บทที่ 22 ตอบแทนบุญคุณ 2 (2) [อ่านฟรี]
บทที่ 22 ตอบแทนบุญคุณ 2 (2)
“ตายแล้ว....แมวน้อยที่น่ารักของข้า...เดี๋ยวข้าไปหาขนมแสนอร่อยมาให้พวกเจ้านะ! นายน้อยกระผมขอตัวไปหาอะไรให้พวกเขาทานก่อนนะขอรับ?”
“อืม...ตัวเจ้าก็ไปพักผ่อนได้แล้วล่ะ”
“กระผมจะรีบกลับมาขอรับหากมีอะไรขาดเหลือ...”
ฮันส์แจ้งว่าเขาจะรีบกลับมาหากมีอะไรขาดเหลือถึงแม้ว่าเขาจะมั่นใจว่าเขาเตรียมข้าวของทุกอย่างให้แก่นายน้อยเรียบร้อยแล้วก็ตามก่อนจะมุ่งหน้าออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
“รอน เจ้าก็ควรจะไปพักเช่นกัน”
รอนยังคงอยู่ในห้องและหันมามองเขาด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน
‘รู้สึกไม่ค่อยดีเลย.....’
คาร์ลเกลียดรอยยิ้มแบบนี้ของรอนนัก รอยยิ้มของเขาทำให้คาร์ลรู้สึกอึดอัดกว่าปกติก่อนที่รอนจะเดินเข้ามาใกล้โซฟาที่คาร์ลนั่งอยู่และเอ่ยถามขึ้น
“ท่านเชวฮันจะออกจากที่นี่ในอีกสองวันหรือขอรับ?”
“อืม.....”
คาร์ลเริ่มยิ้มออกมาได้จากคำถามของรอน
“ทำไม? เจ้าไม่อยากให้เขาไป? หรือเจ้าต้องการจะไปกับหมอนั่นด้วย?”
รอยยิ้มของรอนเพิ่มความอ่อนโยนขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เขารู้สึกถึงมันได้
“ทำไมกระผมต้องทำเช่นนั้นด้วยขอรับ? กระผมจะทิ้งนายน้อยได้เช่นไร? รอนคนนี้..อยากอยู่เคียงข้างนายน้อยเสมอ”
ประโยคนี้ของรอนทำให้คาร์ลรู้สึกขนลุกชันขึ้นมาทันที
“เพียงแต่มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ท่านเชวฮันจะไม่ได้ร่วมทางกับเราจนถึงเมืองหลวง กระผมคงต้องคุยกับเขาให้มากยิ่งขึ้นก่อนที่เขาจะจากไปและบารอคคงจะรู้สึกเศร้ามากที่จะไม่ได้เห็นเขาอีก”
คาร์ลรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคที่เหลือของรอน เขาไม่ค่อยอยากจะสนใจเรื่องนี้มากนักเพราะมันน่ารำคาญแต่เขาก็ยินดีที่มิตรภาพของรอน เชวฮันและบารอคได้พัฒนาขึ้นมาบ้างแล้ว
การแสดงออกของเชวฮันค่อนข้างอ่านยากแต่คาร์ลพอเดาออกว่าถ้าเชวฮันเกลียดใครเขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือพูดคุยอะไรด้วยเลย คาร์ลคิดถึงแผนการของเขาก่อนจะยกยิ้มด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ไม่หรอก เดี๋ยวก็ได้พบกันอีกครั้งที่เมืองหลวง พวกเจ้าก็ค่อยไปเที่ยวด้วยกันได้นี่”
‘หรือพวกเจ้าทั้งสามคนสามารถออกจากที่นี่ไปยังอาณาจักรของโรสลินได้นะ.เจ้าคิดว่ามันเป็นอย่างไร?มันยอดเยี่ยมมากใช่หรือไม่?’
แน่นอนว่าคาร์ลไม่ได้พูดเรื่องนี้ออกมาเพียงแค่ส่งยิ้มให้รอนเท่านั้นส่วนตาแก่รอนก็ยังคงส่งยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนเหมือนเดิม
“กระผมรอคอยที่จะได้พบท่านเชวฮันในเมืองหลวงยิ่งนักและตาแก่คนนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะเดินทางปลอดภัยจนถึงเมืองหลวง”
คาร์ลไม่ได้เชื่อถือกับสิ่งที่รอนพูดมากนัก ‘รอคอย’หรือแม้กระทั่ง ‘อยากให้ทุกคนปลอดภัย’ความรู้สึกเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับตาแก่คนนี้ได้อย่างไร
“ฮึ!”ลูกแมวทั้งสองส่งเสียงผ่านจมูกเบาๆเมื่อจ้องไปที่รอน ออนและฮงรู้สึกหงุดหงิดและรำคาญเป็นอย่างมากที่รอนพยายามสอนทักษะการลอบสังหารให้พวกมันลับหลังคาร์ล
“........ตอนนี้เจ้าก็ออกไปได้แล้วล่ะ”
คาร์ลสามารถไล่รอนออกไปจากห้องได้อย่างง่ายดาย
“ฮันส์ขี้โกหก!”
