมากนัก แต่รอนคนที่มาจากดินแดนตะวันออกมาอาศัยหลบซ่อนตัวตนในอาณาเขต เฮนิตัส หากเขาคิดที่จะแตะต้องลูกชายของทานเคานต์เช่นเขา มันก็เป็นเรื่องราวใหญ่โตแพร่กระจายไปทั่วอาณาเขตเป็นแน่
รอนเป็นคนไม่สนใจสิ่งใดหรือคนอื่นนอกจากบุตรชายและตัวเขาเอง แล้วคนเช่นนี้จะชอบทำเรื่องที่มันวุ่นวายขึ้นอย่างนั้นหรือ? คาร์ลกลัวแต่ว่าหากชายแก่คนนี้รู้ว่าเขารู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาจึงต้องวางแผนหาทางกำจัดชายชราคนนี้ออกไปให้ไวที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อให้เขาสามารถมีชีวิตได้อย่างสงบสุข
“ตราบใดที่เขาเป็นพ่อบ้านของข้า...เขาก็ยังคงเป็นพ่อบ้านของข้าเหมือนเดิม...เช่นเดียวกับเจ้า!เชวฮัน....เจ้าก็ยังคงเป็นคนที่ต้องจ่ายเงินใช้คืนข้าเช่นเดิม”
คาร์ลก้มดูนาฬิกาเพื่อตรวจสอบเวลาดูอีกครั้ง ความแรงลมในถ้ำจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับช่วงเวลาในแต่ละวัน และเขาต้องรีบแล้วในตอนนี้
“หากเจ้าไม่มีอะไรจะพูดแล้วจงรออยู่ที่นี่....ไม่ต้องตามข้ามา”
เชวฮันพยักหน้าตอบรับอย่างเงียบๆ
คาร์ลไม่ได้มองย้อนกลับมาเมื่อเขามุ่งมั่นที่จะเดินต่อไปยังภูเขาลูกเล็กด้านหน้า หลังจากแน่ใจว่าเขามองไม่เห็นคาร์ลแล้วเขาก็หันกลับไปมองที่ต้นไม้ข้างทางขึ้นเขาและเริ่มพูด
“ท่านได้ยินที่เขาพูดหรือไม่?”
รอนกระโดดลงจากต้นไม่ด้วยความนุ่มนวล เขาจ้องมองที่เชวฮันพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ น้ำเสียงที่ราบเรียบค่อยๆไหลออกมาจากปากรอน
“ข้าเป็นคนเปลี่ยนผ้าอ้อมและก็เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็กๆ”
มันคือความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้
เชวฮันยืนอยู่ด้านหน้าของเส้นทางที่ตรงไปยังภูเขาลูกเล็กนั้นและเริ่มพูดออกมาช้าๆแต่หนักแน่น
“ท่านคาร์ลไม่ให้ใครติดตามเขาเข้าไป”
“ข้ารู้...เจ้าตัวอันตรายเอ๋ย”
รอนหันหลังให้กับภูเขาโดยไม่มีความลังเลหรือเสียใจใดๆ เมื่อเขาได้ยินว่าคาร์ลจะออกมากับเชวฮันเพียงลำพังโดยทิ้งลูกแมวทั้งสองไว้ด้วยเขาก็ตัดสินใจตามมาทันทีหากมีอะไรเกิดขึ้น
“ข้าไม่ควรตามมาจริงๆ”
มีคนเคยกล่าวว่า...คุณจะได้รับความไม่แน่นอนในชีวิตเมื่อคุณอายุมากขึ้นและความไม่แน่นอนนี้มักทำให้เจ็บปวดเสมอ รอนเดินกลับไปยังโรงแรมด้วยก้าวที่ช้าลงกว่าตอนที่ออกมา
เชวฮันยืนมองดูรอนหายลับไปจากสายตาก่อนจะนั่งลงบนก้อนหินขนาดใหญ่เพื่อรอคาร์ลกลับมา
คาร์ลกำลังยืนอยู่หน้าถ้ำที่อยู่นอกเส้นทางไปยังภูเขาไม่ไกลนัก ปากทางเข้าถ้ำถูกปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์จนไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้ยกเว้นว่าจะมองหามันอย่างระมัดระวัง
“ให้ตายสิ...” คาร์ลเริ่มมีอารมณ์หงุดหงิด
