GE68 รักษาสตรีผู้งดงาม เหว่ยเหลียงผู้บริสุทธิ์ [ฟรี]
เมื่อหนิงฝานกล่าวเชิญ สตรีในอาภรณ์ขาวใบหน้าแดงก่ำ แต่สตรีในอาภรณ์แดงกลับแค่นเสียง
“ซัวหมิงผู้นี้กำลังวางแผนอันใด...”
แม้นางจะกล่าวเช่นนั้น แต่สายตาที่นางจ้องมองหนิงฝาน กลับไร้ซึ่งความเป็นปฏิปักษ์
แม้หนิงฝานจะจ้องมองพวกนางอย่างเกี้ยวพา แต่ก็มีความเป็นมิตร เมื่อสตรีอาภรณ์แดงสังเกตุเห็น นางจึงรู้ว่าหนิงฝานเป็นผู้ที่นี่หลักแหลม
ยามนี้ หนิงฝานดูไม่เหมือนผู้ที่จะล่อลวงพวกนาง เช่นนั้นนางจึงตัดสินใจเข้าไปดู เพราะนางสงสัยมากว่าหนิงฝานปรุงโอสถชนิดใด
สตรีอาภรณ์ขาวเขินอาย นางยังอยู่หน้าบ้าน
“พี่หงหง ท่านจะเข้าไปจริงๆหรือ... ข้ากลัว...” สตรีอาภรณ์ขาวรั้งสตรีอาภรณ์เดงไว้
“เจ้าจะกลัวอันใด มันไม่กินเจ้าหรอก... เมื่อครู่ใครใช้ให้เจ้าเรียกชื่อข้า!” สตรีอาภรณ์แดงเขกหัวสตรีอาภรณ์ขาวเบาๆ จากนั้นจึงพานางเข้าไปในบ้าน
ภายในห้องของหนิงฝานมีการจัดวางข้าวของสมกับเป็นบ้านของนักปรุงโอสถ ภายในนั้นมีกระถางโอสถ ขวดใส่โอสถ ทั้งหมดถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ต่างจากนิสัยที่บุรุษทั่วไป
สตรีอาภรณ์แดงขบคิด การที่บ้านของหนิงฝานสะอาดเป็นระเบียบ หมายความว่าเขาเป็นคนความพิถีพิถัน จิตใจหนักแน่น ทั้งยังเป็นผู้ที่เคร่งครัดในวินัย
แม้นางจะเห็นสายตาเย้าหยอกของหนิงฝาน แต่สตรีผู้กล้าแกร่งเช่นนางกลับไม่เลี่ยง ริมฝีปากสีโลหิตยกยิ้ม เพียงแต่มันไม่งดงามเพราะโลหิตที่ไหลออกจากปากของนาง ทำให้ดูน่าสะยดสยองมากกว่า
“รอยยิ้มของแม่นางหงหงช่างแตกต่างจากคนทั่วไป ข้าซัวหมิงพบเจอสตรีที่งดงามมานับไม่ถ้วน แต่กลับไม่เคยพบรอยยิ้มเช่นนี้ แม่นางทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตานัก”
คำกล่าวของหนิงฝานแสดงให้เห็นว่าไม่ได้รังเกียจพวกนาง สตรีอาภรณ์แดงจึงไม่โกรธ
ราวกับที่ผ่านมา ไม่เคยมีบุรุษผู้ใดเหย้าหยอกนางเฉกเช่นสตรีทั่วไป
แต่ไม่ได้หมายความว่านางจะยอมให้หนิงฝานเรียกขานชื่อของตน!
“ห้ามเรียกข้าว่า ‘หงหง’ ข้าอายุมากกว่าเจ้า! ให้เรียกข้าว่า ‘หนิงหงหง’!”
“แม่นางแซ่หนิง?” หนิงฝานตกตะลึง กลับกลายเป็นว่า สตรีในอาภรณ์แดงเป็นคนในตระกูลของเขา!