“ข้าจะไม่ไว้ใจพ่อบ้านคนนี้อีกแล้ว!”
สองพี่น้องได้ระบายความโกรธของพวกเขาทันที คาร์ลไม่ได้สนใจพวกมันก่อนมองออกไปนอกหน้าต่างห้อง
คาร์ลกำลังจ้องไปยังทิศที่ตั้งของถ้ำที่อยู่หัวมุมของเมืองพัซเซิล ถ้ำแห่งนี้เป็นที่ตั้งของหอคอยศิลาที่ยังสร้างไม่สมบูรณ์และพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ ‘พละกำลังแห่งดวงใจ’ และถ้ำแห่งนี้ควรมีบ้านหลังเล็กๆอยู่ด้วย
‘มันเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อที่เขาอาศัยอยู่ที่นั่นจนกระทั่งเขามีอายุได้ 150 ปี’
นี่เป็นพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่เกิดจากการถูกทิ้งให้ตายเพียงลำพังด้วยโรคชราและผู้ล่วงลับคนนี้คิดว่าพลังของเขาคือคำสาป คาร์ลลุกขึ้นจากที่นั่งก่อนจะจัดเสื้อผ้าของตนให้เรียบร้อยพร้อมกับเปิดประตูห้องออกไป
“โอ้...ตายแล้ว”
เป็นฮันส์ที่อยู่หน้าประตู เขามองเห็นรองหัวหน้าพ่อบ้านที่รีบวิ่งกลับมาหาเขาก่อนที่จะก้มมองแขนที่กระตุกด้วยความตกใจก่อนที่คาร์ลจะเอ่ยขึ้น
“ไปดูหอคอยศิลากันเถอะ”
ใบหูของลูกแมวทั้งสองเริ่มลู่ตกลงก่อนจะพากันวิ่งไปหาฮันส์เหมือนกับไม่ได้โกรธเคืองเขาแต่อย่างใดก่อนที่เขาจะตัดสินใจเลือกคนที่จะไปกับเขาในทันที
“จะมีพวกเราและเชวฮันที่ไปด้วย...อ้อ...เอาออนกับฮงไปกับเจ้าด้วย”
มนุษย์ที่เสียชีวิตลงเมื่อเขาอายุได้ 150 ปีต้องการที่จะสร้างหอคอยศิลาในถ้ำที่ขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางของการเกิดพายุแห่งนี้
‘เมื่อก่อนมันอาจเป็นป่าแต่ตอนนี้มันเป็นเพียงลม?’
ใจกลางของถ้ำจะมีพายุเฮอร์ริเคนซึ่งดูเหมือนจะปรากฏออกมาจากที่ใดสักที่ในถ้ำแห่งนี้ชายชราได้ใช้เวลากว่า 100 ปีในการสร้างหอคอยศิลาท่ามกลางพายุเฮอร์ริเคนที่อยู่ที่นั่น อย่างไรก็ตามเขาก็ทำไม่สำเร็จ
ชายชรามักจะทำลายหอคอยศิลาทุกครั้งเมื่อเขาสร้างมันใกล้จะเสร็จ เมื่อทำลายแล้วก็สร้างขึ้นมาใหม่เขาทำเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนจบชีวิตลงในวันที่สร้างหอคอยศิลาได้เพียงครึ่งทาง
ความต้องการที่จะทำเช่นนี้ของชายชราคืออะไร? คาร์ลไม่ได้สนใจ เขาเพิ่งคิดที่จะวางแผนอย่างรอบคอบเพื่อมองหาบางอย่างเมื่อเดินทางไปถึงซากปรักหักพังของหอคอยศิลาในวันนี้
‘บางทีฉันอาจจะทำมันได้ดีถ้าจะสร้างมันขึ้นมา’
ตั้งแต่ที่เขาจะทำเช่นนั้นเขาก็ต้องการทำให้มันดูดี เขาต้องสนใจกับบางคนที่อาจพบเจอในกรณีที่เขาไปยังซากปรักหักพังของหอคอยศิลา
ใช้เวลาไม่นาน คาร์ล ลูกแมวทั้งสองตัว เชวฮันและฮันส์ก็เดินทางมาถึงทางเข้าซากปรักหักพังของหอคอยศิลา พวกเขาไม่ได้นำรถม้าที่มีสัญลักษณ์เต่าทองที่บ่งบอกความเป็นคนในตระกูลเฮนิตัสและคาร์ลก็สวมหมวกปิดบังใบหน้าโดยอ้างว่าตนไม่ชอบแสงแดด
‘พวกเขายังอยู่ที่นี่กันจริงๆด้วย’
คาร์ลสามารถหาคนที่เขากำลังมองหาได้ทันทีที่ย่างกรายเข้าไปยังซากปรักหักพังของหอคอยศิลา คาร์ลแอบซ่อนอยู่ด้านหลังของเชวฮันและฮันส์
