ตอนที่แล้วบทที่ 22 ตอบแทนบุญคุณ 2 (2) [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 23 ตอบแทนบุญคุณ 3 (2) [อ่านฟรี]

บทที่ 23 ตอบแทนบุญคุณ 3 (1) [อ่านฟรี]


 

บทที่ 23 ตอบแทนบุญคุณ 3 (1)

 

แน่นอนว่าคาร์ลวางแผนให้พวกเขามีความหวังใหม่โดยไม่เปิดเผยตัวตน มันเป็นสิ่งที่เขาเรียนรู้มาจากมังกร

‘เว้นแต่พระเจ้าของพวกเขาจะเป็นคนเปิดเผยตัวตนของฉันให้ทราบ ฉันมั่นใจว่าพวกเขาจะไม่รู้จักฉัน’

เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะรู้จักเกี่ยวกับตัวตนของคาร์ล มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดหรือไม่? เขาไม่อาจบอกได้แต่เขาควรเริ่มต้นทำทุกอย่างโดยไม่เปิดเผยตัวตนตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป

คาร์ลเดินเข้าไปยังซากหอคอยศิลา เขามีความรู้สึกว่าน้ำหนักที่กดทับในใจเขาเริ่มถูกยกออกไปบ้างแล้ว

เขาสามารถมองเห็นคนสวดอธิษฐานไปทั่วบริเวณนี้ก่อนที่ฮันส์จะเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับกระซิบเบาๆ

“....กระผมเพิ่งเห็นบุตรชายคนโตของมาร์ควิสสแตนขอรับนายน้อย...”

“เจ้าไปรู้จักเขาได้อย่างไร?”

คาร์ลรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ฮันส์ยิ้มก่อนชี้ไปที่ดวงตาของตนเอง

“แทบทุกข้อมูลเกี่ยวกับขุนนางอยู่ในหัวของกระผมทั้งหมดขอรับ...กระผมเห็นชายคนหนึ่งนั่งบนรถเข็นมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนนั่งรถเข็นเป็นคนอื่นได้....แต่....กระผมก็สามารถมองเห็นงูสีแดงที่เป็นตราประจำตระกูลติดอยู่ที่รถเข็นนั่นขอรับ”

“ฮันส์....”

“ขอรับ?”

“เจ้า...ฉลาดกว่าที่ข้าคิดไว้นะ”

“ขอบพระคุณขอรับ”

ฮันส์เชิดอกของตนขึ้นด้วยความรู้สึกพึงพอใจเมื่อจบการรายงานต่อนายน้อยของตนแล้วก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง

“นายน้อยวางแผนจะทำอะไรกับพวกเขาหรือขอรับ?”

คาร์ลรู้สึกว่าใบหน้าด้านซ้ายของตนร้อนขึ้นและหันหน้าไปยังด้านซ้ายที่มีเชวฮันยืนจ้องเขาอยู่ คาร์ลส่ายศีรษะของเขาช้าๆและตอบทั้งสองคน

“ไม่ต้องสนใจพวกเขา”

ทั้งสองพยักหน้าตอบรับโดยไม่พูดอะไร ก่อนที่คณะทัวร์ที่ประกอบไปด้วยคาร์ล เชวฮัน ฮันส์และลูกแมวทั้งสองจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ หลังจากเหลียวมองไปรอบๆคาร์ลก็ต้องตกใจกับลักษณะของหอคอยศิลาในซากปรักหักพังนี้

“พวกมันดู.......................”

คาร์ลดูเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่

“มันดูน่าเกลียดกว่าที่ข้าคาดไว้เสียอีก”

คาร์ลไม่ค่อยเข้าใจความหมายของสไตล์โบราณ เขาคิดว่าพวกมันจะเป็นกองหินวางกองๆกันไปแค่นั้นแต่หอคอยศิลากลับมีหลากรูปแบบในซากปรักหักพังนี้

พวกมันก็ดูน่าสนใจแต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ไม่ได้สวย คาร์ลเงยหน้ามองไปยังลูกแมวสองพี่น้องในอ้อมแขนของฮันส์ พวกมันดูเหมือนจะผิดหวังมากเช่นกัน