“มีอันใดแปลก... หรือเจ้าไม่พอใจแซ่ของข้า (ข้าจะใช้โซ่แทน 555+)!” นางกล่าวพลางชี้นิ้วไปที่หนิงฝานด้วยความขุ่นเคือง
“มิกล้า... ข้าซัวหมิงคิดว่าชื่อหงหงของแม่นางช่างไพเราะ... หนิงหงหง ‘สีแดงไร้เจือปน’ ช่างเหมาะกับแม่นางนัก”
คำเยินยอเกี้ยวพาของหนิงฝานทำให้นางมีความสุข แววตาที่นางจ้องมองหนิงฝานอ่อนโยนขึ้น
แต่เมื่อหนิงฝานหันมองสตรีอาภรณ์ขาว เขากลับขบขันนาง เพราะนางอายจนหน้าแดงก่ำ ราวกับนางเป็นหนิงหงหงที่ถูกชม
ยิ่งจ้องมองสตรีอาภรณ์ขาว หนิงฝานรู้สึกคุ้นเคยราวกับเคยพบนางที่ใดมาก่อน
‘ศพนางสวรรค์’!
หนิงฝานตกตะลึง เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุในสตรีอาภรณ์ขาวถึงดูคุ้นตานัก นั่นเพราะนางเหมือนกับสตรีที่อยู่ในโลงศพที่หนิงฝานเคยขัดเกลาผสานด้วย!
“หรือนางจะเป็นจิตวิญญาณของศพนางสวรรค์?”
“ไม่... ไม่ใช่... กลิ่นอายของนางไม่เหมือนกัน...” หนิงฝานขบคิดในใจ
หนิงฝานส่ายหัวขับไล่ความคิดแล้วยิ้มพลางกล่าวถามหนิงหงหง “แม่นางหงหง ไม่รู้ว่าแม่นางอาภรณ์ขาวผู้นี้มีนามว่าอันใด?”
“นางมีนามว่า...” ขณะที่หนิงหงหงจะกล่าว สตรีอาภรณ์ขาวกลับปิดปากนางเอาไว้
“ท่านพี่ ห้ามบอกเขา...”
“อืม ข้าไม่บอกเขาหรอกว่าเจ้ามีนามว่า ‘มู่เหว่ยเหลียง’...” หนิงหงหงยิ้มซุกซน
“อืม... ดีจริงๆที่ท่านไม่บอก” หลังจากกล่าวจบ สตรีอาภรณ์ขาวตัวสั่นเทาเล็กน้อย
หนิงฝานฟังสตรีทั้งสองนางพูดคุยพลางยิ้ม ตั้งแต่ก้าวเข้าสู้เส้นทางฝ่ายอธรรม นานแล้วที่หนิงฝานไม่ได้ยิ้มอย่างผ่อนคลายเช่นนี้
“มู่เหว่ยเหลียง... เป็นชื่อที่ดี ‘ชิงชังความอบอุ่น ชื่นชอบความเย็น’ ข้าชอบนัก”
คำกล่าวของหนิงฝานทำให้สตรีอาภรณ์ขาวอุทาน ดูราวกับนางไม่อยากเชื่อ
“เจ้า... เจ้ารู้ชื่อของข้าได้อย่างไร...”
‘เด็กโง่ย่อมเป็นเด็กโง่ นางช่างน่าสนใจนัก ทั้งน่ารัก ทั้งเขินอาย’
หนิงฝานคาดไม่ถึงว่าภูติผีทั้งสองนางนี้จะเกี่ยวพันกับชีวิตของเขา บางที การได้พานพบพวกนางอาจเป็นชะตาฟ้าลิขิต
หนิงหงหงเปลี่ยนเรื่องสนทนา นางก้มมองขวดที่หนิงฝานนำออกมา ลิ้นเลียริมฝีปากของตนเบาๆ
“ซัวหมิง เจ้าปรุงโอสถระดับใด!”
หนิงหงหงขยับเข้ามาใกล้หนิงฝาน นางได้กลิ่นของโอสถมากขึ้น กลิ่นหอมของมันทำให้บาดแผลของนางสมานตัวเร็วขึ้น
หนิงหงหงไม่มั่นใจว่าซัวหมิงผู้นี้จะปรุงโอสถผันแปรที่ 3 ได้!
นางพลางจ้องมองหนิงฝานอย่างเฝ้ารอ นางอยากรักษาแผลของตนให้หาย
“โอสถผันแปรที่ 3!”