ทางเข้าถ้ำมีขนาดเล็กมาก เขาก้มลงมองไปที่เสื้อผ้าของตนวันนี้เขาสวมชุดที่ดูเรียบง่ายที่สุดแต่มันก็ยังดูเทอะทะไม่สะดวกอยู่ดี
“เฮ้อ....”คาร์ลถอนหายใจยาวก่อนที่จะคลานเข้าไปในถ้ำไม่ว่าจะเป็นต้นไม้กินคนหรือถ้ำนี้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณมันมักจะมีแต่เรื่องบ้าๆเสมอ พื้นดินทางเข้าถ้ำในตอนนี้มีแต่ร่องรอยของคาร์ลที่กำลังคลานเข้าไปช้าๆ
และในเวลาต่อมาไม่นานรอยเท้าเล็กๆของสัตว์ขนาดหนึ่งเมตรก็ปรากฏขึ้นตรงจุดเดียวกับร่องรอยของคาร์ล
คาร์ลเริ่มเห็นถ้ำที่กว้างมากกว่าเดิมหลังจากที่คลานเข้ามาแล้วประมาณ 5 นาที
‘เทย์เลอร์คงรู้สึกหมดหวังจริงๆสินะ เขาถึงต้องคลานเข้ามาในถ้ำนี้ในสภาพร่างกายแบบนั้นได้’
เพราะจะต้องเป็นคนที่ต้องเดินทางมาหาหอคอยศิลาด้วยตนเองเท่านั้นจึงทำให้บุตรชายคนโตของมาร์ควิสสแตนต้องเดินทางมาที่นี่ด้วยตนเอง คาร์ลใช้เวลาในการเข้ามาถึงที่นี่ในเวลา 5 นาทีและแน่นอนว่าเทย์เลอร์จะต้องใช้เวลากับมันมากกว่าเขาหลายเท่านัก
คาร์ลลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่ามันกว้างพอที่จะเดินเข้าไปได้และเริ่มเดินเข้าไปกับระยะทางที่ไกลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน ก่อนจะได้ยินเสียงที่ดังเข้ามาให้ได้ยินชัดเจนมากขึ้น
ฟิ้ว วิ้ว วิ้วว วิ้ว~~
มันคือเสียงลม เป็นเสียงของลมจากหลายทิศทางมากระทบกันกลายเป็นเสียงที่ดังขึ้นภายในถ้ำแห่งนี้และเขายังคงเดินเข้าไปเรื่อยๆ จนมาถึงจุดที่มีเศษเสื้อผ้าและเสาตั้งอยู่ดูเหมือนมันจะเป็นที่ตั้งของกระท่อมเมื่อนานมาแล้ว หลังจากมองเพียงครั้งเดียวเขาก็ก้าวเดินต่อไปเป็นระยะทางที่ลึกเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
ฟิ้ว วิ้ว วิ้วว วิ้ว~~
เสียงลมเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น
บู๊ม บู๊ม
เขายังคงได้ยินเสียงลมปะทะกับผนังถ้ำจนดูคล้ายกับกำปั้นยักษ์ที่กำลังต่อยผนังถ้ำอยู่ในตอนนี้และมันทำให้เขาต้องก้าวเท้ายาวขึ้นและรวดเร็วเป็นเท่าตัว
‘...ลม...ฉันอยากรู้ว่ามันจะยังมีเสียงแบบนี้ไหมหากฉันได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ ‘เสียงเรียกของวายุ’ในภายหลัง’
‘โล่นิรันดร์กาล การฟื้นคืนและความเร็วของสองเท้า’ นั่นคือแผนการของคาร์ลในวันนี้ ในที่สุดเขาก็ต้องหยุดเดินต่อเมื่อเจอกับพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่เขาต้องการมัน
ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะหยุดเดินแต่เขาถูกบังคับให้หยุดต่างหาก
“โห.................” นี่มันแย่กว่าที่คิดไว้อีก
มีหลุมใต้ดินขนาดใหญ่อยู่ไม่ไกลจากคาร์ลมากนัก ในขณะเดียวกันก็มีพายุเฮอร์ริเคนพัดกระหน่ำครอบคลุมบริเวณนี้ไปหมด
บูมบูม!