อย่างไรก็ตามยังมีบางคนที่ดูหนักกว่าที่คาร์ลคาดไว้ เชวฮันค่อยๆก้มศีรษะของเขาโค้งคำนับเหมือนคนอื่นที่กำลังอธิษฐานขอพรและดูเหมือนว่าเขาจะเริ่มอธิษฐานแล้วเช่นกัน

‘ฉันแน่ใจว่าเขากำลังอธิษฐานให้ได้กลับเกาหลีใต้’

เชวฮันโตมาในครอบครัวที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีซึ่งต่างจากคาร์ลและคิมร็อกโซมากนัก เขาโตมาในครอบครัวที่อบอุ่นและมองโลกในแง่ดีเสมอ นั่นเป็นเหตุผลที่เขายังเป็นคนที่มีความคิดที่ดีแม้จะเจอสถานการณ์ที่เลวร้ายมากเพียงใดก็ตาม

คาร์ลจ้องมองเชวฮันอย่างจริงจังก่อนที่เขาจะหันหน้ามาสบตากับตนและเอ่ยขึ้น

“มันมากมายเต็มไปหมด....”

“หืม...อะไร?”

“ข้ามีคำถามที่อยากจะถามท่านและมีบางสิ่งที่จะต้องรายงานให้ท่านทราบ”

คาร์ลเริ่มรู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้

“เริ่มจากคำถามของเจ้าก่อน”

เชวฮันดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขณะที่มองไปรอบๆซากปรักหักพังของหอหอยศิลาที่อยู่บริเวณลานกว้างนี้ก่อนจะเอ่ยคำถามขึ้น

“ท่านไม่ต้องการที่จะอธิษฐานอะไรเหรอ?”

‘แล้วมันเป็นเรื่องที่นายจำเป็นต้องรู้ด้วยหรือนี่?’

คาร์ลเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก

“ข้าไม่ค่อยชอบการอธิษฐานอะไรพวกนี้หรอกนะ”

“ทำไมล่ะ?”

“มันจะทำให้เจ้ามีความคาดหวังที่สูงขึ้น”

เชวฮัน ฮันส์และแม้แต่ลูกแมวทั้งสอง ต่างพร้อมใจหันมามองที่คาร์ลซึ่งตอนนี้เขากำลังมองไปที่ซากหอคอยศิลาแบบเดียวกับที่เชวฮันได้มองไปก่อนหน้าและเอ่ยต่อ

“ชีวิตมันจะง่ายกว่าหากเราไม่ต้องคาดหวังกับอะไร”

มันอาจจะเป็นเรื่องที่ดีหากคุณคาดหวังที่จะถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 5 และจบลงด้วยการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่4 แต่ถ้าคุณคาดหวังกับรางวัลที่ใหญ่กว่านั้นเช่นรางวัลที่ 1 แต่ผลจบลงด้วยการที่คุณถูกเพียงรางวัลที่ 4  มันก็นับเป็นเรื่องที่ทำให้คุณหงุดหงิดอารมณ์เสียได้เช่นกัน

แปะ! แปะ!

คาร์ลหันกลับไปมองเมื่อรู้สึกว่ามีคนแตะมาที่ไหล่ของตน เขาเห็นฮันส์กำลังส่งยิ้มให้ตนอยู่ที่และเอ่ยกับตนออกมา

“ใช่แล้วขอรับนายน้อย...ไม่มีสิ่งที่จะทำให้ความฝันหรือความหวังเป็นจริงได้ในโลกใบนี้”

“.......หยุดพูดเถอะ”

“เอ่อ....ข...ขอรับนายน้อย”

ฮันส์ตอบรับด้วยเสียงอันดังแต่ดูเหมือนเขาจะผิดหวังอยู่สักหน่อยก่อนจะเดินนำลูกแมวทั้งสองที่เดินตามหลังฮันส์อย่างช้าๆด้วยท่าทางสบายอารมณ์

เชวฮันเดินเข้ามาหาคาร์ลอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นฮันส์เดินห่างออกไปและพูดด้วยเสียงที่เบาลงเพื่อไม่ให้ฮันส์ได้ยินสิ่งที่เขาจะพูด