มู่เหว่ยเหลียงอุทาน ดวงตาแดงฉานของหนิงหงหงเปล่งประกาย นางสะกดเพลิงปรารถนาในใจพลางกล่าวถาม “เป็น...โอสถชนิดใด?”
“โอสถเพิ่มโลหิต โอสถที่จะช่วยรักษาร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือภูติผีย่อมใช้โอสถชนิดได้... ข้าปรุงโอสถนี้เพื่อแม่นานหงหงโดยเฉพาะ...”
หนิงฝานไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ เพราะท่าทางของหนิงหงหงในยามนี้ ดูราวกับนางต้องทนกับความปรารถนาของตนอย่างที่สุด หากไม่กล่าวว่าปรุงโอสถเพื่อนาง นางคงลงมือช่วงชิง
เพราะยามนี้ คำว่า ‘ปรารถนา’ ปรากฏอยู่บนสีหน้าของนางอย่างชัดเจน
“ให้ข้า? เพราะเหตใด...” นางตกตะลึงพลางจ้องมองหนิงฝานด้วยความสงสัย เมื่อครู่นางคิดจะลงมือช่วงชิง แต่ยามนี้กลับเปลี่ยนใจ
เพราะหนิงฝานวางโอสถลงบนฝ่ามือของนางแล้ว
“และนี่...ของแม่นางเหว่ยเหลียง!”
หนิงฝานนำขวดโอสถอีกขวดในกระเป๋าออกมา ในนั้นมีโอสถรักษาเนตรอยู่ 2 เม็ด เขาประครองมือนางแล้ววางโอสถไว้
หนิงฝานหวนนึกถึงค่ำคืนที่ร่วมรักกับศพนางสวรรค์ ค่ำคืนที่มีความสุขนั้น...
แต่สำหรับนางแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกบุรุษสัมผัสกาย นางเขินอายอย่างที่สุด นางกล่าวไม่ออก ร่างกายสั่นเทากระทั่งลืมเลือนทุกสิ่ง
เมื่อหนิงฝานปล่อยมือนาง นางคืนสติและกล่าวเบาๆ
“เจ้าอย่าได้เรียกนามของข้าตรงๆ... มันไม่ดี...”
“ย่อมได้...เหว่ยเหลียง”
“อืม... ขอบคุณ”
สตรีผู้โง่เขลาเช่นนาง ไม่รู้ตัวเลยว่าหนิงฝานยังคงเรียกชื่อของนางอยู่
หนิงฝานมอบโอสถให้สตรีทั้งสองโดยไม่อธิบาย เขาค้นหาบางสิ่งในกระเป๋าแล้วนำออกมาวางไว้บนโต๊ะ
มันคือพิษชั้นดี แต่ในยามนั้น หนิงหงหงอดถามหนิงฝานไม่ได้
“เจ้ามอบโอสถให้พวกข้าเพราะเหตุใด? แล้วที่เจ้านำพิษออกมา เจ้าจะทำอันใด? หรือเจ้าจะสังหารพวกข้าด้วยพิษ!”
“แม่นางเคยเห็นศัตรูใช้พิษชนิดนี้หรือ? แต่...เราสองไม่ใช่ศัตรู ที่ข้านำมันออกมาก็เพราะต้องการปลดผนึกให้”
“ปลดผนึกพวกข้า? เจ้ามาที่เผ่าครามด้วยเหตุใด!?” นางรู้ว่าหนิงฝานไม่ได้โกหก แต่หนิงฝานและนางไม่ได้เกี่ยวพัน จึงเป็นไปไม่ได้ที่หนิงฝานจะช่วยพวกนางโดยไม่หวังผล
ยิ่งรูปลักษณ์เรือนร่างของพวกนางในยามนี้ยิ่งเป็นไม่ได้ เพราะนางและมู่เหว่ยเหลียงไม่ได้งดงามดังก่อน
หากไม่ใช่เพื่อราคะ เช่นนั้นเพราะเหตุใด?
นางเป็นคนตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม หนิงฝานเข้าใจนิสัยนางดี จึงไม่ได้ปิดบังแผนการ
“ข้าตั้งใจจะช่วยแม่นางทั้งสองปลดพันธะภูติผีทาส เพื่อให้แม่นางทั้งสองช่วยข้า!”