หินขนาดเล็กและใหญ่จากบนผนังถ้ำค่อยๆร่วงลงกระทบพื้นช้าๆแต่มีก้อนหินอยู่บนพื้นเพียงเล็กน้อยทำให้คาร์ลทราบว่าหลุมเริ่มขยายใหญ่ขึ้นแล้ว
คาร์ลมองไปมาระหว่างหลุมขนาดใหญ่กับเส้นทางที่ตนเดินเข้ามา เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาอาจถูกผลักกลับจากลมที่รุนแรงนั้นหากเขาเข้าไปในใจกลางพายุนั้น...ไม่สิ...น่าจะผลักเขาไปอัดกับผนังถ้ำมากกว่าและมันอาจทำให้เขาได้รับบาดเจ็บรุนแรงได้
‘พายุนั่นมันแรงแค่ไหนนะ?’
“อืม.....”
แน่นอนว่าจุดศูนย์กลางของพายุที่กำลังหมุนอยู่ในตอนนี้ที่จะสงบลงได้ก็คือตาของพายุ (1)
‘ถ้าจะให้เดามันคงเป็นเรื่องยากสำหรับเทย์เลอร์หากไม่ได้การช่วยเหลือจากเคจ’
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมนิยายเรื่องนี้จึงกล่าวว่าทั้งสองคนพยายามต่อสู้กับมันทั้งสัปดาห์ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นคาร์ลก็สามารถยิ้มออกมาได้และตอนนี้กำลังจะมีการต่อสู้กับเวลาเริ่มขึ้นแล้ว
คาร์ลก้าวเข้าไปในหลุมที่กำลังมีพายุเฮอร์ริเคนโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งโดยไม่มีความลังเลใดๆ ผมสีแดงของคาร์ลเริ่มพัดกระพือรวมถึงเสื้อผ้าของเขาด้วย
ขณะนั้นเอง
“ไม่นะ! เจ้าจะได้รับบาดเจ็บ! เจ้ามันอ่อนแอมาก!”
มังกรดำปรากฏตัวขึ้นจากเส้นทางที่คาร์ลใช้เข้ามาก่อนจะตะโกนอย่างเร่งรีบ
ก่อนที่......................
“.......ฮะ?”
มังกรดำสามารถมองเห็นโล่ขนาดใหญ่ที่มีปีกสีเงินประดับไว้ทั้งสองข้างและกำลังโอบรอบคาร์ลไว้
ปีกที่ส่องแสงสว่างจนอาจเรียกได้ว่าแสงแห่งความศักดิ์สิทธิ์ล้อมรอบคาร์ลไว้ในขณะที่โล่ขนาดใหญ่ปิดกั้นลมไม่ให้ปะทะกับร่างกายเขา โล่และปีกช่วยรักษาคาร์ลไว้ให้ปลอดภัย
คาร์ลมองไปรอบๆก่อนที่ดวงตาจะขยายกว้างขึ้นเมื่อสายตาไปปะทะกับมังกรดำเข้า
“ให้ตายเถอะ! เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
มังกรดำตัวน้อยไม่สามารถพูดอะไรกับคาร์ลได้เลย
(1) ตาพายุ คือบริเวณที่สภาพอากาศโดยส่วนมากสงบที่จุดศูนย์กลางของพายุหมุนเขตร้อนที่มีพลัง ตาของพายุมีลักษณะเป็นพื้นที่วงกลมอย่างคร่าว ๆ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางโดยปกติที่ 30–65 กม.