ห่างจากที่พวกเขาอยู่ไม่ไกลนักมีชายหญิงสองคนแต่งตัวด้วยชุดที่สบายๆ ชายคนนั้นนั่งอยู่บนรถเข็นโดยมีผู้หญิงเป็นคนผลักรถเข็นให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้า พวกเขาทั้งสองกำลังมุ่งหน้าออกไปจากซากหอคอยศิลานี้
พวกเขาไม่ได้สังเกตท่าทางที่ลับๆล่อๆของคาร์ล และค่อยๆเดินออกจากซากของหอคอยศิลาไปช้าๆชายคนนั้นหันหน้ากลับมามองผู้หญิงก่อนเอ่ยถามขึ้น
“ทำไมวันนี้เจ้าถึงอยากมาที่นี่หรือ?”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน...ถ้ามันคือข้อความจากพระเจ้าหรือเรื่องไร้สาระก็ตามแต่ข้าฝันเหมือนเดิมมาสองวันแล้วและนั่นทำให้ข้าอยากมาที่นี่ ในฝันบอกว่าพวกเราจะได้เจอผู้มีพระคุณถ้าเรามาที่นี่.....บางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้แต่พระเจ้าก็ยังไม่ทราบว่าผู้มีพระคุณจะทำอะไรแต่ความจริงที่ว่าผู้มีพระคุณจะปรากฏตัวขึ้นมาในวันนี้”
“มีแม้กระทั่งคนที่พระเจ้าก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้ด้วยหรือ?”
“ใครจะรู้?ครึ่งหนึ่งอาจเป็นจริงอย่างที่พระเจ้าบอกแต่อีกครึ่งอาจเป็นเรื่องไร้สาระก็ได้”
ผู้หญิงที่มีผมสีน้ำตาลสั้นระบายความหงุดหงิดออกมา
“เรื่องไร้สาระ? มันคือข้อความจากพระเจ้านี่...อ้อ...แล้วเจ้าไปได้ยินความลับจากพระเจ้าได้อย่างไร?”
คนที่มีปฏิกิริยาตอบรับที่งุนงงอยู่นี้เขาคือบุตรชายคนโตของมาร์คควิสสแตน ‘เทย์เลอร์ สแตน’
“ข้าไม่เหมือนนักบวชคนอื่นๆในเมืองพัซเซิลหรอกนะและใครจะสนใจข้อความจากพระเจ้ากัน?พระเจ้าเลี้ยงดูพวกเราหรือไง?จะมีผู้มีพระคุณมาช่วยเหลือคนเช่นเราได้อย่างไร?แน่นอนว่ามันต้องเป็นเรื่องโกหก...เอ้า!...ข้าหิวแล้ว...เราไปหาอะไรกินกันเถอะ”
ผู้หญิงที่มีท่าทีที่หงุดหงิดอยู่นี้คือเพื่อนสนิทของเทย์เลอร์ เธอมีชื่อว่า ‘เคจ’ผู้หญิงที่ถูกเรียกว่านักบวชหญิงผู้บ้าคลั่ง เทย์เลอร์มองไปที่เคจด้วยท่าทางที่เคร่งเครียดกว่าเดิม
“เคจ...ข้ารู้สึกเหมือนอยากดื่มเบียร์”
“จริงเหรอ? ข้าก็อยากกินหมูรมควันเช่นกัน”
พวกเขาละสายตาไปที่อื่นด้วยท่าทีที่เคร่งเครียด เทย์เลอร์ชี้นิ้วไปข้างหน้าก่อนเอ่ยอย่างจริงจัง
“มันเป็นส่วนผสมที่ลงตัวได้อย่างยอดเยี่ยม ไปกันเถอะ!ผลักมัน!เร็วเข้า !มันจะเป็นการรักษาที่ยอดเยี่ยมสำหรับข้า”
“ตายแล้ว....การรักษาที่ยอดเยี่ยมของเจ้าเช่นนั้นเหรอ? มา! นักบวชหญิงคนนี้จะทำให้ดีที่สุดเพื่อพาเจ้าไปรักษาที่นั่น”
ทั้งสองคนเริ่มหัวเราะขึ้นเมื่อพวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวช้าๆออกไปจากที่นี่
คาร์ลไม่ได้ยินเสียงการสนทนาของคนทั้งคู่เพราะพวกเขาอยู่ห่างกันมาก แต่เขากำลังพยายามอย่างเต็มที่ในการจดจำใบหน้าของทั้งสองคนที่ยังคงหัวเราะกันอย่างสนุกสนานท่ามกลางสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้
‘ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าพวกเขาหน้าตาเป็นอย่างไรและฉันต้องแน่ใจว่าจะเลี่ยงพวกเขาได้’
เนื่องจากคนทั้งคู่ไม่ทราบว่าคาร์ลเป็นใคร เขาจึงต้องทำให้แน่ใจว่าจะสามารถหลีกเลี่ยงสองคนนั้นได้ในอนาคต