หนิงฝานยิ้ม เขารู้ว่าเจตนาดีในครั้งนี้ จะทำให้หนิงหงหงไม่ปฏิเสธ
“ต้องดูว่าเจ้าจะให้พวกข้าช่วยเหลือสิ่งใด... หากการปลดพันธะภูติผีทาสทำให้พวกข้าต้องตาย พวกข้าขอเป็นภูติผีทาสเช่นนี้ต่อไปดีกว่า”
สีหน้าของหนิงหงหงดูเคร่งเครียดจริงจัง ราวกับครุ่นคิดอย่างหนัก
“ข้าเพียงต้องการชิงบางสิ่งของเผ่าคราม ไม่ได้ตั้งใจก่อเรื่องร้ายแรง ข้าต้องการให้แม่นางทั้งสองช่วยให้ข้าออกจากที่นี่ยามราตรี แม้ตัวข้าจะต้องตาย แต่เรื่องราวจะไม่สาวมาถึงแม่นางทั้งสองแน่นอน” หนิงฝานกล่าวตอบ
“ให้เจ้าออกจากที่นี่ยามราตรี... แม้สิ่งที่เจ้าขอจะขัดต่อกฏของเผ่า แต่ก็ไม่ได้ผิดมากนัก... เรื่องเล็กแค่นี้ข้าจะช่วยเอง! เจ้าช่วยข้ารักษาแผลเถอะ แผลเหล่านี้ทำให้ข้าเจ็บปวดทุกวันคืน”
นางผ่อนคลายและไม่กล่าวถามสิ่งที่หนิงฝานจะไปช่วงชิง เพราะแต่ละคนย่อมมีความลับเป็นของตน
ต่อให้ถามหนิงฝานก็ไม่บอก! ที่สำคัญ ซัวหมิงผู้นี้คงไม่สร้างเรื่องราวใหญ่โตในเผ่า...
หากเทียบเรื่องการปรุงโอสถ หนิงหงหงนับถือหนิงฝาน แต่หากเทียบเรื่องพลัง แค่ยกมือนางก็สังหารหนิงฝานได้แล้ว
นางอยากรักษาอาการบาดเจ็บของตน ส่วนมู่เหว่ยเหลียงก็อยากรักษาดวงตา
เมื่อเห็นพวกนางเตรียมพร้อม หนิงฝานก็เริ่มพับแขนอาภรณ์ จัดแจงที่นอนให้พร้อมสรรพ จากนั้นกล่าวกับสตรีทั้งสองนาง
“ก่อนจะรักษา ข้าจะจำเป็นต้องบอกสิ่งที่แม้นางทั้งสองต้องทำ... เหว่ยเหลียงนอนตรงนี้ ส่วนหงหงต้องปลดอาภรณ์ท่อนล่าง แต่วางใจเถอะ ข้าไม่แอบดูแน่นอน”
แม้คำกล่าวของหนิงฝานจะดูราวกับหยอกล้อ แต่จริงๆกลับมีเหตุผล เพราะมู่เหว่ยเหลียงบาดเจ็บเพียงที่ดวงตา แต่สำหรับหนิงหงหง ร้ายแรงกว่ามาก
ทั้งตำแหน่งที่บาดเจ็บหนักที่สุด...ยังเป็นอวัยวะเพศของนาง!
“พี่หงหง ท่านวางใจเถอะ ซัวหมิงผู้นี้ไม่แอบดูท่านหรอก ท่านรีบปลดอาภรณ์เถอะ”
มู่เหว่ยเหลียงยิ้มอย่างบริสุทธิ์ นางช่วยหนิงฝานเกลี้ยกล่อมหนิงหงหง
‘หากไม่ดูแล้วจะรักษาแผลได้อย่างไร! ฮึ่ม! คำกล่าวนี้หลอกลวงได้เพียงเด็กโง่เขลาเช่นมู่เหว่ยหลงเท่านั้น... แต่ช่างเถอะ ถือว่าเจ้าไม่เห็นส่วนอื่นของร่างกายข้า’
หนิงหงหงขบฟันเบาๆและเริ่มปลดกระโปรงของนางออก เผยให้เห็นอวัยวะเพศของนางอย่างชัดเจน
“เร่งมือเถอะ...” นางนอนลงบนที่นอน ใบหน้าแดงก่ำและเห่อร้อนด้วยความอาย...