“มังกรได้เข้ามาในเมืองแล้ว”

“ไม่ต้องไปสนใจ”

“อ่า....ข้าเข้าใจแล้ว”

คาร์ลหันไปมองรอบๆเพื่อมองหามังกรหากว่ามันจะแอบมาดูเขาอยู่แต่เขาก็ไม่สามารถมองเห็นมัน เขาเห็นเพียงชาวเมืองที่สวดอธิษฐานจากหอคอยศิลาในลานกว้างนี้ วันที่จะจัดเทศกาลหอคอยศิลายังคงอยู่ห่างอีกหนึ่งสัปดาห์แต่ก็ยังมีผู้คนจำนวนมากอยู่ที่นี่ เขาค่อยๆละสายตาไปยังทิศทางตรงข้ามของที่ตั้งซากปรักหักพังเหล่านี้

พื้นที่ตรงนั้นมีขนาดใหญ่กว่าที่ตั้งซากหอคอยศิลาเป็นเท่าตัวโดยเป็นที่ดินของเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดของเมืองพัซเซิล ด้านหลังของที่ดินนี้เป็นภูเขาลูกเล็กๆตั้งอยู่และข้างในภูเขาลูกนี้อาจจะมีหลุมศพของชายชราที่มีอายุ 150 ปีตั้งอยู่ที่ไหนสักแห่งในภูเขานั่น

วันรุ่งขึ้น

คาร์ลต้องการเดินทางไปยังที่ตั้งหลุมศพของชายชราคนนี้ซึ่งเขาจะต้องสลัดคนอื่นๆหรือแม้แต่ลูกแมวสองพี่น้องที่เรียกร้องจะติดตามเขาไปให้ได้ แต่ต้องขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจหยุดการประท้วงนั้นทันทีเมื่อคาร์ลได้เลือกเพียงคนเดียวที่จะต้องเป็นคนติดตามเขาไป

“ข้าจะให้เชวฮันไปกับข้าเพียงคนเดียว”

เชวฮันคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้จึงทำให้คาร์ลเลือกเขาในการติดตามตนไปและนั่นทำให้รองหัวหน้าองครักษ์และฮันส์ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

รองหัวหน้าองครักษ์เพียงแค่ขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะขอตัวไปฝึกซ้อมเหล่าทหารองครักษ์ด้วยใบหน้าที่ผิดหวังก่อนที่เขาจะเรียกรวมพลในการฝึกซ้อมทันที หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินฮันส์เอ่ยบอกตน

“กระผมจะดูแลลูกแมวน้อยเองนะขอรับ”

คาร์ลหันหน้าหนีฮันส์ที่แสดงอาการตื่นเต้นดีใจที่ตนจะได้อยู่กับลูกแมวและมุ่งหน้าออกจากโรงแรมไปทันทีโดยมีเชวฮันเดินตามหลังเขามาไม่ห่าง

“วันนี้พวกเราจะไปทำอะไรบางอย่างกันอีกครั้งใช่หรือไม่?”

“อีกครั้ง?เดี๋ยวก็มีใครได้ยินที่เจ้าพูดหรอก”

เชวฮันไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก และคาร์ลก็ไม่ได้สนใจในตัวของเขาเช่นกัน ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังภูเขาที่อยู่พื้นที่กว้างใหญ่นั่นและพูดขึ้นในเวลาต่อมา

“ข้าต้องการไปที่ภูเขานั่น เจ้ารอข้าที่ทางขึ้นเข้าก็แล้วกัน”

“ข้าเข้าใจแล้ว”

เชวฮันไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก คาร์ลต้องการคนแบบนี้ เชวฮันเป็นคนที่ไม่เอ่ยคำถามใดๆเขาเป็นคนที่ยินยอมทำตามคำสั่งของคาร์ลแม้ว่าจะสงสัยในสิ่งที่คาร์ลทำก็ตาม อาจจะเป็นเพราะเชวฮันคิดว่าเขาสามารถจัดการสิ่งต่างๆตามที่เขาต้องการได้โดยง่ายหรืออาจจะเป็นเพราะเขามั่นใจว่าจะไม่เกิดอันตรายใดๆแม้ว่าคาร์ลจะให้ทำอะไรที่อันตรายมากเพียงใดก็ตาม

คาร์ลมาถึงภูเขาขนาดเล็กหลังจากเดินผ่านพื้นที่อันกว้างขวางนั้นมาแล้วก่อนที่หยุดก้าวต่อเมื่อได้ยินเชวฮันเรียกตน

“ท่านคาร์ล”

“มีอะไร?”

“พรุ่งนี้ข้าต้องออกเดินทางแล้ว”

“อืม...ข้ารู้แล้วเพราะข้าเป็นคนสั่งให้เจ้าไปเอง”

เชวฮันมองสบตากับคาร์ลที่ยืนอยู่ทางขึ้นภูเขาด้วยความกระวนกระวายใจ คาร์ลเป็นคนบอกกับเขาว่าคนแบบเขาสามารถปกป้องคุ้มครองผู้อื่นได้และเขาได้นึกถึงการคุ้มครองเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

“ข้าไม่มีข้อโต้แย้งใดกับสิ่งเหล่านั้นแต่ข้ามีบางอย่างที่อยากจะแจ้งให้ท่านทราบ”

การแจ้งเรื่องมังกรดำไม่ใช่สิ่งที่เชวฮันต้องการ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับมาสบตาคาร์ลอีกครั้งและมองผ่านไหล่ของคาร์ลไปยังต้นไม้ที่อยู่ใกล้ทางขึ้นภูเขา

“รอน.....เขาเป็นคนที่อันตราย”

คาร์ลชะงักไปครู่หนึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่มีสัญญาณเตือนใดๆให้เขารู้มาก่อน เขาควรแกล้งทำเป็นรู้หรือไม่รู้ดีในตอนนี้เขาต้องรีบตัดสินใจ?แต่ถึงจะได้ยินคำถามโดยไม่ทันตั้งตัว คาร์ลก็ยังมีที่ท่าสงบก่อนตอบกลับออกไป

“เป็นเช่นนั้นเหรอ?”

“ท่านไม่แปลกใจเหรอ?เขาเป็นคนที่มีกลิ่นสาปเลือดที่เป็นอันตรายและเขาเป็นคนที่แข็งแรงมากแม้ว่าเขาจะมีเลือดออกมาจากร่างกายมากเพียงใดก็ตาม.....ตอนแรกข้าคิดว่าท่านคาร์ลรู้เรื่องนี้แต่ข้าก็ยังเห็นว่าท่านให้เขาอยู่ข้างกายท่านเสมอ”

แต่ถ้าหากคาร์ลรู้เรื่องนี้เขาก็ต้องให้รอนคนที่มีความแข็งแกร่งเช่นนั้นมาช่วยในตอนที่เข้าไปช่วยชีวิตมังกรแต่เขาก็เลือกที่จะไม่ทำแบบนั้น ถ้าเป็นเช่นนี้ก็คงเป็นเพราะคาร์ลไม่ทราบถึงความแข็งแกร่งของรอนหรือว่าเขาไม่ไว้วางใจในตัวรอนแต่ก็ไม่มีทางที่คาร์ลจะไม่เชื่อใจคนที่รับใช้เขามาถึง 18 ปี

นั่นเป็นเหตุผลที่เชวฮันสรุปได้ว่าคาร์ลไม่รู้ถึงพลังอันแข็งแกร่งของรอนนั่นเอง

“แต่ไม่ว่าจะเป็นท่านคาร์ลหรือคนอื่นๆก็ดูจะไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของเขาเลยสักคน”

เชวฮันพยายามขบคิดถึงเรื่องนี้มาได้ระยะหนึ่งแล้ว และการที่คาร์ลพูดด้วยความจริงใจว่าเขาเป็นคนไม่มีความคาดหวังกับสิ่งใดทำให้เขาตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับรอนออกมา อย่างไรก็ตามความจริงที่ว่าคาร์ลเลือกให้รอนเป็นคนคุ้มครองตนในวันนี้ทำให้เขาอดรู้สึกผิดไม่ได้

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด